Expedia ได้ยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต. ของสหรัฐอเมริกา ว่า บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กร โดยจะมีการปลดพนักงานมากถึง 1,500 ราย โดย CEO ของบริษัทได้ชี้ว่าเพื่อที่จะลงทุนในส่วนของธุรกิจหลัก ขณะเดียวกันบริษัทเองเตรียมที่จะแต่งตั้ง CEO คนใหม่ในเร็วๆ นี้ด้วย

การปลดพนักงาน 1,500 คนนี้ คิดเป็นสัดส่วนพนักงานราวๆ 9% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด 17,100 ราย โดยโฆษกของ Expedia ได้กล่าวว่า การปลดพนักงานเพื่อที่จะจัดสรรทรัพยากรที่เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่างานสำคัญที่สุดยังคงได้รับการจัดลำดับความสำคัญอยู่

Peter Kern ซึ่งเป็น CEO ของ Expedia ได้กล่าวว่าในจดหมายถึงพนักงานว่า “ด้วยความสำเร็จทางเทคนิคมากมายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาบทบาท ทักษะ ทีม หรือแม้แต่สถานที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพยากรของเรามุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่เหมาะสม”

การปลดพนักงานจำนวนดังกล่าวทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างใหม่ คาดว่าจะอยู่ที่ 80 ถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นค่าชดเชยพนักงานและค่าชดเชย และค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะบันทึงในผลประกอบการในปีนี้

ก่อนหน้านี้ในปี 2020 บริษัทเคยปลดพนักงานมาแล้ว 3,000 ตำแหน่ง เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวัง และไม่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิดที่กระทบต่อภาคการท่องเที่ยวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ Expedia เองยังเตรียมที่จะเปลี่ยน CEO รายใหม่จาก Peter Kern เป็น Ariane Gorin ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจ โดยแผนกของเธอนั้นเน้นไปยังการทำธุรกิจกับภาคธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นพันธมิตรกับบริษัทต่างๆ การหารายได้จากภาคธุรกิจด้วยกัน (B2B) หรือแม้แต่การหารายได้โฆษณาจากธุรกิจท่องเที่ยว

ปี 2023 ที่ผ่านมา รายได้ในส่วน B2B ของบริษัทนั้นเพิ่มมากขึ้น 33% จากผลงานที่เธอบริหาร ซึ่งเธอได้เข้าร่วมงานที่ Expedia ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา

ปัจจุบันแบรนด์ภายใต้เครือ Expedia นั้นมีทั้ง Expedia หรือแบรนด์ลูกอย่าง Vrbo Hotels.com Orbitz หรือแม้แต่ trivago

ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ CEO ของ Expedia ได้กล่าวว่า “ปัจจุบันบริษัทแตกต่างไปจากเมื่อ 4 ปีที่แล้วมาก” และหลังจากนี้ Peter Kern จะขยับขึ้นเป็นรองประธานบริษัท และ Ariane Gorin จะเริ่มตำแหน่งหัวเรือใหญ่ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมเป็นต้นไป

ที่มา – Seattle Times, Reuters

วิธีหนึ่งที่จะช่วยประหยัดในการเดินทาง คือ ช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยพบว่าเส้นทางการเดินทางภายในประเทศและต่างประเทศที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของโลก มีราคาค่าตั๋วโดยเฉลี่ย (ATP) เพิ่มขึ้นราว 5% ในปี2561 (เทียบกับปี 2560) หากแนวโน้มยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เวลานี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองการเดินทางในปี 2562

ภาพรวมการเดินทางท่องเที่ยวขาเข้าประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า10% (จาก 7,067,955 เป็น 7,836,846) โดยนักท่องเที่ยวฮ่องกงมีจำนวนมากเป็นอันดับหนึ่งเกือบ 11% ของตัวเลขโดยรวม ส่วนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกามาเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ

เคล็ดลับที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวไทยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง-ตามช่วงเวลา ดังนี้ :

1. จองเที่ยวบินล่วงหน้า 3 สัปดาห์ ก่อนถึงวันเดินทาง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีที่สุด

2. รอจนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้วค่อยทำการจอง เพื่อปลดล็อกการประหยัดค่าโดยสารจองในวันอาทิตย์ดีที่สุด เพื่อรับส่วนลดสูงสุดถึง 20%

3. วันศุกร์ คือวันที่เที่ยวบินมีราคาแพงที่สุดของสัปดาห์ โดยมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 5%

4. เริ่มวันเดินทางด้วยเที่ยวบินวันศุกร์ช่วยประหยัด วันศุกร์คือวันที่ดีที่สุดของสัปดาห์ในการเดินทาง ซึ่งช่วยประหยัดได้ถึง 5% ในขณะที่วันอาทิตย์เป็นวันที่แพงที่สุดในการเดินทางด้วยราคาที่แพงกว่า 5%

5. วันศุกร์ยังเป็นช่วงเวลาที่ได้รับข้อเสนอโรงแรมที่ดีที่สุด ซึ่งต่างกับการจองตั๋วเครื่องบิน ส่วนวันที่แพงที่สุดในการจองโรงแรมโดยปกติแล้วคือวันอาทิตย์

6. เพิ่มคืนวันเสาร์ไปในแผนการเดินทางช่วงกลางสัปดาห์ ช่วยให้ประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินขาเข้าได้มากขึ้น

เลือกระหว่างอัตราค่าโดยสารพื้นฐานกับค่าเที่ยวบินราคาประหยัด

ในขณะที่นักท่องเที่ยวอาจประหยัดเงินได้โดยการจองตั๋วโดยสารขั้นพื้นฐาน (เช่น แบบค่าโดยสารเฉพาะที่นั่ง แบบไม่มีกระเป๋าและข้อจำกัดอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น) แต่ต้องระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายอื่น หากมีกระเป๋าหลายใบค่าใช้จ่ายก็จะบวกเพิ่มเข้ากับค่าโดยสารพื้นฐาน ซึ่งพอรวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดแล้วมักจะสูงกว่าค่าโดยสารแบบประหยัดเกือบทุกครั้ง (ที่มีการรวมค่ากระเป๋ารวมอยู่ในค่าตั๋วแล้ว)

เลือกระหว่างเที่ยวบินที่มีและไม่มีการหยุดพัก

เมื่อเทียบระหว่าง “เที่ยวบินที่บินตรง” เทียบกับ “เที่ยวบินที่เชื่อมต่อ” ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเที่ยวบินตรงนั้นมีราคาแพงกว่าเสมอ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่สายการบินนำมาใช้เป็นตัวกำหนดอัตราค่าโดยสาร เช่น เรื่องของเวลาและปัจจัยด้านความสะดวกอื่นๆ จำเป็นต้องได้รับการพิจารณา

นักท่องเที่ยวควรชะลอการจองทริปหรือไม่ หากราคาน้ำมันสูงขึ้น?

คำตอบสั้นๆ คือ จริงๆ แล้วอาจเป็นกรอบเวลาที่ดีที่สุดในการประหยัดต้นทุนสำหรับการจองเที่ยวบิน เนื่องจากผลกระทบใดๆ ที่มีความผันผวนต่ออัตราค่าตั๋วโดยเฉลี่ยแล้วมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นานขึ้น.