เอเชียทีค – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 16 Feb 2023 11:10:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เอเชียทีค” ลงทุน 800 ล้านรีโนเวตพื้นที่ให้เที่ยวได้ “ทั้งวัน” จับมือ Disney สร้างกิจกรรมดึง “คนไทย” https://positioningmag.com/1419413 Wed, 15 Feb 2023 11:50:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1419413
  • “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” ครบรอบ 10 ปี ขึ้นทศวรรษใหม่ด้วยแผนลงทุน 800 ล้านบาท ปรับปรุงครั้งใหญ่สร้างเดสติเนชันที่เที่ยวได้ “ทั้งวัน” เป้าหมายหลังโควิด-19 ดึงทั้งต่างชาติและ “คนไทย”
  • ไฮไลต์กิจกรรมแม่เหล็กใหม่ “Disney 100 Village” จัดโซนถ่ายภาพและรับประสบการณ์จากคาแรกเตอร์ที่ทุกคนชื่นชอบ
  • แผนระยะยาวในทศวรรษนี้ เตรียมงบลงทุนเฟส 2 ต่อขยาย 10 ไร่ ขึ้นโครงการมิกซ์ยูสอาคารสูง 100 ชั้น
  • หลังผ่านสถานการณ์โควิด-19 “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” จะปรับเป้าหมายใหม่ จัดสมดุลทราฟฟิกมาจากทั้งชาวต่างชาติและ “คนไทย” จากในอดีตที่นี่เคยเป็นเดสติเนชันของต่างชาติเป็นหลัก 90% โดยเฉพาะชาวจีนที่นิยมมาก

    เมื่อจะปรับใหม่สู่ทศวรรษใหม่ของเอเชียทีค “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดแผนการลงทุน 800 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงพื้นที่ให้ตรงกับเป้าหมายทั้งคนไทยและต่างชาติมากขึ้น

    “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC

    โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่จะลงทุนกับการปรับโครงสร้างพื้นฐานให้เอเชียทีคเป็นจุดหมายที่มาได้แบบ “ALL DAY, EVERYDAY” จะมีการสร้างหลังคาบังแดดบังฝน ปรับเลย์เอาท์การวางแนวร้านค้าให้ทางเดินรับลมจากแม่น้ำ เสริมต้นไม้-ดอกไม้ในพื้นที่ ให้ลุคใหม่ที่สดชื่นขึ้น เพื่อให้สามารถมาเที่ยวชมในช่วงกลางวันได้ด้วย และเอเชียทีคจะปรับเวลาเปิดปิดใหม่เป็น 10:00-24:00 น. จากปกติร้านค้าจะเริ่มเปิดราว 16:00 น.

     

    ดึงคนด้วยกิจกรรม อาหาร และตลาดนัดไลฟ์สไตล์

    หลังปรับพื้นที่ให้พร้อมแล้ว เอเชียทีคจะมีองค์ประกอบใหม่เพิ่มเข้ามา แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

    1.กิจกรรม-จุดท่องเที่ยวใหม่

    แต่เดิมเอเชียทีคมีจุดท่องเที่ยวอยู่แล้วคือ ชิงช้าสวรรค์เอเชียทีค สกาย, ม้าหมุน, บ้านผีสิง และโรงจัดการแสดงคาลิปโซ่ แต่หลังจากนี้จะเติมกิจกรรมใหม่เข้ามาอีกโดยเน้นระดับ Global Partner เริ่มต้นจากเดือนมีนาคมนี้จะเปิด “Disney 100 Village” เป็น pop-up attraction นำตัวละครและประสบการณ์จาก Disney เข้ามาจัดกิจกรรม

    รวมถึงกิจกรรม Trashpresso จากมิลาน อิตาลี ซึ่งเป็นเครื่องผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่จากขยะพลาสติกอัตโนมัติ เช่น จานรองแก้ว พวงกุญแจ

    2.ร้านอาหารและเครื่องดื่ม

    จะเพิ่มโซน “อาหารท้องถิ่น” ลักษณะเป็น Co-Dining มีบูธร้านอาหารท้องถิ่นไทยชื่อดังมาออกร้าน และมีที่นั่งรวมส่วนกลาง แตกต่างจากที่ผ่านมาเอเชียทีคจะมีร้านอาหารแยกเป็นร้านๆ และเป็นร้านขนาดใหญ่

    3.ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ต

    เปิดพื้นที่ใหม่บริเวณเอเชียทีค สกาย จัดเป็น “ตลาดนัดตกแต่งพิเศษ” หมุนเวียนอิงตามเทศกาล เช่น สงกรานต์ หรืออิงตามธีมความนิยม เช่น Pet Market, ของแต่งบ้าน, งานศิลปะ ของทำมือ เป็นต้น ร้านค้าในงานจะเปิดรับผู้เช่ารายย่อยที่ตรงกับธีมเข้ามาเปิดจำหน่าย

    นอกจากนี้ เอเชียทีคยังมีผู้เช่ารายใหญ่รายใหม่คือ บิ๊กซี (Big C) จะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตพื้นที่ 2,000 ตร.ม. ซึ่งจะมีโซนของฝาก ของที่ระลึก ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติด้วย

     

    Disney แม่เหล็กดึงกลุ่มครอบครัว

    แม่เหล็กสำคัญที่จะสร้างความฮือฮาคือ Disney 100 Village ซึ่งจะเปิดบริการช่วงวันที่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2566 ลักษณะไม่ใช่ธีมปาร์คสวนสนุกขนาดใหญ่ แต่จะเป็นการจัดพื้นที่ถ่ายภาพร่วมกับคาแรกเตอร์ และกิจกรรมพิเศษแบบ pop-up event เน้นการมารับประสบการณ์จากการ์ตูนหรือภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ

    รูปโปรโมตเบื้องต้นของงาน Disney 100 Village

    เท่าที่เปิดเผยได้ขณะนี้ Disney 100 Village จะมี 6 โซน ได้แก่

    1.Frozen Zone (*) บริเวณ Warehouse 4 หน้าหอนาฬิกา คล้ายกับที่เคยมีการจัดอีเวนต์ในไต้หวัน

    2.Marvel Zone (*) บริเวณเกือบถึงพื้นที่ริมน้ำ เป็นการสร้างประสบการณ์จากภาพยนตร์ Marvel แตกต่างจากที่เคยจัดในไทยที่จะอิงจากหนังสือการ์ตูน

    3.Princess Garden Zone (*) ธีมเจ้าหญิงดิสนีย์ Enchanted Ever After

    4.Disney 100 Zone บริเวณ Main Corridor รวมคาแรกเตอร์และฉากจากเรื่องต่างๆ เช่น Toy Story, Lion King

    5.Star Wars Zone บริเวณ Warehouse 10 โดยจะมีกิจกรรมประสบการณ์ใหม่

    6.Pixar Putt Zone ตีมินิกอล์ฟ 18 หลุมริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    สำหรับโซนที่มี (*) คือโซนที่จะต้องซื้อตั๋วเข้าชมและจะเริ่มเปิดจำหน่ายบัตรวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนโซนอื่นๆ นั้นสามารถเข้าชมได้ฟรี

    กิจกรรมจาก Disney ถือเป็นโซนที่จะช่วยดึงกลุ่มครอบครัวได้เป็นอย่างดี และจะเป็นบริเวณที่มาได้ทั้งกลางวันกลางคืน ตอบโจทย์การปรับเวลาของเอเชียทีคให้มาเที่ยวได้ทั้งวัน

    เอเชียทีค

    เป้าหมายการปรับครั้งนี้ วัลลภาเชื่อว่าจะทำให้เอเชียทีคมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นในอนาคต ในวันธรรมดาเพิ่มเป็น 50,000 คนต่อวัน และวันเสาร์-อาทิตย์เพิ่มเป็น 80,000 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด-19 ประมาณ 60%

    รวมถึงเป็นการปรับสัดส่วนลูกค้า จากเดิมมีต่างชาติถึง 90% เป้าหมายใหม่จะทำให้มีลูกค้าไทย 50% และลูกค้าต่างชาติ 50% โดยในครึ่งปีแรกยังมองลูกค้ากลุ่มเกาหลีใต้, สิงคโปร์, ฮ่องกง รวมถึงประเทศกลุ่มเอเชียอื่นๆ ก่อน เนื่องจากทัวร์จีนแผ่นดินใหญ่คาดว่าจะเริ่มคึกคักในช่วงครึ่งปีหลัง

     

    ทศวรรษนี้มาแน่ “อาคารสูง 100 ชั้น” แลนด์มาร์กใหม่

    วัลลภากล่าวต่อถึงแผนงานในทศวรรษที่สองของเอเชียทีค จะมีการขยายพื้นที่ที่ยังเหลืออยู่ จากเฟส 1 ที่ใช้พื้นที่ไปแล้วกว่า 40 ไร่ เฟส 2 จะมีการขยายพื้นที่อีก 10 ไร่ซึ่งเป็นที่ดินติดกันกับที่ดินเดิม

    เฟส 2 นี้เบื้องต้นมีการอนุมัติงบลงทุนแล้ว 2,000 ล้านบาทเพื่อขยายพื้นที่ตามคอนเซปต์ “Retailtainment” พื้นที่ค้าปลีกผสานความบันเทิง

    รวมถึงโครงการอาคาร “มิกซ์ยูส” สูง 100 ชั้น AWC ยังคงเดินหน้าการออกแบบ แต่มีการปรับเปลี่ยนแบบใหม่หลังผ่านโควิด-19 เปลี่ยนให้มีองค์ประกอบการเป็นอาคารพลังงานสะอาดโดยใช้พลังงานลม ยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรบริษัทออกแบบระดับโลก Adrian Smith + Gordon Gill Architecture ซึ่งเป็นผู้ออกแบบตึกเบิร์จ คาลิฟะ ในดูไบ

    อาคารหลังนี้ส่วนประกอบใหญ่ภายในจะเป็น “โรงแรม” โดยมีพันธมิตรเชนโรงแรมเข้ามาบริหาร 3 แบรนด์ คือ The Ritz Carlton Reserve, Autograph Collection และ JW Marriott

    วัลลภากล่าวว่าโครงการอาคาร 100 ชั้นยังไม่สรุปงบลงทุน แต่ต้องการจะให้ก่อสร้างเสร็จภายในปี 2576 หรือครบรอบ 20 ปีเอเชียทีค

    AWC ยังมีที่ดินส่วนขยายของเอเชียทีคได้อีกคือ ที่ดินขนาด 28 ไร่ บริเวณตรงข้ามถนนเจริญกรุง ปัจจุบันเป็นที่จอดรถ วางแผนว่าในอนาคตจะเป็นศูนย์รวมเวลเนส และอีกแปลงหนึ่งคือแปลงฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ บนถนนเจริญนคร พื้นที่ 29 ไร่ ที่ยังรอการออกแบบพัฒนา

    ]]>
    1419413
    นับถอยหลัง “ไอคอนสยาม” ศึกค้าปลีกโค้งน้ำเจ้าพระยา https://positioningmag.com/1176035 Tue, 26 Jun 2018 23:00:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1176035 นับถอยหลังอีกไม่กี่เดือน อภิมหาโครงการไอคอนสยามของกลุ่มร่วมทุน 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ คือ สยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (ในเครือซีพี) จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ พร้อม ๆ กับการเริ่มต้นลุยสมรภูมิค้าปลีกริมฝั่งน้ำเจ้าพระยาระลอกใหม่ที่มีทั้งเอเชียทีคของเจริญ สิริวัฒนภักดี และโครงการล้ง 1919” ของกลุ่มตระกูลหวั่งหลี ที่ฉีกแนวเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบแนวศิลปวัฒนธรรมชนชาติจีน

    แน่นอนว่า โค้งน้ำเจ้าพระยากำลังจะพลิกโฉมอีกครั้ง ซึ่งหัวเรือใหญ่ไอคอนสยาม ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ย้ำกับสื่อมาตลอดว่า ไอคอนสยามจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สร้างเมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ (The Icon of Eternal Prosperity) จุดประกายคุณค่าของแม่น้ำเจ้าพระยา 3 เรื่อง

    เรื่องแรก คือการสัญจรไปมาทุกระบบการขนส่ง สอง คือเรื่องเศรษฐกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด และสาม คือการพัฒนาชุมชนรอบ ๆ โดยตั้งเป้าหมายดึงดูดผู้คนเข้ามาใช้ชีวิต ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมกว่า 21.9 ล้านคนต่อปี ผ่านทุกช่องทางการเดินทางรถรางเรือ

    ทั้งนี้ไอคอนสยามล่าสุดก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 90% และพร้อมเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ โดยเริ่มวางแผนงานการตลาด การโฆษณา ประชาสัมพันธ์โครงการตั้งแต่เดือนเมษายน ติดตั้งป้ายบิลบอร์ดและจัดอีเวนต์สร้างการรับรู้ทั้งในและต่างประเทศ

    ส่วนการเตรียมความพร้อมเปิดตัวโครงการ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบการตลาดเปิดตัวและจัดกิจกรรมต่างๆ รวมกว่า 3,300 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการจัดงานแกรนด์โอเพนนิ่ง 300 ล้านบาท งบการตลาดอื่น ๆ อีก 1,000 ล้านบาท และงบจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของแบรนด์ร้านค้าชั้นนำอีกกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยจัดขึ้นภายในศูนย์ตลอดระยะเวลา 3 เดือน เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ลูกค้า โดยเฉพาะสร้างการรับรู้ในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

    หากย้อนข้อมูลทั้งหมดของไอคอนสยาม ถือเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ 50 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ระหว่างโรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพ และโรงแรมมิลเลเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ มีมูลค่าการลงทุนรวมมากกว่า 54,000 ล้านบาท

    พื้นที่โครงการประกอบด้วยอาคารศูนย์การค้า 2 อาคาร ได้แก่ ไอคอนสยาม และไอคอนลักซ์ ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากกระทง บายศรี และการห่มสไบ มีแม็กเน็ตหลัก ๆ คือ ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมาย่า สาขาแรกในประเทศไทย ตลาดสุขสยาม ซึ่งเป็นเมืองวิถีไทยที่รวมสินค้าและบริการงานศิลปะ ประเพณีจากภูมิปัญญาชาวบ้านทั้ง 77 จังหวัด ศูนย์ประชุมและโรงมหรสพอเนกประสงค์ ทรู ไอคอนสยาม ฮอลล์ ซึ่งร่วมทุนกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น

    โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ จำนวน 12 โรง พร้อมโรงภาพยนตร์ระบบไอแมกซ์ 1 โรง สวนสนุก สถานออกกำลังกายไอคอน บาย ฟิตเนสเฟิร์สท ไอคอนสยาม เฮอร์ริเทจ มิวเซียม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย โดยได้รับความร่วมมือจากกรมธนารักษ์และกรมศิลปากร

    ขณะที่พื้นที่หลักสำคัญอีกส่วน คือ อาคารที่พักอาศัย 2 อาคาร ได้แก่ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส แอท ไอคอนสยาม ความสูง 317.95 เมตร และเดอะ เรสซิเดนเซส แมนดาริน โอเรียนเต็ล แบงค็อก แอท ไอคอนสยาม ความสูง 272.20 เมตร เป็นอาคารที่พักอาศัยโดยกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตแมนดารินโอเรียนเต็ลแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    นอกจากนี้ มีลานกิจกรรมริเวอร์พาร์ค ความยาวเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา 500 เมตร ซึ่งถือเป็นทางเดินริมแม่น้ำยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่าเทียบเรือ บริการเรือรับส่ง จากท่าสาทร และบริการรถรับส่งไปยังรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีกรุงธนบุรี และที่สำคัญ คือการร่วมทุนกับกรุงเทพมหานคร ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าเข้ากับศูนย์การค้า

    ต้องถือว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง หรือโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรีสำนักงานเขตคลองสานประชาธิปก) เป็นจุดแข็งสำคัญในการขนส่งกลุ่มเป้าหมายของโครงการในยุคการจราจรติดขัดและเป็นจุดขายเหนือโครงการใกล้เคียงด้วย

    สำหรับรถไฟฟ้าสายสีทองเป็นส่วนหนึ่งของแผนโครงการระบบขนส่งมวลชนทางราง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่สอง (M-Map Phase 2) เชื่อมต่อการเดินทางบนถนนเจริญนคร และเชื่อมต่อเข้ากับศูนย์การค้าไอคอนสยาม ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และได้รับงบประมาณการก่อสร้างจากบริษัท ไอคอนสยาม จำนวน 2,080 ล้านบาท แลกกับสัมปทานการบริหารพื้นที่ภายในสถานีและโฆษณาแทนบริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน)

    แนวเส้นทางต่อเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสกรุงธนบุรีไปทางทิศตะวันออกตามแนวเส้นทางคู่ขนานของถนนกรุงธนบุรี เลี้ยวซ้ายขึ้นทางทิศเหนือไปตามแนวถนนเจริญนครผ่านแยกคลองสาน สิ้นสุดที่ถนนสมเด็จเจ้าพระยา บริเวณหน้าโรงพยาบาลตากสิน โดยมีสถานี 3 แห่ง เริ่มจากสถานีกรุงธนบุรี เชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีเจริญนคร (ไอคอนสยาม) อยู่บริเวณเจริญนคร 6 บริเวณสะพานข้ามคลองวัดทองเพลง และสถานีคลองสานเยื้องโรงพยาบาลตากสิน มีทางเดินหรือ sky walk เดินทางเข้าสู่โรงพยาบาลตากสินได้ และจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง (หัวลำโพงบางบอนมหาชัย) ในอนาคต

    ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างในเส้นทางระยะที่ 1 กรุงธนบุรีเจริญนคร กำหนดแล้วเสร็จและตั้งเป้าจะเปิดให้บริการช่วงปลายปี 2562 อัตราค่าโดยสารเพียง 15 บาทตลอดสาย

    มีการประมาณการเบื้องต้นทันทีที่เปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีทองจะมีผู้มาใช้บริการเส้นทางระยะแรก 40,000-50,000 คนต่อวัน

    ดังนั้น การเปิดตัวไอคอนสยามด้านหนึ่งเป็นการปลุกพื้นที่ค้าปลีก การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ซึ่งสามารถเกื้อหนุนทั้งโครงการเอเชียทีคของบริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล ในเครือทีซีซีกรุ๊ป ของกลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดี ที่เปิดตัวยึดครองความเป็นเดสทิเนชั่นมาได้ระยะหนึ่ง และโครงการล้ง 1919 ซึ่งเผยโฉมในฐานะเดสทิเนชั่นใหม่เมื่อปลายปี 2560

    แต่อีกด้านปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้ง 3 โครงการต่างต้องชูจุดแข็งและจุดขาย เพื่อครองความเป็นเดสทิเนชั่นโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรายได้ก้อนใหญ่

    ล่าสุด เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ยังถือเป็นศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีจุดเด่น คือ ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่เอเชียทีค สกายที่สามารถเห็นทัศนียภาพโดยรอบของกรุงเทพมหานคร ในแบบมุมสูงรอบตัว มีโรงละครคาลิปโซ่ที่ย้ายมาจากโรงแรมเอเชีย โรงละครโจหลุยส์ที่ย้ายมาจากสวนลุมไนท์บาซาร์ ร้านค้าและร้านอาหารริมน้ำ

    ด้านโครงการล้ง 1919 เน้นความเป็นศิลปวัฒนธรรมหลายชั่วอายุคน เนื่องจากเดิมเป็นพื้นที่เก่าแก่ของตระกูลหวั่งหลีเมื่อ 167 ปีที่แล้ว

    ยุคนั้นที่นี่คือท่าเรือกลไฟฮวย จุ่ง ล้งหรือจุดเทียบท่าหลักสำหรับเรือบรรทุกสินค้าหรือเรือโดยสารที่ใช้ถ่านหรือฟืนเป็นเชื้อเพลิงในสมัยก่อน สร้างขึ้นเมื่อปี 2393 โดยพระยาพิศาล ศุภผล (ชื่น พิศาลบุตร) ชาวจีนที่เกิดบนแผ่นดินสยาม โดยมีบรรพบุรุษเดินทางจากเมืองจีนมาตั้งรกรากทำการค้าอยู่ในเมืองไทยตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีตัวอาคารบริเวณท่าเรือเป็นร้านค้าและโกดังเก็บสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง

    แต่หลังจากท่าเรือฮวย จุ่ง ล้งถูกลดทอนบทบาท เนื่องจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยเข้ามามีบทบาทในการค้ากับต่างชาติมากขึ้น ตระกูลหวั่งหลีโดยตัน ลิบ บ๊วย หนึ่งในชาวจีนผู้อพยพขึ้นฝั่งที่ท่าเรือแห่งนี้ จึงเข้ารับช่วงกิจการต่อจากตระกูลพิศาลบุตร และปรับเปลี่ยนอาคารเป็นสำนักงานและโกดังเก็บสินค้าในนามของตระกูลหวั่งหลี ตั้งแต่ปี .. 2462 (..1919)

    ปี 2560 รุจิราภรณ์ หวั่งหลี เป็นโต้โผใหญ่พลิกฟื้นท่าเรือ ฮวย จุ่ง ล้ง สร้างโครงการแหล่งท่องเที่ยวเชิง Heritage เน้นศิลปะเชิงอนุรักษ์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ไทยจีน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในพื้นที่กว่า 6 ไร่ ประกอบด้วยศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว (คลองสาน) อาคารจัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ เวทีการแสดงและกิจกรรมกลางแจ้ง Co-Working Space ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดีไซน์ งานฝีมือระดับพรีเมียม จากศิลปินร่วมสมัยรุ่นใหม่ของไทย ร้านอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ร้านคาร์มาคาเม็ท (Karmakamet) ร้านนายห้าง ร้านโรงสี ร้านกาฟงกาแฟ ภัตตาคารอาหารจีน สถานที่ศึกษาประวัติศาสตร์ไทยจีน ผ่านอาคารเรือนไม้สถาปัตยกรรมจีนโบราณ และจิตรกรรมฝาผนังจากปลายพู่กันนายช่างจีนโบราณ พร้อมกับเปิดท่าเรือหวั่งหลี เพื่อสัญจรทางแม่น้ำเจ้าพระยา

    ช่วงเวลาไม่ถึงปี ล้ง 1919 ชูจุดขายแบบนิชมาร์เก็ตและรับเทรนด์กลุ่มลูกค้าสไตล์ Retro ดึงดูดทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า ดูได้จากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาจองพื้นที่จัดอีเวนต์ต่าง ๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี

    ดังนั้น เมื่อ 3 บิ๊กโปรเจกต์ต่างปักหมุดบนโค้งน้ำเจ้าพระยาชนิดไม่ห่างไกลกันนัก จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายอย่างไอคอนสยามจึงเป็นได้ทั้งโครงการจุดประกายคุณค่าของแม่น้ำเจ้าพระยาและบิ๊กโปรเจกต์จุดชนวนแนวรบการแข่งขันบนโค้งน้ำอย่างน่าตื่นเต้นด้วย

    ]]>
    1176035
    ทีซีซี แลนด์ฯ โชว์แผน 2 ปี ลงทุน 8,200 ล้าน งัดกรุที่ดิน “เจ้าสัวเจริญ” ผุดค้าปลีกทุกฟอร์แมต https://positioningmag.com/1145913 Thu, 09 Nov 2017 04:23:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1145913 พูดกันในวงกว้างถึงจำนวน “ที่ดินสะสม” ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” แห่งทีซีซี กรุ๊ป มีมากถึง 5-6 แสนไร่ จำนวนนี้มีที่ดินที่มีศักยภาพนำมาพัฒนาห้างค้าปลีกได้มากมาย และพัฒนา 10-20 ปีก็ไม่หมด

    ณภัทร เจริญกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มรีเทล บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด กล่าวว่า แผน 10 ปีข้างหน้า บริษัทจะเน้นนำที่ดินสะสมของเครือมาพัฒนาโครงการค้าปลีกเป็นหลัก โดย 5 ปีแรก จะพัฒนาห้างค้าปลีกให้เป็น 20 โครงการ จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 10 โครงการ ภายใต้ 6 แบรนด์ เช่น พันธุ์ทิพย์, ศูนย์การค้าเกตเวย์, ตลาดนัดตะวันนา, เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์, ศูนย์การค้า โอ.พีการ์เด้น, บ็อกซ์ สเปซ เป็นต้น ทำรายได้รวมในปี 2560 ประมาณ 3,000 ล้านบาท

    ส่วนแผนปี 2561-2562 บริษัทเตรียมงบลงทุนรวม 8,200 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ และปรับโฉมโครงการเดิมให้เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ พัฒนาศูนย์การค้าเกตเวย์ บางซื่อ ลงทุน 4,000 ล้านบาท ปรับปรุงพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน 50 ล้านบาท พันธุ์ทิพย์ บางกะปิ 50 ล้านบาท บ็อกซ์ สเปซ รัชโยธิน 100 ล้านบาท โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ลาซาล 500 ล้านบาท ตะวันนา มาร์เก็ต บางพลี 1,000 ล้านบาท และตะวันนา มาร์เก็ต พระราม 2 ลงทุน 2,500 ล้านบาท

    ปรับคอนเซ็ปต์บ็อกซ์ สเปซ” “ตะวันนา” “อเวนิวสู่คอมมูนิตี้มอลล์แนวใหม่

    บริษัทยังเตรียมปรับคอนเซ็ปต์ห้างค้าปลีกหลายโครงการ โดยบ็อกซ์ สเปซ รัชโยธิน จะพลิกโฉมเป็นแบรนด์ โอ.พี.” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่มีขนาดกะทัดรัดใช้เนื้อที่ 2-3 ไร่เท่านั้น มีความเป็นบูทีคช้อปปิ้ง จากโจทย์ของบ็อกซ์ สเปซ เป็นพื้นที่ Out door เยอะทำให้มีปัญหาด้านเสียงค่อนข้างมากจึงไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากนัก

    ขณะที่ปัจจุบันศูนย์การค้า โอ.พี. มีให้บริการ 2 แห่ง ได้แก่ โอ.พี. เพลซ และ โอ.พีการ์เด้น โดยทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่ใกล้โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล

    นอกจากนี้ยังเตรียมปรับตะวันนา บางกะปิ ที่ให้บริการมา 20 ปี สู่คอนเซ็ปต์ใหม่ตะวันนา มาร์เก็ตให้เป็นตลาดชุมชน และนำร้านค้าดังที่เป็น Anchor หลักเข้ามาเปิดให้บริการ มี ซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้ผู้บริโภคเข้ามา จับจ่ายใช้สอยทุกวัน โรงภาพยนตร์ขนาดกะทัดรัด เป็นต้น จะส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีสัดส่วนสินค้าแฟชั่นอยู่ที่ 80% และร้านค้าแบรนด์ดังเป็น 20% เทียบกับศูนย์การค้าทั่วไปจะมีประมาณ 30-40%

    คอนเซ็ปต์ตลาดนัดมีการแข่งขันสูง และผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาพัฒนาโครงการได้ง่าย ไม่มีกำแพงขวางกั้นหรือ Barrier Entry เลย และมองว่าตลาดนัดในระยะยาวนั้นอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มี Anchor หลักที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักช้อปกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาใช้บริการ และตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ เราจึงต้อง Transform ตลาดนัดให้เป็นตลาดชุมชนแนวใหม่ ที่สำคัญการทำพื้นที่ฐานลูกค้าหรือ catchment area จะลดเหลือรัศมี 3 กิโลเมตร (กม.) ก็ครอบคลุมกำลังซื้อราว 3 หมื่นคน จากเดิม 5-7 กม.”

    สอดคล้องกับ ศุภเดช เลิศพยับ ผู้จัดการบริหารทรัพย์สิน แบรนด์ตะวันนา ระบุว่า ตลาดนัดเกิดใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงผู้ประกอบการมีที่ดินตามตรอก ซอก ซอย ก็สามารถนำมาพัฒนาได้ไม่ยาก จึงต้องปรับตะวันนา บางกะปิ เป็น Community Market โดยผสมผสาน ตลาดนัด เข้ากับ คอมมูนิตี้มอลล์ มีร้านค้าแบรนด์ดังมากขึ้น

    “ตะวันนา บางกะปิ ปรับโฉมที่แรกแต่จะไม่ใช่ Community Market 100% ส่วนตะวันนา บางพลี และพระราม 2 จะเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ 100%”

    ณภัทร ยังได้ปรับแผน อเวนิว ลาซาลจากเดิมจะมีซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร รวมถึงร้านยูนิโคล่ โรดไซท์ (Uniqlo Road Site) ฯ ให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ โดยยังไม่ระบุชื่อแบรนด์ แต่จะทำให้โครงการเข้าถึงง่ายขึ้น

    ปรัชญาการทำค้าปลีกของเราไม่ต้องการทำให้หรูหรา เท่แต่กินไม่ได้ แต่ต้องการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้เข้าถึงง่ายใน 3 ส่วน เดินทางสะดวก เดินภายในศูนย์การค้าสะดวก เข้าถึงง่าย ใส่รองเท้าแตะเดินได้

    ลังเลลงทุนเอเชียทีค 2 มีแน่แต่ไม่รู้เมื่อไหร่

    ส่วนความคืบหน้าการลงทุนเอเชียทีค 2 ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

    เอเชียทีค 2 มีแน่ ทั้งเจริญกรุง เชียงใหม่ และพัทยา เพราะเรามีที่ดินหมดแล้ว แต่ยังต้องวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ใหม่ รวมถึงความเหมาะสมในการพัฒนาด้วย

    มานพ คำสว่างผู้จัดการบริหารทรัพย์สิน แบรนด์ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ บอกว่า การพัฒนาเอเชียทีคฯ มีการใช้พื้นที่มาก 40-50 ไร่ จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ตามแผนเดิมจะมีเอเชียทีคฯ ที่เชียงใหม่ และพัทยา ต้องมีการปรับแผน เพราะเชียงใหม่ต้องอิงนักช้อปปิ้งที่เป็นนักท่องเที่ยว และมีฤดูกาล (ซีซั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะมีราว 6 เดือนที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวน้อยลง จึงมีความอ่อนไหวด้านการลงทุน

    บริษัทพยายามเพิ่มสีสันให้เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ด้วยการต่อเรือใบสามเสา สัญลักษณ์ความสัมพันธ์ทางการค้าไทยกับอารยประเทศ และตอกย้ำพื้นที่ค้าปลีกแห่งนี้เป็นท่าเรือพาณิชย์นานาชาติแห่งแรกของไทย ซึ่งเรือใบดังกล่าวคืบหน้าแล้ว 95-96%

    ปีนี้เราตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวมาใช้บริการที่เอเชียทีคฯ 12 ล้านคน ซึ่งคาดว่าทะลุเป้าแน่นอน เพราะ 10 เดือน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 11 ล้านคน ส่วนปีหน้าจะท้าทายตัวเองมากขึ้น ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวมาเยือน 15 ล้านคน

    “Synergy Marketing” รับค้าปลีกอิ่มตัว

    ณภัทร กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกในกรุงเทพฯ อีก 5-10 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะ อิ่มตัว โดยเฉพาะโครงการที่เกิดใหม่จะยากขึ้น ดังนั้น ปีหน้าเตรียมใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดและจะเน้นกลยุทธ์ “Synergy Marketing” เชื่อมค้าปลีกในเครือให้แกร่งมากขึ้น

    ตอนนี้ธุรกิจรีเทลยังไปได้ดี เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นแรงส่ง อย่างเอเชียทีคฯ ชัดเจนมาก นักท่องเที่ยวเยอะ พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ นักท่องเที่ยว 50% เซ็นเตอร์ พอยท์ ออฟ สยามสแควร์ 30% เกตเวย์ เอกมัยมีต่างชาติที่มาทำงาน (Expat)ชาวญี่ปุ่นเยอะมาก แต่ในอนาคตรีเทลที่เป็นดีพาร์ตเมนต์สโตร์ และพลาซ่าสร้างใหม่จะอิ่มตัว โครงการที่ไปได้จะเป็นการรีโนเวตมากกว่า” 

    อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการค้าปลีกต่อเนื่องคาดว่าจะส่งผลให้กลุ่มทีซีซี แอสเสท เวิรด์ มีพื้นที่รีเทลแตะ 1 ล้าน ตร..ใน 10 ปี จากปัจจุบันมี 3 แสน ตร.. ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้รวม 3,500 ล้านบาท เติบโต 17% จากปีนี้.

    ]]>
    1145913
    เอเชียทีค เปิดตัวเทศกาล “ASIATIQUE International Food Fair” https://positioningmag.com/57495 Wed, 25 Dec 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57495

    เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เปิดตัวเทศกาล “ASIATIQUE International Food Fair” ภายในงานได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ร่วมงานด้วยอาหารนานาชาติ ที่มาพร้อมกับความอร่อยแบบ ที่คุณจะพลาดไม่ได้ เนื่องจากเป็นการรวบรวมอาหารที่ได้รับการคัดสรร “ความอร่อย” มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อาหารอิตาลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี อเมริกัน และอาหารไทย มาร่วมเปิดบู้ทเรียงรายให้คุณได้สัมผัสรสชาติความอร่อย ไปพร้อมๆ กับโชว์พิเศษ และเพลงเพราะๆ ที่เปิดบรรเลงขับกล่อมท่ามกลางบรรยากาศของแสง สี เสียง ยามเย็นย่ำไปจนจรดพลบค่ำ ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    โดยภายในงาน คุณฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนั้นยังได้เปิดตัวแขกรับเชิญ คุณจินนี่ – ธนิดา กาญจนวัฒน์ ดาราสาวสวยมากความสามารถ ซึ่งได้ขึ้นมาสาธิตการทำเมนูพิเศษ “พล่าแซลมอน” ให้แขกทุกท่านได้สัมผัสเมนูเพื่อสุขภาพที่ให้แคลลอรี่ต่ำ แต่ให้รสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย เป็นเมนูง่ายๆ ที่แขกผู้มาร่วมงานก็สามารถนำกลับไปทำเองที่บ้านได้ก่อนจบงาน คุณฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ประธานเปิดงาน, คุณจินนี่ – ธนิดา กาญจนวัฒน์ และแขกผู้มีเกียรติทุกท่านได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก โดยงานนี้จะจัดขึ้นที่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2556 นี้เท่านั้น

    ]]>
    57495
    เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ จัดงานเทศกาลอาหารฮาลาลและอาหารปักษ์ใต้ https://positioningmag.com/56859 Tue, 16 Jul 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56859

    นายณภัทร เจริญกุล ผู้อำนวยการโครงการ พร้อมด้วยทีมคณะผู้บริหารโครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ร่วมในพิธีเปิดงาน เทศกาลอาหารฮาลาลและอาหารปักษ์ใต้ 2013 ที่รวมร้านมีชื่อทั่วประเทศกว่า 50 ร้านมาไว้ในที่เดียว อาทิ ร้านลอดช่องแป้งสด หน้ามัสยิดสงขลา, ร้านข้าวยำสายบุรี จังหวัด ปัตตานี, ร้านมาเรียม เนื้อทอด ตับอบ และร้านของฝากจากมลายูพร้อมร่วมชมการแสดง ด้านศิลปวัฒนธรรมอันเลื่องชื่อของภาคใต้ ประกอบด้วย ลิเกฮูลู และ การร้องเพลงลังกาวี โดยมีคุณอนุสรณ์ องอาจ อิหม่ามมัสยิดบางอุทิศ ให้เกียรติมาร่วมเปิดงาน ณ ลานทาวน์แสควร์ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ ฟร้อนท์ งานจัดถึง 22 กรกฎาคม นี้

    ]]>
    56859
    เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เอาใจคนรักของหวาน ชวนร่วมงาน “I love dessert” https://positioningmag.com/56482 Sun, 26 May 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56482

    เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เอาใจคนรักของหวาน ชวนร่วมงาน “I love dessert” ที่ระดมร้านขนม เบเกอรี่และเครื่องดื่มชื่อดัง อาทิ ร้านสวีททอย (Sweet toy) ของคุณแมน ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ ร้านโคโค่ เฟรชทีแอนด์จูซ (CoCo Fresh Tea & Juice) ของทีมคุณ กฤตพณ ทัพพะรังสี ร้านแฮปปี้ เลมอน ของคุณตี๋ แมทชิ่ง หรือไอศครีมไอเดียเจ๋งจากร้านไอซ์เดีย (IceDIA) ร่วมด้วยไอศครีมเมี่ยงคำและส้มตำชื่อดังจากร้านวันมอร์ (Onemore) และอีกกว่า 20 ร้าน ที่ยกขบวนเสิร์ฟความหวานจากทั่วกรุงเทพฯ มารวมไว้ที่นี่ที่เดียวให้ชิมช็อปอย่างจุใจ ร่วมแข่งขันทานเค้กทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ลุ้นรางวัลใหญ่ “กินฟรีตลอดปี” และสร้างสรรค์การแต่งหน้าเค้กแบบ D.I.Y. (50 ชิ้น/วัน) งานนี้คนรักของหวานห้ามพลาด ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม – วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน2556 ณ ลานทาวสแควร์เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ดูรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ www.asiatiquethailand.com หรือ www.facebook.com/Asiatique.Thailand

    ]]>
    56482
    เอเชียทีค รณรงค์ “ช้อปปิ้งปลอดบุหรี่” https://positioningmag.com/56137 Fri, 22 Mar 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56137

    ตั้งแต่ มี.ค. นี้ เป็นต้นไป เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ จะเริ่มรณรงค์ “ช้อปปิ้งปลอดบุหรี่” เพื่อสร้างให้เป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งที่สดชื่นยามค่ำคืน งานนี้ ฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และประชาสัมพันธ์ ถึงขั้นออกโรงเดินรณรงค์ด้วยตนเอง พร้อมพาไปในที่ที่เอเชียทีคจัดไว้ให้ ห่วงใยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายขนาดนี้ จะไม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตของเอเชียได้ยังไง

    ]]>
    56137
    เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ร่วมกับ เรือคุณแม่ เปิดเส้นทาง “ล่องเรือโบราณ อิ่มสำราญ กับเรือคุณแม่” https://positioningmag.com/55697 Thu, 06 Sep 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55697

    นายฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์(ที่ 2 จากขวา) พร้อมด้วยคุณจรัสวรรณ แก้วก้องกังวาล ผู้ก่อตั้ง “เรือคุณแม่”และคุณณัฐิตา ยิ้มเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท สยามริเวอร์ครุยส์ จำกัด (ที่ 1 จากซ้าย)ร่วมงานแถลงข่าวเปิดบริการใหม่ล่าสุดของเอเชียทีค โดยร่วมกับ“เรือคุณแม่” เพิ่มทางเลือกสำหรับผู้มาเยือนเอเชียทีคฯที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศการรับประทานดินเนอร์สุดโรแมนติก ภายใต้ชื่อ“ล่องเรือโบราณ อิ่มสำราญ กับเรือคุณแม่”สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืน โดยเริ่มออกจากท่าเรือเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ทุกวันศุกร์-เสาร์- อาทิตย์ ระหว่างเวลา 19.30-21.30 น. เริ่ม 28 กันยายนนี้

    สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 081-921-5377

     

    ]]>
    55697
    ดิสนีย์แลนด์ ไอดอลของ เอเชียทีค https://positioningmag.com/14904 Mon, 27 Aug 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14904

    ณภัทร เจริญกุล ผู้อำนวยการโครงการ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” เปิดเผยถึงแนวคิดหนึ่งของเอเชียทีคว่า มีเป้าหมายอยากพัฒนาโครงการไปให้เหมือนดิสนีย์แลนด์ (Disney Land) สวนสนุกชื่อดังระดับโลก

    แต่ถ้าใครอยากรู้แนวคิดและที่มาของการปั้น เอเชียทีค จากการเป็น Destination ใหม่ของเมืองไทย ให้กลายเป็น Asia Travel Destination อย่างที่เห็นในวันนี้ ว่ามีกลยุทธ์การพัฒนาและสร้าง Product Mix อย่างไร ต้องติดตามใน Positioning App เท่านั้น ซึ่งจะพาคุณย้อนรอยไปเริ่มต้นรู้จักเอเชียทีค ตั้งแต่การเป็นที่ดินแห่งตำนานที่พระราชทานโดยพระเจ้าแผ่นดินสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ผ่านยุคสมัย และผ่านการขายไอเดียครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะมาเป็นโครงการที่ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี อนุมัติให้สร้างด้วยความภาคภูมิใจ โดยควงคู่คุณหญิงเจริญ ศรีภรรยามาเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการร่วมกันเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา

    อย่าลืมติดตาม Positioning App on iPad

    ]]>
    14904
    เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ประกาศความพร้อมสู่ Asia Travel Destinatio https://positioningmag.com/55593 Mon, 20 Aug 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55593

    เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ปลื้มหลังนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ให้การยอมรับแบบเกินคาด ถึง 7.8 ล้านคนในช่วงปลายปี 2555 เผยเตรียมวางกลยุทธ์ปูทางสู่ Asia Travel Destination และแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ เพื่อต่อยอดสู่การเป็น World Class Travel Destination ภายในปี 2556

    นายณภัทร เจริญกุล ผู้อำนวยการโครงการ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากเปิดตัวไปอย่างเป็นทางการล่าสุด เอเชียทีค ก็ได้รับการจัดอันดับ จากเว็ปไซด์ไปไหนดีดอทคอม (www.painaidii.com) ให้เป็นอันดับ 1 ในหมวดสถานที่ช้อปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองไทย  ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา และได้รับการรีวิวจากเว็ปไซด์ CNNGo ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำแห่งล่าสุด         ที่หลายคนต้องหลงรัก ทั้งนี้ เอเชียทีค ชัดเจนในแง่แนวคิดการพัฒนา โครงการ ที่มีจุดเด่น 3  ประการ ประกอบด้วย การเป็น Theme Retail ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ที่สร้างจากเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงบนที่ดินแห่งนี้เมื่อประมาณ 120 ปีที่แล้ว โดยการเก็บรักษาอาคารเก่าไว้ให้มากที่สุด ผสมผสานกับอาคารใหม่ที่สร้างเพิ่มเติมขึ้นได้อย่างกลมกลืนและลงตัว กับบริบทโดยรวมของพื้นที่ดั่งเดิม ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับบรรยากาศและเรื่องราวย้อนยุคได้อย่างใกล้ชิด ตั้งอยู่บนทำเลทองติดริมน้ำเจ้าพระยาที่มีทางเดินยาวกว่า      300 เมตร อีกทั้งยังเป็นโค้งน้ำที่เห็นวิวของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนได้อย่างสวยงามแบบที่สุด และสุดท้ายกับกลยุทธ์การนำเสนอร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมที่สอดคล้องกับยุคสมัยและไลฟ์สไตล์คนปัจจุบัน ที่สามารถสร้างความเป็น Night Market ได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเสนอขายในราคาที่สมเหตุสมผล มีความหลากหลายในตัวสินค้า แต่ต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและเหมาะกับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งในส่วนร้านอาหารจะเป็น ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยที่มีสาขาน้อยมากหรือมีเพียงสาขาเดียว ทั้งในรูปแบบของเรสเตอรองต์และบาร์            ซึ่งมีจำนวนร้านอาหารรวมกว่า 45 ร้าน ในปัจจุบัน การแสดงเป็นการแสดงที่หาดูที่ไหนไม่ได้ทั้งโจหลุยส์ และ   คาลิปโซ่ อีกทั้งยังมีพื้นที่จัดกิจกรรมขนาดใหญ่ริมแม่น้ำซึ่งน่าจะเป็นที่เดียวในกรุงเทพฯ ที่สามารถทำได้          ซึ่งจุดขายทั้ง 3 ประการนี้ คือ ปัจจัยหลักที่นำเราสู่ความสำเร็จในระเวลาอันรวดเร็ว

    “ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวกว่า 2.4 ล้านคน ได้เดินทางมาสัมผัสความพิเศษสุดของ เอเชียทีค ซึ่งเราเองก็ได้มีการปรับแผนในการรองรับการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของสถานที่จอดรถที่อยู่ระหว่างการขยายพื้นที่เพิ่มอีก 1,000 คันบนที่ดินฝั่งตรงข้าม รวมถึงการติดตั้งระบบปรับและระบายอากาศภายในโกดังทั้งหมด เพื่อเพิ่มบรรยากาศความสะดวกสบาย ระหว่างการเลือกซื้อสินค้าภายในโครงการและปรับภูมิทัศน์ภายในโครงการ ระบบการให้บริการต่างๆ เพื่อให้ได้มาตรฐาน        World Class Travel Destination ในปี 2556 โดยคาดการรายได้รวม ในปีแรกไว้ที่ 250 ล้านบาท ซึ่ง 80%     ของรายได้มาจากค่าเช่าพื้นที่ของร้านค้า และ 20% มาจาก การปล่อยพื้นที่ให้เช่าเพื่อจัดกิจกรรม” นายณภัทร เจริญกุล กล่าว

    ด้านนายฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ โครงการเอเชียทีค เดอะ     ริเวอร์ฟร้อนท์ กล่าวเกี่ยวกับภาพรวมการตอบรับจากกลุ่มนักท่องเที่ยวว่า “ในแง่ของการตอบรับจากลูกค้าถือว่าดีมาก เพราะจากเดิมเราคาดว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการประมาณ วันละ 10,000 คนในวันธรรมดาและ 20,000 คนในช่วงวันหยุด แต่ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เรามีลูกค้าเข้ามายังโครงการวันละ 15,000-20,000 คน  ในวันธรรมดา และ 50,000-60,000 คน ในวันหยุด ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 2-3 เท่า ส่งผลบวกต่อบรรดาร้านค้าภายในโครงการโดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร และในส่วนร้านค้าก็มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน    ซึ่งน่าจะคึกคักอย่างมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เพราะเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว           โดยทีมการตลาดของเอเชียทีค จะใช้กลยุทธ์ Theme Retail เข้ามาเป็นจุดขายหลักบวกกับการนำเสนอจุดขาย   ที่มีกิจกรรมต่างสลับหมุนเวียนที่สร้างกระแสไม่ให้เกิดความนิ่ง เพื่อให้ลูกค้าที่มาแล้วก็ไม่เบื่อที่จะมาอีก พร้อมทั้งสามารถดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ให้เข้ามาที่โครงการอีกด้วย และในอีกไม่นานเรามีแผนที่จะเพิ่ม ความครบวงจรของโครงการ บนพื้นที่ที่ยังเหลืออีกกว่า 50% เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้เพิ่มขึ้น”

    “ในช่วงแรกลูกค้าคนไทยมีสัดส่วนถึง 90% แต่ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก           ทั้งในรูปแบบของกรุ๊ปทัวร์และการมาเที่ยวส่วนตัว ปัจจุบันสัดส่วนของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ           ในวันธรรมดาอยู่ที่ประมาณ 50:50 ส่วนช่วงวันศุกร์-วันอาทิตย์อยู่ที่ 65:35 ตามลำดับ โดยนักท่องเที่ยวที่มา    ในอันดับต้นๆ คือ ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น และชาติอาเซียน โดยเราคาดว่าเมื่อโรงละครคาลิปโซ่และโรงละครเอเชียทีคเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบ จะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ประกอบกับการที่เราได้รับ      การสนับสนุนอย่างดีมาก จาก ททท. โดยอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์ “Amazing Thailand”  อีกทั้งทีมการตลาดเอเชียทีค ยังออกไปโรดโชว์เพื่อนำเสนอรายละเอียดโครงการในประเทศเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง อาทิ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และยุโรป ซึ่งได้ทำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา  นอกจากนี้เรายังได้รับการสนับสนุนจาก ATTA ในส่วนของกรุ๊ปทัวร์และ PATA ในส่วนของงาน MICE จากยุโรปด้วย” นายฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ กล่าวสรุป

    ]]>
    55593