กลุ่มบริษัท พราว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 10 May 2022 09:34:11 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กลุ่มพราวพร้อมเปิด “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” เบนเข็มดึง “อินเดีย” ทดแทนตลาดจีน https://positioningmag.com/1384633 Tue, 10 May 2022 09:15:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1384633 กลุ่มบริษัท พราว พร้อมเปิดตัว “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” วันที่ 21 พ.ค. 65 หลังดีเลย์มากว่า 1 ปีจากโควิด-19 ปีแรกคาดหวังนักท่องเที่ยว 4 แสนคน และหลังการท่องเที่ยวไทยฟื้นเต็มที่ วางเป้าเป็นแหล่งท่องเที่ยว ‘man-made’ หลักของภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวเข้าปีละ 1 ล้านคน ระยะแรกหันดึงชาว “อินเดีย” เป็นตลาดทดแทนจีนที่ยังออกนอกประเทศไม่ได้

หลังประสบความสำเร็จกับ “สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน” กลุ่มบริษัท พราว เริ่มเปิดโปรเจ็กต์ต่อไป “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” ต่อเนื่องเมื่อปี 2562 ตามกำหนดการเดิมจะต้องเปิดบริการปี 2564 แต่โครงการต้องดีเลย์ไปกว่า 1 ปี เพราะเผชิญสถานการณ์โควิด-19 จนการก่อสร้างล่าช้า

ในที่สุดบริษัทพร้อมเปิดตัวสวนน้ำ อันดามันดาแล้วในวันที่ 21 พ.ค. 65 ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวที่เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง

“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว เปิดเผยถึงโครงการนี้ว่า ใช้งบลงทุนรวม 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น เฟส 1 สวนน้ำ 50 ไร่ งบลงทุน 3,000 ล้านบาท เฟส 2 โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท จำนวน 300 ห้อง และส่วนรีเทล รวม 8 ไร่ ลงทุน 1,500 ล้านบาท (เฟส 2 เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดเปิดบริการปี 2567)

สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต

กลุ่มบริษัท พราวเริ่มลงทุนสวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต จากการมองเห็นช่องว่างในตลาดภูเก็ตที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่มนุษย์สร้างขึ้น (man-made attraction) ไม่มากนัก การท่องเที่ยวส่วนใหญ่เน้นไปในด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่ด้วยขนาดตลาดของภูเก็ต มีศักยภาพพอที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ประเภท man-made บริษัทจึงเลือกเปิดสวนน้ำที่ใหญ่กว่าในหัวหินเกือบ 3 เท่า

ไฮไลต์เด่นของสวนน้ำอันดามันดาที่กำลังจะเปิดบริการ มีรายละเอียด เช่น

  • รวมเครื่องเล่นและจุดสนใจ 25 จุด
  • สไลเดอร์ยักษ์ 36 เลน
  • ทะเลจำลอง 10,000 ตร.ม.ที่สามารถสร้างคลื่นได้สูงสุด 3 เมตรสำหรับนักเซิร์ฟ
  • หาดเทียม 300 เมตรสำหรับนอนเล่นพักผ่อน
  • จุดเช็กอิน เขาตะปูจำลอง และตลาดน้ำ
สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต
คลื่นเทียมเพื่อนักเซิร์ฟ
สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต
เขาตะปูจำลอง
  • Wave Bar และ Sand Bar ระบบแสงสีเสียง พร้อมจัดอีเวนต์และมิวสิก ปาร์ตี้
  • เทคโนโลยีสายข้อมือ RFID และระบบ Gamification ทำกิจกรรมด้วยเทคโนโลยี AR ได้ในโครงการ
  • เครื่องเล่นทั้งหมดออกแบบและติดตั้งโดย WhiteWater ประเทศแคนาดา ซึ่งมีประสบการณ์อุปกรณ์เครื่องเล่นทางน้ำมากว่า 40 ปี
  • ไลฟ์การ์ดที่ได้รับการฝึกในระดับสากล 200 คน
  • ระบบหมุนเวียนน้ำใช้ในโครงการ และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

พราวพุธกล่าวว่า ฟังก์ชันในโครงการจะเห็นว่าสวนน้ำต้องการดึงดูดลูกค้าทุกกลุ่ม วางเป้าหมายสัดส่วนกลุ่มครอบครัว 40% กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ 40-50% และกลุ่มผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ 10-20%

 

ระยะสั้นเร่งดึง “อินเดีย” เข้าไทย

ด้านเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว ข้อมูลจาก “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เมื่อปี 2562 ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึง 14 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวไทย 4 ล้านคน และต่างชาติ 10 ล้านคน

ในช่วงที่ไทยเริ่มเปิดระบบ Test & Go ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเฉลี่ย 2,500 คนต่อวัน และเชื่อว่าเดือนพฤษภาคมนี้ซึ่งไทยปลดล็อกการตรวจหาเชื้อเหลือเพียง Antigen Test Kit (ATK) ไม่ต้องตรวจ RT-PCR จะทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ตเฉลี่ย 9,000 คนต่อวัน พร้อมวางเป้าตลอดปี 2565 นี้น่าจะมีชาวต่างชาติเข้าภูเก็ตรวม 4 ล้านคน

จากตัวเลขนี้ พราวพุธมองว่า สวนน้ำ อันดามันดา จะดึงนักท่องเที่ยวได้ราว 10% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตทั้งหมด จึงตั้งเป้าทราฟฟิกชาวต่างชาติปี 2565 ไว้ที่ 4 แสนคน ยังไม่นับรวมนักท่องเที่ยวไทยที่จะเข้ามา

เป้าหมายคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยว และกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก

สำหรับชาวต่างชาติที่จะดึงมาท่องเที่ยวสวนน้ำ มีการปรับตัวตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยน จากช่วงเริ่มโครงการยังเป็นยุคของ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ แต่วันนี้จีนยังไม่เปิดประเทศ ทำให้เป้าหมายหลักทั้งของภูเก็ตและสวนน้ำ อันดามันดา ต้องเบนเข็มไปหาชาวออสเตรเลีย, อินเดีย, ยุโรป, อิสราเอล, UAE

โดยเฉพาะ “อินเดีย” นั้น ภูมิกิตติ์กล่าวว่านิยมเที่ยวไทยมาก ปัจจุบันมีการเดินทางเข้ามาเฉลี่ย 1,000 คนต่อวัน มีไฟลท์บินตรงเข้าภูเก็ตจากหลายเมืองของอินเดีย

 

เป้าระยะยาว 1 ล้านคนต่อปี “สวนน้ำ” คือจุดหมายยอดฮิต

ส่วนเป้าหมายระยะยาว พราวพุธมองว่า ถ้าหากการท่องเที่ยวประเทศไทยและภูเก็ตฟื้นตัวเต็มที่ได้เท่าปี 2562 เชื่อว่าจะมีทราฟฟิกเข้าสวนน้ำปีละ 1 ล้านคน แบ่งสัดส่วน 70% เป็นชาวต่างชาติ และ 30% เป็นคนไทย โดยกลุ่มคนไทยจะเป็นกลุ่มสำคัญ เพราะเห็นบทเรียนจากช่วงโควิด-19 ไม่ควรพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งทั้งหมด

“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว

พราวพุธมองกระแส “สวนน้ำ” ยังคงมีเสน่ห์ทางการท่องเที่ยว เพราะเป็นกิจกรรมที่นิยมของชาวตะวันตกอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มเอเชียก็เริ่มชื่นชอบมากขึ้น เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะกับครอบครัว สอดรับกับกระแสที่สำรวจโดยบัตร American Express พบว่า 79% ของนักท่องเที่ยวหลังผ่านโรคระบาด ต้องการจะท่องเที่ยวกับ “ครอบครัว” ก่อนเป็นอันดับแรก

ผลลัพธ์ของจริงอาจจะไม่ต้องสำรวจที่ไหนไกล พราวพุธระบุว่า สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน วันนี้มีทราฟฟิกกลับมาแล้ว 70-80% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาพักผ่อน เหลือเพียงการจัดงานอีเวนต์ปาร์ตี้ที่ถ้าหากฟื้นกลับมาเต็มสูบ เชื่อว่ากิจกรรมสวนน้ำจะกลับมาบูมเหมือนเก่าได้ไม่ยาก

]]>
1384633
กลุ่มบริษัท “พราว” ผนึก “พลังงานบริสุทธิ์” ผุดจุดชาร์จรถ EV นำร่องการท่องเที่ยว “ไร้มลพิษ” ที่หัวหิน https://positioningmag.com/1372383 Tue, 08 Feb 2022 04:00:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372383
ต้องบอกว่าเทรนด์ในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการของสินค้าอุปโภค บริโภค หรือแค่การงดใช้ขยะพลาสติกเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังรวมไปถึงเรื่องพลังงานต่างๆ การใช้พลังงานทดแทน เพื่อช่วยลดการปล่อยมลภาวะ เป็นหนึ่งในวิธีในการช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย

หนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด กลุ่มบริษัท พราว ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ เจ้าของโครงการดังในเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ได้จับมือร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ร่วมกันผลักดันการท่องเที่ยวหัวหิน ให้เป็นการท่องเที่ยวแบบไร้มลพิษ

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ปัจจุบันมีธุรกิจในเครือ 5 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ ธุรกิจไบโอดีเซล, ธุรกิจโรงไฟฟ้า, ธุรกิจพัฒนา เเละผลิตแบตเตอรี่, ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า ที่สำคัญเป็นบริษัทคนไทย 100%

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นเทรนด์การเติบโตของเซ็กเมนต์รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถยนต์เชิงพาณิชย์ หรือแม้แต่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ข้อจำกัดของยานยนต์ไฟฟ้าก็คือ หลายคนยังกังวลเรื่องจุดชาร์จแบตเตอรี่นั่นเอง

ทางพลังงานบริสุทธิ์เองก็เห็นโอกาสในกลุ่มธุรกิจนี้ และได้เดินหน้าเปิด “สถานีอัดประจุไฟฟ้า” หรือ EA ANYWHERE เพื่อเป็นจุดชาร์จแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่มีให้เลือกใช้ทั้งระบบ AC ซึ่งสามารถอัดประจุไฟฟ้าได้สูงสุดที่ 44 กิโลวัตต์ในยานยนต์ทั้งประเภท PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) และประเภท BEV (Battery Electric Vehicle) โดยใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับ On-board Charger ของรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่น) และระบบ DC ซึ่งสามารถอัดประจุไฟฟ้าได้สูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์รองรับการชาร์จด้วยความเร็วสูงสุด (4C-Rate) ใช้เวลาเพียงแค่ 15-20 นาทีเหมาะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่ที่เป็น BEV เท่านั้น เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และรถโดยสารไฟฟ้า

ที่ผ่านมาพลังงานบริสุทธิ์ได้ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าในสถานที่สาธารณะต่างๆ ที่สามารถรองรับการจอดยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นระยะเวลาอย่างต่ำประมาณ 1-3 ชั่วโมง เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร โรงพยาบาล อาคารจอดรถพื้นที่สำนักงานย่านธุรกิจเป็นต้น และติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าระบบ Fast Charge ที่ใช้เวลาชาร์จสั้นๆ เพียง 15 นาที เช่น จุดพักรถในเส้นทางหลัก ตลอดจนภายในสถานีบริการน้ำมัน

และด้วยความที่ทั้งกลุ่มบริษัทพราว และพลังงานบริสุทธิ์ มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน การร่วมมือกันครั้งนี้จึงสร้างมิติใหม่แห่งวงการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยที่ทางพลังงานบริสุทธิ์ได้ติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกในหัวหินที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบไร้มลพิษ หวังต่อยอดไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ในอนาคต จุดชาร์จนี้จะตั้งอยู่ภายในบริเวณที่จอดรถของโรงแรม แขกผู้เข้าพักสามารถจอดรถทิ้งไว้เพื่อชาร์จพลังงานไฟฟ้าในระหว่างที่พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ มีค่าบริการเริ่มต้นที่ 50-150 บาท ที่สำคัญที่นี่มีจุดชาร์จที่เยอะมากกว่า 10 จุดเลยทีเดียว

วสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวว่า

“ความร่วมมือครั้งนี้ทั้ง 2 บริษัทมีจุดมุ่งหมายคล้ายๆ กัน กลุ่มบริษัทพราวเองก็ต้องการผลักดันพลังงานสะอาดที่หัวหินส่วนพลังงานบริสุทธิ์ก็มีนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อม มีธุรกิจในเรื่องนี้อยู่แล้ว อีกทั้งเรามองว่าเมืองท่องเที่ยวมีความจำเป็นต้องใช้พลังงานสะอาด เป็นการท่องเที่ยวแบบไร้มลพิษ ปีหน้าอาจจะมีรถโดยสารไฟฟ้าที่หัวหินด้วยก็ได้”

จริงๆ แล้วความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2561 ตั้งแต่ที่พลังงานบริสุทธิ์ได้ติดตั้งจุดชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน ถือว่าเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด แต่ความร่วมมือนี้ก็ได้ต่อยอดไปยังโครงการอื่นๆ อย่างเช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รวมไปถึงรถรับส่งต่างๆ ก็เป็นรถชัทเทิลบัสพลังงานไฟฟ้าที่รับส่งระหว่างโครงการของกลุ่มบริษัทพราว หรืออย่างในช่วงวันเคาท์ดาวน์ปีใหม่ 2565 ที่ผ่านมานี้ ก็มีบริการรถโดยสารพลังงงานไฟฟ้ารับส่งนักท่องเที่ยวเพื่อไปดูพลุที่หน้าหาดบริเวณโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลหัวหิน รีสอร์ทซึ่งอยู่ในขั้นที่กำลังคุยกันว่าจะเป็นรถให้บริการแบบถาวร

“หัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งแรกที่เริ่มทำโครงการอย่างจริงจัง เป็นโลเคชั่นที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เป็นจุดที่คนจะทดลองการใช้รถไฟฟ้าได้ อีกทั้งกลุ่มบริษัทพราวก็มีหลายโครงการในหัวหิน ทั้งโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหินรีสอร์ท, สวนน้ำวานา นาวาวอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน, โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์วานา นาวา หัวหินทรู อารีน่าหัวหิน สปอร์ตคลับและศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหินหลังจากที่ติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ก็มีต่อยอดด้วยการนำโซลาร์เซลล์ไปติดที่หลังคาโครงการบลูพอร์ต ในอนาคตอาจจะมีขยายความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทพราวที่โลเคชั่นอื่นๆ ได้อีก ตอนนี้กำลังคุยที่ภูเก็ตอยู่เช่นกัน สอดคล้องกับนโยบายรัฐ เมืองท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

สำหรับเป้าหมายของการร่วมมือกันในครั้งนี้ เพื่อต้องการผลักดันการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน สามารถทำเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปหัวหินจะมีมลพิษน้อยลง หรือถ้าต่อไปมีเปิดเส้นทางอื่นๆ ก็ยิ่งช่วยลดมลพิษได้มากขึ้น

นอกจากนี้พลังงานบริสุทธิ์ยังมีให้บริการ “เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า” แล้วด้วย ช่วยลดมลภาวะทางน้ำได้อีก ในอนาคตอาจจะเปิดตัวเป็นเรือท่องเที่ยวได้ และต่อยอดความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทพราวได้อีกด้วย

ความร่วมมือกันครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืนขึ้น เพราะการใช้พลังงานทดแทนอย่างพลังงานไฟฟ้า นอกจากจะลดมลภาวะทางอากาศแล้ว ไม่มีเสียงรบกวน ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น การได้เห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ผนึกกำลังกัน จะช่วยสร้างการท่องเที่ยวแบบไร้มลพิษได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

]]>
1372383