คริปโต – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 08 Apr 2024 09:34:02 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ประเมินขาขึ้น ‘คริปโต’ คาดปีนี้มูลค่าตลาดทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ โตขึ้น 2 เท่า! https://positioningmag.com/1469425 Mon, 08 Apr 2024 06:31:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469425 ถือเป็นปีที่ตลาด คริปโตเคอเรนซี่ หรือ สกุลเงินดิจิทัล กลับมาขาขึ้นอีกครั้ง เฉพาะแค่ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) หรือ BTC ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุด ได้ทำราคาสูงสุดทุบสถิติใหม่ขึ้นไปทะลุ 73,000 ดอลลาร์/BTC ไปเมื่อช่วงวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา จากมูลค่าของบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้น ทำให้มีการประเมินว่าปีนี้มูลค่าตลาดคริปโตฯ จะโตขึ้น 2 เท่า

Brad Garlinghouse CEO จาก Ripple ประเมินว่า มูลค่าของตลาดคริปโตฯ ปีนี้จะเพิ่มขึ้น สองเท่า หรือมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากมูลค่า ณ วันที่ 4 เมษายน ที่ตลาดคมีมูลค่าประมาณ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากการมาถึงของกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ (ETFs) แห่งแรกของสหรัฐฯ

Bitcoin ETF กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในบิตคอยน์ ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 มกราคมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา พวกเขาซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอนุญาตให้สถาบันและนักลงทุนรายย่อยได้รับความเสี่ยงจาก บิตคอยน์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง

ปัจจุบัน บิตคอยน์คิดเป็นประมาณ 49% ของตลาดคริปโตฯ ทั้งหมด โดยมีมูลค่าตลาด 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 1 เมษายน ซึ่งนับจากช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมากกว่า +140% โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 73,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ตามข้อมูลของ CoinGecko อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์ได้ตกลงไปต่ำกว่าระดับ 70,000 ดอลลาร์แล้ว

อีกปัจจัยที่ Garlinghouse มองว่าจะผลักดันตลาดคริปโตฯ ไปสู่จุดสูงสุดใหม่คือความเป็นไปได้ที่โมเมนตัมด้านกฎระเบียบเชิงบวกในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลต่างมองในแง่ดีว่า ฝ่ายบริหารครั้งต่อไปจะอำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

“ฉันคิดว่าเราจะได้รับความชัดเจนมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่อเมริกากลับไม่ค่อยเป็นมิตรกับตลาดคริปโตฯ อย่างไรก็ตาม ปีนี้น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวก”

นอกจากนี้ Marshall Beard ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gemini บริษัทแลกเปลี่ยน crypto ของสหรัฐฯ คาดว่า ราคาบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 ดอลลาร์ ในปลายปีนี้ เนื่องจากครบรอบ บิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง (Bitcoin Halving) หรือการที่รางวัลจากการขุดบิตคอยน์จะถูกปรับลดลงครึ่งหนึ่ง 

Source

]]>
1469425
Standard Chartered คาด ‘Bitcoin’ อาจร่วงเหลือ 5,000 ดอลลาร์ในปีหน้า ส่วน ‘ทองคำ’ จะพุ่ง 30% https://positioningmag.com/1411104 Tue, 06 Dec 2022 03:41:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1411104 ถือเป็นอีกปีที่ตลาดคริปโตฯ เจอแต่ข่าวร้าย ๆ ซึ่งส่งผลให้เหรียญที่มีมูลค่าสูงสุดอย่าง บิตคอยน์ (Bitcoin) ปัจจุบันมีมูลค่าที่ 17,000 ดอลลาร์ จากที่เคยพุ่งสูงสุดถึงกว่า 67,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2564 ล่าสุด Standard Chartered ได้ออกมามองถึงทิศทางบิตคอยน์ปีหน้า โดยคาดว่ามูลค่าจะเหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์เท่านั้น

Eric Robertsen หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ Standard Chartered Bank คาดการณ์ว่า บิตคอยน์อาจลดลงเหลือ 5,000 ดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งถ้าถึงระดับนั้น แปลว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะลดลงประมาณ 70% จากราคาปัจจุบันที่ 17,000 ดอลลาร์ ซึ่งมูลค่าลดลงไปมากกว่า 60% หากนับเฉพาะปีนี้

หนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบิตคอยน์ก็คือ การล่มสลายของโครงการและบริษัทที่มีชื่อเสียงมากมาย ทำให้อุตสาหกรรมเสียหาย โดยเฉพาะที่ FTX ได้ยื่นล้มละลาย นับเป็นความเสียหายล่าสุดและใหญ่ที่สุด เพราะหลังจากที่ FTX ล้มก็ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั้งตลาด

“ผลตอบแทนของคริปโตฯ ลดลงไปพร้อม ๆ กับหุ้นเทคโนโลยี และในขณะที่บริษัทหรือแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตฯ จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มพบว่าตัวเองมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ ได้นำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล” Eric Robertsen กล่าว

ในขณะที่มูลค่าของบิตคอยน์อาจจะลดลงในปีหน้า แต่ราคา ทองคำ อาจเพิ่มขึ้น 30% เป็น 2,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการถดถอยของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยทองคำนั้นจะเป็นเหมือน แหล่งหลบภัย โดยนักลงทุนแห่กันไปเพื่อความมั่นคงในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน

ไม่ใช่แค่ Standard Chartered ที่มองว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะลดลงในปีหน้า แต่ Mark Mobius นักลงทุนรุ่นเก๋าก็คาดว่า บิตคอยน์จะร่วงลงสู่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม มีเพียง Tim Draper มหาเศรษฐีพันล้านยังเชื่อว่าในช่วงกลางปีหน้า มูลค่าของบิตคอยน์จะกลับมาแตะ 250,000 ดอลลาร์ ได้

Source

]]>
1411104
ความสนใจลงทุน ‘คริปโต’ ของคน ‘มิลเลนเนียล’ ลดเหลือ 30% หลังราคาผันผวนหนัก https://positioningmag.com/1402857 Mon, 03 Oct 2022 05:36:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402857 ก็ดูไม่น่แปลกใจหากพิจารณาจากข่าวที่ร้าย ๆ ในวงการคริปโต รวมไปถึงมูลค่าที่ดิ่งฮวบ ๆ ลงจะทำให้ นักลงทุน เริ่มที่จะลดความสนใจในการลงทุนกับคริปโต ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมาของ Bankrate ที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน รู้สึกไม่สบายใจหากต้องลงทุนในคริปโต

จากผลสำรวจของ Bankrate ในเดือนกันยายนพบว่า ความนิยมของ คริปโตเคอร์เรนซี ของนักลงทุนชาวอเมริกันกำลังลดลง โดยในปี 2022 มีชาวอเมริกันเพียง 21% เท่านั้นที่รู้สึกสบายใจที่จะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล จากปีที่ผ่านมาที่มี 35% ขณะที่กลุ่มคนรุ่น มิลเลนเนียล (อายุ 26-41 ปี) ก็ลดลงจาก 50% เหลือ 30% เท่านั้น ที่สบายใจในการลงทุนในคริปโต ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในทุกเจน

การลดลงนั้นไม่น่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาว่ามูลค่าสูงสุดของตลาดคริปโตที่เคยมีมูลเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงพฤศจิกายนปี 2021 ปัจจุบันนี้เหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์

“มูลค่าของสกุลเงินดัง ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum ลดลงมากกว่า 70% จากระดับสูงสุดตลอดกาล จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความสนใจของเหรียญจะหายไป ยิ่งนักลงทุนหน้าใหม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง” James Royal ผู้อำนวยการที่ Bankrate กล่าว

ในขั้นต้น ความสนใจของนักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากในคริปโตนั้นเป็นเพราะพวกเขามีความรู้สึก อยากถูกลอตเตอรี่ หรือการที่จะสามารถทำเงินได้มากมายอย่างรวดเร็ว แม้ว่านักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากจะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังซื้อ แต่พวกเขาเห็นราคาที่ขึ้นและพวกเขาต้องการเข้าไป

วิธีเดียวที่คุณสามารถสร้างรายได้จากมันคือ การขายให้กับคนที่มองโลกในแง่ดีหรือโง่มากกว่าคุณ ด้วยเหตุผลนี้ คริปโตจึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นการลงทุนแบบดั้งเดิม

ทั้งนี้ คริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ซึ่งอยู่ภายใต้ความผันผวนของราคาที่คาดเดาไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักไม่แนะนำให้ลงทุนเงินในสกุลเงินดิจิทัล หากทำใจไม่ได้ที่จะขาดทุน เนื่องจากไม่มีการรับประกันว่าจะได้รับผลกำไร

อย่างไรก็ตาม หากว่ากำลังค้นหาการลงทุนที่ได้กำไรน้อยลง แต่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้บนพื้นฐานความเป็น กองทุนดัชนี S&P 500 ถือเป็นอีกตัวเลือก เพราะหากซื้อเป็นประจำ แล้วถือต่อไปอย่างเหนียวแน่น มีแนวโน้มที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่ง อย่างเช่นตัวอย่างของเศรษฐีชาวอเมริกันจำนวนมาก

“แน่นอนว่าบางคนถูกลอตเตอรี่ แต่ความมั่งคั่งถูกสร้างขึ้นได้เอง และสามารถไปถึงเป้าหมายได้สำหรับผู้ที่สามารถเป็นนักลงทุนที่มีวินัยได้”

Source

]]>
1402857
ตลาด ‘คริปโตฯ’ ร่วงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังนักลงทุนแห่ ‘เทขาย’ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง https://positioningmag.com/1399334 Wed, 07 Sep 2022 11:20:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1399334 หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ส่งผลให้ราคาของ ‘Bitcoin’ ร่วงลงเหลือต่ำกว่า 19,000 ดอลลาร์ โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ขณะที่มูลค่าของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดก็ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งกระดาน

Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 18,812.36 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมากกว่า 5% ตามข้อมูลของ CoinDesk Ether ซึ่งการซื้อขายของ Bitcoin นั้นจะสัมพันธ์กับหุ้น ดังนั้น หากหุ้นตกสกุลเงินดิจิทัลก็เช่นกัน ส่งผลให้เกิดการเทขายในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

ปัจจุบัน Bitcoin ลดลงประมาณ 60% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 68,990.90 ดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดคริปโตฯ จากที่เคยมีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมูลค่าตลาดเหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับสาเหตุที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตก มาจากธนาคารกลางทั่วโลกกำลังต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเป็นจำนวนรวม 2.25% และด้วยนโยบายที่เข้มงวด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี

“การที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดตามที่เราเห็น แต่ถ้าค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลง Bitcoin ก็จะกลับมาอีกครั้ง” Vijay Ayyar รองประธานฝ่ายพัฒนาองค์กรและระดับนานาชาติที่การแลกเปลี่ยน crypto Luno กล่าว

]]>
1399334
‘ซัมซุง’ ขอร่วมวงตลาด ‘คริปโต’ เตรียมเปิด ‘กระดานเทรด’ ภายในปี 2023 https://positioningmag.com/1397286 Tue, 23 Aug 2022 08:36:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397286 หลังจากเกิดปัญหากับเหรียญ LUNA ที่มี โด ควอน ชายเกาหลีใต้เป็นผู้ก่อตั้ง จนทำให้เกิดความเสียหายกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางเกาหลีใต้จึงต้องเร่งสร้างมาตรฐานให้กับตลาดคริปโต และส่วนหนึ่งก็คือ การลงทะเบียน จัดตั้งเป็นบริษัท Exchange หรือ กระดานเทรดคริปโต และหนึ่งในผบริษัทที่สนใจคือ ซัมซุง (Samsung)

ดูเหมือนว่า เกาหลีใต้ กำลังเร่งสร้างมาตรฐานของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีให้เข้มงวดมากขึ้น โดย ยุน ซ็อก-ย็อล (Yoon Seok-yeol) นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ ได้พยายามผลักดันบริษัทหลักทรัพย์เพื่อสร้างเว็บเทรดสินทรัพย์เสมือน ซึ่งเกิดพร้อม ๆ กับการเตรียมการเพื่อผ่านร่างกรอบพระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัล

ซัมซุง (Samsung) ก็เป็น 1 ใน 7 บริษัทที่สนใจ โดยได้ส่งใบสมัครอย่างเป็นทางการภายใต้บริษัท Samsung Securities ซึ่งถือเป็นบริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ เพื่อขอใบอนุญาตเบื้องต้นและการจัดตั้งบริษัทเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ ซัมซุงยังมีแผนที่จะสร้าง สกุลเงินดิจิทัล ของตัวเองด้วย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วง ครึ่งปีแรกของปี 2023

และอีกบริษัทที่น่าสนใจในการขอใบอนุญาตครั้งนี้คือ Mirae Asset Securities ที่กำลังพัฒนายูนิตใหม่ที่เรียกว่า Mirae Consulting ซึ่งกำลังหาคนที่จะพัฒนาโปรเจ็กต์เกี่ยวกับคริปโตและ NFT​

นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีแผนที่จะ เก็บภาษีกำไรจากคริปโต ประมาณ 10-50% ภายในปี 2025 หลังจากที่เกิดการล่มสลายของเหรียญ LUNA ที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองทางการเงินของเกาหลี (KoFIU) ได้เดินหน้าทำการปิดกั้น บริษัทผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (VASP) ในต่างประเทศที่ไม่ได้ลงทะเบียนถึง 16 แห่ง

Source

]]>
1397286
ผลสำรวจชี้ 53% ของการขาย NFT นั้น ‘ขาดทุน’ และนักลงทุนเน้น ‘ถือระยะยาว’ มากขึ้น https://positioningmag.com/1396775 Thu, 18 Aug 2022 11:32:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396775 จากที่ปี 2021 ตลาด NFT มีมูลค่าถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเติบโตกว่า 21,000% จากปี 2020 ที่มีมูลค่าเพียง 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาแค่ 1 ปี ตลาด NFT ก็ร่วงตามตลาดคริปโตไปติด ๆ

จากการรายงานของ OpenSea แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT รายใหญ่ระบุว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มูลค่าการขายผ่านแพลตฟอร์มลดลงเหลือ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเมื่อเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลง 73%

ล่าสุด รายงานจาก Cointelegraph ระบุว่า ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา นักลงทุนกว่า 53% ขาดทุนจากการซื้อ-ขาย NFT โดยสาเหตุมาจากราคาที่ร่วงอย่างแรงของ CyberKongz และ CyberKongzBabies ขณะที่ตลาด Blue-Chip หรือ คอลเลกชั่น NFT ที่มีความผันผวนน้อย และมีมูลค่าถึงหรือสูงกว่าระดับ 10 Ether ยังไม่ฟื้นตัว

ไม่ใช่มูลค่าที่ลดลงอย่างเดียว แต่จำนวนผู้ซื้อขายลดลงค่อนข้างมาก จากประมาณ 37,843 คนในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ 10,571 คนเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจคือ นักลงทุนที่เลือกจะถือครอง NFT แบบ ระยะยาวเพิ่มขึ้น โดยจากข้อมูลชี้ว่า ในช่องเดือนมิถุนายนเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ถือระยะยาวของเพิ่มกว่า 500,000 คน ทำให้ตอนนี้มีมากกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก

โดยหมวดหมู่ที่มีการถือครองแบบระยะยาวมากที่สุด คือ กลุ่ม PFP (proof of profile) เป็นหมวดที่คนถือมากสุดและมีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดถึง 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 5 แสนล้านบาท ส่วน NFT ในกลุ่มของสะสม เกม และศิลปะ ที่เคยเป็นผู้นำตลาด แต่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 6.7 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2 แสนล้านบาทเท่านั้น

Source

]]>
1396775
ฟองสบู่แตก? ที่ดิน ‘Metaverse’ ราคาร่วง 85% ตามรอยขาลงตลาด ‘คริปโต’ https://positioningmag.com/1395590 Tue, 09 Aug 2022 06:27:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1395590 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในโลกจริงมีแต่จะแพงขึ้น แต่สำหรับ ‘ที่ดิน Metaverse’ กลับสวนทางอย่างแรง แม้ว่าช่วงแรกราคาจะพุ่งเอา ๆ แต่นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาที่ดินใน Metaverse กลับร่วงถึง 85% แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ของ McKinsey ว่าตลาดจะมีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ก็ตาม

ดูเหมือน Metaverse ที่บริษัทเทคโนโลยี (และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ) ต่างก็แย่ชิงพื้นที่เพื่อจะเป็นผู้นำนวัตกรรมดังกล่าว โดยจากข้อมูลของ McKinsey เปิดเผยว่า บริษัทต่าง ๆ กองทุนร่วมลงทุน และนักลงทุนภาคเอกชนต่างหลั่งไหลเข้าสู่ตลาด Metaverse รวมเป็นเงินมากกว่า 120,000 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2022 ซึ่งมากกว่าสองเท่าของเงินลงทุนในปี 2021

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Metaverse กลับประสบกับช่วงวิกฤตในหลายด้าน ทั้งการจ้างงานที่ลดลง รวมไปถึงมูลค่าของ ที่ดิน ใน Metaverse ที่ลดลงอย่างมาก ตามรายงานของ WeMeta พบว่า ราคาเฉลี่ยของที่ดินของ Decentraland เคยมีมูลค่าสูงถึง 37,238 ดอลลาร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ ณ วันที่ 1 สิงหาคมกลับลดลงเหลือเฉลี่ย 5,163 ดอลลาร์

ด้าน Sandbox ก็ลดลงจากประมาณ 35,500 ดอลลาร์ ในเดือนมกราคม เหลือ 2,800 ดอลลาร์ ในเดือนสิงหาคม  และในโครงการ Ethereum metaverse ที่มี 6 โครงการหลัก ๆ ก็ลดลงจากประมาณ 17,000 ดอลลาร์ ในเดือนมกราคม เหลือประมาณ 2,500 ดอลลาร์ ในเดือนสิงหาคม หรือ ลดลง 85%

ทั้งนี้ ปริมาณการขายที่ดินที่ลดลงได้แสดงให้เห็นว่าผู้คนเริ่มให้ความสนใจในโครงการ Metaverse ที่ลดลง โดยจำนวนที่ดินที่ซื้อขายได้ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2021 เหลือประมาณ 157 ล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคมเท่านั้น ในขณะเดียวกัน การประเมินมูลค่าตลาดของ โทเค็น Metaverse ก็มีจำนวนเหรียญที่หมุนเวียนลดลงมากกว่า 80%

ตัวอย่างเช่น การประเมินมูลค่าของเหรียญ MANA ของ Decentraland ในการหมุนเวียนลดลงจาก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2021 เหลือ 2 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนสิงหาคม 2022 ในทำนองเดียวกันมูลค่าสุทธิของเหรียญ SAND ของ Sandbox อยู่ที่ 8.4 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 1.78 พันล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน

สัญญาณลบ? ตลาด NFT ดิ่งตามคริปโต มูลค่าการขายบน OpenSea ลดลง -73% ในเดือนเดียว

อย่างไรก็ตาม McKinsey ยังเชื่อว่าตลาดที่ดิน Metaverse ดังกล่าวสามารถกลายเป็นภาคธุรกิจที่มีมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 

Source

]]>
1395590
FTC พบ ยอดตุ๋นลงทุน ‘คริปโต’ ปี 64 เสียหายกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท วัย 25-40 ปี เสี่ยงโดนโกงสูง 3 เท่า https://positioningmag.com/1391841 Fri, 08 Jul 2022 06:27:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1391841 แค่ตลาดคริปโตติดดอยก็ปวดใจแล้ว ยังต้องมาเจอกับ ‘มิจฉาชีพ’ ที่มาหลอกเอาเงินจากคริปโตอีก โดยจากรายงานของ Federal Trade Commission (FTC) พบว่า ทุก ๆ จำนวนการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีจะมีเงินสูญหายประมาณ 4 ดอลลาร์ จากการฉ้อโกง ซึ่งมากกว่าวิธีการชำระเงินอื่น ๆ

คณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐ หรือ FTC เปิดเผยว่า ในปี 2021 มีผู้ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกหลวงในตลาดคริปโตถึง 4.5 หมื่นราย รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท โดย 70% ใช้ Bitcoin เพื่อจ่ายให้กับมิจฉาชีพ ตามด้วยเหรียญสกุล Tether และ Ether ขณะที่ เหยื่อมักจะมีอายุน้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 25-40 ปี มีแนวโน้มที่จะสูญเสียเงินเนื่องจากการฉ้อโกงถึง สามเท่า

ขณะที่ เกือบครึ่งหนึ่ง ของผู้ที่ออกมาแจ้งความว่าสูญเสียเงินจากการหลอกลวงคริปโตในปี2021 ระบุว่า พวกเขาถูกหลอกผ่านโพสต์ออนไลน์หรือข้อความโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์มากกว่าครึ่งถูกเห็นบน Facebook หรือ Instagram

ทั้งนี้ การต้มตุ๋นหลอกลวงในตลาดคริปโตกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยอัตราการก่ออาชญากรรมพุ่งสูงขึ้น 60 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2018 เนื่องจากนักต้มตุ๋นมีข้อได้เปรียบตรงที่ธนาคารจะไม่สามารถตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยได้เหมือนกับการเงินปกติ อีกทั้งระบบการโอนที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และนักลงทุนมือใหม่ที่ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับวิธีการทำงานของคริปโต

อย่างในเดือนกุมภาพันธ์ คณะลูกขุนใหญ่ของรัฐบาลกลางในซานดิเอโกได้ฟ้องร้องผู้ก่อตั้ง BitConnect เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า หลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับ โปรแกรมการให้กู้ยืมเงินของสกุลเงินดิจิทัล โดยอ้างว่าเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะนำผลตอบแทนที่สำคัญมาสู่นักลงทุนโดยการติดตามตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

หรืออย่างในเดือนพฤษภาคม CEO ของ Mining Capital Coin ถูกฟ้องในข้อหา “เตรียมแผนฉ้อโกงการลงทุนทั่วโลกมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์” ซึ่งให้คำมั่นว่าจะได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากการขุดคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ ๆ โดยในทั้งสองกรณี นักต้มตุ๋นสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนมหาศาลแก่นักลงทุน แต่กลับเอาเงินใส่กระเป๋าเงินดิจิทัลของพวกเขาเอง

ดังนั้น FTC เตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนกับใครก็ตามที่สัญญาว่าจะ รับประกันผลตอบแทน

“ไม่มีการรับประกันว่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลจะสร้างรายได้ การลงทุนที่ถูกกฎหมายจะไม่บังคับให้คุณต้องซื้อสกุลเงินดิจิทัล หรือหากมีการขอให้ส่งคริปโตให้แทนการบอกรักกับคนที่เจอผ่านแอปหาคู่ นั่นถือเป็นการหลอกลวง” FTC กล่าว

Source

]]>
1391841
นักวิเคราะห์เตือน ‘Bitcoin’ อาจดิ่งต่ำกว่า 1.3 หมื่นดอลลาร์ หาก ‘ฟองสบู่คริปโตฯ’ แตก https://positioningmag.com/1389714 Wed, 22 Jun 2022 12:26:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389714 จากที่ ‘บิตคอยน์’ (Bitcoin) เคยทำสถิติสูงสุดที่ 6.9 หมื่นดอลลาร์ หรือว่า 2 ล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ราว ๆ 2 หมื่นดอลลาร์ หรือราว 7.2 แสนบาท ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปี 2020 แต่ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่ใช่จุดต่ำสุด แต่มีแนวโน้มจะดิ่งต่ำกว่า 1.3 หมื่นดอลลาร์เลยทีเดียว

เอียน ฮาร์เน็ต ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนของบริษัท แอบโซลูท สตราเทจี รีเสิร์ช (Absolute Strategy Research) คาดว่า หาก ฟองสบู่ของคริปโตฯ แตก มูลค่าของ บิตคอยน์ อาจต่ำลงอีกมาก โดยมีแนวโน้มว่าอาจแตะที่ 1.3 หมื่นดอลลาร์ หรือลดลงเกือบ 40% จากระดับปัจจุบัน

“คนจะยังเทขายคริปโตฯ และขึ้นอยู่กับสภาพคล่องจริง ๆ โดยสิ่งที่เราพบคือ คริปโตฯไม่ใช่ทั้งสกุลเงินหรือสินค้าโภคภัณฑ์ และแน่นอนว่ามันไม่มีมูลค่าอะไร”

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดคริปโตฯ ในอดีตแสดงให้เห็นว่าตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วง ขาลง โดยมูลค่าของบิตคอยน์มีแนวโน้มที่จะลดลงถึง 80% จากระดับสูงสุดตลอดกาล อย่างในปี 2018 สกุลเงินดิจิทัลร่วงลงเกือบ 3,000 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเกือบ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2017

และการลดลงดังกล่าวในปี 2022 จะพาบิตคอยน์ย้อนกลับไปที่มูลค่า 1.3 หมื่นดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ เนื่องจากบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ต้อง พึ่งพาสภาพคล่องในโลก เมื่อสภาพคล่องถูกระบายออก เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกพากันคุมเข้มนโยบายการเงิน และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย บิตคอยน์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับสินทรัพย์ในตลาดอื่น ๆ

“ช่วงที่โลกมีสภาพคล่องสูง Bitcoins จะเติบโตด้ดี เมื่อสภาพคล่องนั้นหายไป จะเห็นว่าตลาดกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรง”

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Fed ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งเดียวที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ลังจากนั้นธนาคารกลางอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ ฮังการี บราซิล ไต้หวัน ฮ่องกง และอาร์เจนตินา ต่างก็ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับผลกระทบ มูลค่ารวมของคริปโตฯ ทั้งหมดลดลงมากกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่การปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed แต่ตลาดคริปโตฯ นั้นเริ่มระท่อนกระแท่นตั้งแต่การล่มสลายของ terraUSD เหรียญ stablecoin และเหรียญ Luna

]]>
1389714
Bitcoin ดิ่งทะลุกระดานต้านไม่ไหว นักลงทุนควรไปต่อดีไหม? https://positioningmag.com/1388696 Tue, 14 Jun 2022 13:34:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388696 เห็นกระดานแดงเถือกของตลาดคริปโตฯ ทำเอานักลงทุนต่างกุมขมับกันให้วุ่น เพราะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีความผันผวนอย่างหนัก อีกทั้งยังเจอปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน คำถามก็คือ นักลงทุนควรไปต่อดีหรือไม่?

ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang ธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และบล็อกเชน ให้ความเห็นว่า

สาเหตุที่ราคาบิตคอยน์ (BTC) ทิ้งดิ่งหนักจนไปแตะที่ $23,839 และอีเธอเรียม (ETH) $1,215 ในวันที่ 13 มิถุนายน 2565 เวลา 16.51 น. ปัจจัยหลักเลยคือ เรื่องตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของเดือนพฤษภาคม ที่สหรัฐฯ ประกาศออกมาสูงเกินคาดที่ +8.6% ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี

สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จากเมื่อ 2 เดือนก่อน อยู่ที่ประมาณ $100 – $110 ต่อบาร์เรล ขึ้นมาอยู่ที่ $105 – $120 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย จนทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้วันพุธที่ 17 มิถุนายน (หรือเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ของ Barclay Bank ซึ่งเป็นสาย extreme สุดด้านคาดการณ์เงินเฟ้อขณะนี้ คาดการณ์ว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยมากถึง +0.75% ในการประชุมคืนวันพุธนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทั่วไปยังคงมองว่า FED จะยังคงขึ้นที่ +0.5%

“สิ่งสำคัญที่จะต้องจับตามองคือถ้อยแถลงของ FED ที่มีต่อสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปีนี้ ว่า FED จะเดินหน้ามาตรการอะไรต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อให้ได้” 

อีกปัจจัยหนึ่งก็คือความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการของจีนที่เริ่มกลับมาใช้ข้อบังคับเรื่องการป้องกันไวรัสระบาดอีกครั้ง หลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการด้านอุปสงค์ หรือ Demand-side

ส่วนเหตุผลทางด้าน Technical Chart นั้นในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่า ราคา ETH อยู่แถว $1,800 – $2,000 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลงมาทดสอบ ที่ $1,200 – $1,400 ได้ไม่ยากในเวลาอันใกล้ และ BTC เองก็อาจจะลงไปสู่ระดับ $19,000 – $21,000 ในช่วงเวลาอันใกล้นี้

สรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation ให้ความเห็นว่า

ขาลงของทั้ง BTCและ ETH ยังไม่จบเพราะทั้งมุมมองของ FED ขณะนี้ และ Technical Chart ยังไปช่วยหนุนขาลงอยู่ สิ่งที่พอจะช่วยนักลงทุนในการวิเคราะห์สถานการณ์ขณะนี้ได้ก็คือ

1) อ่านใจและวิธีคิดของ FED ให้ออก ผ่านมุมมองการวิเคราะห์ที่เราหาได้ไม่ยากใน internet แต่จงถามตัวเองเสมอด้วยว่า บทวิเคราะห์ที่อ่านนั้นมองข้ามอะไรไปบ้าง ณ ตอนนี้ FED คงสนใจว่า เงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรผ่าน CPI index หรือ ดัชนีราคาของผู้บริโภค และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น

2) อ่านกราฟให้ออก ไม่ใช่แค่มอง technical chart ของ crypto เท่านั้นแต่ต้องมองไปที่ กราฟราคาน้ำมัน ว่าจะไปอย่างไรด้วย เพราะถ้าตอนนี้ยังอยู่แถว $117 – $120 ยังคงมี trend ขาขึ้นซึ่งสามารถวิ่งไปถึง $130 – $150 ได้ไม่ยาก”

“นั่นหมายถึงเงินเฟ้อก็ยังคงสูงขึ้นไม่เปลี่ยนไปในช่วง 1 – 3 เดือนนี้แน่นอน  ดังนั้น FED ก็ยังต้องสู้เงินเฟ้ออย่างก้าวร้าวต่อไป ด้วยเหตุนี้ตลาดขาลงของคริปโตฯ ก็คงยังไม่จบจริงในเวลา 1-2 เดือนนี้แน่นอน และถึงแม้ว่าจะเป็นขาลง ตลาดก็ไม่ได้วิ่งลงเป็นเส้นตรงดิ่งลงตลอดเวลา บางทีก็เป็นลักษณะวิ่งลงแบบซิกแซ็ก  ดังนั้น ไม่ควร All-in ในครั้งเดียว ต้องจัดการเรื่อง allocation risk หรือการจัดการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตให้เหมาะสมด้วย”

ฉะนั้นถ้าจะถามว่าตลาดตอนนี้น่าลงทุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นนักเทรดประเภทใด ถ้าเป็นสายทำกำไรก็อาจทำได้แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการลงแบบซิกแซ็กขึ้น ๆ ลง ๆ ส่วนถ้าเป็นกลุ่มลงทุนระยะกลาง 1 – 3 เดือน การลงทุนใน Stablecoin ที่มีสินทรัพย์หนุนหลังก็ยังพอให้ผลตอบแทนได้ในท่ามกลางสภาวะเงินดอลลาร์แข็งค่าขณะนี้ หากเป็นกลุ่มลงทุนระยะยาวหรือ DCA ก็สามารถที่จะซื้อเก็บได้ทุก ๆ 2 – 3 เดือน ไม่ถึงกับต้องนั่งเฝ้าซื้อเก็บทุกสัปดาห์

]]>
1388696