คริปโต – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 19 Sep 2024 10:38:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รู้จัก orbix INVEST ผู้ช่วยมือโปรของคริปโตเนียน https://positioningmag.com/1490901 Thu, 19 Sep 2024 11:50:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1490901

ในยุคปัจจุบันเป็นโลกแห่งการลงทุนมีการเปิดกว้างมากมาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลงทุนแบบดั้งเดิม โลกดิจิทัลเข้ามามีบทบาท และเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยเช่นกัน การเกิดขึ้นของ “สินทรัพย์ดิจิทัล” จึงเป็นโอกาสสำคัญของนักลงทุนรุ่นใหม่ แต่จะลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัย คือความท้าทายอย่างที่สุด


ทำความรู้จัก orbix INVEST จิ๊กซอว์ตัวใหม่

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่หลายๆ คนเรียกกันง่ายๆ ว่าคริปโตฯ มีการเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล ข้อมูลจาก CoinGecko พบว่า ในปี 2566 มูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าในปี 2567 จะมีมูลค่าอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีการเติบโตถึง 140,000% สะท้อนว่าภาพรวมของตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในประเทศไทยมีการประเมินว่ามีผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 4 ล้านราย แสดงให้เห็นว่าในตลาดนี้ยังมีนักลงทุนที่ให้ความสนใจ และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทั้งนักลงทุนอาชีพ ไปจนถึงนักลงทุนหน้าใหม่ โดยความต้องการของคนกลุ่มนี้ก็คือ แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ ไว้ใจได้

กลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกสิกรไทย จึงเปิดตัวบริษัทลูก “ยูนิต้า แคปิทัล” ก่อตั้งขึ้นเพื่อดูแลบริการให้ครอบคลุมระบบนิเวศด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Ecosystem) มากขึ้น ล่าสุดได้เปิดตัว ออร์บิกซ์ อินเวสท์  (orbix INVEST) ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) เป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับนักลงทุน โดยก่อนหน้านี้ยูนิต้า แคปิทัลมีการเปิดให้บริการ ออร์บิกซ์ (orbix) ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล, ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี (orbix TECHNOLOGY) ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อคเชนของประเทศ และออร์บิกซ์ คัสโทเดียน (orbix CUSTODIAN) เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมเพื่อรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

orbix INVEST ได้เปิดให้บริการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อเดือนมกราคม 2567

เรียกได้ว่า orbix INVEST เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่สำคัญในการขยายขอบเขตบริการเพื่อเติมเต็มระบบนิเวศด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน ด้วยการนำเสนอกลยุทธ์จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การจัดการของบริษัท รวมถึงพัฒนาแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่าย ภายใต้แนวคิด Strategist for Kryptonian ผู้ช่วยมือโปรของคริปโตเนียน


มั่นใจได้มาตรฐาน เพราะผู้ช่วยมือโปร

orbix INVEST วางจุดยืนเป็นผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) หรือเรียกได้ว่าเป็นบุคคลซึ่งเข้าจัดการเงินทุน หรือแสดงต่อบุคคลทั่วไปว่าพร้อมจะรับจัดการเงินทุนให้แก่บุคคลอื่น เพื่อแสวงหาประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัล โดยกระทำเป็นทางค้าปกติ แต่ไม่รวมถึงการจัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

ซึ่งเชื่อถือได้ เพราะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) orbix INVEST ทำหน้าที่ในการคัดเลือกสินทรัพย์ ออกแบบ รวมทั้งบริหารกลยุทธ์ และบริหารความเสี่ยงของกลยุทธ์จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างมูลค่าให้กับพอร์ตลงทุนได้ ใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชั่น

ถ้าถามว่าการลงทุนในรูปแบบ Digital Asset Fund Manager ผ่าน orbix INVEST มีความพิเศษจากการลงทุนประเภทอื่นอย่างไร ต้องบอกว่าการลงทุนในยุคปัจจุบันไม่เพียงแต่อยู่ในตลาดหุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังมีสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น การกระจายการลงทุนมาลงทุนใน Digital Asset Fund นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของโลก มีมูลค่า และสามารถเก็บได้ในระยะยาว

อีกทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลก็ง่ายขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก เพราะมีผู้เชี่ยวชาญค่อยดูแลจัดการให้ แถมยังติดตามการลงทุนได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว ช่วยเพิ่มโอกาสของพอร์ตการลงทุนให้มากขึ้นกว่าเดิม

กระจายความเสี่ยงอย่างสมดุล

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากแบ่งสัดส่วนมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประมาณ 1-5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด ก็เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว

เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลมักมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่สัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้นและพันธบัตร ดังนั้น การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลจะช่วยปรับสมดุลพอร์ตและลดความผันผวนได้ แถมยังเปิดโอกาสให้พอร์ตมีศักยภาพในการทำผลตอบแทนและมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงในระยะยาว

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตที่สมดุลและมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนสามารถเติบโตในตลาดการเงินยุคใหม่ได้


ฟังก์ชันสุดล้ำจาก orbix INVEST

ฟังก์ชั่นหลักของ orbix INVEST ก็คือ สามาถเลือกลงทุนกลยุทธ์จัดการเงินทุนได้ตามความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุน โดยที่ orbix INVEST มีแบบประเมินความเสี่ยงที่ช่วยให้ผู้ลงทุนทราบความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ และเข้าใจเป้าหมายการลงทุนของตนเอง เพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกลยุทธ์จัดการเงินทุนได้อย่างเหมาะสม

ทาง orbix INVEST มีกลยุทธ์จัดการเงินทุนหลากหลาย และแนะนำไว้ในแอปพลิเคชัน เพื่อให้ตามทันเทรนด์การลงทุนในตลาด และเลือกลงทุนได้ตามความสนใจ

นักลงทุนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของกลยุทธ์การลงทุน รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวของราคา สัดส่วนการลงทุน ได้ ผ่านแอปพลิเคชัน orbix INVEST ที่ทำให้มีข้อมูลครบถ้วนและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

ลงทุนกับ orbix INVEST

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อได้ว่าต้องมีนักลงทุนที่สนใจลงทุนกับ orbix INVEST อย่างแน่นอน เพราะทั้งสะดวก ปลอดภัย และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. ดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน orbix INVEST มีให้ดาวน์โหลดทั้ง App Store และ Play Store
  2. การเตรียมตัวก่อนการเปิดบัญชี
  • เตรียมบัตรประชาชน ข้อมูลบนบัตรและรวมถึงเลข laser หลังบัตร
  • อยู่ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพ
  • ไม่สวมแว่นตาหรือสิ่งปิดบังใบหน้าในขณะทำการยืนยันตัวตน
  1. หลังจากนั้นลงทะเบียนโดยยืนยันตัวตนผ่านทาง K Plus หรือยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) กรอกข้อมูลส่วนตัว และทำแบบทดสอบประเมินความเสี่ยง รวมถึงผูกบัญชีรับเงิน เมื่อเจ้าหน้าที่อนุมัติเปิดบัญชีภายใน 1-2 วันทำการ จึงสามารถทำการเพิ่มทุน/ลดทุนได้

หมายเหตุ * คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุน ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

]]>
1490901
ไม่มีอะไรปลอดภัย! ครึ่งปีแรก ‘เงินดิจิทัล’ ถูกแฮกเกอร์โจรกรรมรวมกว่า 1.38 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 2 เท่า https://positioningmag.com/1481998 Tue, 09 Jul 2024 10:43:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481998 อย่างที่รู้ ๆ กันว่ามิจฉาชีพเดี๋ยวนี้เก่งมาก ๆ พร้อมจะใช้เทคโนโลยีและเล่ห์กลสารพัดเพื่อดูดเงินของเรา และแม้แต่ คริปโตเคอร์เรนซี หรือ เงินดิจิทัล ก็ไม่รอด เพราะแค่ช่วงครึ่งปีแรก ก็มีเงินดิจิทัลถูกขโมยเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า

รายงานจากบริษัทวิจัยด้านบล็อกเชน TRM Labs เปิดเผยว่า มีการขโมยคริปโตฯ มูลค่า 1.38 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 24 มิถุนายน ซึ่ง มากขึ้นกว่าสองเท่า ของจำนวน 657 ล้านดอลลาร์ที่ถูกขโมยไปในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทดังกล่าวสังเกตว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลโดยเฉลี่ยสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกขโมยสูงขึ้น

เช่นเดียวกับปีที่แล้ว การโจมตีครั้งใหญ่เพียงไม่กี่ครั้งส่งผลให้การขโมยคริปโตเพิ่มขึ้น โดย แฮกเกอร์ 5 อันดับแรก คิดเป็น 70% ของจำนวนเงินที่ถูกขโมยไปในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเวกเตอร์การโจมตีอันดับต้น ๆ ในปี 2024 ได้แก่ Private key และ Seed Phrase ซึ่งเป็นลำดับคำแบบสุ่มที่จัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นในการเข้าถึงหรือกู้คืน Crypto Wallet

โดยการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้คือการ ขโมย Bitcoin มูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ จากเว็บแลกเปลี่ยนคริปโต DMM Bitcoin ของญี่ปุ่น โดยแฮกเกอร์ใช้ Private key ที่ขโมยมาหรือ การปลอมแปลงที่อยู่กระเป๋าเงิน (address poisoning) โดยผู้โจมตีจะส่งสกุลเงินดิจิทัลจำนวนเล็กน้อยจากกระเป๋าเงินที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบที่อยู่ของคุณหรือผู้รับของคุณโดยมีจุดประสงค์เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ส่งเงินไปยังกระเป๋าเงินที่ไม่ถูกต้อง

TRM Labs กล่าวว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานใด ๆ ในระบบรักษาความปลอดภัยของระบบนิเวศคริปโตที่อาจส่งผลให้มูลค่าการขโมยเพิ่มขึ้น โดยระบุว่าจำนวนการโจมตีและเวกเตอร์การโจมตี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญในแต่ละปี

ทั้งนี้ บริษัท Crypto มักตกเป็นเป้าหมายของการแฮกและการโจมตีทางไซเบอร์ โดยตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล Mt.Gox ยื่นฟ้องล้มละลายในปี 2014 หลังจากถูกแฮกหลายครั้งจนขโมย Bitcoin ไปได้ถึง 950,000 Bitcoin ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อพิจารณาจากราคาปัจจุบัน

หรือในเดือนพฤศจิกายนมีการขโมยเงินไปประมาณ 115 ล้านเหรียญ จากการแลกเปลี่ยน HTX และ Heco Chain ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโต 2 แห่งที่เชื่อมโยงกับ Justin Sun ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง

Source

]]>
1481998
ประเมินขาขึ้น ‘คริปโต’ คาดปีนี้มูลค่าตลาดทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ โตขึ้น 2 เท่า! https://positioningmag.com/1469425 Mon, 08 Apr 2024 06:31:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469425 ถือเป็นปีที่ตลาด คริปโตเคอเรนซี่ หรือ สกุลเงินดิจิทัล กลับมาขาขึ้นอีกครั้ง เฉพาะแค่ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) หรือ BTC ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุด ได้ทำราคาสูงสุดทุบสถิติใหม่ขึ้นไปทะลุ 73,000 ดอลลาร์/BTC ไปเมื่อช่วงวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา จากมูลค่าของบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้น ทำให้มีการประเมินว่าปีนี้มูลค่าตลาดคริปโตฯ จะโตขึ้น 2 เท่า

Brad Garlinghouse CEO จาก Ripple ประเมินว่า มูลค่าของตลาดคริปโตฯ ปีนี้จะเพิ่มขึ้น สองเท่า หรือมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากมูลค่า ณ วันที่ 4 เมษายน ที่ตลาดคมีมูลค่าประมาณ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากการมาถึงของกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ (ETFs) แห่งแรกของสหรัฐฯ

Bitcoin ETF กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในบิตคอยน์ ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 มกราคมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา พวกเขาซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอนุญาตให้สถาบันและนักลงทุนรายย่อยได้รับความเสี่ยงจาก บิตคอยน์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง

ปัจจุบัน บิตคอยน์คิดเป็นประมาณ 49% ของตลาดคริปโตฯ ทั้งหมด โดยมีมูลค่าตลาด 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 1 เมษายน ซึ่งนับจากช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมากกว่า +140% โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 73,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ตามข้อมูลของ CoinGecko อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์ได้ตกลงไปต่ำกว่าระดับ 70,000 ดอลลาร์แล้ว

อีกปัจจัยที่ Garlinghouse มองว่าจะผลักดันตลาดคริปโตฯ ไปสู่จุดสูงสุดใหม่คือความเป็นไปได้ที่โมเมนตัมด้านกฎระเบียบเชิงบวกในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลต่างมองในแง่ดีว่า ฝ่ายบริหารครั้งต่อไปจะอำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

“ฉันคิดว่าเราจะได้รับความชัดเจนมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่อเมริกากลับไม่ค่อยเป็นมิตรกับตลาดคริปโตฯ อย่างไรก็ตาม ปีนี้น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวก”

นอกจากนี้ Marshall Beard ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gemini บริษัทแลกเปลี่ยน crypto ของสหรัฐฯ คาดว่า ราคาบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 ดอลลาร์ ในปลายปีนี้ เนื่องจากครบรอบ บิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง (Bitcoin Halving) หรือการที่รางวัลจากการขุดบิตคอยน์จะถูกปรับลดลงครึ่งหนึ่ง 

Source

]]>
1469425
Standard Chartered คาด ‘Bitcoin’ อาจร่วงเหลือ 5,000 ดอลลาร์ในปีหน้า ส่วน ‘ทองคำ’ จะพุ่ง 30% https://positioningmag.com/1411104 Tue, 06 Dec 2022 03:41:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1411104 ถือเป็นอีกปีที่ตลาดคริปโตฯ เจอแต่ข่าวร้าย ๆ ซึ่งส่งผลให้เหรียญที่มีมูลค่าสูงสุดอย่าง บิตคอยน์ (Bitcoin) ปัจจุบันมีมูลค่าที่ 17,000 ดอลลาร์ จากที่เคยพุ่งสูงสุดถึงกว่า 67,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2564 ล่าสุด Standard Chartered ได้ออกมามองถึงทิศทางบิตคอยน์ปีหน้า โดยคาดว่ามูลค่าจะเหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์เท่านั้น

Eric Robertsen หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ Standard Chartered Bank คาดการณ์ว่า บิตคอยน์อาจลดลงเหลือ 5,000 ดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งถ้าถึงระดับนั้น แปลว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะลดลงประมาณ 70% จากราคาปัจจุบันที่ 17,000 ดอลลาร์ ซึ่งมูลค่าลดลงไปมากกว่า 60% หากนับเฉพาะปีนี้

หนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบิตคอยน์ก็คือ การล่มสลายของโครงการและบริษัทที่มีชื่อเสียงมากมาย ทำให้อุตสาหกรรมเสียหาย โดยเฉพาะที่ FTX ได้ยื่นล้มละลาย นับเป็นความเสียหายล่าสุดและใหญ่ที่สุด เพราะหลังจากที่ FTX ล้มก็ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั้งตลาด

“ผลตอบแทนของคริปโตฯ ลดลงไปพร้อม ๆ กับหุ้นเทคโนโลยี และในขณะที่บริษัทหรือแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตฯ จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มพบว่าตัวเองมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ ได้นำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล” Eric Robertsen กล่าว

ในขณะที่มูลค่าของบิตคอยน์อาจจะลดลงในปีหน้า แต่ราคา ทองคำ อาจเพิ่มขึ้น 30% เป็น 2,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการถดถอยของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยทองคำนั้นจะเป็นเหมือน แหล่งหลบภัย โดยนักลงทุนแห่กันไปเพื่อความมั่นคงในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน

ไม่ใช่แค่ Standard Chartered ที่มองว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะลดลงในปีหน้า แต่ Mark Mobius นักลงทุนรุ่นเก๋าก็คาดว่า บิตคอยน์จะร่วงลงสู่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม มีเพียง Tim Draper มหาเศรษฐีพันล้านยังเชื่อว่าในช่วงกลางปีหน้า มูลค่าของบิตคอยน์จะกลับมาแตะ 250,000 ดอลลาร์ ได้

Source

]]>
1411104
ความสนใจลงทุน ‘คริปโต’ ของคน ‘มิลเลนเนียล’ ลดเหลือ 30% หลังราคาผันผวนหนัก https://positioningmag.com/1402857 Mon, 03 Oct 2022 05:36:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402857 ก็ดูไม่น่แปลกใจหากพิจารณาจากข่าวที่ร้าย ๆ ในวงการคริปโต รวมไปถึงมูลค่าที่ดิ่งฮวบ ๆ ลงจะทำให้ นักลงทุน เริ่มที่จะลดความสนใจในการลงทุนกับคริปโต ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมาของ Bankrate ที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน รู้สึกไม่สบายใจหากต้องลงทุนในคริปโต

จากผลสำรวจของ Bankrate ในเดือนกันยายนพบว่า ความนิยมของ คริปโตเคอร์เรนซี ของนักลงทุนชาวอเมริกันกำลังลดลง โดยในปี 2022 มีชาวอเมริกันเพียง 21% เท่านั้นที่รู้สึกสบายใจที่จะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล จากปีที่ผ่านมาที่มี 35% ขณะที่กลุ่มคนรุ่น มิลเลนเนียล (อายุ 26-41 ปี) ก็ลดลงจาก 50% เหลือ 30% เท่านั้น ที่สบายใจในการลงทุนในคริปโต ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในทุกเจน

การลดลงนั้นไม่น่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาว่ามูลค่าสูงสุดของตลาดคริปโตที่เคยมีมูลเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงพฤศจิกายนปี 2021 ปัจจุบันนี้เหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์

“มูลค่าของสกุลเงินดัง ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum ลดลงมากกว่า 70% จากระดับสูงสุดตลอดกาล จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความสนใจของเหรียญจะหายไป ยิ่งนักลงทุนหน้าใหม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง” James Royal ผู้อำนวยการที่ Bankrate กล่าว

ในขั้นต้น ความสนใจของนักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากในคริปโตนั้นเป็นเพราะพวกเขามีความรู้สึก อยากถูกลอตเตอรี่ หรือการที่จะสามารถทำเงินได้มากมายอย่างรวดเร็ว แม้ว่านักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากจะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังซื้อ แต่พวกเขาเห็นราคาที่ขึ้นและพวกเขาต้องการเข้าไป

วิธีเดียวที่คุณสามารถสร้างรายได้จากมันคือ การขายให้กับคนที่มองโลกในแง่ดีหรือโง่มากกว่าคุณ ด้วยเหตุผลนี้ คริปโตจึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นการลงทุนแบบดั้งเดิม

ทั้งนี้ คริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ซึ่งอยู่ภายใต้ความผันผวนของราคาที่คาดเดาไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักไม่แนะนำให้ลงทุนเงินในสกุลเงินดิจิทัล หากทำใจไม่ได้ที่จะขาดทุน เนื่องจากไม่มีการรับประกันว่าจะได้รับผลกำไร

อย่างไรก็ตาม หากว่ากำลังค้นหาการลงทุนที่ได้กำไรน้อยลง แต่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้บนพื้นฐานความเป็น กองทุนดัชนี S&P 500 ถือเป็นอีกตัวเลือก เพราะหากซื้อเป็นประจำ แล้วถือต่อไปอย่างเหนียวแน่น มีแนวโน้มที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่ง อย่างเช่นตัวอย่างของเศรษฐีชาวอเมริกันจำนวนมาก

“แน่นอนว่าบางคนถูกลอตเตอรี่ แต่ความมั่งคั่งถูกสร้างขึ้นได้เอง และสามารถไปถึงเป้าหมายได้สำหรับผู้ที่สามารถเป็นนักลงทุนที่มีวินัยได้”

Source

]]>
1402857
ตลาด ‘คริปโตฯ’ ร่วงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังนักลงทุนแห่ ‘เทขาย’ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง https://positioningmag.com/1399334 Wed, 07 Sep 2022 11:20:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1399334 หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ส่งผลให้ราคาของ ‘Bitcoin’ ร่วงลงเหลือต่ำกว่า 19,000 ดอลลาร์ โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ขณะที่มูลค่าของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดก็ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งกระดาน

Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 18,812.36 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมากกว่า 5% ตามข้อมูลของ CoinDesk Ether ซึ่งการซื้อขายของ Bitcoin นั้นจะสัมพันธ์กับหุ้น ดังนั้น หากหุ้นตกสกุลเงินดิจิทัลก็เช่นกัน ส่งผลให้เกิดการเทขายในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

ปัจจุบัน Bitcoin ลดลงประมาณ 60% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 68,990.90 ดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดคริปโตฯ จากที่เคยมีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมูลค่าตลาดเหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับสาเหตุที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตก มาจากธนาคารกลางทั่วโลกกำลังต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเป็นจำนวนรวม 2.25% และด้วยนโยบายที่เข้มงวด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี

“การที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดตามที่เราเห็น แต่ถ้าค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลง Bitcoin ก็จะกลับมาอีกครั้ง” Vijay Ayyar รองประธานฝ่ายพัฒนาองค์กรและระดับนานาชาติที่การแลกเปลี่ยน crypto Luno กล่าว

]]>
1399334
‘ซัมซุง’ ขอร่วมวงตลาด ‘คริปโต’ เตรียมเปิด ‘กระดานเทรด’ ภายในปี 2023 https://positioningmag.com/1397286 Tue, 23 Aug 2022 08:36:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397286 หลังจากเกิดปัญหากับเหรียญ LUNA ที่มี โด ควอน ชายเกาหลีใต้เป็นผู้ก่อตั้ง จนทำให้เกิดความเสียหายกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางเกาหลีใต้จึงต้องเร่งสร้างมาตรฐานให้กับตลาดคริปโต และส่วนหนึ่งก็คือ การลงทะเบียน จัดตั้งเป็นบริษัท Exchange หรือ กระดานเทรดคริปโต และหนึ่งในผบริษัทที่สนใจคือ ซัมซุง (Samsung)

ดูเหมือนว่า เกาหลีใต้ กำลังเร่งสร้างมาตรฐานของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีให้เข้มงวดมากขึ้น โดย ยุน ซ็อก-ย็อล (Yoon Seok-yeol) นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ ได้พยายามผลักดันบริษัทหลักทรัพย์เพื่อสร้างเว็บเทรดสินทรัพย์เสมือน ซึ่งเกิดพร้อม ๆ กับการเตรียมการเพื่อผ่านร่างกรอบพระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัล

ซัมซุง (Samsung) ก็เป็น 1 ใน 7 บริษัทที่สนใจ โดยได้ส่งใบสมัครอย่างเป็นทางการภายใต้บริษัท Samsung Securities ซึ่งถือเป็นบริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ เพื่อขอใบอนุญาตเบื้องต้นและการจัดตั้งบริษัทเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ ซัมซุงยังมีแผนที่จะสร้าง สกุลเงินดิจิทัล ของตัวเองด้วย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วง ครึ่งปีแรกของปี 2023

และอีกบริษัทที่น่าสนใจในการขอใบอนุญาตครั้งนี้คือ Mirae Asset Securities ที่กำลังพัฒนายูนิตใหม่ที่เรียกว่า Mirae Consulting ซึ่งกำลังหาคนที่จะพัฒนาโปรเจ็กต์เกี่ยวกับคริปโตและ NFT​

นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีแผนที่จะ เก็บภาษีกำไรจากคริปโต ประมาณ 10-50% ภายในปี 2025 หลังจากที่เกิดการล่มสลายของเหรียญ LUNA ที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองทางการเงินของเกาหลี (KoFIU) ได้เดินหน้าทำการปิดกั้น บริษัทผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (VASP) ในต่างประเทศที่ไม่ได้ลงทะเบียนถึง 16 แห่ง

Source

]]>
1397286
ผลสำรวจชี้ 53% ของการขาย NFT นั้น ‘ขาดทุน’ และนักลงทุนเน้น ‘ถือระยะยาว’ มากขึ้น https://positioningmag.com/1396775 Thu, 18 Aug 2022 11:32:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396775 จากที่ปี 2021 ตลาด NFT มีมูลค่าถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเติบโตกว่า 21,000% จากปี 2020 ที่มีมูลค่าเพียง 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาแค่ 1 ปี ตลาด NFT ก็ร่วงตามตลาดคริปโตไปติด ๆ

จากการรายงานของ OpenSea แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT รายใหญ่ระบุว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มูลค่าการขายผ่านแพลตฟอร์มลดลงเหลือ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเมื่อเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลง 73%

ล่าสุด รายงานจาก Cointelegraph ระบุว่า ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา นักลงทุนกว่า 53% ขาดทุนจากการซื้อ-ขาย NFT โดยสาเหตุมาจากราคาที่ร่วงอย่างแรงของ CyberKongz และ CyberKongzBabies ขณะที่ตลาด Blue-Chip หรือ คอลเลกชั่น NFT ที่มีความผันผวนน้อย และมีมูลค่าถึงหรือสูงกว่าระดับ 10 Ether ยังไม่ฟื้นตัว

ไม่ใช่มูลค่าที่ลดลงอย่างเดียว แต่จำนวนผู้ซื้อขายลดลงค่อนข้างมาก จากประมาณ 37,843 คนในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ 10,571 คนเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจคือ นักลงทุนที่เลือกจะถือครอง NFT แบบ ระยะยาวเพิ่มขึ้น โดยจากข้อมูลชี้ว่า ในช่องเดือนมิถุนายนเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ถือระยะยาวของเพิ่มกว่า 500,000 คน ทำให้ตอนนี้มีมากกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก

โดยหมวดหมู่ที่มีการถือครองแบบระยะยาวมากที่สุด คือ กลุ่ม PFP (proof of profile) เป็นหมวดที่คนถือมากสุดและมีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดถึง 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 5 แสนล้านบาท ส่วน NFT ในกลุ่มของสะสม เกม และศิลปะ ที่เคยเป็นผู้นำตลาด แต่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 6.7 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2 แสนล้านบาทเท่านั้น

Source

]]>
1396775
ฟองสบู่แตก? ที่ดิน ‘Metaverse’ ราคาร่วง 85% ตามรอยขาลงตลาด ‘คริปโต’ https://positioningmag.com/1395590 Tue, 09 Aug 2022 06:27:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1395590 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในโลกจริงมีแต่จะแพงขึ้น แต่สำหรับ ‘ที่ดิน Metaverse’ กลับสวนทางอย่างแรง แม้ว่าช่วงแรกราคาจะพุ่งเอา ๆ แต่นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาที่ดินใน Metaverse กลับร่วงถึง 85% แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ของ McKinsey ว่าตลาดจะมีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ก็ตาม

ดูเหมือน Metaverse ที่บริษัทเทคโนโลยี (และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ) ต่างก็แย่ชิงพื้นที่เพื่อจะเป็นผู้นำนวัตกรรมดังกล่าว โดยจากข้อมูลของ McKinsey เปิดเผยว่า บริษัทต่าง ๆ กองทุนร่วมลงทุน และนักลงทุนภาคเอกชนต่างหลั่งไหลเข้าสู่ตลาด Metaverse รวมเป็นเงินมากกว่า 120,000 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2022 ซึ่งมากกว่าสองเท่าของเงินลงทุนในปี 2021

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Metaverse กลับประสบกับช่วงวิกฤตในหลายด้าน ทั้งการจ้างงานที่ลดลง รวมไปถึงมูลค่าของ ที่ดิน ใน Metaverse ที่ลดลงอย่างมาก ตามรายงานของ WeMeta พบว่า ราคาเฉลี่ยของที่ดินของ Decentraland เคยมีมูลค่าสูงถึง 37,238 ดอลลาร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ ณ วันที่ 1 สิงหาคมกลับลดลงเหลือเฉลี่ย 5,163 ดอลลาร์

ด้าน Sandbox ก็ลดลงจากประมาณ 35,500 ดอลลาร์ ในเดือนมกราคม เหลือ 2,800 ดอลลาร์ ในเดือนสิงหาคม  และในโครงการ Ethereum metaverse ที่มี 6 โครงการหลัก ๆ ก็ลดลงจากประมาณ 17,000 ดอลลาร์ ในเดือนมกราคม เหลือประมาณ 2,500 ดอลลาร์ ในเดือนสิงหาคม หรือ ลดลง 85%

ทั้งนี้ ปริมาณการขายที่ดินที่ลดลงได้แสดงให้เห็นว่าผู้คนเริ่มให้ความสนใจในโครงการ Metaverse ที่ลดลง โดยจำนวนที่ดินที่ซื้อขายได้ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2021 เหลือประมาณ 157 ล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคมเท่านั้น ในขณะเดียวกัน การประเมินมูลค่าตลาดของ โทเค็น Metaverse ก็มีจำนวนเหรียญที่หมุนเวียนลดลงมากกว่า 80%

ตัวอย่างเช่น การประเมินมูลค่าของเหรียญ MANA ของ Decentraland ในการหมุนเวียนลดลงจาก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2021 เหลือ 2 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนสิงหาคม 2022 ในทำนองเดียวกันมูลค่าสุทธิของเหรียญ SAND ของ Sandbox อยู่ที่ 8.4 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 1.78 พันล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน

สัญญาณลบ? ตลาด NFT ดิ่งตามคริปโต มูลค่าการขายบน OpenSea ลดลง -73% ในเดือนเดียว

อย่างไรก็ตาม McKinsey ยังเชื่อว่าตลาดที่ดิน Metaverse ดังกล่าวสามารถกลายเป็นภาคธุรกิจที่มีมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 

Source

]]>
1395590
FTC พบ ยอดตุ๋นลงทุน ‘คริปโต’ ปี 64 เสียหายกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท วัย 25-40 ปี เสี่ยงโดนโกงสูง 3 เท่า https://positioningmag.com/1391841 Fri, 08 Jul 2022 06:27:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1391841 แค่ตลาดคริปโตติดดอยก็ปวดใจแล้ว ยังต้องมาเจอกับ ‘มิจฉาชีพ’ ที่มาหลอกเอาเงินจากคริปโตอีก โดยจากรายงานของ Federal Trade Commission (FTC) พบว่า ทุก ๆ จำนวนการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีจะมีเงินสูญหายประมาณ 4 ดอลลาร์ จากการฉ้อโกง ซึ่งมากกว่าวิธีการชำระเงินอื่น ๆ

คณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐ หรือ FTC เปิดเผยว่า ในปี 2021 มีผู้ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกหลวงในตลาดคริปโตถึง 4.5 หมื่นราย รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท โดย 70% ใช้ Bitcoin เพื่อจ่ายให้กับมิจฉาชีพ ตามด้วยเหรียญสกุล Tether และ Ether ขณะที่ เหยื่อมักจะมีอายุน้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 25-40 ปี มีแนวโน้มที่จะสูญเสียเงินเนื่องจากการฉ้อโกงถึง สามเท่า

ขณะที่ เกือบครึ่งหนึ่ง ของผู้ที่ออกมาแจ้งความว่าสูญเสียเงินจากการหลอกลวงคริปโตในปี2021 ระบุว่า พวกเขาถูกหลอกผ่านโพสต์ออนไลน์หรือข้อความโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์มากกว่าครึ่งถูกเห็นบน Facebook หรือ Instagram

ทั้งนี้ การต้มตุ๋นหลอกลวงในตลาดคริปโตกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยอัตราการก่ออาชญากรรมพุ่งสูงขึ้น 60 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2018 เนื่องจากนักต้มตุ๋นมีข้อได้เปรียบตรงที่ธนาคารจะไม่สามารถตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยได้เหมือนกับการเงินปกติ อีกทั้งระบบการโอนที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และนักลงทุนมือใหม่ที่ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับวิธีการทำงานของคริปโต

อย่างในเดือนกุมภาพันธ์ คณะลูกขุนใหญ่ของรัฐบาลกลางในซานดิเอโกได้ฟ้องร้องผู้ก่อตั้ง BitConnect เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า หลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับ โปรแกรมการให้กู้ยืมเงินของสกุลเงินดิจิทัล โดยอ้างว่าเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะนำผลตอบแทนที่สำคัญมาสู่นักลงทุนโดยการติดตามตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

หรืออย่างในเดือนพฤษภาคม CEO ของ Mining Capital Coin ถูกฟ้องในข้อหา “เตรียมแผนฉ้อโกงการลงทุนทั่วโลกมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์” ซึ่งให้คำมั่นว่าจะได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากการขุดคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ ๆ โดยในทั้งสองกรณี นักต้มตุ๋นสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนมหาศาลแก่นักลงทุน แต่กลับเอาเงินใส่กระเป๋าเงินดิจิทัลของพวกเขาเอง

ดังนั้น FTC เตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนกับใครก็ตามที่สัญญาว่าจะ รับประกันผลตอบแทน

“ไม่มีการรับประกันว่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลจะสร้างรายได้ การลงทุนที่ถูกกฎหมายจะไม่บังคับให้คุณต้องซื้อสกุลเงินดิจิทัล หรือหากมีการขอให้ส่งคริปโตให้แทนการบอกรักกับคนที่เจอผ่านแอปหาคู่ นั่นถือเป็นการหลอกลวง” FTC กล่าว

Source

]]>
1391841