ทองคำ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 18 Dec 2025 15:06:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ที่สุดของปรากฏการณ์แห่งปี 2025 ของคนไทย’ มีอะไรบ้าง? https://positioningmag.com/1552456 Thu, 18 Dec 2025 15:05:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1552456 LINE TODAY ได้เผยอินไซต์การเสพข่าวของคนไทยตลอดปี 2025 ผ่าน A YEAR IN REVIEW 2025 รวบรวมทุกเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนภาพ ‘ปีแห่งความสั่นสะเทือน’ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งเปิดให้คนร่วมโหวตในช่วงวันที่ 1-30 พ.ย. 2568 ด้วยคะแนนโหวตรวมกว่า 1.2 ล้านคะแนน

 

1.บรรยากาศแห่งความอาลัย พระพันปีหลวงเสด็จสวรรคต

 

การเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความโศกาดูรและสะเทือนใจคนไทยทั้งแผ่นดิน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนต่างร่วมกันแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาอย่างยาวนาน และจะสถิตอยู่ในใจของปวงชนตราบนิรันดร์

 

2.จากแผ่นดินไหวถึงมหาอุทกภัย ปีแห่งภัยพิบัติที่หนักหนาที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

 

ต้นปี 2568 ประเทศไทยต้องเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ส่งแรงสะเทือนรับรู้ได้ตั้งแต่ภาคเหนือจรดกรุงเทพฯ อาคารสูงหลายแห่งต้องเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย แต่ความเสียหายรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นกับ “อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่” ที่พังถล่มลงมาอย่างไม่คาดคิด เหตุการณ์นี้คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก พร้อมมีผู้บาดเจ็บและสูญหายอีกหลายราย กลายเป็นเหตุสะเทือนใจไปทั่วประเทศ และถูกจารึกไว้เป็นหน้าหนึ่งในความทรงจำของคนไทย

 

เหตุสะเทือนใจในครั้งนี้ยังสะท้อนให้สังคมหันกลับมาตระหนักถึงมาตรฐานความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารทั่วประเทศอีกครั้ง หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างเร่งทบทวนมาตรการตรวจสอบและเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติในอนาคตอย่างจริงจัง ทำให้ประเด็นข่าวนี้ได้รับความสนใจจากผู้ใช้บน LINE TODAY จนมียอดการเข้าชมกว่า 155 ล้านครั้ง และได้รับการโหวตให้เป็น “ข่าวแห่งปี 2025” ด้วยคะแนนสูงถึง 17.61%

 

ปี 2025 ประเทศไทยต้องรับมือกับภัยธรรมชาติหลายระลอก เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เมื่อพายุหลายลูกพัดถล่มเข้าประเทศ ทำให้เกิดฝนตกหนัก ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคกลาง รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก

 

ต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน พื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยต้องเผชิญกับมหาอุทกภัยครั้งใหญ่จากปรากฏการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังครอบคลุม 9 จังหวัด ประชาชนกว่า 1 ล้านครัวเรือนประสบความสูญเสียทั้งทรัพย์สิน บ้านเรือน และสมาชิกในครอบครัว ความเสียหายทางเศรษฐกิจประเมินเบื้องต้นกว่า 25,000 ล้านบาท นับเป็นหนึ่งในวิกฤตน้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

 

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกให้คนไทย คือกรณีถนนทรุดตัวบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักและได้รับความสนใจจากผู้ใช้งาน LINE TODAY กว่า 12 ล้านครั้ง

 

เมื่อรวมเหตุการณ์ภัยพิบัติทั้งหมดตลอดปี เนื้อหาหมวด “ภัยพิบัติ” บน LINE TODAY มียอดการติดตามสูงถึง 295 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นกว่า 133% จากปีก่อน สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า “ปี 2025 คือปีแห่งการสั่นสะเทือนอย่างแท้จริง”

 

3.ฉาววงการผ้าเหลือง ปมศรัทธาที่สังคมตั้งคำถาม

 

วงการศาสนาร้อนแรงไม่แพ้การเมือง เมื่อเกิดคดีฉาวต่อเนื่องสะเทือนศรัทธาคนไทยทั่วประเทศ เริ่มจากกรณี “วัดไร่ขิง” ที่ถูกตรวจสอบพบการยักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท ไปเล่นพนันออนไลน์ ต่อด้วยคดี “เจ้าคุณอาชว์” เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ ถูกแฉสัมพันธ์สีกากอล์ฟ ซึ่งมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 385 ล้านบาท

 

อีกหนึ่งคดีใหญ่คือกรณี “หลวงพ่ออลงกต” และ “หมอบี” ที่ถูกโยงเข้ากับการยักยอกและฟอกเงินวัดพระบาทน้ำพุ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถยึดทรัพย์คืนได้มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท รวมแล้วหมวดข่าว “ศาสนา” บน LINE TODAY มียอดการเข้าชมทะลุ 144 ล้านครั้ง ตอกย้ำว่า “ปี 2025” คือปีที่ความศรัทธาถูกตั้งคำถามมากที่สุดในรอบหลายปี

 

4.เศรษฐกิจสั่นคลอน – ทองคำพุ่งแตะจุดสูงสุดในประวัติการณ์

 

ปีนี้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญแรงสั่นสะเทือนจากหลายปัจจัย ทั้งสงครามการค้าโลกและมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หรือ “ภาษีทรัมป์” ที่ได้เปิดศึกกับประเทศหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งประเทศไทยโดนไปเต็ม ๆ ถึง 36% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ข่าวนี้กลายเป็นกระแสร้อนแรงบน LINE TODAY มียอดการติดตามกว่า 65 ล้านครั้ง และถูกโหวตให้เป็นหนึ่งใน “ข่าวต่างประเทศแห่งปี” ด้วยคะแนนสูงถึง 25.4%

 

ภาคท่องเที่ยวของไทยก็เผชิญภาวะซบเซาต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นสวนทางกับเศรษฐกิจ แม้รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นผ่านโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2” และ “คนละครึ่งพลัส” ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงต้อง “รัดเข็มขัด” อย่างต่อเนื่อง

 

ในอีกด้านหนึ่ง คนไทยหันไปมองหาช่องทางเพิ่มรายได้ จากการลงทุนใน “ทองคำ” ที่ราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์บาทละกว่า 60,000 บาท ทำให้ฟีเจอร์การ “เช็กราคาทองแบบเรียลไทม์” กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของผู้คนกว่า 29,000 ครั้งต่อวัน และได้รับการโหวตเป็นหนึ่งในข่าวยอดนิยมแห่งปี ด้วยคะแนน 21.52% อีกทั้งกระแสการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีก็ได้รับความสนใจและถูกจับตามองอีกครั้ง จากความทำสถิติราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ในรอบหลายปี

 

5.สงครามทั่วโลกร้อนแรง ด้านไทย-กัมพูชา ดุเดือดไม่แพ้กัน

 

ปี 2025 โลกยังคงเผชิญความร้อนแรงของสงครามหลายสมรภูมิ ทั้งสงครามรัสเซีย–ยูเครนที่ยังไม่สิ้นสุด ความขัดแย้งในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส รวมถึงการปะทะระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดบริเวณช่องแคบไต้หวันและทะเลจีนใต้ยังคงเป็นจุดปะทะเชิงอำนาจระหว่างสหรัฐฯ และจีน

 

ด้านภูมิภาคอาเซียน ความขัดแย้งตามแนวชายแดน ไทย–กัมพูชา ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรง มีการใช้อาวุธหนักตอบโต้กันหลายครั้ง ส่งผลให้ทั้งทหารและพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นกระแสเดือดบนโลกโซเชียล ผู้คนรวมพลังภายใต้แฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด สะท้อนพลังความรักชาติและความห่วงใยต่อบ้านเมือง

 

แม้นายกรัฐมนตรีจากทั้งสองประเทศจะร่วมลงนามใน “ปฏิญญาสันติภาพ” เพื่อยุติความรุนแรงและถอนกำลังอาวุธหนักออกจากพื้นที่ แต่สถานการณ์ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ข่าวหมวดนี้ได้รับการโหวตจากผู้ใช้งาน LINE TODAY ถึง 13.41% ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่คนไทยให้ความสนใจมากที่สุดในปี 2025

 

6.การเมืองไทยปีนี้ ไม่เหมือนชาติใดในโลก

 

ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาปะทุขึ้น หลังมีคลิปเสียงหลุดระหว่าง “อดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร” และ “ฮุน เซน” เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ส่งผลให้คำว่า “อุ๊งอิ๊ง” ถูกค้นหาบน LINE TODAY ถึง 106 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นกว่า 72 ล้านครั้งจากปีก่อน กลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดของปี และนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลให้ “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุด

 

จากสถานการณ์ดังกล่าวนำมาสู่ ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจ เมื่อพรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคพันธมิตร จัดตั้ง “รัฐบาลเฉพาะกิจ” เสนอชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย และขณะเดียวกัน ทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งกลับประเทศได้ไม่นาน ก็ถูกศาลตัดสินจำคุก 1 ปี หลังลูกสาวพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ทั้งหมดนี้ทำให้ประเด็นเกี่ยวกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รับความสนใจสูงสุดบน LINE TODAY มียอดเข้าชมกว่า 190 ล้านครั้ง

 

ปิดท้ายด้วยการประกาศยุบสภาของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ในช่วงต้นปี 2026

 

7.กระแสมาสคอตมาแรงแห่งปี ครองกระแสไวรัลปี 2025

 

แม้ปี 2025 จะเต็มไปด้วยข่าวหนักและความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีพลังสดใสจากซอฟต์พาวเวอร์ตัวจิ๋วที่เข้ามาเติมรอยยิ้มให้คนไทยทั้งประเทศ กระแสมาสคอตมาร์เก็ตติ้งกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทุกแบรนด์ต้องมี ไม่ว่าจะเป็น “หมีเนย” “โพก้าซัง” และอีกหลากหลายมาสคอตไอดอลขวัญใจโซเชียล ที่กลายเป็นเทรนด์ไวรัลพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง จนได้รับการโหวตสูงสุด 34.19% คว้าตำแหน่ง “ปรากฏการณ์แห่งปี 2025” ไปครอง

 

อีกหนึ่งพลังแห่งความน่ารักที่ยึดหัวใจคนไทยที่ตามมาในอันดับ 2 คือ “น้องเกล” หรือ “เจ๊เกล” ลูกสาววัย 3 ขวบของ “ชมพู่ อารยา” ที่ไม่ว่าจะขยับตัว พูดคำไหน หรือทำท่าใด ก็กลายเป็นกระแสทันที จนคำว่า “เติมเกล” กลายเป็นคีย์เวิร์ดประจำปี ภาพและคลิปไวรัลอย่าง “มอสมีแม่ไหม” หรือท่าเต้นโก๊ะ ๆ ในเพลง When I’m with You ของ “ลิซ่า – ลลิษา” ต่างถูกแชร์ต่ออย่างถล่มทลาย ด้วยคาแรกเตอร์ใส ๆ ปนความกวนเบา ๆ ที่ทำให้“เจ๊เกล” เป็นที่รักของแฟนคลับ

 

8.แฟนนางงามเฮลั่น! “โอปอล” คว้ามงฟ้า – “วีนา” คว้ารองจักรวาล

 

ทางฟากนางงามก็มีเรื่องให้คนไทยได้เฮ เมื่อ “โอปอล–สุชาตา” สร้างประวัติศาสตร์คว้ามงกุฎ Miss World 2025 ให้ประเทศไทยสำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 57 ปี สร้างความปลื้มปีติให้แฟนนางงามทั่วประเทศ จนได้รับการโหวตให้เป็น ข่าวบันเทิงแห่งปี ด้วยคะแนนสูงสุดกว่า 35.05%

 

ขณะเดียวกัน เวที Miss Universe 2025 ซึ่งประเทศไทยรับหน้าที่เจ้าภาพ ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน เมื่อ “วีนา–ปวีนา” ตัวแทนสาวไทยคว้าตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับ 1 มาครองอย่างงดงาม สะกดทุกสายตาทั่วโลก

 

ความสำเร็จจากทั้งสองเวทีใหญ่ ทำให้ปีนี้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการนางงามไทย และตอกย้ำศักยภาพของตัวแทนสาวไทยที่ก้าวไกลขึ้นบนเวทีระดับโลกอย่างสง่างาม

 

9.ลุ้นสนุก! นักกีฬาไทยสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง

 

ทางฝั่งกีฬาปีนี้ถือเป็นปีทองของวงการกีฬาไทย เมื่อนักกีฬาหลายคนสร้างผลงานระดับโลกอย่างต่อเนื่อง“บิว–คีริน” คว้าเหรียญเงินกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย “จีโน่–อาฒยา” ทวงบัลลังก์โปรกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลก ขณะที่“สมเกียรติ” สร้างประวัติศาสตร์นักบิดไทยหนึ่งเดียวผงาดคว้าแต้มแรก MotoGP และ “วิว–กุลวุฒิ” ทำสถิติเป็นนักแบดมินตันเดี่ยวมือ 1 คนแรกของไทย คว้าทั้งตำแหน่ง “ข่าวกีฬาแห่งปี” ด้วยคะแนนโหวต 31.65% และ “นักกีฬาแห่งปี” ด้วยคะแนนสูงสุด 44.33%

 

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในรอบ 18 ปี ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการกีฬาไทย ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ

 

10.หนัง ซีรีส์ไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก

 

วงการภาพยนตร์ไทยยังคงสร้างชื่อเสียงบนเวทีโลกอย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์เรื่อง “ผีใช้ได้ค่ะ” กลายเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่คว้ารางวัลสูงสุดในสาย Critics’ Week จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ขณะที่ซีรีส์แอ็กชันฟอร์มยักษ์ “สงครามส่งด่วน” ก็กระแสแรงไม่แพ้กัน ขึ้นแท่นอันดับ 1 บน Netflix ประเทศไทย และติดอันดับ 4 ซีรีส์ Non-English ที่มียอดชมสูงสุดทั่วโลก

 

ด้านซีรีส์ Boy Love และ Girl Love ของไทยยังคงครองกระแสทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย “เขมจิราต้องรอด” จากค่าย Domundi คว้าตำแหน่ง ซีรีส์ Boy Love แห่งปี ไปพร้อมกับ “เก่ง–หฤษฎ์” และ “น้ำปิง–นภัสกร” ที่คว้ารางวัล คู่จิ้นแห่งปี ด้วยคะแนน 38.77%

 

ขณะที่ฝั่ง Girl Love สองนักแสดงสาว “หลิง–ออม” จากซีรีส์ “เพียงเธอ” คว้ารางวัล ซีรีส์ Girl Love แห่งปี ด้วยคะแนนสูงถึง 57.09% และสร้างวลีฮิต “ไอร่ารู้ไหม..” ที่กลายเป็นคำพูดยอดนิยมแห่งปี สะท้อนถึงพลังของคอนเทนต์ไทยที่ยังคงครองใจผู้ชมทั่วโลกได้อย่างงดงาม

 

11.T-POP ฟีเวอร์ แรงไม่ตก กวาดครบทุกกระแส

 

อุตสาหกรรมเพลงและอีเวนต์ไทยก็ร้อนแรงไม่แพ้กันเมื่อกระแส T-POP กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์สำคัญที่ผลักดันศิลปินไทยให้ก้าวสู่เวทีสากล ขณะเดียวกันประเทศไทยยังกลายเป็น ศูนย์กลางคอนเสิร์ตระดับภูมิภาค ดึงดูดทั้งศิลปินไทยและต่างชาติให้จัดแสดงอย่างคึกคัก ถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ

 

นอกจากนี้ศิลปินสาวไทยที่มีชื่อบนเวทีโลกอย่าง “ลิซ่า – ลลิษา” ก็ได้รับบทบาทในซีรีส์ระดับโลก The White Lotus ซีซัน 3 จุดกระแสแฟนทั่วโลกให้มาตามรอยสถานที่ถ่ายทำในไทย ทั้งภูเก็ต สมุย และกรุงเทพฯ คว้าอันดับ 1 ข่าวบันเทิงต่างประเทศแห่งปี ด้วยคะแนนโหวต 24.44%

 

เช่นเดียวกับ “แบมแบม – กันต์พิมุกต์” ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการเพลงไทย ด้วยการนำเพลงไทยขึ้นแสดงในคอนเสิร์ต Grace for the World ณ นครรัฐวาติกัน ถือเป็นการ “ส่งเสียงของประเทศไทยให้ดังก้องไปทั่วโลก” ได้อย่างภาคภูมิ และ คว้ารางวัล “ความภูมิใจแห่งปี” ด้วยคะแนนโหวตสูงสุดถึง 60.72%

นอกจากนี้ยังมีการจัดที่สุดแห่งปี แบ่งออกเป็น

  • ข่าวแห่งปี: ตึก สตง.ถล่ม ด้วยผลโหวต 17.61%
  • ข่าวกีฬาแห่งปี: วิว กุลวุฒิ ขึ้นมือ 1 โลกแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทย ด้วยผลโหวต 31.65%
  • นักกีฬาแห่งปี: วิว กุลวุฒิ ด้วยผลโหวต 44.33%
  • ประโยคเด็ดแห่งปี: ชีเสิร์ฟ ด้วยผลโหวต 55.72%
  • เมนูฮิตแห่งปี: มัตจะ ด้วยผลโหวต 27.44%
  • เพลงแห่งปี: สมมติ – NAMPING ด้วยผลโหวต 34.37%
  • ข่าวต่างประเทศแห่งปี: ภาษีทรัมป์ ด้วยผลโหวต 25.4%
  • ความภาคภูมิใจแห่งปี: Banbam ร้องเพลงที่วาติกัน ด้วยผลโหวต 60.72%
  • ผู้ทรงอิทธิพลโลกโซเชียล: หนุ่ม กรรชัย ด้วยผลโหวต 44.1%
  • ปรากฎการณ์แห่งปี: มาสคอตไอดอล ด้วยผลโหวต 34.19%
  • ข่าวบันเทิงแห่งปี: โอปอลคว้ามงฟ้าคนแรกของไทย ด้วยผลโหวต 35.05%
  • ดาราชายแห่งปี: พีพี กฤษฏ์ ด้วยผลโหวต 57.3%
  • ดาราหญิงแห่งปี: เจนิส เจณิสตา ด้วยผลโหวต 71.13%
  • ศิลปินยอดนิยมแห่งปี: Bambam ด้วยผลโหวต 32.38%
  • ข่าวบันเทิงต่างประเทศแห่งปี: ปรากฏการณ์ลิซ่าครองโลก ด้วยผลโหวต 24.44%
  • ซีรีส์ Girl Love แห่งปี: เพียงเธอ ด้วยผลโหวต 57.09%
  • คู่จิ้น Girl Love แห่งปี: หลิงออม ด้วยผลโหวต 55.01%
  • ซีรีส์ Boy Love แห่งปี: เขมจิรา ต้องรอด ด้วยผลโหวต 53.02%
  • คู่จิ้น Boy Love แห่งปี: เก่งน้ำปิง ด้วยผลโหวต 38.77%
  • นักร้องลูกทุ่งแห่งปี: นุ๊ก ธนดล ด้วยผลโหวต 49.66%
]]>
1552456
Rolex ประกาศขึ้นราคานาฬิกาครั้งที่ 2 ในรอบปี สาเหตุจากราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงทำสถิติใหม่ https://positioningmag.com/1476373 Mon, 03 Jun 2024 05:16:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1476373 โรเล็กซ์ (Rolex) ผู้ผลิตนาฬิกาหรู ได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นหลายรุ่น โดยการปรับเพิ่มราคาดังกล่าวนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 2024 สาเหตุสำคัญมาจากราคาทองคำซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตนาฬิกาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

Rolex ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ได้ปรับราคานาฬิกาหลายรุ่นราวๆ 4% เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวมากขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็ดีราคานาฬิกาจากผู้ผลิตรายนี้นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมานั้นยังปรับตัวไม่ถึง 15% ด้วยซ้ำ

ราคานาฬิกาในรุ่น Rolex Daytona ที่วางขายในสหราชอาณาจักรนั้นเพิ่มขึ้น 4% ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่รุ่นอื่นๆ อย่าง GMT Master II รุ่น Deepsea หรือแม้แต่รุ่น Day-Date 40 นั้นก็มีราคาปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่สำหรับราคาในสหรัฐอเมริกากลับไม่ได้ปรับขึ้นแต่อย่างใด

สาเหตุสำคัญมาจากราคาทองคำที่เพิ่มมากขึ้น โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นมา ราคาทองคำซึ่งถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบในการผลิตปรับตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 14% เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น

ปกติแล้ว Rolex จะมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นปีละ 1 ครั้ง ยกเว้นในกรณีวัตถุดิบที่ทำให้ราคาของนาฬิกาเพิ่มขึ้นแล้วนั้นยังรวมถึงความผันผวนของค่าเงินที่สูงนั้นอาจทำให้ผู้ผลิตรายนี้ปรับราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทเคยทำมาแล้วในปี 2022 หลังจากที่ค่าเงินปอนด์มีความผันผวนอย่างหนัก

ข้อมูลจาก Watch Pro ชี้ว่านับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ราคานาฬิกาของ Rolex หลายรุ่นได้ปรับตัวขึ้นมายังไม่ถึง 15% ด้วยซ้ำ

ปัจจุบัน Rolex นั้นผลิตนาฬิกาต่อปีมากถึง 1 ล้านเรือน สร้างรายได้ให้กับบริษัทต่อปีมากถึง 10,000 ล้านสวิสฟรังก์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 407,200 ล้านบาท

ที่มา – Telegraph, Watch Pro

]]>
1476373
รัฐบาลจีนออกโรงเตือน “ทองคำปลอม” ระบาดบนอีคอมเมิร์ซจีน พบผู้เสียหายหลายพันราย https://positioningmag.com/1472075 Fri, 03 May 2024 06:20:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1472075 ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำ ทั่วโลกได้ทะยานขึ้นอย่างมาก ในไทยเองปัจจุบันก็ทะลุ 40,000 บาทไปแล้ว แน่นอนว่ามีหลายคนที่อยากซื้อทองไว้เก็งกำไรในอนาคต และสิ่งที่ตามมาก็คือ มิจฉาชีพ ซึ่งในจีนตอนนี้ มีประชาชนหลายพันคนที่เป็นเหยื่อของ ทองปลอม

มีรายงานเกี่ยวกับ ทองปลอม จากสื่อท้องถิ่นและเว็บไซต์คุ้มครองผู้บริโภคของจีน เช่น Heimao และ Tousu เนื่องจากมีผู้บริโภคชาวจีนร้องเรียนหลังจากซื้อจี้ทองบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซออนไลน์อย่าง Taobao ซึ่งหลังจากทดสอบก็พบว่าเป็นทองปลอม นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายจากแพลตฟอร์ม Pinduoduo อีกด้วย

ส่งผลให้ รัฐบาลจีน ได้ออกมาเตือนว่า ประชาชนชาวจีน หลายพันคน โดนหลอกขายทองปลอม เนื่องจากชาวจีนจำนวนมากกำลังออมเงินโดยการซื้อทองคำ หลังจากที่ช่วงนี้เป็นขาขึ้นของราคาทอง โดย จีนถือเป็นประเทศผู้ซื้อเครื่องประดับทองรายใหญ่ที่สุดของโลก ตามข้อมูลจาก World Gold Council เผยว่า ผู้บริโภคชาวจีนซื้อเครื่องประดับทอง 603 ตัน ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2022

จากเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลจีนได้ออกแนวทางในการตรวจสอบทองปลอม โดยอาจทดสอบโดย การฟังเสียงเวลาโยนลงพื้น หรือนำ กรดไนตริกหยดใส่เครื่องทอง หากหยดกรดปรากฏเป็นสีเขียว แสดงว่าวัตถุสีทองนั้นทำจากโลหะอื่นหรือชุบทอง แต่ที่สำคัญที่สุด ผู้บริโภคควร ซื้อทองจากแหล่งที่เชื่อถือได้

ทั้งนี้ สินค้าปลอมไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ในประเทศจีน แต่จีนถือเป็นประเทศที่มีสินค้าลอกเลียนแบบและละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมาก โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งผู้ซื้อที่ไม่รู้ว่ากำลังซื้อของปลอม และผู้ที่ยอมใช้สินค้าปลอมที่มีราคาถูกกว่าของแท้

Source

]]>
1472075
วัยรุ่นจีนหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น มองเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง เงินมีน้อยก็ซื้อเก็บได้ https://positioningmag.com/1454514 Wed, 06 Dec 2023 05:51:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1454514 สภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่แม้ว่า GDP จะเติบโต แต่อัตราการว่างงานที่ยังเพิ่มสูงขึ้น ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังกลายเป็นขาลง รวมถึงควาไม่แน่นอนในด้านต่างๆ ส่งผลทำให้วัยรุ่นในประเทศจีนเริ่มหันมาลงทุนในทองคำมากยิ่งขึ้น

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า วัยรุ่นในประเทศจีนเองเริ่มหันมาสนใจลงทุนในทองคำมากขึ้น หลังจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เป็นใจ นอกจากนี้แหล่งการลงทุนสำคัญของชาวจีนอย่างอสังหาริมทรัพย์ที่เคยสร้างรายได้อย่างงดงามกำลังอยู่ในสภาวะขาลงอย่างเต็มตัว

สาเหตุสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นจีนหันมาซื้อทองคำเก็บอีกครั้ง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนไม่เป็นใจ แม้ว่าตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนยังไปต่อได้ อย่างไรก็ดีตัวเลขอัตรการว่างงานของวัยรุ่นจีนในเดือนมิถุนายนนั้นสูงถึง 21.3% ทำให้ท้ายที่สุดทางการจีนต้องยกเลิกการประกาศตัวเลขดังกล่าว

ปัจจัยความไม่แน่นอนดังกล่าว รวมถึงสภาวะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาลดลงเมื่อเทียบกับในอดีต ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในประเทศจีนก็ยังมีระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินเมื่อเทียบกับในหลายประเทศ ยิ่งส่งผลทำให้วัยรุ่นจีนหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น

Chow Tai Fook บริษัทผู้ค้าเครื่องประดับและอัญมณี ได้ออกรายงานสำรวจชาวจีนในการซื้อสินค้าประเภทดังกล่าวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 70% ของผู้ที่มีอายุ 18-40 ปี นั้นพบว่ามีความต้องการซื้อเครื่องประดับที่ทำจากทองคำ ซึ่งปกติแล้วผู้ที่มักจะซื้อทองคำส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย

Kent Wong กรรมการผู้จัดการของ Chow Tai Fook กล่าวว่า บริษัทพบว่าวัยรุ่นอายุ 18-24 ปีเริ่มมีการซื้อทองคำ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับบริษัท

Linda Liu อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทผลิตยาในกรุงปักกิ่ง ได้กล่าวว่า การซื้อทองทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น และสำหรับในงานแต่งงานของเธอเอง เธอต้องการเครื่องประดับที่ทำจากทองคำมากกว่าเพชรด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันเธอเองยังกังวลถึงสภาวะตลาดแรงงานในประเทศจีนที่มีความไม่แน่นอนด้วย

นอกจากนี้ตามแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมในประเทศจีน วัยรุ่นเริ่มมีการพูดคุยถึงการลงทุนในทองคำ เนื่องจากแม้จะมีรายได้น้อยก็ยังสามารถซื้อทองคำเพียงไม่กี่กรัมได้

ประเทศจีนถือเป็นตลาดสำคัญในการซื้อขายทองคำ ซึ่งราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น และล่าสุดได้ทำราคาสูงสุดใหม่เมื่อวันจันทร์ (4 ธันวาคม) ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ความคึกคักในการลงทุนทองคำเพิ่มสูงขึ้น

]]>
1454514
คุยกับ 2 ผู้บริหาร GCAP Gold กับมุมมองราคาทองคำ ทำไมถึงยังเป็นสินทรัพย์น่าลงทุนระยะยาวได้ https://positioningmag.com/1452197 Sun, 19 Nov 2023 07:52:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452197 Positioning พาไปคุยกับ 2 ผู้บริหารของบริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP Gold ที่จะมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมการลงทุนทองคำของคนไทย ปัจจัยอะไรที่ทำให้ราคาทองคำขึ้น-ลง การปรับตัวของบริษัทจากที่เป็นผู้ทองคำรายใหญ่ของไทยได้หันมาเปิดบริการออมทองคำด้วย

วลีที่เราอาจเคยได้ยินบ่อยอย่างมีเงินเค้านับเป็นน้อง มีทองเค้านับเป็นพี่ จะเห็นได้ว่าคนไทยกับทองคำมีความสัมพันธ์มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แม้ว่าเวลาผ่านไปทองคำถือเป็นสินทรัพย์อันดับต้นๆ ที่คนไทยให้ความนิยมในการลงทุน ต่อจากการเก็บออมเงินในธนาคาร

แต่หลายคนสงสัยไม่น้อยว่าปัจจัยทำให้ราคาทองคำขึ้นลงในปัจจุบันมีอะไรบ้าง นอกจากนี้ถ้าอยากจะเริ่มออมทองคำนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง

Positioning พูดคุยกับ ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานกรรมการบริหารของ GCAP Gold รวมถึง ชัยวัฒน์ สามัคคีนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GCAP GOLD ซึ่งเป็น 2 ผู้บริหารรุ่นใหม่ของบริษัท ในหลากหลายมุมมองเกี่ยวกับทองคำรวมถึงธุรกิจของบริษัท

ชัยวัฒน์ สามัคคีนิชย์ – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GCAP GOLD (ภาพจากบริษัท)

วิวัฒนาการของการลงทุนทองคำ และปัจจัยขึ้นลงของราคาทองคำ

ธนพิศาล และ ชัยวัฒน์ กล่าวว่าปัจจุบันการลงทุนในทองคำปัจจุบันมีวิวัฒนาการเพิ่มขึ้นเยอะมาก มีหลายผลิตภัณฑ์หลายๆ นักลงทุนสามารถลงทุนในหลายช่องทางได้ และมองว่าตอบโจทย์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ การซื้อทองคำแทง ตลาดซื้อขายล่วงหน้าทองคำ หรือแม้แต่การลงทุนซื้อทองคำแบบซื้อราคาเฉลี่ย (DCA) ที่สามารถออมทองคำได้ตั้งแต่ไม่กี่กรัม จนถึงมูลค่าหลายบาท

2 ผู้บริหารของ GCAP Gold ยังมองว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนลงทุนในทองคำคือ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญในโลก คนจะมองว่าอะไรที่เซฟสุด ซึ่งทองคำเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่เป็นคำตอบดังกล่าว

ธนพิศาล ยังกล่าวว่า เวลาโลกเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ราคาทองคำกลายเป็นกระชากขึ้นและไม่เคยกลับมาที่เดิมเลย และเขายังให้มุมมองว่าหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐอเมริกามุมมองของนักลงทุนกับทองคำเปลี่ยนไปอย่างมาก เขายังให้ความเห็นว่าตอนนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่า เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และมองว่าค่าเงินบาทจะอยู่ระดับนี้ 

ขณะเดียวกับ 2 ผู้บริหารมองว่าช่วงเศรษฐกิจถดถอย คนจะสนใจทองคำมากขึ้น ยิ่งมีข่าวสารน่ากังวล ราคาทองคำมักจะมีราคาขึ้น

ขณะที่ชัยวัฒน์ ได้กล่าวถึงปัจจัยราคาทองคำว่า ตอนนี้ตลาดทองคำเดายากมาก แต่เขาเชื่อว่าระยะยาวราคาทองคำน่าจะขึ้นแน่ๆ ขณะเดียวกันทิศทางราคาทองคำมีช่วงที่ราคาซึมๆ ก็มี ไม่ได้มองว่าจะขึ้นตลอด มันมีช่วงเวลาของมัน

ชัยวัฒน์ยังกล่าวเสริมว่า ตอนนี้ตลาดถือว่าเงียบมาก ตอนนี้นักลงทุนเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ขึ้น ตลาดหุ้นก็ขึ้น เขายังมองว่าปีหน้าตลาดสหรัฐฯ จะซบเซาหรือไม่ ต้องดูสภาวะดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ถ้าหากดัชนีอ่อนค่าลงอาจไปราคาทองคำอาจกลับมาได้

ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ – ประธานกรรมการบริหารของ GCAP Gold (ภาพจากบริษัท)

คนไทยกับการออมทอง

ชัยวัฒน์มองว่าคนไทยชินกับการออมทองมานานแล้ว ตั้งแต่ทองคำในอดีตมีราคาที่ถูกมากสามารถซื้อทองคำสลึงนึงได้ง่ายๆ แต่ปัจจุบันทองคำสลึงนึงถือว่าแพงมาก คนเริ่มศึกษาว่าทำไมทองคำถึงราคาขึ้น คนไทยมีวินัยออมทองคำ โดยลงทุนทีละเล็กละน้อย โดยเขาสังเกตว่าในช่วงของโควิดคนไทยเอาทองคำที่เก็บออมไว้มาขายเยอะมาก

เขายังชี้ว่าคนไทยมีพฤติกรรมออมมานานแล้ว ปัจจุบันวัยรุ่นก็ออมทองคำมากขึ้น นอกจากนี้คนไทยเองยังซื้อ Gift Card ทองคำให้มอบให้คนที่รัก หรือแม้แต่พ่อแม่ด้วย

เขายังชี้ว่าทองคำในฐานะสินทรัพย์อาจไม่หวือหวาเหมือนหุ้น แต่ทองมีความเสี่ยงแต่ไม่มากเท่า มองว่าในกรณีที่แย่สุดราคาของทองคำจะไม่ลดลงมาเหลือ 0 บาทเหมือนหุ้นรวมถึงตราสารหนี้ที่หลายคนมองว่ามีความปลอดภัยก็ยังมีโอกาสไม่ได้รับเงินต้นคืน

นอกจากนี้ทองคำสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ไว เขายังชี้ว่าพฤติกรรมของคนไทยชอบซื้อทองคำรูปพรรณ แต่ชัยวัฒน์ก็แนะนำว่าถ้าหากจะลงทุนแล้ว แนะนำให้เป็นทองคำแท่งเนื่องจากจะเสียค่าธุรกรรมน้อยกว่า และตลาดมีสภาพคล่องมากกว่า

ผู้บริหารของ GCAP Gold มองว่าควรจะลงทุนทองคำในรูปแบบเงินบาทจะปลอดภัยสุด – ภาพจาก Shutterstock

ชัยวัฒน์ อยากจะแนะนำเพื่อการออม มองว่าซื้อหรือลงทุนในทองคำแบบเป็นเงินบาทจะปลอดภัยสุด เขามองว่าการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเหมือนกับมีคนถือหางให้ ทำให้ราคาทองคำที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทไม่เหวี่ยงมากเมื่อเทียบกับราคาทองคำในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ชัยวัฒน์มองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเองไม่แย่ แต่ในระยะยาวแล้วเขาเองให้มุมมองว่าค่าเงินบาทของไทยจะอ่อนค่าในระยะยาวจากโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยเอง โอกาสค่าเงินบาทระยะยาวโอกาสแข็งค่าน้อยมาก เขาชี้ว่าราคาทองคำในรูปเงินบาทตอนนี้น่าจะขึ้นไปเรื่อยๆ

ในช่วงที่ผ่านมานั้น 2 ผู้บริหารมองว่าพฤติกรรมอีกอย่างของคนไทยคือถ้าหากเศรษฐกิจดีคนก็ซื้อทองคำไว้ เศรษฐกิจที่ไม่ดีคนซื้อน้อยลง แต่ปัญหาคือจะปรับตัวได้กับราคาทองคำที่แพงได้หรือเปล่า ถ้าคนปรับตัวกับราคาทองที่ยืนราคาได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้คนชอบโทรมาถามที่บริษัทตอนที่ราคาทองคำนั้นแพงที่สุด

สำหรับเรื่องการออมทองคำนั้น ทั้ง 2 อยากให้ออมทองกับบริษัทที่มีความมั่นคง แนะนำให้ดูคู่ค้าว่าเป็นใคร ต้องดูให้ดี และต้องระวังการโดนหลอกจากมิจฉาชีพด้วย เช่น หลอกว่าลงทุนในราคาทองคำถูกกว่า 20% แต่รับเงินปีหน้า แบบนี้ถือว่าโดนหลอก เป็นต้น

ผู้บริหารของ GCAP Gold ชี้ว่าปัจจัยที่น่าติดตามมองในปี 2024 คือเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา – ภาพจาก Shutterstock

ธุรกิจของ GCAP Gold

2 ผู้บริหารรุ่นใหม่ของ GCAP Gold ได้กล่าวว่าบริษัทประกอบธุรกิจซื้อขายทองคำแท่ง และเป็นผู้เล่นรายใหญ่ 1 ใน 5 ของตลาดทองคำในประเทศไทย และมีโรงหล่อทองคำที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ปัจจุบันธุรกิจบริษัทมีทั้งค้าปลีกโดยส่งทองคำให้ตามร้านทอง รวมถึงดูแลรายย่อย จากปริมาณการค้าทองเพิ่มมากขึ้น ตามเทรนด์ราคา

ชัยวัฒน์ ได้กล่าวว่าปัจจุบันทองคำนั้น มีแหล่งที่มาหลักๆ คือมาจากประเทศออสเตรเลียซึ่งมีเหมืองทองคำกับโรงหล่อทองคำ รวมถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแหล่งรวมโรงหล่อทองคำ ทั้ง 2 นั้นถือเป็นแหล่งสำคัญของทองคำของโลก

ทั้ง 2 ผู้บริหารยังกล่าวว่า GCAP Gold ให้ความสำคัญกับลูกค้า คำไหนคำนั้น ทำธุรกิจตรงไปตรงมาเหมือนกับสมัยรุ่นของคุณปู่ ซึ่งทำให้ธุรกิจในปัจจุบันนั้นคงอยู่ได้

สำหรับการเปลี่ยนแปลงธุรกิจนั้น ชัยวัฒน์กล่าวว่า สมัยคุณพ่อ คือธุรกิจทองคำสมัยนั้นจะทำในสิ่งที่ทุกคนถนัด คือใครถนัดนำเข้าก็นำเข้า ใครถนัดส่งออกก็ส่งออก และสมัยก่อนการสั่งซื้อทองคำยังไม่มาก ก็มีคนช่วยจดคำสั่งซื้อ แต่เวลาผ่านไปก็นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้น ทำให้รับคำสั่งซื้อ-ขาย ได้มาก

นอกจากนี้บริษัทขยายเข้ามาในธุรกิจออมทองคำมาเป็นเวลา 7-8 ปีแล้ว มีลูกค้าออมทองคำกับบริษัทมากถึง 4,000 กว่าราย

2 ผู้บริหารยังกล่าวว่าตอนนี้ได้ทำแอปพลิเคชันตัวใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า มองว่าคนสนใจทองคำมากกว่านี้ เพื่อเตรียมรับลูกค้า และรองรับปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้น ภายใน 3 ปีน่าจะโตได้อีกเท่าตัว และตอนนี้ราคาทองคำขยับตลอด บริษัทต้องดูแลลูกค้า ตลาดเปลี่ยนไป ราคาผันผวนมาก มองปัจจัยดังกล่าวเป็นนทั้งโอกาสและการปรับตัว

]]>
1452197
ผลพวง “สงครามอิสราเอล” ดันราคา “น้ำมัน” พุ่ง 4% https://positioningmag.com/1447262 Mon, 09 Oct 2023 06:45:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447262 สงครามระหว่าง อิสราเอล และ ฮามาส กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ได้ยืดเยื้อมาถึงวันที่ 3 แล้ว ซึ่งจากสงครามดังกล่าวได้ส่งผลต่อ ราคาน้ำมันและทองคำ 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้า น้ำมันดิบเบรนท์ มีราคาซื้อขายสูงขึ้น 4.53% ที่ 88.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันนี้ (9 ต.ค.2566) ขณะที่สหรัฐฯ ฟิวเจอร์ส West Texas Intermediate เพิ่มขึ้น 4.69% เป็น 88.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าราคาน้ำมันที่พุ่งนั้นจะเกิดแค่ชั่วคราว เนื่องจากเป็นการตอบสนองของตลาดต่อภาวะสงคราม

โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า สงครามไม่ได้ทําให้แหล่งน้ํามันที่สําคัญใด ๆ ตกอยู่ในอันตรายโดยตรง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ผู้ค้าน้ํามันรายใหญ่ โดย อิสราเอลมีโรงกลั่นน้ํามันสองแห่ง ที่มีกําลังการผลิตรวมกันเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ ดินแดนปาเลสไตน์ไม่ผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ตาม แม้ความขัดแย้งทั้งสองจะไม่ได้ส่งผลต่อโรงกลั่นน้ำมันในประเทศสำคัญ ๆ โดยตรง แต่ก็เสมือนอยู่ หน้าประตูของภูมิภาคการผลิตและส่งออกน้ำมันที่สําคัญสําหรับผู้บริโภคทั่วโลก

“ผลกระทบที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันโดยตรงจริง ๆ คือ การลดอุปทานหรือการขนส่งน้ำมัน” Vivek Dhar ผู้อํานวยการฝ่ายวิจัยการขุดและสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงานของธนาคารเครือจักรภพ กล่าว

ไม่ใช่แค่ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น แต่ราคา ทองคำ ก็สูงขึ้น 0.99% มาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนหาสินทรัพย์หลบภัย ส่วนราคาทองในไทย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาครั้งที่ 1 เพิ่มขึ้น 400 บาท โดยราคารับซื้อทองคำแท่งบาทละ 32,350 บาท ขายออก 32,450 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 31,760.20 บาท ขายออก 32,950 บาท

ทั้งนี้ จากการโจมตีของกลุ่มฮามาส มีรายงานว่าชาวอิสราเอลอย่างน้อย 700 คนถูกสังหาร ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ได้บันทึกผู้เสียชีวิต 313 ราย จนถึงขณะนี้

Source

]]>
1447262
ธนาคารกลางจีนตุนทองคำ 9 เดือนติดต่อกันแล้ว ตั้งเป้าลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ https://positioningmag.com/1440096 Mon, 07 Aug 2023 11:30:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440096 ธนาคารกลางจีนได้ตุนทองคำเพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 แล้ว โดยเป้าหมายคือลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยข้อมูลในปัจจุบันนั้นจีนมีทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศสัดส่วนไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าอาจมีการซื้ออย่างต่อเนื่องได้

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวว่า ธนาคารกลางของประเทศจีน (PBoC) ได้ซื้อทองคำเพิ่มมากถึง 740,000 ทรอยออนซ์ ซึ่งเทียบได้กับน้ำหนักราวๆ 23 ตัน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และจะทำให้ธนาคารกลางของจีนสะสมทองคำเข้าคลังมากถึง 9 เดือนติดต่อกันแล้ว

ล่าสุดนั้นจะทำให้ธนาคารกลางจีนมีทองคำเก็บสะสมทั้งสิ้นราวๆ 2,137 ตัน หลังจากที่ได้ทยอยซื้อทองคำเพิ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของปี 2022 ที่ผ่านมา โดยซื้อสุทธิทั้งสิ้นราวๆ 188 ตัน

PBoC ถือเป็นธนาคารกลางรายใหญ่ที่เป็นผู้นำในการซื้อทองคำเก็บเป็นทุนสำรอง เนื่องจากนโยบายของธนาคารกลางจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาได้ใช้นโยบายลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (De-Dollarization) เนื่องจากค่าเงินของสหรัฐได้แข็งค่าจากนโยบายการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลทำให้สกุลเงินหลายประเทศอ่อนค่าลงอย่างหนัก

นอกจากนี้ด้วยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียจากเหตุผลการบุกยูเครน หรือแม้แต่กรณีความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ก็ทำให้หลายประเทศเริ่มหาทางออกจากการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่สื่อจีนอย่าง Global Times ได้สัมภาษณ์ Yang Delong นักเศรษฐศาสตร์จาก First Seafront Fund Management ชี้ว่าการเก็บทองคำเพิ่มเติมของ PBoC จะเป็นอีกรากฐานหนึ่งของความก้าวหน้าที่สกุลเงินหยวนของจีนจะได้รับการยอมรับจากนานาชาติมากขึ้น

สื่อจีนรายดังกล่าวยังได้สัมภาษณ์ Ming Ming นักเศรษฐศาสตร์ของ CITIC Securities ว่าจีนมีทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับธนาคารกลางของประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีสัดส่วนสูงกว่านั้น และคาดว่าจีนจะซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง

โดยธนาคารกลางทั่วโลกได้พยายามที่จะลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นไม่ซื้อเงินดอลลาร์เก็บเป็นทุนสำรอง แต่พยายามหาสกุลเงินอื่นๆ ทดแทน หรือแม้แต่การเก็บสะสมทองคำ ซึ่งนโยบายดังกล่าวของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางจีนเองยังส่งผลทำให้ราคาทองเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

]]>
1440096
Ausiris ชี้พฤติกรรมคนไทยชอบซื้อทองคำตอนขาขึ้น วัยรุ่นซื้อน้อยแต่ซื้อบ่อย มองระยะยาวทองมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ https://positioningmag.com/1439093 Wed, 26 Jul 2023 12:39:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439093 ออสสิริส มองราคาทองคำในระยะยาวนั้นเป็นขาขึ้น จากหลายปัจจัย มองพฤติกรรมของคนไทยในการซื้อทองคำมักจะซื้อตอนราคากำลังเป็นขาขึ้น ขณะเดียวกันวัยรุ่นไทยเริ่มสนใจซื้อทองคำมากขึ้น ซื้อน้อยแต่ซื้อบ่อย

บุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด (Ausiris) ได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่าถือเป็นช่วงเวลาที่ดี มียอดขายที่ดีมาก นอกจากนี้ราคาทองทำยังทำสถิติสูงสุดใหม่อีกด้วย

พฤติกรรมการซื้อทองของคนไทยส่วนใหญ่เวลาซื้อทองคำที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ausiris มองเห็นคือ ถ้าราคาทองขาขึ้น คนจะซื้อทองคำมากผิดปกติ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะสั้นและกลาง แต่บริษัทได้แนะนำให้ซื้อหรือลงทุนในทองคำในระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า

นอกจากนี้ บุญเลิศ ยังเห็นเห็นอายุคนซื้อทองลดลง ซึ่งเป็นวัยรุ่นวัยทำงานมากขึ้น แต่ปริมาณการซื้ออาจไม่ใช่ทองคำแท่งขนาดใหญ่แต่อย่างใด แต่ส่วนใหญ่นั้นซื้อเล็กๆ น้อยๆ แต่ซื้อบ่อยมากขึ้น เขายังชี้ว่าวัยรุ่นหาข้อมูลเวลาซื้อขายทองคำมากขึ้น แล้วก็เช็คดูข้อมูลว่าน่าเชื่อถือหรือไม่

ปัจจัยที่ทำให้ทองคำเป็นขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ausiris มองว่าปัจจัยที่ทำให้ทองคำมีราคาเพิ่มสูงขึ้นก็คือ การลดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา รวมถึงการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลต่อราคาทองคำ แต่ถ้าหากปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำมีราคาลดลงคือดอลลาร์แข็งค่า หรือแม้แต่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาออกมาดูดี

ถ้ามองในระยะระยะยาวดอกเบี้ยของสหรัฐน่าจะขึ้นอีกไม่กี่ครั้งแล้วก็คงดอกเบี้ยยาวแล้วก็จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ทำให้เขาคาดว่าทองคำจะทำราคาสูงสุดใหม่ในช่วงปีหน้าได้

นอกจากนี้เขายังมองถึงปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ทั่วโลกจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มไม่เก็บเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่เป็นการเก็บทองคำแทน หรือแม้แต่เศรษฐกิจในเอเชียยังเติบโต ส่งผลทำให้ค่าเงินในเอเชียแข็งค่ามากขึ้น เป็นส่วนผลักดันที่ทำให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นหลังจากนี้ได้อีก

บุญเลิศ สิริภัทรวณิช – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด

ธุรกิจทองคำของบริษัท และภาพรวมตลาด

บุญเลิศ ได้กล่าวถึงตลาดทองคำในประเทศไทยว่า ราคาไม่ใช่ประเด็นใหญ่แล้ว ราคาทองคำในไทยเป็นราคาตลาดโลกสมบูรณ์แบบ และกลไกตลาดใกล้เคียงตลาดโลกแล้ว แต่เขาชี้ว่าการเข้าถึงตลาดทองคำในไทยนั้นสำคัญกว่ามาก เห็นได้จากช่วงที่ผ่านมา หลายแพลตฟอร์มลงทุนออนไลน์เริ่มชักชวนให้คนเข้ามาลงทุนทองคำ

เขามองว่าสนามสู้รบในปัจจุบันไม่ใช่ร้านทองด้วยกันเอง แต่เขามองว่าอุตสาหกรรมทองคำ จะเติบโตจากปัจจัยการลงทุนด้วย ขณะเดียวกันบริษัทก็อยากขายทองคำแบบ 99.9% เนื่องจากตลาดโลกหันไปทางนี้มากกว่า (ซึ่งในไทยนั้นมีทองคำขายทั้ง 99.9% และ 96.5%)

สิ่งที่ Ausiris ได้ทำในตอนนี้คือการส่งมอบทองคำให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะซื้อทองคำที่มีขนาดเล็กก็น้อย หรือซื้อขนาดใหญ่มากได้ บริษัทสามารถจัดส่งได้หมด หรือแม้แต่ถ้าหากลูกค้าอยากซื้อขายแบบไหนได้หมด ไม่ว่าจะเป็นออมทองคำ ซื้อขาย หรือเวลารับมอบทองคำแท่งจริงๆ ก็ได้เช่นกัน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ausiris ยังกล่าวว่าปัจจุบันรายได้ของบริษัทมีสัดส่วน 80% มาจากลูกค้าขายส่ง และอีก 20% จากลูกค้ารายย่อย ซึ่งเขาพยายามที่จะเข้าถึงลูกค้ารายย่อยมากขึ้น และเปลี่ยนสัดส่วนรายได้ให้สมดุลมากขึ้น และจะมาเจาะลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น และบริษัทยังมองเรื่องนวัตกรรม รวมถึงบริการให้กับลูกค้ามากกว่าเดิม 

เขาคาดว่าในปี 2023 นี้ยอดขายของบริษัทจะเติบโตมากกว่า 20%

บุญเลิศได้กล่าวทิ้งท้ายว่าเขามอง Ausiris เป็นแบรนด์ร้านทองในใจของลูกค้า ซึ่งคำพูดง่ายๆ แต่เขาจริงจังกับเรื่องนี้ และมองว่าบริษัทไม่ใช่แค่ผู้ขายอย่างเดียว แต่ยังต้องให้ความรู้ในเรื่องทองคำด้วย ถ้าไม่เข้าใจลูกค้าก็ขายสินค้าไม่ได้

]]>
1439093
นักวิเคราะห์ประเมิน ‘ทองคำ’ อาจทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 2,600 ดอลลาร์/ออนซ์ https://positioningmag.com/1424435 Wed, 22 Mar 2023 06:58:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1424435 แม้ว่าราคา ทองคำ วันนี้ (22 มี.ค.66) จะปรับลง 200 บาท แต่ทองไทยได้เงินบาทอ่อนหนุน จึงยังยืนในช่วง 31,000-32,000 บาท อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ธนาคารใหญ่ ๆ ในโลกกำลังเจอกับวิกฤตและธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำมีโอกาสทำลายสถิติสูงสุด

หลังจากที่หุ้นธนาคารได้รับผลกระทบจากการปิดตัวของ Silicon Valley Bank และ Credit Suisse ส่งผลให้นักลงทุนแห่กันไปที่ทองคำ ทำให้ราคาทองคำซื้อขายทะลุ 2,000 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นประมาณ 10% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565

Tina Teng จากบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน CMC Markets กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเร็ว ๆ นี้อาจทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากการลดลงของเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยคาดว่าราคาทองคำจะซื้อขายระหว่าง 2,500-2,600 ดอลลาร์/ออนซ์ (ราว 86,000-89,000 บาท) ทำสถิติสูงสุด แซงช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ที่ราคาทองคำอยู่ที่ 2,075 ดอลลาร์/ออนซ์ (ราว 74,000 บาท) ตามข้อมูลของ Refinitiv

“ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้มากที่เราเห็นผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทองคำในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราอาจเห็นได้ว่ามันจะทำลายจุดสูงสุดใหม่ในไม่ช้า”

ในปีที่ผ่านมา ความต้องการทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี เนื่องจากการซื้อจำนวนมากของธนาคารกลาง ตามรายงานของ World Gold Council โดยธนาคารกลางได้ซื้อทองคำสูงสุดในรอบ 55 ปีที่ 1,136 ตัน

Source

]]>
1424435
‘โลหะเงิน’ อาจแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี แถมมีแนวโน้มแซงหน้าราคา ‘ทองคำ’ https://positioningmag.com/1416691 Wed, 25 Jan 2023 07:40:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1416691 โลหะเงิน ถือเป็นโลหะมีค่าที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง และจากความต้องการใช้โลหะเงินที่มากขึ้นในปีนี้ มีการคาดการณ์ว่าราคาโลหะเงินอาจพุ่งทำระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี และอาจจะแซงหน้าราคาทองคำเลยทีเดียว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาโลหะเงินอาจแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีที่ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในปีนี้ ซึ่งอาจแซงหน้าราคาทองคำ เนื่องจากอุปทานที่ไม่เพียงพอ รวมถึงแนวโน้มที่เงินให้ ผลกำไรได้ดีกว่าทองคำ ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูง

“ครั้งสุดท้ายที่เม็ดโลหะเงินแตะระดับ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คือในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 และจากที่ผ่านมา โลหะเงินเคยทำกำไรได้เกือบ 20% ในปีที่อัตราเงินเฟ้อสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาโลหะเงินจะพุ่งไปที่ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีนี้” Janie Simpson ซีอีโอของ ABC Bullion กล่าว

ทั้งนี้ เม็ดโลหะเงิน (silver spot) เคยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 49.45 ดอลลาร์ในปี 1980 เทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่ 13.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณ 4 ดอลลาร์ในปี 1976 เมื่ออัตราเงินเฟ้อที่ 5.7% และช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา โลหะเงินมีการซื้อขายอยู่ที่ 24.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่ 6.5%

ปัจจุบันแร่เงินอยู่ในภาวะขาดแคลนและมีการลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปัจจุบันเงินเป็นโลหะที่ใช้โดยทั่วไปในการผลิตยานยนต์ แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องประดับ และอิเล็กทรอนิกส์ และคาดว่าแร่เงินจะ ขาดดุลมากกว่า 100 ล้านออนซ์ในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันการใช้แร่เงินในภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นเกือบ 50% ของความต้องการทั้งหมด

“ความต้องการดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเป็นผลมาจากความต้องการทางอุตสาหกรรมที่เร่งตัวขึ้นจากการใช้งานยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์” Nicky Shiels หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์โลหะของบริษัทค้าโลหะมีค่า MKS PAMP กล่าว

จากข้อมูลของ The Silver Institute ระบุว่า ในปี 2022 มีซัพพลายแร่เงินจากเหมืองแร่รวมทั้งหมด 843.2 ล้านออนซ์ ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในปี 2016 ที่ผลิตได้ 900 ล้านออนซ์ ขณะที่ Randy Smallwood ประธานบริษัทเหมือง Wheaton Precious Metals บอกว่า ซัพพลายโลหะเงินขึ้นถึงระดับสูงสุดเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว จากนั้นการผลิตโลหะเงินทั่วโลกก็ลดลง และจะไม่ได้เห็นแร่เงินจากเหมืองในปริมาณมากเท่านั้นแล้ว

Source

]]>
1416691