กล้อง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 03 Apr 2023 06:24:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ตลาดกล้องยังไม่ตาย! ‘แคนนอน’ ชี้ ‘ครีเอเตอร์’ คือน่านน้ำใหม่ พร้อมวางเป้าเติบโต 20% https://positioningmag.com/1425989 Mon, 03 Apr 2023 06:12:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1425989 ย้อนกลับไปปี 2019 ก่อนที่โลกจะเจอกับการระบาดของ COVID-19 ตลาด กล้อง มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,500 ล้านบาท มียอดขายประมาณ 230,000 เครื่อง แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมา มูลค่าของตลาดก็ลดลงเหลือเพียง 3,000 ล้านบาท มียอดขายประมาณ 95,000 เครื่องเท่านั้น แต่ แคนนอน (Canon) ก็ยังเชื่อว่า ตลาดยังไม่ตาย และน่านน้ำใหม่ก็คือ ครีเอเตอร์

ตลาดยังไม่ตายแต่ไม่โต

ตลาดกล้อง ถือเป็นอีกตลาดที่ถือเป็นช่วงขาลงอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่การมาของสมาร์ทโฟนที่ประสิทธิภาพของกล้องนับวันจะดีมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อภาคการท่องเที่ยว ที่ถือเป็นอีกปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนตลาดยังหายไปนับตั้งแต่ที่เกิดการระบาดของ COVID-19 ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่มูลค่าตลาดกล้องจะหายไปเกินครึ่ง อย่างไรก็ตาม เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เชื่อว่า ตลาดคงไม่ตกต่ำไปกว่านี้แล้ว

โดยสิ่งที่ช่วยพยุงตลาดในตอนนี้ก็คือ กล้อง Full Frame โดยในปีที่ผ่านมาเป็นกลุ่มเดียวที่ยังเติบโตได้ถึง 11% ขณะที่ปี 2023 ทาง GFK คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 6% นอกจากนี้ การท่องเที่ยวที่กลับมาเติบโตก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดยังคงประคองตัวได้ เพราะกล้องเป็นสินค้าแรก ๆ ที่คนอยากอัปเกรดเมื่อจะไปท่องเที่ยว

“ตลาดมันลดมานานจนถึงจุดที่มันนิ่งเเล้ว อย่างกล้องคอมแพคก็ถูกแทนที่โดยมือถือ ส่วนกล้อง DSLR คนก็อัปเกรดไปใช้ Full Frame ทำให้มูลค่าตลาดตกน้อยกว่าจำนวน เพราะมีราคาสูงกว่า แต่แม้ตลาด Full Frame ยังเติบโตได้ แต่คงจะโคเวอร์ตลาดไม่ได้ทั้งหมด ดังนั้น ตลาดกล้องปีนี้เราคาดว่าตลาดยังทรงตัว”

ครีเอเตอร์ น่านน้ำใหม่ของตลาด

ด้วยการเติบโตของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะเห็นว่ามี อินฟลูเอนเซอร์ หรือ ครีเอเตอร์ หน้าใหม่เกิดขึ้นมาทุกวัน ซึ่งแคนนอนมองว่าครีเอเตอร์เป็น บลูโอเชี่ยน ของตลาดกล้อง ซึ่งแคนนอนก็ต้องการจะเจาะกลุ่มครีเอเตอร์ที่ต้องการ อัปเกรดจากสมาร์ทโฟนมาใช้งานกล้อง เพราะถึงแม้ว่าการใช้สมาร์ทโฟนจะสะดวกแต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง

โดย เนตรนรินทร์ มองว่า เห็นเทรนด์การเติบโตของครีเอเตอร์ตั้งแต่ก่อนโควิด ที่คนไทยเปลี่ยนจากแค่ถ่ายรูปมาเป็นถ่ายคลิป จนนำไปสู่การแชร์และเกิดเป็นการสร้างรายได้

“แน่นอนว่ากล้องมือถือมันสะดวก แต่ลูกค้าที่ซื้อกล้องเพราะฟีเจอร์มันตอบโจทย์สิ่งที่มือถือไม่มี โดยเราเชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 30% ของครีเอเตอร์ที่ใช้สมาร์ทโฟนทำคอนเทนต์เป็นหลัก และสำหรับคนที่เริ่มสร้างรายได้จากคอนเทนต์ได้ เขาก็อยากจะอัปเกรดอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มคุณภาพของคอนเทนต์”

ส่งกล้อง 2 รุ่นใหม่จับตลาดเอนทรี่-มิดไฮ

ล่าสุด แคนนอนได้เปิดตัวกล้อง 2 รุ่น ได้แก่ EOS R8 และ EOS R50 สำหรับจับกลุ่มครีเอเตอร์ พร้อมออกแคมเปญ You ‘R Creator ใช้งบการตลาดที่ 50 ล้านบาท

โดย EOS R8 เป็นกล้อง Mirrorless Full Frame เน้นการใช้งานมืออาชีพ บันทึกวิดีโอคุณ 4K 60P ได้แบบไม่ครอป มีฟังก์ชัน Auto Focus detect only ช่วยให้ภาพวิดีโอดูเนียนตา โฟกัสไม่หลุดแม้เดินเข้า-ออกจากเฟรมภาพ โดยราคากล้องเปล่าอยู่ที่ 56,590 บาท และพร้อมเลนส์ RF24-50mm f/4.5-6.3 IS STM ที่ 64,790 บาท

ส่วน EOS R50 จะจับตลาดครีเอเตอร์กลุ่มเริ่มต้นที่อยากอัปเกรดจากการใช้สมาร์ทโฟนถ่ายคอนเทนต์มาเป็นกล้อง เหมาะสำหรับทำ Live Streaming Blogger และ Vlogger โดยสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อไลฟ์ได้โดยไม่ต้องลงแอปพลิเคชัน, ใช้ทัชสกรีนหาจุดโฟกัส เป็นต้น โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 28,990 บาท มีสีขาวและดำ

“ราคาสินค้าที่ขายดีจะอยู่ประมาณ 30,000-90,000 บาท ดังนั้น ตัวเริ่มต้นราคาประมาณ 2 หมื่นไม่เกิน 3 หมื่น เรามองว่าเป็นราคาที่ลูกค้ามีกำลังจ่ายได้”

วางยอดขายโต 20%

สำหรับยอดขายทั้ง 2 รุ่นใหม่ แคนนอนวางไว้ที่ 6,000 เครื่อง พร้อมวางเป้ายอดขายทั้งปี เติบโต 20% ปัจจุบัน รายได้จากกล้องคิดเป็นประมาณ 25% ของรายได้รวม หรือราว 800 ล้านบาท

“เราจะไม่ทำสงครามราคา เพราะมองว่าไม่ยั่งยืน อย่างในตลาดตอนนี่้เทียบคู่แข่งเราไม่ได้ถูกกว่า แต่มั่นใจว่าคุ้มค่าการจ่าย โดยรุ่น EOS R50 เราต้องการจะไปแทนที่การใช้สมาร์ทโฟน เพราะเรามองว่ามันยังมีข้อจำกัด เราเลยทำฟีเจอร์ที่แทนที่ข้อจำกัดของการใช้กล้องสมาร์ทโฟน ส่วน EOS R8 จะมาเพื่อรักษาความแข็งแรงของกลุ่ม Full Frame” เนตรนรินทร์ ทิ้งท้าย

]]>
1425989
ม้วนเสื่อแล้ว! “โอลิมปัส” เตรียมโบกมือลาธุรกิจกล้อง https://positioningmag.com/1285052 Wed, 24 Jun 2020 15:29:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285052 บริษัทญี่ปุ่น “โอลิมปัส” (Olympus) ประกาศแผนขายหน่วยธุรกิจกล้องให้กับกลุ่มทุนเอกชน ปิดฉากแผลขาดทุนยืดเยื้อ คาดการซื้อขายธุรกิจจะเรียบร้อยภายในปีนี้

โอลิมปัสคอร์ป ส่งสัญญาณปิดฉากยุคสมัยของการผลิตกล้องถ่ายภาพรวมถึงกล้องดิจิทัลอย่างเป็นทางการ โดยบริษัทเปิดเผยแผนขายหน่วยธุรกิจอิเมจจิ้งที่ขาดทุนออกไป เพื่อเทโฟกัสให้ธุรกิจผลิตอุปกรณ์การแพทย์เป็นหลัก

โอลิมปัสนั้นเริ่มผลิตกล้องในปี 1936 และกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางในวงการตากล้อง โดยมีรุ่นยอดนิยมเช่น Olympus Pen แต่น่าเสียดายที่โอลิมปัสไม่อาจปรับตัวให้เข้ากับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงในยุคทองของภาพดิจิทัลและสมาร์ทโฟน ทำให้โอลิมปัสตัดสินใจขายธุรกิจกล้องถ่ายภาพทิ้งไปในที่สุด

โอลิมปัสจะโอนหุ้นธุรกิจกล้องไปยังกองทุนที่ดำเนินการโดย Japan Industrial Partners ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์เอกชนที่จะรับหน้าที่สานต่อธุรกรรมจนแล้วเสร็จวันที่ 30 กันยายน โดยจะพยายามทำข้อตกลงให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2020 

โอลิมปัสกล่าวว่าได้พยายามลดต้นทุนของธุรกิจกล้องมาตลอด เนื่องจากยอดขายที่ลดลง บริษัทได้ปรับทั้งโครงสร้างการผลิต และหันไปมุ่งเน้นไปที่สินค้ากลุ่มกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ที่มีมูลค่าจำหน่ายได้สูง แต่โอลิมปัสก็ยังขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปี รวมถึงปีนี้ที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2563

บริษัทญี่ปุ่นเผยว่าในช่วง 12 เดือนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2563 ธุรกิจภาพของโอลิมปัสบันทึกรายได้ 43,600 ล้านเยน ลดลง 10% เมื่อเทียบปีต่อปี ทำให้ขาดทุนจากการดำเนินงาน 10,400 ล้านเยน ถือว่าดีขึ้นแล้วเมื่อเทียบกับการขาดทุน 18,300 ล้านเยนในปีงบประมาณ 2562 ที่ผ่านมา

วันนี้ ธุรกิจเกี่ยวกับการถ่ายภาพสร้างรายได้ให้โอลิมปัสน้อยกว่า 6% ของรายได้รวมทั้งกลุ่มในปีนี้ โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากธุรกิจระบบการแพทย์ เช่น กล้องส่องขนาดเล็ก และอุปกรณ์ผ่าตัด.


ที่มา : https://asia.nikkei.com/Business/Business-trends/Olympus-set-to-bring-shutter-down-on-camera-business

]]>
1285052
COVID-19 ซ้ำเติมธุรกิจกล้องขาลง Nikon ปลดพนักงาน 700 คน ในไทย-ลาว กำไรลด 88% https://positioningmag.com/1281190 Fri, 29 May 2020 08:46:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1281190 Nikon ผู้ผลิตกล้องรายใหญ่จากญี่ปุ่น ประกาศปลดพนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 700 คน เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจกล้องดิจิทัล หลังรายได้เเละยอดขายลดลงต่อเนื่อง ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 เตรียมรับขาดทุนในช่วง 2 ปีนี้ 

ก่อนหน้านี้ “ตลาดกล้องดิจิทัล” ก็อยู่ในช่วงขาลงหนักอยู่เเล้ว เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพมากขึ้น เหล่าบริษัทกล้องทั้งหลาย จึงพยายามจะปรับตัวโดยหันมามุ่งตลาดกล้อง Mirrorless เเละเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ กลุ่มบล็อกเกอร์หรือคนที่ชอบถ่ายวิดีโอ ซึ่งความต้องการใช้กล้องที่มีความละเอียดสูง

การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ซ้ำเติมให้ยอดขายกล้องลดฮวบลงไปอีก เพราะผู้คนไม่สามารถออกไปท่องเที่ยวหรือออกไปถ่ายภาพได้ตามปกติ อีกทั้งหลายคนยังต้องประหยัดค่าใช้จ่าย กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง

อ่านเพิ่มเติม : ตลาดกล้อง ขาลงหนักมาก “ฟูจิฟิล์ม” ฮึดสู้รอบใหม่ เน้นถ่ายวิดีโอ หวังพึ่ง Vlogger-Youtuber

Nikkei Asian Review รายงานว่า การปลดพนักงานฝ่ายผลิตในส่วนที่เกี่ยวกับกล้องของ Nikon ครั้งนี้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 จนถึงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งบางส่วนเป็นการให้ออกในรูปแบบสมัครใจ “เกษียณก่อนกำหนด” (Early Retire)

สำหรับในประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากการลดจำนวนพนักงานครั้งนี้ จำนวน 500 คน ส่วนอีก 200 คนเป็นพนักงานใน สปป.ลาว คิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของจำนวนพนักงานในแต่ละประเทศ

การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อรายได้ของ Nikon ซึ่งหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในของวงการกล้อง โดยปีงบประมาณ 2019 ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา บริษัทมีผลกำไรสุทธิลดลง 88% เหลือ 7,600 ล้านเยน ( ราว 2.2 พันล้านบาท)

นอกจากนี้ COVID-19 ยังทำให้การเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ล่าช้าด้วย อย่างกล้องรุ่น D6 ซึ่งเป็นกล้องดิจิทัลที่มีฐานเเฟนคลับเป็นกลุ่มช่างภาพกีฬา เมื่อผู้คนถูกจำกัดการกิจกรรมต่างๆ จึงทำให้ยอดขายกล้องลดลงไปด้วย

Hiroyuki Ikegami รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจถ่ายภาพของ Nikon กล่าวว่า ท่ามกลางผลกระทบของการระบาดที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคต “เราจะมีปรับกำลังการผลิตให้มีความเหมาะสม”

อย่างไรก็ตาม Nikon ไม่ได้เปิดเผยคาดการณ์รายได้ในงบการเงินปีนี้ เเละมองว่าการฟื้นตัวของยอดขายกล้องจะเป็นไปอย่างล่าช้า

“เราต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการขาดทุนในธุรกิจการถ่ายภาพ ช่วง 2 ปีนี้” Muneaki Tokunari ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินระบุ

]]>
1281190
กระเเส “กล้องฟิล์ม” คืนชีพ…ไขข้องใจทำไม “ฟิล์ม” ในไทยถึงเเพงเเละขาดตลาด ?  https://positioningmag.com/1266562 Mon, 02 Mar 2020 10:14:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1266562 เเม้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกล มีความสะดวก รวดเร็วทันใจ เเต่ความหลงใหลในความคลาสสิก ยังไม่เคยเลือนหายในทุกยุคสมัย เสน่ห์ของการ “กดชัตเตอร์เพื่อ 36 รูป” เป็นหนึ่งในนั้น 

ปรากฏการณ์การคืนชีพของ “กล้องฟิล์ม” จึงกลับมาอีกครั้งเเละนับเป็นหนึ่งในเทรนด์ฮิตของคนรุ่นใหม่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา 

ในขณะที่กล้องดิจิทัลมีการยกระดับฟังก์ชันทันสมัย กดถ่ายได้ไม่ซ้ำเเละเช็กดูรูปได้ทันที เเต่หลายคนก็ยังโหยหาการรอคอยเเละการได้ “ลุ้น” ภาพที่ออกมาจากระบวนการล้างฟิล์ม บวกกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการสร้างความแตกต่างเเละสะท้อนเอกลักษณ์ของตัวเองผ่านภาพถ่ายที่ลงในโซเชียล การกลับมาของกล้องฟิล์มจึงตอบโจทย์นี้ได้ดี 

กระเเสกล้องฟิล์มไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เเต่ตอนนี้คนดังจำนวนมากก็เป็น “สาวกกล้องฟิล์ม” เต็มตัวเเล้ว ไม่ว่าจะเป็น “ลิซ่า Blankpink” “เวียร์ ศุกลวัฒน์-เบลล่า ราณี” รวมถึง “นาย ณภัทร” ที่มีผลงานภาพถ่ายออกมาให้เราได้เห็นผลบ่อยๆ ส่วนคอมมูนิตี้อย่างกรุ๊ป “คนรักกล้องฟิล์ม” ในเฟซบุ๊ก ปัจจุบันก็มีสมาชิกถึง 1.7 เเสนคนเเล้ว 

เรียกได้ว่ากระเเส “กล้องฟิล์มคัมเเบ็ก” นี้มาจริง ไม่ได้มาเล่นๆ

Photo : Lisa Blackpink IG @lalalalisa_m

หลายคนที่กำลังเล่นกล้องฟิล์มอยู่ อาจมีข้อสงสัยว่า ทำไม “ฟิล์ม” ในเมืองไทยจึงมีราคาเเพงเเละยังขาดตลาด รวมไปถึงเทรนด์ของคนรักกล้องฟิล์มส่งผลต่อวงการกล้องดิจิทัลอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันกับ “ฟูจิฟิล์ม” เจ้าใหญ่ต้นตำรับผู้ผลิตฟิล์มที่มีอายุกว่า 86 ปี 

ทำไมฟิล์มในไทยถึงขาดตลาด ? 

“เรามองเห็นกระเเสฟิล์มในไทยได้รับความนิยมในไทยชัดเจนเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงมีการสั่งออเดอร์เพิ่มมากขึ้น เเละทุกครั้งที่นำเข้ามาก็จะขายหมดทั้งสิ้น พอสินค้าไม่มีเพียงพอก็นำไปสู่การขายต่อเเบบอัพราคา ซึ่งก็ทำให้ราคาฟิล์มในตลาดเเพงขึ้น” สิทธิเวช เศวตรพัชร์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

เขาอธิบายต่ออีกว่า ปัจจุบันมีการนำเข้าฟิล์มของฟูจิมาในไทยราว 10,000 ม้วนต่อเดือน ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตาม การจะเพิ่มกำลังการผลิตหรือไม่นั้น “ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทเเม่”

“สาเหตุที่การนำเข้าฟิล์มมาที่ไทยยังน้อย เป็นเพราะบริษัทเเม่ที่ญี่ปุ่นมองว่าตลาดในยุโรปเเละอเมริกาใหญ่กว่าเรามาก จึงต้องผลิตสินค้าเพื่อส่งตลาดนั้นก่อน อีกทั้งกระบวนการผลิตฟิล์มก็ไม่ง่าย ต้องใช้เวลาพอสมควร จึงอาจไม่ทันต้อความต้องการที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ขณะนี้ ซึ่งทางฟูจิฟิล์ม ประเทศไทยก็มีการรายงานความต้องการนี้โดยตลอด” 

“บริษัทเเม่ที่ญี่ปุ่น กำลังพิจารณาว่ากระเเสความนิยมฟิล์มในไทยตอนนี้เป็นระยะสั้นหรือระยะยาว ซึ่งจะมีผลต่อการสั่งผลิตต่อไป” 

Photo : Pixabay

กระเเสฮิตฟิล์ม สู่กล้องดิจิทัลเเบบ Film Simulation

ด้าน ปัทมาพร จันทร์จารุกุลกิจ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) บอกถึงมุมมองที่น่าสนใจถึงเทรนด์กล้องฟิล์มคัมเเบ็กที่ส่งผลต่อวงการ “กล้องดิจิทัล” ว่า จากความนิยมกล้องฟิล์มที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทได้พัฒนาฟังก์ชัน Film Simulation (ระบบการจำลองฟิล์ม) ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบสไตล์รูปภาพจากกล้องฟิล์มโดยนำมาไว้ในกล้องดิจิทัลให้สะดวกเเละถ่ายได้จำนวนมาก ซึ่งพัฒนาให้ภาพที่ได้ออกมาคล้ายคลึงกับฟิล์มของฟูจิมากที่สุด 

“เราเรียกว่าเป็นการผสมผสานยุคฟิล์มและยุคดิจิทัลในหนึ่งเดียว เห็นได้จากกล้อง FujiFilm X-Pro3 ที่เราได้ชูความเป็น Digital Film Camera สามารถถ่ายภาพชนิดของฟิล์มที่มีให้เลือกใช้มากถึง 11 แบบเพื่อเจาะตลาดคนที่ชอบภาพจากฟิล์มโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากเเละจะมีการพัฒนาต่อไป” 

“ความท้าทายต่อไปของเราก็คือการทำให้คนที่ใช้กล้องฟิล์มมาซื้อกล้องดิจิทัลที่มี Film Simulation ด้วย ให้ลูกค้าเลือกใช้กับสถานการณ์ที่เหมาะสมตามไลฟ์สไตล์ของพวกเขา”

หนึ่งในสมาชิกในกรุ๊ป “คนรักกล้องฟิล์ม” บอกกับ Positioning ว่า ปัจจุบันเขาใช้ทั้งกล้องฟิล์มเเละกล้องดิจิทัลไปตามโอกาส เเละสิ่งที่ทำให้เขาชื่นชอบกล้องฟิล์ม เเม้ในวันที่กล้องดิจิทัลมีฟังก์ชันครบเเล้ว ก็คือเสน่ห์ของการต้อง “ตั้งใจ” ในการกดชัตเตอร์เเต่ละครั้ง ซึ่งมันทำให้ภาพเเต่ละภาพมีเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน ได้ความรู้สึกพิเศษตอนล้างรูปเสร็จ ส่วนราคาฟิล์มเเละกล้องถือว่าเเพงขึ้นกว่าเมื่อ 5-6 ปีก่อนมาก บางครั้งหากมีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเขาก็จะซื้อกลับมาเพื่อสำรองใช้เสมอ

Photo : fujifilm-x.com

ตลาดกล้องดิจิทัล ขาลงหนักมาก 

ฟากกล้องดิจิทัลยังต้องต่อสู้อีกยาว หลังดีมานด์ของกล้องที่ลดต่ำลงต่อเนื่อง ไม่แต่เพียงปีนี้แต่ยังจะส่งผลใปในปีต่อๆ ไปด้วย

โดยภาพรวมของตลาดกล้องดิจิทัลในประเทศไทย (ไม่รวมยอดขายออนไลน์) ในปี 2562 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 190,000 ตัว มูลค่าตลาดประมาณ 5,800 ล้านบาท รวมกล้องคอมแพค กล้อง DSLR และกล้องมิลเลอร์เลส โดยมีอัตราการเติบโตติดลบ ประมาณ -29% ในเชิงปริมาณ และติดลบ -28% เชิงมูลค่า 

สำหรับ “กล้องมิลเลอร์เลส” ในปี 2562 ตลาดโดยรวมจำนวนตัว ประมาณ 117,000 ตัว ติดลบประมาณ -29% ในแง่จำนวนตัว และ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,900 ล้านบาท ลดลงประมาณ -20% เมื่อเทียบกับปี 2561

โดยขณะที่ กล้อง DSLR จำนวนตัวประมาณ 3,400 ตัว มีอัตราลดลงถึง -36% เมื่อเทียบกับปี 2561 ขณะที่เชิงมูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท มีสัดส่วนลดลงถึง -44%

สำหรับสาเหตุหลักของการเติบโตที่ลดลงนั้น เกิดจากการที่ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมการถ่ายภาพจากกล้องดิจิทัล มาเป็นการถ่ายภาพโดยสมาร์ทโฟน เเละคำนึงถึงความง่ายในการใช้งานผ่านทางสั่งการแบบ Easy GUI และความสะดวกในการแชร์ภาพ หรือไฟล์ วิดีโอไปยังโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook,Line และ Instagram

ปรับกลยุทธ์ จับลูกค้าคนรุ่นใหม่ Vlogger – Youtuber

การปรับกลยุทธ์ใหม่ของ “ฟูจิฟิล์ม” ในปีนี้ จึงเป็นการมุ่งเน้นการจับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมเป็น Vlogger และ Youtuber ซึ่งมีกำลังซื้อสูงเเม้เศรษฐกิจไม่อำนวย เเละกระแสการถ่ายคลิปวิดีโอเริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยหวังว่าจะเป็นการปลุกกระแสความต้องการของกลุ่ม Content  Creator ทำให้ตลาดมีการแข่งขันและขยายตัวในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพโดยรวม

“เทรนด์ซื้อสมาร์ทโฟนเเทนกล้องใหญ่ มีเเต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราต้องปรับตัวตาม โดยไม่ต้องไปเเย่งลูกค้าในส่วนนั้น เเต่ต้องดึงดูดใจให้คนที่ซื้อสมาร์ทโฟนอยู่เเล้ว อยากซื้อกล้องของเราด้วย” ผู้บริหารฟูจิฟิล์มกล่าว 

ด้านความเคลื่อนไหวของ “โซนี่” ก็ออกเเคมเปญ #VlogwithSony เพื่อหันมาขยายฐานลูกค้าที่เน้นวิดีโอมากขึ้นเช่นเดียวกัน จากเดิมที่โฟกัสเฉพาะภาพนิ่ง 

ส่วนเจ้าใหญ่อย่าง “นิคอน” ก็เริ่มเกมการตลาด ต่อยอดฐานลูกค้าปัจจุบันด้วยการหนุนให้อัพเกรดกล้อง-เลนส์เป็นระดับสูงขึ้น พร้อมขยายตลาดรุกกลุ่มถ่ายวิดีโอซึ่งกำลังเป็นที่นิยม ด้วยการสื่อสารผ่านออนไลน์ และกิจกรรมเวิร์กช็อปต่างๆ 

ตลาดกล้องดิจิทัลยังคงลดลงต่อไปเเน่นอน ยิ่งต้องเผชิญทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเเละปัจจัยลบต่างๆ ที่ทำให้คนใช้จ่ายน้อยลง จึงน่าจับตาต่อไปว่าบริษัทกล้องจะเดินเกมสู้เเละมีหมัดเด็ดอะไรมาเอาใจลูกค้าอีก 

]]>
1266562
ตลาดกล้อง ขาลงหนักมาก “ฟูจิฟิล์ม” ฮึดสู้รอบใหม่ เน้นถ่ายวิดีโอ หวังพึ่ง Vlogger-Youtuber https://positioningmag.com/1265659 Mon, 24 Feb 2020 12:10:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1265659 ตลาดกล้องขาลง “หนักมาก” ฟูจิฟิล์มฮึดสู้รอบใหม่ วางกลยุทธ์เน้นคนรุ่นใหม่ชอบถ่ายวิดีโอ เจาะกลุ่ม Vlogger- Youtuber หวั่นกำลังซื้อคนไทยลดลงจากพิษเศรษฐกิจ เเบรนด์กล้อง DSLR เจ้าใหญ่หันมาเเข่งตลาดมิลเลอร์เลส

สิทธิเวช เศวตรพัชร์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดกล้องดิจิทัลในประเทศไทย (ไม่รวมยอดขายออนไลน์) ในปี 2562 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 190,000 ตัว มูลค่าตลาดประมาณ 5,800 ล้านบาท รวมกล้องคอมแพค กล้อง DSLR และกล้องมิลเลอร์เลส โดยมีอัตราการเติบโตติดลบ ประมาณ -29% ในเชิงปริมาณ และติดลบ -28% เชิงมูลค่า 

สำหรับ “กล้องมิลเลอร์เลส” ในปี 2562 ตลาดโดยรวมจำนวนตัว ประมาณ 117,000 ตัว ติดลบประมาณ -29% ในแง่จำนวนตัว และ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,900 ล้านบาท ลดลงประมาณ -20% เมื่อเทียบกับปี 2561

โดยขณะที่ กล้อง DSLR จำนวนตัวประมาณ 3,400 ตัว มีอัตราลดลงถึง -36% เมื่อเทียบกับปี 2561 ขณะที่เชิงมูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท มีสัดส่วนลดลงถึง -44%

“สาเหตุหลักของการเติบโตที่ลดลงนั้นเกิดจากการที่ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมการถ่ายภาพจากกล้องดิจิตอล มาเป็นการถ่ายภาพโดยสมาร์ทโฟน เเละคำนึงถึงความง่ายในการใช้งานผ่านทางสั่งการแบบ Easy GUI และความสะดวกในการแชร์ภาพ หรือไฟล์ วิดีโอไปยังโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook , Line และ Instagram”

จากแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงนี้ มีผลโดยตรงต่อดีมานด์ของกล้องดิจิตอลลดต่ำลงที่ไม่แต่เพียงปีนี้ แต่ยังจะส่งผลใปในปีต่อๆ ไปด้วย

สำหรับการสำรวจตลาดล่าสุดในเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์มยังครองมีส่วนแบ่งการตลาด “กล้องมิลเลอร์เลส” ที่ 43% เชิงปริมาณ และ 34% เชิงมูลค่า และในปีนี้ฟูจิฟิล์มตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดของกล้องมิลเลอร์เลสเป็น 50%

ทั้งนี้ ผลสำรวจเผยว่า คนไทยจำนวนมากชอบถ่ายภาพเเบบ “หน้าชัดหลังเบลอ” ชอบภาพที่มีมิติ ไม่แบน ชอบ Live วิดีโอ เเละชอบการใช้งานง่ายพร้อมแชร์โชเชียลได้ทันที

ห่วงกำลังซื้อคนไทยลด ตลาดมิลเลอร์เลสเเข่งดุ 

“ความท้าทายหลักของเราในปีนี้ เป็นเรื่องกำลังซื้อของคนไทยที่ลดลงมากจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง เป็นผลกระทบโดยรวมเพราะเมื่อเหล่าร้านอาหาร ร้านค้าขายของไม่ได้ คนก็ประหยัดเเละใช้จ่ายน้อยลง ก็ส่งผลต่อเราว่าคนก็จะงดการซื้อกล้องในช่วงนี้เช่นกัน” 

สิทธิเวช กล่าวต่อว่า นอกจากความท้าทายจากกำลังซื้อในประเทศที่ลดลงเเล้ว ฟูจิฟิล์มยังต้องสู้กับผู้ผลิตกล้อง DSLR เจ้าใหญ่ที่กำลังลงมาชิงตลาดมิลเลอร์เลสด้วย เพราะยอดขายกล้องใหญ่ตกลงมากเเละฟื้นคืนยาก ดังนั้นนั้นเราจึงต้องวางกลยุทธ์ใหม่

“เทรนด์ซื้อสมาร์ทโฟนเเทนกล้องใหญ่ มีเเต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราต้องปรับตัวตาม โดยไม่ต้องไปเเย่งลูกค้าในส่วนนั้น เเต่ต้องดึงดูดใจให้คนที่ซื้อสมาร์ทโฟนอยู่เเล้ว อยากซื้อกล้องของเราด้วย”

โดยในปี 2019 กล้องรุ่นที่ขายดีที่สุดของฟูจิฟิล์ม ได้เเก่
อันดับ 1 รุ่น X-A5
อันดับ 2 รุ่น X-A7
อันดับ 3 รุ่น X-T30
อันดับ 4 รุ่น X-T3
อันดับ 5 รุ่น X-PRO3

 จับลูกค้าคนรุ่นใหม่ Vlogger – Youtuber

กลยุทธ์ใหม่ของ “ฟูจิฟิล์ม” ในปีนี้ คือการจับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมเป็น Vlogger และ Youtuber ซึ่งมีกำลังซื้อสูงเเม้เศรษฐกิจไม่อำนวย เเละกระแสการถ่ายคลิปวิดีโอเริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ซึโตมุ วาตะนาเบ้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การถ่ายวิดีโอเริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เห็นได้จากพฤติกรรมกลุ่มวัยรุ่นที่เปลี่ยนไปจากที่ชอบถ่ายภาพนิ่งก็เริ่มหันมาถ่ายวิดีโอเกี่ยวกับการเล่าเรื่องราว ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตประจำวันแล้วแชร์ลงโซเชียลมากขึ้น ทำให้เห็นว่าเทรนด์การเติบโตของ Content Creator กำลังมาแรง

“เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์มรุกตลาดกล้องดิจิทัล ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน มาเป็นการถ่ายภาพด้วยกล้อง X-A7 Smart Mirrorless ที่ให้คุณภาพของไฟล์ภาพเเละเลนส์ที่ดีกว่า ขนาดของเซ็นเซอร์รับภาพที่ใหญ่กว่าหลายเท่าตัว เเชร์คอนเทนต์ลงโซเชียลได้รวดเร็วเเละพกพาสะดวก” 

สำหรับการเจาะกลุ่มลูกค้าของฟูจิฟิล์มนั้นจะครอบคลุมทุก segment ตั้งแต่ระดับผู้เริ่มใช้ และปีนี้ขยายไปยังกลุ่มระดับกลางทีเป็นกลุ่มใหม่อย่าง Vlogger และ YouTuber

ดัน Fujifilm X-T200 บูมกระเเสถ่ายวิดีโอ

ล่าสุดกล้อง Fujifilm X-T200  เปิดราคาในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในคอนเซ็ปต์ “Smart Mirrorless V” เน้นในเรื่องการถ่ายวีดีโอเป็นหลัก ด้วยฟีเจอร์เน้นงานวีดีโอเอาใจสาย Vlogger และ Youtube เช่น  Digital Gimba, HDR Movie , Smart LCD , Film Simulatio, Vdo Slow motion 120fps เป็นต้น 

เเละในที่สุดก็รองรับการต่อไมโครโฟน พอร์ต 3.5mm เเล้ว (รุ่นก่อนๆ เป็น 2.5 mm) หน้าจอ LCD ขนาด 3.5 นิ้ว ระบบทัชสกรีน ปรับพับหมุนจอได้และสามารถถ่ายเซลฟี่ได้ขณะถ่ายวิดีโอ 

  • Fujifilm X-T200 ชุด [Body] ราคา 24,990.-
  • Fujifilm X-T200 [Standard Set] ชุด Kit 15-45mm ราคา 27,990.-
  • Fujifilm X-T200 [Portrait Set] ชุด Kit 15-45 + Lens XC 35mm F2 ราคา 31,990.-
  • Fujifilm X-T200 [VLogger Set] ชุด Kit XF 16mm F2.8 R ราคา 31,990.-
  • Fujifilm X-T200 Lens XC 35mm./F2 ราคา 7,990.-

“เราหวังว่าจะเป็นการปลุกกระแสความต้องการของกลุ่ม Content  Creator ทำให้ตลาดมีการแข่งขันและขยายตัวในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพโดยรวม” สิทธิเวชระบุ

ด้านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของกล้อง “Fujifilm X-T200” ในครั้งนี้ ปัทมาพร จันทร์จารุกุลกิจ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บอกว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการสื่อสารแบบ Total Communication ทั้งสื่อ Online และ Offline และในครั้งนี้ฟูจิฟิล์มได้มุ่งเน้นการสื่อสารกับกลุ่ม Content creator หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ผ่านคลิปวิดีโอเป็นหลัก

โดยมีการดึงเหล่า Micro Influencer จากหลายแขนงร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์การใช้กล้อง Fujifilm X-T200 เเละโปรโมตผ่านช่องทางออนไลน์ยอดนิยมต่างๆ รวมถึงได้มีการเปิดตัว Smart Mirrorless Microsite ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก XA7 Microsite เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม ข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งกิจกรรมต่างๆ ให้กับกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย

 

]]>
1265659