โดนัท – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 19 Oct 2022 02:19:24 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ขายเบอร์เกอร์ไม่พอ! ‘แมคโดนัลด์’ เตรียมขายโดนัท ‘คริสปี้ครีม’ นำร่อง 9 สาขาในอเมริกา https://positioningmag.com/1404730 Tue, 18 Oct 2022 16:04:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404730 มิติใหม่แห่งการคอลแลบเมื่อ แมคโดนัลด์ (McDonald’s) จะขายโดนัทของ คริสปี้ครีม (Krispy Kreme) เป็นครั้งแรก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้เชนฟาสต์ฟู้ดระดับโลก ต้องหาสินค้าใหม่ ๆ มาดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้านอีกครั้ง  

ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. แมคโดนัลด์ จะเริ่มขายโดนัท คริสปี้ครีม โดยจะนำร่องที่ 9 สาขาในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา โดยการร่วมมือดังกล่าวนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบที่จะช่วยให้บริษัทได้เรียนรู้การร่วมมือคริสปี้ครีมจะส่งผลอย่างไร

โดยลูกค้าของแมคโดนัลด์จะสามารถสั่งซื้อโดนัทรสออริจินัลเคลือบช็อกโกแลต และโดนัทไส้ราสเบอร์รี่ได้ ทั้งแบบเดี่ยวและแบบแพ็ก 6 ชิ้น โดยสินค้าดังกล่าวจะขายเฉพาะแค่ในสาขาเท่านั้น ไม่มีบริการจัดส่ง เนื่องจากแมคโดนัลด์ต้องการเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาเข้าร้านมากขึ้น หลังจากที่จำนวนลูกค้าเข้าร้านลดลงเนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ทำให้ลูกค้าจับจ่ายน้อยลง

ในช่วงครึ่งปีแรก แมคโดนัลด์ ระบุว่า ผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยในสหรัฐฯ ใช้จ่ายที่ร้านอาหารน้อยลง ในทางกลับกัน Mike Tattersfield ซีอีโอของคริสปี้ครีม กล่าวว่า โดนัทของเขาไม่ได้รับผลกระทบนัก เนื่องจากลูกค้าเต็มใจที่จะเลือกซื้อของที่ราคาไม่แพง เช่น โดนัท

โดยในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา รายได้ของคริสปี้ครีมในสหรัฐฯ และแคนาดาเติบโตถึง 7.5% อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับลดประมาณการกำไรและรายรับทั้งปีลง โดยอ้างว่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและผลการดำเนินงานที่อ่อนค่าลงจากศูนย์กลางการผลิตในสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ส่งไปยังสถานที่อื่น

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เครือเชนอาหารฟาสต์ฟู้ดต้องพึ่งโดนัทเพื่อดึงดูดลูกค้า ในปี 2020 KFC ได้เปิดตัวแซนด์วิช “ไก่ทอดและโดนัท” ทั่วประเทศ หลังจากการทดสอบสินค้าได้รับความสนใจบนโซเชียลมีเดีย

Source

]]>
1404730
Krispy Kreme สหรัฐฯ เเจก ‘โดนัทฟรี’ วันละ 1 ชิ้น ทุกวันยาวถึงสิ้นปี ให้ลูกค้าที่ ‘ฉีดวัคซีน’ เเล้ว https://positioningmag.com/1324586 Tue, 23 Mar 2021 05:12:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1324586 ‘Krispy Kreme’ (คริสปี้ ครีม) เเบรนด์โดนัทยอดนิยม ออกโปรโมชันให้ลูกค้าในสหรัฐฯ โชว์หลักฐานการฉีดวัคซีนเเล้ว เพื่อรับโดนัท Original Glazed ฟรีวันละ 1 ชิ้นต่อคน ต่อเนื่องได้ทุกวันจนถึงสิ้นปี 2021 เป็นเเคมเปญการตลาดใหม่ หวังกระตุ้นการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงเร็วขึ้น

ตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกค้าที่ฉีดวัคซีนเเล้ว ครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้ได้รับเข็มเเรกของ Pfizer เเละ Moderna รวมถึงวัคซีนของ Johnson & Johnson ที่ฉีดเพียงเข็มเดียว มีสิทธิ์ได้รับโดนัทฟรีณ ร้าน Krispy Kreme ทุกสาขาในอเมริกา ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยไม่ต้องซื้อสินค้าอื่นๆ

นอกจากนี้ Krispy Kreme ยังมีเเคมเปญสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขเเละอาสาสมัครที่ช่วยกระจายวัคซีน ด้วยการส่งโดนัทฟรีไปยังศูนย์ฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

Dave Skena ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Krispy Kreme ระบุว่า ตอนนี้ทุกคนต่างต้องการให้โรคระบาด COVID-19 กลายเป็นอดีตให้เร็วที่สุด ดังนั้นเราต้องสนับสนุนให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมทำให้ประเทศปลอดภัยได้โดยการฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ตาม Krispy Kreme ก็ยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับวัคซีนเพราะการจะเลือกรับวัคซีนป้องกัน COVID-19 หรือไม่นั้นเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล

ทางเเบรนด์ จึงออกโปรโมชันสำหรับผู้ที่ตัดสินใจไม่รับวัคซีน COVID-19 ให้ยังคงสามารถรับโดนัทฟรีและกาแฟขนาดกลางได้ในช่วงระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 24 พฤษภาคม

เเคมเปญทั้งหมดนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของการริเริ่มโครงการ ‘Be Sweet’ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจเเละความสนุกสนาน โดยการสนับสนุนวัคซีนของ Krispy Kreme ไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกค้าในร้านเท่านั้น เเต่ยังให้พนักงานลาหยุด 4 ชั่วโมง เพื่อไปรับการฉีดวัคซีนได้อีกด้วย

ล่าสุดสหรัฐอเมริกาฉีดวัคซีน COVID-19 ให้กับพลเมืองไปแล้วกว่า 127 ล้านโดส เเละตอนนี้ชาวอเมริกันราว 82 ล้านราย เข้ารับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส 

 

 

ที่มา : CNNUSA Today 

]]>
1324586
“ดังกิ้น” พลิกกระบวนท่า พาโดนัทขึ้นรถฟู้ดทรัค-คีออส ฝ่า COVID-19 https://positioningmag.com/1311484 Mon, 21 Dec 2020 15:18:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1311484 ถือเป็นปีที่ท้าทายมาก ๆ ในแทบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการค้าและบริการ และดูเหมือนว่าวิกฤต COVID-19 จะเริ่มส่งสัญญาณอันตรายส่งท้ายปีให้กับไทยอีกด้วย ดังนั้น ธุรกิจต่าง ๆ ที่เจ็บหนักไปช่วงกลางปีอาจจะต้องเตรียมตัวรับมือกับปัญหาอีกระลอก รวมถึง ‘ดังกิ้น (Dunkin)’ แบรนด์โดนัทเจ้าดังที่ก็มีช่วงขาลงเหมือนหลาย ๆ ธุรกิจ แต่ก็ยังสามารถทำกำไรได้ ซึ่งดังกิ้นก็จะมาสรุปภาพรวมทั้งปีของแบรนด์ว่าได้ลงมือทำอะไรไปบ้าง และได้เตรียมอะไรไว้รับมือในปี 2021 อีกบ้าง

เลิก ‘ลังเล’ ที่จะลองโมเดลใหม่ ๆ

ภาคิน เพ็ญภาคกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้นโดนัท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่า COVID-19 จะทำให้ ‘ดังกิ้น’ ต้องปิดไปเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่รายได้รวมของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 900 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% แต่ในส่วนของกำไรนั้นเติบโตถึง 30-35% ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่ดังกิ้นทำก็คือ การบริหารจัดการต้นทุนเพื่อให้ลดภาระได้มากที่สุด และอีกหนึ่งกลยุทธ์ก็คือ ‘การเข้าหาผู้บริโภค’ ให้มากขึ้นทั้งจากการขยายสาขาและมีโมเดลใหม่ ๆ

ปกติ ดังกิ้นจะขยายสาขาเพียงปีละประมาณ 10-15 แห่งเท่านั้น แต่เพราะ COVID-19 ทำให้บริษัทขยายสาขาเพิ่มถึง 30 สาขา และรีโนเวตเพิ่ม 20 สาขา จนปัจจุบันมีทั้งหมด 296 สาขา นอกจากนี้ ยังทำโมเดลใหม่อย่าง ‘ฟู้ดทรัค’ ที่ปัจจุบันมี 4 คัน และ ‘คีออส’ ที่มีประมาณ 10 แห่ง เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ในส่วนของฟู้ดเดลิเวอรี่ก็เติบโตถึง 3,000% ปัจจุบันคิดเป็น 4-5% ของรายได้รวม

“ถ้าเทียบเม็ดเงินลงทุนของฟู้ดทรัคและคีออสกับต้นทุนสาขานั้นพอ ๆ กัน แต่สิ่งที่ดีกว่าคือ ค่าเสื่อมที่ไม่ต้องเสีย สามารถโยกย้ายไปได้ทุกที่ ซึ่งเราจะเน้นเข้าไปในแหล่งชุมชนและซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่มีพื้นที่ให้เรา ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี”

ทั้งนี้ ในปี 2021 ดังกิ้นวางงบการตลาดไว้ 70 ล้านบาท โดยจะใช้ขยายสาขาอย่างน้อย 60 สาขา โดยจะไปในพื้นใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยไป เช่น โรงพยาบาล, ไฮเปอร์มาร์เก็ตหรือห้างค้าส่งให้มากขึ้น

“จากการสำรวจ customer insight พบว่าโดนัทนั้นเป็นสิ่งที่ อร่อยง่ายและเร็ว หมายถึงสามารถซื้อแล้วไปต่อได้เลยไม่ต้องเสียเวลารอหน้าร้านมาก อีกทั้งหยิบทานได้ตลอดเวลาหิว นี่จึงเป็นอีกจุดแข็งที่ทำให้การขยายตลาดเข้าไปในช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายใช้ Lifestyle ที่รวดเร็วและไม่ต้องการเสียเวลารออาหารนาน ๆ เมื่อต้องการทาน”

สินค้าใหม่และโปรโมชันต้องต่อเนื่อง

นางสาวระวีพรรณ์ ประกอบวรรณกิจ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ในปี 63 ดังกิ้นได้ออกโปรโมชัน ‘ซื้อ 6 แถม 6’ ตลอดทั้งปีเพื่อกระตุ้นตลาดพร้อมทั้งทำให้ผู้บริโภครู้สึก ‘คุ้มค่า’ นอกจากนี้ยังมีการออกโปรดักต์ ‘รสชาติใหม่’ เพื่อให้ผู้บริโภคไม่เบื่อ ซึ่งแสดงถึง ‘ความอร่อย’ และ ‘ความสนุก’ ซึ่งเป็น ‘brand identity’ หรือตัวตนของดังกิ้น

นอกจากนี้ ยังดึงตัวสองหนุ่ม ‘ไบร์ท-วิน’ มาร่วมงานในการเปิดตัวคอลเลกชัน Still2getherCollection พร้อมด้วยโดนัท ‘Candy Crack’ ก็นับเป็นอีกความสำเร็จที่ให้ได้ Earned Media จาก Social Media สูงมากไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม facebook, Instagram, twitter และ tiktok

“ประสบการณ์แปลกใหม่จะช่วยสร้างความสนใจให้แชร์ต่อ ๆ กัน นอกจากสินค้าต้องกินได้อร่อยยุคนี้สินค้าต้อง instagramable แต่ที่ขาดไม่ได้คือ โปรโมชัน เพราะตลาดโดนัทเป็นตลาดโปรโมชัน ปีหน้าก็ยิ่งท้าทายมากขึ้น ต้องออกสิ่งใหม่ กระตุ้นอารมณ์การซื้อ มีกิมมิกการตลาดใหม่ ๆ และต้องสื่อสารทุกช่องทาง ในขณะที่เงินที่มีน้อยลง เป็นการบ้านสำคัญของทุกแบรนด์”

นางสาวระวีพรรณ์ ประกอบวรรณกิจ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด

ทั้งนี้ ในปี 2021 ดังกิ้นจะมีโดนัทรสใหม่ ๆ ทุกเดือนเป็นสีสัน และในทุก 3-6 เดือนจะมีแคมเปญใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าไม่เบื่อ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของดังกิ้นเป็นลูกค้าประจำ

“เราทำตลาดในไทยมา 40 ปี ลูกค้าเรารู้จักเราตั้งแต่วัยรุ่นจนปัจจุบันมีลูกมีหลาน ดังนั้น กลุ่มลูกค้าเราไม่ใช่แค่วัยรุ่นแต่เป็นแมส โดยความท้าทายคือ ทำให้ลูกค้าเดิมของเราเลือกซื้อสินค้าเราให้ลูกหลาน และวัยรุ่นเหล่านั้นก็เป็นลูกค้าเราต่อ”

Photo: JFC is exclusive operator of Dunkin’ Donuts in China/Dunkin’ Donuts Facebook

มั่นใจ 2021 โต 10-15% แม้ COVID-19 ยังน่าห่วง

มูลค่าตลาดโดนัทปี 2553 นี้อยู่ประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยไม่เติบโต ขณะที่ดังกิ้นเองมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 32% โดยในปีหน้าบริษัทวางเป้าหมายเติบโตจากปีนี้ไม่น้อยกว่า 10-15% โดยดังกิ้นมั่นใจว่าบทเรียนครั้งที่แล้วก็ช่วยให้ดังกิ้นสามารถปรับตัวได้ในปีหน้า โดยดังกิ้นได้เตรียมรับมือไว้แล้ว สามารถหยิบมาปรับใช้ได้เลย

“เราต้องมองภาพกว้างให้ออกและพร้อมจะปรับเปลี่ยนให้ทันตามสถานการณ์ เพราะความท้าทายที่สุดตอนนี้ยังคงเป็น วิกฤต COVID-19 เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบ”

]]>
1311484
คุยกับ Chubby Dough ดีไซเนอร์สาวสู่ผู้พัฒนาโดนัทสไตล์อเมริกันสุดฮิต เอาใจสายโซเชียล  https://positioningmag.com/1292621 Sat, 05 Sep 2020 14:35:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1292621 ดีไซเนอร์สาวนำเอาแนวคิดการออกแบบแบรนด์ดิ้งให้กับลูกค้ามากมายหันมาออกแบบร้านขนมหวานให้ตัวเอง โดยเป็นธุรกิจ โดนัทสไตล์อเมริกัน พร้อมซิกเนเจอร์ที่ต้องกินคู่กันระหว่าง โดนัทกับ Milkshake เปิดร้านได้แค่ 1 สัปดาห์มีลูกค้ารีวิวคับคั่ง พร้อมเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบการกินขนมหวานบวกกับถ่ายรูปลงโซเชียลที่กำลังฮิตในยุคปัจจุบัน

จากดีไซเนอร์สู่เจ้าของแบรนด์

วาสิกา อุดมธนสกุล เจ้าของธุรกิจโดนัทสไตล์อเมริกัน แบรนด์ Chubby Dough เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการเปิดร้านนั้นเริ่มมากจากที่เดิมทีนั้นเปิดสตูดิโอออกแบบ ที่มีตั้งแต่ทำแบรนด์ให้กับลูกค้า สร้างโลโก้ แพ็กเกจจิ้งต่างๆ บวกกับส่วนตัวเป็นคนชอบทำขนมและชอบกินขนมเป็นประจำ

ซึ่งจากที่เปิดสตูดิโอออกแบบแบรนด์ให้กับคนอื่นมาจำนวนมาก เลยมีความคิดที่ต้องการสร้างเป็นแบรนด์ตัวเองดูบ้าง ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้น และที่มาของการเปิดร้านโดนัท

Chubby Dough

จุดเด่น และความพิเศษของตัวสินค้านั้น ด้วยความที่ตนชอบกินขนมเป็นประจำจึงต้องการหาสิ่งที่อร่อยมาให้คนอื่นกินด้วย โดยส่วนตัวนั้นไม่ชอบกินหวานมาก จะชอบรสชาติที่กลมกล่อมมากกว่า เพราะฉะนั้นรสชาติของตัวโดนัทก็จะมีรสชาติหวานน้อย

นอกจากนี้เนื่องจากเพิ่งเปิดตัวร้านได้ไม่นานทำให้เมนูภายในร้านยังคงมีเพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งเมนูที่มีนั่นก็คือ โดนัทสไตล์อเมริกันที่กินคู่กับนมปั่น หรือ Milkshake ซึ่งตัวโดนัททางร้านไม่ได้ผลิตเองแต่จะมีโรงงานทำให้ ความพิเศษคือ สามารถกำหนดกับทางโรงงานได้ว่าจะผลิตโดนัทให้ออกมาในเนื้อสัมผัสที่เหนียวกว่าโดนัททั่วไป โดยมีน้ำตาลไอซ์ซิ่งโรย พร้อมกินคู่กับ Milkshake ก็จะทำให้รสชาติของทั้งคู่อร่อยและเข้ากันได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านอีกด้วย

นอกจากนี้เมนูซิกเนเจอร์นั้นจะเป็น Milkshake สตรอเบอร์รี่ ที่เป็นสูตรของทางร้านโดยเฉพาะ โดยมาผสมผสานเข้ากับแยมสตรอเบอร์รี่ ที่เมื่อผสมกันแล้วจะให้รสชาติที่ไม่หวานมากบวกกับความเปรี้ยวเล็กน้อย และเมื่อกินคู่กันก็จะได้รสชาติที่อร่อยถูกปากลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งนี้โดนัทของทางร้านจะเป็นสไตล์อเมริกัน ซึ่งความพิเศษอยู่ตรงที่จะมีเนื้อสัมผัสที่เหนียวกว่าโดนัททั่วไป รวมถึงมีกลิ่นน้ำมันมากกว่าและเนื้อจะฟูมากกว่า ซึ่งโดนัทสไตล์อเมริกันนั้นจะไม่นุ่มละมุนเหมือนฝั่งเอเชีย

Chubby Dough

สำหรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดนั้นทางแบรนด์จะเน้นการทำการตลาดแบบ Take Away หรือ ซื้อกับบ้านมากกว่านั่งที่ร้าน เพราะตอนนี้ทางร้านมีที่นั่งรองรับลูกค้าจำนวนน้อย เนื่องจากเพิ่งเปิดร้านแต่จะมีมาเพิ่มในอนาคตแน่นอน ซึ่งกลยุทธ์ที่ทางร้านตั้งเป้าไว้คือ เป็นร้านที่ลูกค้าสามารถมาถ่ายรูปได้บวกกับได้กินขนม และเครื่องดื่มของทางร้านที่มีรสชาติถูกปากลูกค้าเป็นอย่างดี

ยอดขายวันละ 500 ชิ้น

ทั้งนี้สำหรับโดนัทที่รับมาจากโรงงานนั้นทางร้านจะรับมาวันต่อวัน ถ้าวันไหนมีโดนัทเหลือทางร้านก็จะทิ้งทันที ไม่เก็บมาขายต่ออีกแน่นอน ทำให้กำลังการลิตต่อวันที่ทางโรงงานผลิตให้กับทางแบรนด์นั้นใน 1 วันจะอยู่ที่ประมาณ 300-400 ชิ้นในช่วง 2 สองวันแรก

แต่วันถัดๆ มา ลูกค้าให้การตอบรับดีขึ้นกำลังการผลิตก็เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 500 ชิ้นต่อวัน นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าที่ให้การสนับสนุนสินค้าของทางร้านจะแยกเป็นวัน เช่น จันทร์ – ศุกร์ จะเป็นลูกค้ากลุ่มพนักงานออฟฟิศ และลูกค้าที่มาตามรีวิวต่างๆ

Chubby Dough

ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์จะเป็นลูกค้ากลุ่มที่มาท่องเที่ยวแถว Gump’s Ari ซึ่งในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์จะขายหมดเร็วกว่าวันปกติ ถึงแม้จะมีการสั่งโดนัทเพิ่มเป็นเท่าตัวของวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนการสั่งแบบเดลิเวอรี่นั้นทางร้านมีบริการจัดส่งกับ Line Man แต่ยังคงไม่เต็มที่มากนัก

สำหรับโดนัทของทางร้านจะมีทั้งหมด 4 รสชาติ โดยจะเป็นโดนัทเปล่าๆ ทอดมาใหม่ๆ และจะมีการโรยน้ำตาลไอซิ่งลงไปแต่จะไม่ได้ชุบน้ำตาลเหมือนคนอื่น เพราะส่วนตัวเจ้าของแบรนด์มีความต้องการจะให้รสชาติโดนัทมีความหวานน้อย ก็เลยใช้น้ำตาลไอซิ่งแทนการชุบน้ำตาล โดยน้ำตาลไอซิ่งจะมีทั้งหมด 4 รสชาติ คือ รสออริจินอล สตรอเบอร์รี่ มันม่วงฮอกไกโด และโกโก้ ซึ่งรสชาติเหล่านี้ทางร้านเป็นคนคิดค้นสูตรและผสมวัตถุดิบต่างๆ ขึ้นมาเอง

ทำไมต้องแก้ว 2 ชั้น?

ทั้งนี้ตัวแพ็กเกจจิ้งที่เป็นแบบแก้วสองชั้น ในความเป็นจริงแล้วอากาศประเทศไทยเป็นอากาศร้อนค่อนข้างมาก ทางร้านจึงมีแนวคิดที่ทำเป็นแก้วสองชั้นเพื่อคงความเย็นให้กับตัว Milkshake เพื่อให้ความเย็นและความสดชื่นยังคงอยู่กับตัวสินค้า

Chubby Dough

ส่วนการที่เอาโดนัทใส่เข้าไปในแก้วด้วยนั้น เจ้าของแบรนด์ให้ความเห็นว่า ต้องการให้ลูกค้ากินคู่กัน เพราะว่าส่วนตัวนั้นตนเคยไปกินที่ประเทศญี่ปุ่นจึงอยากให้ลูกค้าได้กินแบบนั้นดูบ้าง และอีกหนึ่งเหตุผลคือ ประหยัดภาชนะที่ใส่อาหาร เพราะลูกค้าบางคนอาจจะไม่ชอบการถือสินค้าหลายอย่าง เมื่ออยู่ด้วยกันในแก้วเดียวก็จะสะดวกในการถือกินได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ถ้าหากขายแต่โดนัทเพียงอย่างเดียวทางร้านกำหนดขายตั้งแต่ 5 ชิ้นขึ้นไป ส่วนถ้าซื้อคู่กับ Milkshake จะได้โดนัท 2 ชิ้น แต่ถ้าลูกค้าต้องการโดนัทมากกว่า 2 ชิ้นก็สามารถบอกกับทางร้านได้อีกด้วย ทำให้ตอนนี้ลูกค้าส่วนมากจะสั่งเมนูที่เป็นโดนัทพร้อม Milkshake มากกว่าโดนัทเพียงอย่างเดียว

Chubby Dough

ทั้งนี้ผลตอบรับจากลูกค้าตั้งแต่เปิดร้านมาเพียง 1 สัปดาห์ดีเกินคาดจากที่ทางร้านคำนวณไว้ สำหรับราคานั้นจะมีราคาอยู่ที่ 80-100 บาท โดยแยกเป็น โดนัทกล่อง 5 ชิ้น 100 บาท Milkshake เพียงอย่างเดียว 80 บาท ส่วน Chubbyshake หรือโดนัทคู่กับ Milkshake อยู่ที่ราคา 100 บาท

สำหรับในอนาคตทางร้านได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในแนวทางของการส่งเดลิเวอรี่ให้ได้มากที่สุด รวมถึงกำลังตัดสินใจที่จะนำสินค้าไปเปิดในห้างสรรพสินค้าเพื่อเป็นเฟสที่สอง ส่วนเฟสที่สามก็มีการมองเป็นแฟรนไชส์ ซึ่งในตอนนี้มีความต้องการจะขายเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน

เนื่องจากทางร้านยังคงอยากควบคุมคุณภาพบวกกับราคาที่เจาะกลุ่มลูกค้าคนเมืองมากกว่า รวมถึงจะขยายไปในทิศทางของต่างประเทศเพราะว่ามีลูกค้าต่างชาติ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน มีติดต่อเข้ามาพอสมควร ซึ่งตัวแฟรนไชส์อาจจะได้เห็นตอนต้นปีหน้า แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ต่างๆ ควบคู่ไปด้วย

Chubby Dough

Source

]]>
1292621
โดนัทกับรถแข่ง กลยุทธ์สร้างแบรนด์ 81 ปี Krispy Kreme https://positioningmag.com/1180287 Wed, 25 Jul 2018 03:21:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1180287 Krispy Kreme แบรนด์โดนัทชื่อดังเตรียมฉลองใหญ่แซยิด 81 ขวบด้วยการทำแคมเปญให้ชาวอเมริกันซื้อโดนัท 1 โหลแล้วรับอีกโหลในราคา 1 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 31 บาท ดีเดย์ศุกร์ 27 กรกฎาคมซึ่งจะเป็นวันที่ Krispy Kreme เตรียมออกรสใหม่เอาใจคอโดนัทด้วย 

การฉลองครั้งนี้ทำให้ Krispy Kreme ถูกจับตามองอีกครั้งเรื่องการเป็นแบรนด์อายุเก่าแก่ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1937 ถึงวันนี้ Krispy Kreme ผ่านมา 81 ร้อน 81 หนาวจนสามารถปักหลักในตลาดขนมหวานได้อย่างสง่างาม

ส่วนหนึ่งของเรื่องราวน่าสนใจใน 81 ปี Krispy Kreme คือความพยายามสร้างเรื่องราวให้โลกจดจำ ทั้งการพยายามทำลายสถิติโลกใน Guinness Book of World Records หรือการพยายามสนับสนุนรถแข่ง ซึ่งในอนาคตนับจากนี้ เชื่อว่า Krispy Kreme จะไม่พลาดโอกาสชิงพื้นที่การตลาดเพื่อสร้างยอดขายเพิ่มในตลาดโลก

Krispy Kreme ชอบแจกฟรี?

ในบทความเรื่อง 11 Things You Didn’t Know About Krispy Kreme หรือ 11 สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับ Krispy Kreme ระบุว่าเจ้าพ่อโดนัทนิยมใช้กลยุทธ์สร้างสรรค์รสโดนัทขึ้นใหม่ ขณะเดียวกันก็พยายามทำโปรโมชั่นแจกโดนัทฟรีหลายครั้งในแต่ละปี

จากประวัติของ Krispy Kreme พบว่า Vernon Rudolph ก่อตั้ง Krispy Kreme ขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1937 ที่ Winston-Salem รัฐนอร์ทแคโรไลนา บิดา Krispy Kreme เช่าอาคารใน Old Salem เพื่อทำโดนัทส่งขายให้ร้านขายของชำท้องถิ่น แต่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องขยับมาขายขนมหวานให้กับลูกค้าโดยตรงผ่านร้านเล็กๆ ข้างทาง

สินค้าที่ขายดีตลอดกาลของ Krispy Kreme ตลอด 81 ปีคือ Original Glazed ต้องยอมรับว่า Krispy Kreme ดึงลูกค้าเข้าร้านได้เพราะกลิ่นหอมหวานของโดนัทออริจินอลที่ไม่มีไส้ที่ว่านี้ จุดนี้รายงานชี้ว่าโดนัทต้นฉบับของ Krispy Kreme ใช้แป้งยีสต์ผ่านเครื่องอัดรีดแบบแรงดันอากาศที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท และขึ้นรูปเป็นวงแหวนกลมสมบูรณ์ก่อนจะถูกพักไว้ประมาณ 30 นาที เมื่อทอดในน้ำมันพืชจึงผ่านใต้น้ำตกน้ำเชื่อมอุ่นซึ่งเป็นกระบวนการที่วิศวกรของ Rudolph คิดค้นไว้ในยุค 60 จากเดิมที่โดนัทเหล่านี้ต้องเคลือบด้วยมือในอ่างผสมขนม

หลายคนไม่รู้ว่า Krispy Kreme เป็นสูตรขนมจากทางใต้ของสหรัฐอเมริกา เพราะ Vernon Rudolph ยอมรับว่าได้ซื้อสูตรโดนัทจากพ่อครัวฝรั่งเศสรายหนึ่งใน New Orleans ซึ่งตอนนี้ถูกสงวนไว้ในโรงงานของบริษัท การไม่เปิดเผยสูตรทำให้มีหลายคนพากันวิเคราะห์ถึงส่วนผสม ว่าอาจประกอบด้วยครีมของไข่ขาวตีฟู่ มันฝรั่งบด น้ำตาล ไขมัน หางนม และแป้ง แน่นอนว่าวันนี้ยังมีน้อยคนนักที่รู้ว่ามีอะไรในโดนัทของ Krispy Kreme 

Krispy Kreme ยังได้ชื่อว่าเป็นโดนัทรสดีที่สุดในอุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง เพราะหลังจากทอดแล้ว โดนัท Krispy Kreme จะถูกอาบด้วยน้ำตกน้ำเชื่อมที่มีอุณหภูมิ 120 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อน้ำเชื่อมเคลือบเย็นลง โดนัทจึงถูกลำเลียงลงกล่องเพื่อให้พนักงานจัดส่งถึงมือลูกค้าต่อไป จุดนี้มีการบันทึกว่า Krispy Kreme เริ่มชูประเด็นอุ่นร้อนในช่วงปี 1992 โดยใช้ไฟนีออนเขียนว่า “Hot Donuts Now” เป็นสัญญาณแจ้งเตือนให้ลูกค้าทราบว่ามีโดนัทสดให้ซื้อแล้ว ซึ่งขณะนี้ไฟนีออนถูกเปลี่ยนเป็นแอปพลิเคชั่น Hot Light App ให้ชาว Krispy Kreme ได้ดาวน์โหลดเพื่อรับการแจ้งเตือนโดนัทสดใหม่จาก Krispy Kreme

และทุกครั้งที่ Krispy Kreme เปิดร้านสาขาใหม่ ผู้คนจะพร้อมใจต่อคิวเพื่อเป็นลูกค้ารายแรกผู้ผ่านประตู โดยผู้เข้าร่วม 100 คนแรกที่สามารถลงทะเบียนมักจะได้รับรางวัลโดนัทฟรีตลอดทั้งปี ขณะเดียวกัน Krispy Kreme ยังเคยจัดการแข่งขัน Krispy Kreme Challenge ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา กลายเป็นการแข่งขันประจำปีที่ผู้แข่งต้องวิ่งระยะทาง 5 ไมล์ ผ่านเมือง Raleigh พร้อมกับต้องรับประทานโดนัท 12 ชิ้น (2,400 แคลอรี) ไปด้วยตลอดเส้นทางภายใน 1 ชั่วโมง การแข่งขันขำๆ นี้จะดำเนินการโดยนักเรียน เพื่อนำเงินไปทำประโยชน์ที่โรงพยาบาลเด็กนอร์ทแคโรไลนา

Krispy Kreme เคยลง Guinness Book of World Records

กล่องโดนัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ถูกบันทึกไว้คือกล่อง Krispy Kreme ขนาด 19 นิ้วคูณ 13 นิ้ว น้ำหนักกล่องโดนัทเบ็ดเสร็จคือ 297 ปอนด์ 10 ออนซ์ เวลานั้นคือปี 2009 บริษัท Kuwait Food Co. สร้างกล่องขนาดมหึมานี้โดยบรรจุโดนัท Krispy Kreme จำนวนกว่า 2,700 ชิ้น

Krispy Kreme ยังพยายามเชื่อมโยงตัวเองกับการขับขี่รถแข่ง ทำให้โลโก้ Krispy Kreme สามารถเห็นได้บนรถของนักแข่งมืออาชีพ โดย Krispy Kreme เป็นแบรนด์ผู้สนับสนุนหลักของ Gray Gaulding 

สำหรับวันเกิดปีนี้ Krispy Kreme มอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าในสหรัฐฯ และแคนาดาช่วงวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคมนี้ โดยนอกจากจะซื้อโดนัทโหลที่ 2 ได้ด้วยราคา 1 เหรียญแล้ว Krispy Kreme ยังจัดทำรสใหม่ “Glazed Confetti Donut” เพื่อจำหน่ายพิเศษเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันที่ 2 สิงหาคมนี้.

ที่มา

]]>
1180287
อนาคตของ Dunkin’ Donuts ต้องเดินตามรอย Starbucks !? https://positioningmag.com/1153892 Thu, 18 Jan 2018 23:15:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1153892 เชนคาเฟ่ Dunkin’ Donuts เปิดตัวร้านต้นแบบสาขาใหม่ที่สหรัฐอเมริกา การจัดพื้นที่ในสาขานี้ทำให้สื่อวิเคราะห์ว่าอนาคตของ Dunkin’ Donuts อาจคล้าย Starbucks ก็ได้ เพราะมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับบริการสั่งซื้อและชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนมากขึ้น แถมยังมีเมนูกาแฟพิเศษฟองนุ่มอย่าง nitro cold brew ให้บริการด้วย

ร้านต้นแบบของ Dunkin’ Donuts มีขนาด 2,200 ตารางฟุต ตั้งอยู่ใกล้กับร้านแรกของแบรนด์ใน Quincy รัฐ Massachusetts ซึ่งเปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1950 ความแปลกคือการเป็นร้านต้นแบบแห่งแรกที่แสดงแนวคิดยุคอนาคตของ Dunkin’ Donuts ที่จะสว่างกว่า มีความฮิปมากกว่า และมีพื้นที่โล่งเพื่อความสบายตาสบายใจมากกว่าเดิม

แน่นอนว่า Dunkin’ Donuts ลดความเข้มข้นของการจำหน่ายโดนัทลง โดยเครื่องดื่มจะถูกเทจากตู้จ่ายเครื่องดื่ม ลักษณะเหมือนตู้จ่ายเบียร์สด 

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รับสินค้าที่กำหนดไว้ในร้าน และมีช่องรับสินค้าสำหรับการขับรถผ่านหรือ drive-through เพื่อสั่งสินค้า และการรับคำสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ภายนอกร้านด้วย

ลักษณะการจัดการเช่นนี้ทำให้สื่ออเมริกันแซวว่า อนาคตของ Dunkin’ Donuts ไม่ต่างจาก Starbucks เพราะ Starbucks เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจเรื่องการรับคำสั่งซื้อกาแฟจากโทรศัพท์มือถือมานานแล้ว ทำให้แอปพลิเคชันบนมือถือ และระบบการสั่งซื้อพร้อมชำระเงินผ่านมือถือของ Starbucks เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Starbucks ประสบความสำเร็จงดงาม ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2017 ที่ผ่านมา การสั่งซื้อและการชำระเงินผ่านมือถือของร้านค้า Starbucks ในสหรัฐฯ นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 7% ในปีก่อนหน้า

สถิตินี้สะท้อนว่าการสั่งซื้อกาแฟทางโทรศัพท์มือถือล่วงหน้านั้นได้รับความนิยมสูงมากในสังคมอเมริกัน ซึ่ง Starbucks รู้ดีจนมีการจัดบาริสต้าเพื่อรับคำสั่งซื้อทางโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

กรณีของ Dunkin’ สัญญาณล่าสุดชัดเจนว่าเชนโดนัทกำลังมองไปที่ระบบรับคำสั่งซื้อทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อขยายตลาดในอนาคต ประเด็นนี้ David Hoffman ประธานของ Dunkin’ Donuts ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เคยกล่าวในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ว่าการสั่งซื้อสินค้าและจ่ายเงินได้แม้จะเดินทางอยู่หรือ on-the-go order and pay คือสิ่งที่ Dunkin’ คิดว่าจะสามารถปลดล็อกสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อขยายอาณาจักร Dunkin’ ในอนาคต

ซีอีโอ Dunkin’ อธิบายในครั้งนั้นว่า โทรศัพท์มือถือช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับร้านอาหารได้มาก (หรือน้อย) เท่าที่ทุกคนต้องการ โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา Dunkin’ ตลาดโมบายทำยอดขายให้ Dunkin’ ราว 3% ลูกค้ากลุ่มนี้มีแนวโน้มใช้งานซ้ำอีกมากกว่า 70% ตรงกับที่ Sherrill Kaplan รองประธานฝ่ายการตลาดดิจิทัลและนวัตกรรมของ Dunkin’ เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า เมื่อลูกค้าได้ลองสั่งซื้อผ่านโทรศัพท์มือถือแล้ว ก็จะกลับมาใช้บริการผ่านโทรศัพท์มือถืออีกในเวลาต่อไป

สำหรับการเปิดสาขาร้านต้นแบบนี้ ซีอีโอ Hoffmann ย้ำว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญของ Dunkin’ Donuts ในการเติบโตด้วยฐานะแบรนด์ on-the-go, beverage-led brand ซึ่งบริษัทจะทำงานใกล้ชิดกับเหล่าร้านแฟรนไซส์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายสูงสุด โดยแนวคิดจากร้านต้นแบบนี้จะถูกประยุกต์ใช้กับร้านใหม่และร้านที่ปรับปรุงใหม่มากกว่า 30 แห่งในสหรัฐอเมริกาช่วงปีนี้

ที่มา :

]]>
1153892
ดราม่าต่อแถวซื้อ 1 แถม 1 “คริสปี้ครีม” โดนัทร้อยล้าน https://positioningmag.com/1146852 Wed, 15 Nov 2017 17:58:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1146852 ภาพจาก : Veerayuth Krootsin’s

เมื่อ “คริสปี้ครีม” โดนัทแบรนด์ดัง เดินหน้าทำตลาดปลุกกระแส “เข้าคิว” ซื้อสินค้ากลับมาอีกครั้ง ด้วยการออกโปรโมชั่นซื้อ 1 โหล รับฟรี 1 โหล เฉพาะ 6 สาขาที่ร่วมรายการ สินค้ามีจำนวนจำกัด ตั้งแต่วันที่ 13-18 พฤศจิกายน 2560 แต่ประเด็น “ดราม่า” ตามหลังทันที

เมื่อผู้บริโภคที่ต่อคิวซื้อสินค้าตอน 11.30 น. แต่กลับพบว่า “สินค้าหมด” อด! ถ้าอยากได้สิทธิ์โปรโมชั่นดังกล่าวต้องมาใหม่ 16.00 น. บางคนไปต่อคิวลำดับที่ 24 จะซื้อสินค้า ก็หมด! เช่นกัน

เมื่อลูกค้าไปซื้อแล้วต้องผิดหวัง แม้จะไม่ได้เกิดดราม่าที่ไม่รุนแรงเหมือนบางแบรนด์ แต่กระแสตีกลับทำเอาหน้าเพจของ krispykremethailandfanpage คุกรุ่นไม่เบาเลยทีเดียว

ในการออกโปรโมชั่น “แรง!” แบรนด์จะต้องประเมินไว้ระดับหนึ่งว่า จะมีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้ามากน้อยแค่ไหน และทำการผลิตสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการ มากกว่าจัดโปรโมชั่นมาเพื่อ “สร้างกระแสการต่อคิว” เท่านั้น เพื่อให้มีผู้บริโภคยังพูดถึงแบรนด์ในทุกสถานการณ์

เพราะต้องยอมรับว่า นอกจากจุดขายด้านผลิตภัณฑ์โดนัทชื่อดังกล่าวแล้ว การ “ต่อคิว” เพื่อซื้อคริสปี้ครีม เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทำให้แบรนด์ ดังเป็นพลุแตก และถูกพูดถึงกันอย่างมากบนโลกโซเชียล

ภาพจาก : Geg KHunjira’s

หลายครั้งที่แบรนด์ดังจัดโปรโมชั่นทั้งลดกระหน่ำ 90% โปร 1 แถม 1 จะเรียกแขกได้เป็นอย่างดี เพราะผู้บริโภคล้วนอยากได้ของ “ราคาถูก” แต่พอเจอ “ความต้องการสูง” มากกว่าสินค้าที่จะขาย ทำให้ผู้บริโภคผิดหวัง ไล่หลังจึงเป็นคำติแบรนด์มากกว่าจะชม

ก่อนหน้านี้ กลยุทธ์เข้าคิว ซื้อ1 แถม 1ของคริสปี้ครีมเคยถูกนำมาใช้ช่วงเปิดในไทย ซึ่งผู้บริโภคยอม “รอ” หลายชั่วโมงเพื่อให้ได้ลิ้มรสโดนัทดังจากสหรัฐฯ โดยคิวยาวจากสยามพารากอนไปถึงวัดปทุมวนารามเลยทีเดียว และกระแสการเข้าคิวไม่ได้จางหายง่ายๆ แต่อยู่ในตลาดนานถึง 2 เดือน

การแจ้งเกิดแบรนด์จึงไม่ยาก

ก่อนหน้านี้ “อีฟแอนด์บอย” ร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ ก็โดนกระหน่ำเละในชั่วข้ามคืน เพราะมีคนมารอซื้อสินค้าลด 90% จำนวนมหาศาล มาจองคิวกันข้ามวัน แต่แบรนด์ “ใจไม่ถึง” บ้าง “ไม่จริงใจ” ในการทำตลาดบ้างผลลัพธ์จึงทำให้แบรนด์พัง แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ตัวอย่างจะไม่ได้เป็น “บทเรียน” ให้แบรนด์ต้องนำกลับมาคิด วิเคราะห์ และระมัดระวังกันเลย หวังแค่ Talk of the town ที่นำไปสู่ยอดขายเท่านั้น

สำหรับคริสปี้ครีม เป็นของ “อุษณีย์ มหากิจศิริ” แห่งบริษัท ดีเคเอ็น ซื้อแฟรนไชส์มาเปิดในไทย ตั้งแต่ปี 2554 ปัจจุบันมี 26 สาขา ปี 2559 ทำรายได้ กว่า 557 ล้านบาท เติบโต 10.48% จากปี 2558 และกำไรสุทธิกว่า 17 ล้านบาท เติบโต 41.8%

]]>
1146852