คอนเสิร์ตออนไลน์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 10 Nov 2020 23:12:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กรณีศึกษา : ทำการตลาด CRM เชื่อมใจด้วย Virtual Concert อย่างไร เมื่อลูกค้ากลุ่มใหญ่เป็นวัย 40+ https://positioningmag.com/1304439 Tue, 10 Nov 2020 16:30:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304439 การสร้างเเละรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ในช่วงวิกฤต COVID-19 กลายเป็นความท้าทายใหม่” ในการทำตลาดของเเบรนด์ต่างๆ ไปเเล้ว เมื่อโรคระบาดทำให้เกิดการเว้นระยะห่าง” จากกลุ่มผู้บริโภค

ผู้คนใช้ชีวิตประจำวันบนโลกออนไลน์มากขึ้น ทั้งการช้อปปิ้ง สั่งอาหารเดลิเวอรี่ ทำงานเเบบ Work from Home รวมไปถึงการดูหนัง ฟังเพลง ชมคอนเสิร์ตเเบบเสมือนจริง หรือ Virtual Concert

เราได้เห็นหลายเเบรนด์ ปรับรับการตลาดยุคใหม่ด้วย “คอนเสิร์ตออนไลน์สร้างเเคมเปญต่างๆ เพื่อสื่อสารกับลูกค้ามีทั้งเเบบชมฟรีและเสียเงินบ้าง เเต่ก็ได้รับเสียงตอบรับดี เพราะผู้คนต้องการความบันเทิงเพื่อคลายเครียดจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่

การที่เเบรนด์ทำ Virtual Concert กับลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่นั้นทำได้ง่ายเเละเข้าถึงไม่ยากนัก เพราะมีความคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีเเละโซเชียลมีเดียอยู่เเล้ว เเต่ถ้าคุณเป็นเเบรนด์ที่มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัย “40+” เเล้วล่ะก็…อาจจะต้องคิดหลายตลบทีเดียว

เมื่อเร็วๆ นี้ “อลิอันซ์ อยุธยา” เพิ่งจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งเเรกของบริษัท หลังให้บริการในไทยมากว่า 69 ปี (เริ่มปีพ.ศ. 2494) ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า ลูกค้าประกันชีวิตมักจะเป็นวัยทำงานเเละชาวสูงวัยทั้งหลาย การที่เเบรนด์อยู่มานานมาก อายุเฉลี่ยของลูกค้าที่เติบโตไปด้วยกันจึงทะลุ 40 อัพ

ความท้าทายในการจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ เพื่อเชื่อมใจลูกค้าครั้งนี้ “ไม่ง่าย” อย่างไร…เรามาหาคำตอบกัน

พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้าประจำประเทศไทยของ อลิอันซ์ อยุธยา บอกเล่าถึงประสบการณ์การจัด Virtual Concert ครั้งนี้ให้ฟังว่า

“พอมี COVID-19 ผู้คนต้องทำงานที่บ้านกัน 2-3 เดือน เรารู้สึกว่าเราห่างจากลูกค้าพอสมควร จึงน่าจะมีกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานเเละความใกล้ชิดกับลูกค้า เเม้จะอยู่ที่บ้านกันได้” 

โดยก่อนที่จะมีการจัด Virtual Concert ครั้งนี้ บริษัทก็มีการจัดส่งบัตรกำนัลต่างๆ รวมไปถึงส่วนลดค่าจัดส่งฟู้ดเดลิเวอรี่ให้ลูกค้าเป็นระยะๆ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ในช่วงเวลานั้น โดยสิ่งสำคัญคือทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า…

อยู่กับพวกเขาตลอดเวลา” 

เราเป็นมากกว่าคนขายประกัน ไม่ได้เจอกันเเค่ตอนเก็บเบี้ย

การตัดสินใจจัด Virtual Concert เป็นครั้งเเรกของอลิอันซ์ฯ เกิดขึ้นจากโจทย์ที่ว่า นอกจากจะจัดเเคมเปญทำให้ลูกค้าเรามีความสุขเเล้ว จะทำอย่างไรให้พวกเขามีความสุขกันทั้งบ้านได้

ทางบริษัทจึงได้ไปปรึกษากับพล หุยประเสริฐ นักออกแบบคอนเสิร์ตชื่อดังว่า จะมีการจัดเเสดงเเบบไหนได้บ้างที่เข้าถึงผู้คนได้ทั้งครอบครัว

เหล่านี้นำมาสู่เหตุผลของการเลือกศิลปินที่จะมาเล่นในคอนเสิร์ตออนไลน์ Together Sunday โดยจะต้องเป็นไลน์อัพที่ดึงดูดคน “หลากหลายเจเนอเรชั่นที่มีทั้งพ่อเเม่ ลูกเเละญาติผู้ใหญ่ในบ้านไว้ได้

ในที่สุดก็ได้ 5 ศิลปินที่มีฐานเเฟนคลับของเเต่ละช่วงวัยมารวมกันในคอนเสิร์ตเดียว ได้แก่ แสตมป์ อภิวัชร์
นนท์ ธนนท์ , ปาล์มมี่ , เจ เจตรินและเจ้านาย โดยมีการคุยรายละเอียดเเละเตรียมงานกันถึง 2 เดือน

กลุ่มลูกค้าหลักๆ ของอลิอันซ์ อยุธยา มีอายุระหว่าง 35-44 ปี จะอยู่ที่ราว 25% เเละกลุ่มอายุ 45-54 ปีจะอยู่ที่ราว 24% รวมกันเเล้วจะเห็นว่ากว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้าทั้งหมดมีอายุอยู่ในช่วง 35-54 ปี เพราะบริษัทดำเนินกิจการมากว่า 60 ปี มีลูกค้าราว 1 ล้านกว่ารายลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นกลุ่มคนที่เติบโตมาพร้อมๆ กับบริษัทนั่นเอง

ความท้าทายจึงเกิดขึ้นในกระบวนการกิจกรรมการตลาดเนื่องจากกลุ่มคนอายุ 40+ อาจจะไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีการชมคอนเสิร์ตแบบ Virtual มากนัก

บริษัทจึงต้องงัดกลเม็ดต่างๆ มาใช้ในการเชิญชวนให้เกิดการลงทะเบียน และการเข้าชมในวันจริง โดยมีการชวนทำ Challenge ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าชมช่วยเหลือ เเละอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกอยากเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ

การสื่อสารกับลูกค้าสำคัญมาก ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนวันจริง ต้องตั้งทีมไว้ดูเเลโดยเฉพาะ หากลูกค้าไม่เข้าใจระบบต่างๆ สามารถส่งคำถามเข้ามาได้ทันที ทั้งช่องทางคอลเซ็นเตอร์ อีเมลเเละ Facebook ซึ่งทีมจะได้รับการเทรนนิ่งอย่างดีให้อธิบายกับลูกค้าได้ สอนวิธีการใช้ได้ รวมถึงมีการให้ตัวเเทนมาลองเทสต์การใช้ก่อนเเล้วนำไปบอกต่อกับลูกค้าในเครือข่ายของเขา

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ชมกับศิลปินใน Virtual Concert ยังเป็นหัวใจสำคัญ ที่นำมาสู่การตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ ทั้งเเอปพลิเคชันในการถ่ายทอด เเละการเลือก AR, VR ที่เหมาะสม เพื่อการมีส่วนร่วมของคนดูมากที่สุด

สิ่งที่เรากังวลคือ ทำอย่างไรคนจะนั่งดูผ่านหน้าจอได้ยาวถึง 3 ชั่วโมง โดยที่ไม่เบื่อไปเสียก่อน จึงการมีคิดกิมมิกเป็นคอนเสิร์ตแบบ Interactive ให้นักร้องกับแฟนเพลงโต้ตอบกันได้ เสมือนอยู่ในคอนเสิร์ตจริงๆ การได้เห็นท่าทางสีหน้าระหว่างกันจึงสำคัญมาก เราจึงเลือกการจัดผ่าน Zoom มากกว่า Facebook Live”

โดยใน Together Sunday Live Online Concert มีการเเสดงสดผ่านแอปพลิเคชัน ZOOM เป็นหลัก (เเต่ก็มีช่องทาง Facebook Live ในกรุ๊ป Private รองรับกรณีที่ลูกค้ามีปัญหาเข้าไม่ได้) นำเสนอการทำงานของเทคโนโลยี AR สร้างกราฟิกคอนเสิร์ตในรูปแบบ 3 มิติสุดล้ำ มาพร้อมใส่ลูกเล่นการชูป้ายไฟแบบเวอร์ชวล การพูดคุย ร่วมร้องเพลงด้วยกัน มีกิจกรรมเเจกเสื้อของขวัญส่งกำลังใจให้กันเเละกันในทุกช่วงศิลปิน

ศิลปินเเต่ละคนก็จะมีลูกเล่นของตัวเอง อย่างเช่นคุณแสตมป์ ก็จะมีการแปลงเนื้อเพลงสร้างเสียงฮา เเละให้ผู้ชมร่วมวาดรูปครอบครัวตัวเองมาโชว์ให้ดู เเม้คอนเสิร์ตจะยาวเกือบ 3 ชั่วโมง เเต่เราไม่รู้สึกว่ามันมีช่วงเบื่อเลย เพราะศิลปินทั้ง 5 คนก็จัดโชว์ได้หลากสไตล์ มีการดึงดูดใจคนดูได้เเตกต่างกัน

สำหรับการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ มีการใช้เครื่องมือดิจิทัลความบันเทิงอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้ระหว่างศิลปินและผู้ชมมี “Engagement” รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งการใส่ลูกเล่นหรือ Gadget ต่าง ๆ เช่น การแพนกล้องเข้าหาศิลปินหลายหลายมุม การสร้างฉากด้วยกราฟิกภาพสามมิติ เน้นให้ผู้ชมได้พูดคุยกับศิลปินที่ชื่นชอบ

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชมสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเฉพาะงาน อย่าง Together Sunday เพื่อร่วมส่งสติกเกอร์รูปหัวใจ ส่งกำลังใจผ่านป้ายไฟชื่อศิลปินหรือส่งข้อความไปให้ศิลปิน ที่กำลังแสดงอยู่ผ่านหน้าจอแบบเรียลไทม์

โดยจะมีทีมงานคอยเชียร์และไกด์ผู้ชมให้ร่วมสนุกอยู่เรื่อยๆ ให้คำแนะนำปรึกษาการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าสู่เครื่องมือในการชมคอนเสิร์ต โดยไม่สะดุดเตรียมพร้อมรับคำถามที่จะเกิดขึ้นระหว่างการรับชม

แสตมป์อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุขเล่าถึงการเตรียมตัวเพื่อมาโชว์ใน Together Sunday Live Online Concert ครั้งนี้ว่า มีการเตรียมตัวเป็นพิเศษทั้งการจับจังหวะการเคลื่อนตัวบนเวทีเพื่อให้รองรับกับมุมกล้องและลูกเล่นต่าง ๆ ที่ออกแบบไว้ การเล่นกับ Gadget ต่าง ๆ เพื่อมีสมาธิกับการโชว์เพิ่มมากขึ้น ได้ใช้จินตนาการในการคาดการณ์ปฏิกิริยาของผู้ชม และถึงแม้จะไม่ได้เห็นคนดูแบบคอนเสิร์ตปกติ แต่การมีเทคโนโลยี AR ก็ทำให้ศิลปินเห็นปฏิกิริยาคนดูผ่านจอได้ เกิดความรู้สึกอบอุ่นไม่ต่างกัน กลับเป็นความรู้สึกสนุกและท้าทายที่ได้ทำสิ่งใหม่

นับเป็นการเปิดประสบการณ์เเละเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในการชมคอนเสิร์ตยุค New Normal ไปด้วยกันทั้งผู้จัดผู้ชมทีมงานเเละศิลปิน

อีกหนึ่งสิ่งที่นับว่าเป็นบทเรียน ที่ได้จากการจัด Virtual Concert ครั้งเเรกของอลิอันซ์ฯ คือ ยอดผู้ลงทะเบียนก่อนเข้างานมีสูงถึง 7 พันคน เเต่วันจริงมีผู้เข้าร่วมราว  2 พันกว่าคน

“Virtual Concert ใช้เวลาเตรียมการเยอะกว่าที่คิด เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้เหมือนกันว่า การคอนเสิร์ตเเบบเสมือนจัดในวันอาทิตย์ตอนบ่ายมีผู้คนส่วนหนึ่งต้องเดินทาง ไม่ได้อยู่บ้าน หรือเลือกไปทำกิจกรรมพักผ่อนอย่างอื่นเเทน บางส่วนมีความตั้งใจอยากดูจึงลงทะเบียนไว้ก่อน เเต่พอไม่ใช่คอนเสิร์ตเเบบปกติที่ต้องตั้งใจดูมากๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายของเรา

อลิอันซ์ฯ มองว่าการจัด Virtual Concert ได้ผลลัพธ์ที่เกินคาดในด้านการสร้าง Awareness การขยายการรับรู้ไปยังครอบครัวเเละคนใกล้ชิดของกลุ่มลูกค้า ส่วนคนดูมีส่วนร่วมเเละพึงพอใจ โดยมีการให้คะเเนนถึง 4.8 จากเต็ม 5 คะเเนนเเละส่วนใหญ่มีข้อเสนอเเนะให้มีการจัดกิจกรรมเช่นนี้อีก

โดยกลยุทธ์ CRM ต่อไป เมื่อสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยคลี่คลายลงเเล้ว ผู้บริหารอลิอันซ์ฯ บอกว่า จะเป็นในรูปแบบผสมออฟไลน์ออนไลน์เเบ่งไปตามกลุ่มเป้าหมายที่เเตกต่างกัน หากเป็นการจัดเเสดงคอนเสิร์ตก็ต้องมีทั้ง 2 อย่างคือ ให้ผู้คนได้ดูในโชว์จริงเเต่ต้องมีการจัดการที่ดีเเละเว้นระยะห่าง ส่วนใครที่สะดวกทาง Virtual Concert ก็ดูได้ทันทีไปพร้อมๆ กัน

การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้คนตื่นตัวมาซื้อประกันสุขภาพกันมากขึ้น ตัวเเทนฯ ก็ต้องมีการปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีเร็วขึ้นเช่นกัน ทั้งการขายผ่านวิดีโอคอล ใช้เเอปพลิเคชัน กรอกใบสมัครออนไลน์ โดยกว่า 85% ของตัวเเทนผู้ขายประกันทั้งหมดของอลิอันซ์ฯ ใช้ iPad เเละเเท็บเล็ตในการนำเสนอขายกับลูกค้า

พฤติกรรมของผู้ซื้อประกันก็เปลี่ยนไป หันมาชอบการทำกิจกรรมโดยผ่านเเอปพลิเคชันมากขึ้น ไม่อยากมาที่สำนักงานเเล้ว

เมื่อผู้บริโภคปรับ…เเบรนด์ต้องเปลี่ยน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาของการตลาดเเบบ CRM เพื่อเข้าหาลูกค้าทางออนไลน์ ไม่ให้รู้สึก “ห่างกัน” เเม้ในยามที่เราต้อง “เว้นระยะห่าง” ได้ดีทีเดียว 

 

 

]]>
1304439
ส่งต่อความมันส์ฉบับ LEO Music Traveller เมื่อเเบรนด์ปรับรับ “คอนเสิร์ตออนไลน์” ยุคใหม่ https://positioningmag.com/1298830 Sat, 26 Sep 2020 04:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1298830
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ธุรกิจดนตรี” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างหนักหนาเช่นกัน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ต้องงัดสารพัดกลยุทธ์ มารับมือกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุค New Normal ที่เปลี่ยนเเปลงไป วงการดนตรีจึงไม่ใช่เเค่ศิลปินเเละบทเพลงเท่านั้น เเต่ยังครอบคลุมไปถึงการพบปะเเละสื่อสารกับผู้คน อย่างการโปรโมท งานอีเวนต์ เเฟนมีตติ้ง รวมถึงการจัดเเสดง “คอนเสิร์ต” กิจกรรมบันเทิงสุดโปรดของใครหลายคน

ในช่วงวิกฤต COVID-19 การจัดคอนเสิร์ตในสถานที่โล่งเเจ้งที่มีคนเยอะๆ ไม่สามารถทำได้เช่นเดิม ทำให้การจัด “คอนเสิร์ตออนไลน์” กลายมาเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่เป็นเสมือนทางรอดของเอนเตอร์เทนเมนต์อีเวนต์ ที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นศิลปินค่ายต่างๆ ออกมาจัด Live Concert เอง ที่มีทั้งเเบบชมฟรีและเสียเงิน รวมถึงการจัดงานแฟนมีตติ้งออนไลน์ที่เปิดพื้นที่ให้ได้เเฟนคลับได้ใกล้ชิดเเบบ Virtual

ซึ่งหลายงานได้รับกระเเสตอบรับที่ดีมาก จนบัตรขายหมดเกลี้ยง เเม้เศรษฐกิจช่วงนี้จะฝืดเคืองก็ตาม จึงเป็นโอกาสสำคัญที่เเบรนด์จะเข้ามาสนับสนุนเพื่อต่อยอดการสื่อสารไปยังผู้บริโภคในวงกว้างได้อีกด้วย

ล่าสุดกับคอนเสิร์ตออนไลน์ที่น่าจับตามองอย่าง “LEO Music Traveller” ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 3 หลังได้ฟีดเเบ็กที่ดีเยี่ยมจากผู้ชม ด้วยคอนเซปต์เเปลกใหม่ พาศิลปินต่างวง ต่างค่าย เจ้าของเพลงฮิต ติดกระแส มา #รวมกันมันส์กว่า เป็นครั้งแรก พร้อมเปลี่ยนบรรยากาศจากคอนเสิร์ตออนไลน์ในบ้านหรือในสตูดิโอแบบเดิม ๆ ออกไปดูคอนเสิร์ต Outdoor ท่ามกลางบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่หลายคนคิดถึงให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกัน

โดย LEO Music Traveller ครั้งเเรกจัดขึ้นในธีม “ทะเล” ที่มีศิลปินชื่อดังอย่าง Tilly Birds, Ink Waruntorn, Three Man Down เเละ  Klear เมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามมาด้วยครั้งที่ 2 ตามคำเรียกร้องของเเฟนเพลงในธีม “ภูเขา” กับศิลปินยอดนิยมอย่าง Zom Marie, Indigo, Zeal เเละ Clash ในช่วงเดือน ก.ค.

จากนั้นมาถึงคิวของ LEO Music Traveller ครั้งที่ 3 ที่เพิ่งจัดไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วยความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก เพราะไม่ได้เป็นเเค่ Live Concert ธรรมดา แต่เป็นคอนเสิร์ตออนไลน์บนเรือ LEO ล่องไปตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา เผยให้เห็นบรรยากาศของวิวกรุงเทพสวยๆ เเสงของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปตั้งแต่เย็นจนค่ำ เห็นวิวตึกและแสงไฟยามค่ำคืน วิวสะพานสวยๆ วิวแหล่งท่องเที่ยวริมน้ำต่างๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีเพราะ ๆ จากศิลปินขวัญใจมหาชนอย่าง Whal & Dolph, The Parkinson, Polycat เเละ Atom ซึ่งได้มีการแสดงโชว์พิเศษด้วยการรวมตัว “ร้องเพลงด้วยกัน” เป็นครั้งแรกอีกด้วย

รับชมย้อนหลัง

สิ่งที่เเตกต่างเเละถือว่าเป็น “ลูกเล่น” ในการจัด Live Concert ครั้งนี้ได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ ตลอดช่วงการจัดเเสดง เหล่าศิลปินจะมี “Interaction” พูดคุยกับแฟนๆผู้ชมที่ดูผ่านหน้าจอให้ได้มีส่วนร่วมและสนุกไปด้วยกันเหมือนได้ไปอยู่ในคอนเสิร์ตเเบบใกล้ชิดศิลปินจริงๆ เช่น การคอมเมนต์ Emoji เพื่อแสดงภาพกราฟฟิกหรือเอฟเฟกต์ขณะโชว์ที่ทำให้ภาพในคอนเสิร์ตน่าตื่นเต้นและสวยงามกว่าเดิม

นอกจากนี้ ยังมีการทำ Fan Project ชวนแฟนๆ ร่วมส่งต่อความรักเเละให้กำลังใจศิลปินที่ตัวเองชอบ เหมือนได้อยู่หน้าเวที เช่น การกด Love ให้ครบตามกำหนด เพื่อให้ศิลปินใส่พร๊อพน่ารักๆ หรือจับมือกับแฟนๆ แบบ New Normal

เเละสิ่งที่ชอบมากๆ ใน LEO Music Traveller ครั้งนี้ ก็คือการให้แฟนๆ กดโหวตเลือกเพลงหรือสไตล์เพลงที่อยากให้ศิลปินร้องให้ฟัง เช่น เพลงอกหัก กับเพลงแอบรัก เพลงเร็วสนุกๆ หรือเพลงมันส์ๆ เเละยังมีการให้แฟนๆ กดแชร์ออกไปตามยอดที่ศิลปินร้องขอและกำหนดไว้ เพื่อแลกกับ บทเพลงที่ศิลปินไม่ค่อยได้ร้องที่ไหน หรือเป็นเพลงในเวอร์ชันพิเศษที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน

เเน่นอนว่าจากกระเเสตอบรับล้นหลาม แฟนๆ คงได้รอลุ้นชมครั้งต่อไปเป็นเเน่เเท้  โดยในช่วงนี้ เราจะได้เห็นการปรับตัวของแบรนด์เพื่อเข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น ไปพร้อมๆ กับการสื่อสารเรื่องการสังสรรค์เเละดูคอนเสิร์ตรูปเเบบใหม่ในยุค COVID-19 ที่เเม้จะยังคงต้อง “เว้นระยะห่าง” เเต่ก็ยังรู้สึกสนุกเหมือนเดิมได้ ตามสไตล์ #NewNormalมันส์กว่า

นี่จึงเป็นอีกก้าวของเเบรนด์ LEO ที่ยังคงไม่หยุดส่งต่อความมันส์ สร้างสรรค์คอนเสิร์ตดีๆ ให้กับผู้ชมตลอดช่วง COVID-19 ทั้งแคมเปญ LEO Live Muzik ที่ให้ศิลปินส่งความสนุกให้คนดูจากที่บ้าน พัฒนาต่อยอดมาเป็น LEO Fest From Home ซึ่งเป็นการ Live มาราธอนยาวถึง 12 ชั่วโมง และก็มาเป็น LEO Music Traveller ที่ออกไป Live ในบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยว เเละเเม้ตอนนี้คอนเสิร์ตเเบบปกติจะยังไม่สามารถจัดได้ เเต่การที่เเบรนด์เดินหน้าทำ Music Marketing ส่งความมันส์แบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็นับเป็นการสื่อสารกับผู้บริโภคในยามวิกฤตที่ได้ผลดีทีเดียว

]]>
1298830