โฆษกของ Korean Air ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Yonhap ว่า สายการบินกำลังจะหารือกับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคม เพื่อรื้อที่นั่งผู้โดยสารออกจากเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-300ER ดัดแปลงเป็น “เครื่องบินขนส่งสินค้า” เเทน ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจากโบอิ้งและทางกระทรวงฯ เเล้ว ก็พร้อมเริ่มให้บริการเที่ยวบินขนส่งสินค้าได้ในช่วงเดือนหน้าเป็นต้นไป

หากโครงการดัดแปลงเครื่องบินโดยสารครั้งนี้ผ่านการอนุมัติ คาดว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าโดยรวมของสายการบิน จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 ตัน เป็น 34 ตัน โดยปัจจุบัน Korean Air มีเครื่องบินขนส่งสินค้า 23 ลำ มีเครื่องบินโดยสารทั้งหมด 143 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER จำนวน 26 ลำ

• ใกล้ปิดตำนาน “จัมโบ้เจ็ต” British Airways เลิกใช้งานเครื่องบินโดยสาร Boeing 747 ทั้งหมดเเล้ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับสายการบินทั่วโลก ที่กำลังมีนโยบายดัดเเปลงเครื่องบินโดยสาร มาทำการขนส่งสินค้า ซึ่งจะการเคลียร์พื้นที่โดยการถอดที่นั่งออกหรือใช้ถุงคลุมบริเวณที่นั่ง

โดย Korean Air เริ่มปฏิบัติการขนส่งสินค้าโดยผูกสินค้าติดกับที่นั่งผู้โดยสาร มาตั้งเเต่วันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ความต้องการเดินทางทางอากาศเเละเดินทางระหว่างประเทศลดลงอย่างมาก ทำให้สายการบินต้องสูญเสียรายได้มหาศาล 

ในช่วงที่ผ่านมา Korean Air ต้องระงับเที่ยวบินต่างประเทศเกือบทั้งหมด ตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หลังหลายประเทศทั่วโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการเเพร่ระบาดของ COVID-19 โดยผลประกอบการในไตรมาสเเรกของปีนี้ สายการบินขาดทุนสุทธิ 736,860 ล้านวอน (ราว 1.9 หมื่นล้านบาท) 

ทางสายการบินจึงต้องวางเเผนปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยอนุญาตให้พนักงาน 70% จากทั้งหมด 2 หมื่นคน หยุดงานโดยไม่รับค่าจ่างเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน

นอกจากนี้ Hanjin KAL บริษัทแม่ของ Korean Air ก็ประกาศว่าวางแผนจะขายสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำและไม่ได้เป็นทรัพย์สินหลักในการประกอบธุรกิจ เพื่อหันมามุ่งโฟกัสในธุรกิจหลักอย่างสายการบินและโลจิสติกส์ ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้น โดยบริษัทเปิดเผยเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาว่า พร้อมจะขายธุรกิจบริการด้านอาหารและบริการบนเครื่องบิน และธุรกิจสินค้าปลอดภาษีอากร ซึ่งมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านวอน (ราว 2.6 หมื่นล้านบาท)

ที่มา : koreabizwire

ล่าสุด Waymo บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของ Alphabet (บริษัทเเม่ของ Google) ประกาศจะเริ่มนำมินิแวน “Chrysler Pacifica” และรถบรรทุกไร้คนขับ ออกวิ่งบนถถนนจริงในรัฐเท็กซัสและรัฐนิวเม็กซิโก เพื่อทดสอบความพร้อมที่จะนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมาให้บริการเชิงพาณิชย์ในอนาคต

โดย Waymo จะให้รถมินิแวน Chrysler Pacifica ได้ลองเรียนรู้สภาพถนนเเละสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อสร้างแผนที่ถนนที่ใช้สัญจรจริงขึ้นมา ซึ่งรถไร้คนขับเหล่านี้ส่วนใหญ่จะวิ่งอยู่โซนระหว่างรัฐเเละเมืองต่างๆ เช่น เมือง El Paso, Dallas เเละ Houston เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการทดสอบก็ยังจะมีคนขับรถคอยควบคุมความปลอดภัยอยู่ด้วย

This week, we’ll start driving our Chrysler Pacificas and long-haul trucks in Texas and New Mexico. These are interesting and promising commercial routes, and we’ll be using our vehicles to explore how the Waymo Driver might be able to create new transportation solutions. pic.twitter.com/uDqKDrGR9b

— Waymo (@Waymo) January 23, 2020

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ทำการทดสอบรถบรรทุกไร้คนขับในรัฐแอริโซนา แคลิฟอร์เนีย และจอร์เจียมาเเล้ว ด้วยการที่เท็กซัสนั้นมี “ปริมาณการขนส่งสินค้าสูงมาก” ก็ทำให้ทางภาครัฐยินดีตอบรับการทดลองยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติดังกล่าว

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Waymo เปิดเผยว่า บริษัทมีการทดสอบให้รถยนต์ไร้คนขับวิ่งบนท้องถนนไปแล้ว รวมระยะทางกว่า 32.2 ล้านกิโลเมตร นับตั้งแต่เริ่มโครงการพัฒนาเมื่อปี 2009

คงต้องรออีกสักพักกว่าจะได้เห็นเหล่า “รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติ” เริ่มขนส่งสินค้าได้จริงทั่วอเมริกา ด้วยความที่การขนส่งสินค้าภายในประเทศนั้นใช้รถบรรทุกเป็นหลักกว่า 70% จึงเป็นโอกาสทองของบริษัทผู้นำขออุตสาหกรรมยานยนต์ไร้คนขับอย่าง Waymo, Uber และ Tesla ที่จะพัฒนารถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติออกมาตีตลาด

ที่มา : Engadget, Reuters