ธีมลงทุน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 23 Jan 2022 13:21:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 มองภาพรวมเศรษฐกิจโลก ปี 65 ฟื้นตัว เเต่ตลาดผันผวนมากขึ้น ชูธีมเด่นลงทุนต่างประเทศ  https://positioningmag.com/1371276 Sun, 23 Jan 2022 12:15:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371276 บลจ.กรุงศรี มองเศรษฐกิจโลก ปี 2565 เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป เเละกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้น เเต่ตลาดอาจผันผวนมากขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ เผยธีมลงทุนหุ้นต่างประเทศ “Clean energy -ESG – จีน”  

เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เเต่ตลาดยังผันผวนรับเงินเฟ้อ

ศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยถึง ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ว่า มีแนวโนมฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในตลาดพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และยุโรป

ด้านความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ อาจมีน้อยลงจากอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การพัฒนาวัคซีนและยารักษา Covid-19 ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่อาจไม่เท่ากัน คาดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเอเชียอย่างประเทศจีน เนื่องจากแนวโน้มการออกมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมของทางการจีนจะมีน้อยลง และรัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณว่าจะกลับมาสนับสนุนสภาพคล่องให้เศรษฐกิจอีกครั้ง”

อย่างไรก็ตาม ตลาดโลกอาจมีความผันผวนมากขึ้น โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองคืออัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะมีความตึงตัวมากขึ้น นำโดยสหรัฐฯ ที่เตรียมยกเลิกโครงการ QE ในเดือนมีนาคมเพื่อเตรียมขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในลำดับถัดไป ตลาดมองว่าเฟดอาจมีการขึ้นนโยบายการเงินได้ถึง 4 ครั้งในปี 2565 โดยอาจจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นไป

สำหรับภาพรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นโลกนั้น บลจ.กรุงศรี มีมุมมองว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นอาจมีมากขึ้น ตามแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อ และการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของทางธนาคารกลางทั่วโลก

ขณะที่การฟื้นตัวของแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกัน โดยเราอาจเห็นกลุ่มหุ้นที่มีราคาสูงอย่างกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดัน ในขณะที่ตลาดที่เป็น laggards ทยอยฟื้นตัวโดยเฉพาะในตลาดเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และจีน  โดยในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงมากขึ้นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่ม defensive จะช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนได้ 

Photo : Shutterstock

3 ธีมใหญ่ ลงทุนต่างประเทศ 

ธีมการลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ลงทุนในกลุ่ม Clean energy เนื่องจากปัจจุบันนโยบายเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน โดยทั้งหมดได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้สำเร็จ และคาดว่าจะเห็นนโยบายสนับสนุนด้าน Clean energy ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
  • ลงทุนในธีม ESG ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุน อีกทั้งธีมการลงทุนในส่วนของ cyber securities ที่มีความจำเป็นมากขึ้นในปัจจุบันหลังจากเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นก็เป็นธีมการลงทุนที่น่าสนใจเช่นกัน
  • ลงทุนในตลาดจีน ก็กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหลังท่าทีของรัฐบาลจีนที่มีต่อการออกกฎหมายควบคุมในหลายอุตสาหกรรมเริ่มลดลง โดยทางธนาคารกลางจีนได้กลับมาให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนสภาพคล่องให้กับตลาดอีกครั้ง นอกจากนั้นการลงทุนในกลุ่มตลาดที่เป็น laggards อย่างตลาดญี่ปุ่นและตลาดเอเซียก็ยังคงมีความน่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ไม่สูงจนเกินไปและมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
Photo : Shutterstock

ท่องเที่ยวไทย เริ่มกลับมา 

ด้านเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ดีในปี 2565 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจากอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นจนสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้เป็นปกติ โดยภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะทยอยเริ่มกลับมาหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้มากขึ้น

ส่วนการส่งออกจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงเนื่องจากผลของฐานต่ำหมดไป ในขณะที่ภาคบริการจะเติบโตในอัตราสูงจากผลของฐานต่ำในปี 2564 ด้านการบริโภคคาดว่าจะกลับมาขยายตัวดีขึ้น แต่อาจไม่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของไทย มีแนวโน้มผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจและกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงตลอดปี 2565 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ส่วนอัตราผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวอาจมีความผันผวนตามตลาดต่างประเทศที่คาดว่าจะถูกกดดันจากการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐเป็นหลัก

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น บลจ.กรุงศรีมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทยในปี 2565 โดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนฯ จะสามารถเติบโตได้ในอัตราร้อยละ 11.5 จากการกลับมาเปิดประเทศ โดยคาดว่าการลงทุนในหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 12.5

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามเรื่องโอมิครอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหรือไม่ รวมถึงนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในตลาดมากเพียงใด

“การจัดพอร์ตการลงทุนในปี 2565 นักลงทุนควรให้ความสำคัญต่อการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำจัดสรรเงินลงทุนใน ตราสารหนี้ 35% หุ้นไทย 16.5% และหุ้นต่างประเทศ 48.5% 

 

 

 

 

]]>
1371276
เปิดโผ 7 กองทุน “RMF-SSF” ผ่าน 3 ธีมเด่นจากบัวหลวง รับช่วงโค้งสุดท้ายปี 64 https://positioningmag.com/1367226 Wed, 15 Dec 2021 12:59:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1367226 เปิดโผ 7 กองทุน RMF-SSF เด่นๆ จากบัวหลวง ที่มีโอกาสเติบโตระยะยาว ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อเเถมประหยัดภาษี ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2564

สันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2564 นี้ ผู้ลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นจะได้รับผลตอบแทนที่ดีชนะเงินเฟ้อได้ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดพัฒนาแล้ว ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดกำลังพัฒนา ส่วนผู้ลงทุนในพันธบัตรจะได้รับผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบ แปลว่า ผลตอบแทนที่ได้รับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งการลงทุนในปี 2565 ก็จะยังมีแนวโน้มไปในทิศทางนี้

สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายในการค้นหากองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2564 นี้ ทีม Investment Strategy ของกองทุนบัวหลวง ได้คัดเลือก 7 กองทุนหุ้นต่างประเทศในกลุ่มกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่น่าสนใจ นำเสนอเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้

โดยเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน 3 ธีมเด่น ที่มีโอกาสเติบโตระยะยาว คือ กองทุน B-SIPRMF และ B-SIPSSF ในธีม ESG กองทุน B-INNOTECHRMF, B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF ในธีมเทคโนโลยี ส่วนกองทุน B-CHINAARMF และ B-CHINESSF ในธีมประเทศจีน


ธีม ESG : อยู่ในกระเเสหลักของการลงทุน 

นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการคัดเลือกธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ชัดเจนขึ้น โดยพบว่า 10 เดือนของปี 2564 มีเงินลงทุนไหลเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่มี ESG สูงกว่าทั้งปี 2563 แล้ว และการลงทุนในบริษัทที่ได้รับคะแนน ESG สูง ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าธุรกิจที่คะแนน ESG ต่ำ ทั้งยังมีความผันผวนต่ำกว่าด้วย

นอกจากนี้บริษัทที่มีประเด็นเรื่อง ESG พบว่า เผชิญกับเงินลงทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำให้เห็นว่า ESG กำลังอยู่ในกระแสหลักของการลงทุน

“หลังจากนี้ทั่วโลกก็จะมุ่งเรื่อง ESG มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีท่าทีชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น ในอนาคตก็จะมีบริษัทในสหรัฐฯ ที่มี ESG ให้เลือกลงทุนเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันตัวเลือกส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป”

โดยกองทุนบัวหลวงมีกองทุน B-SIPRMF และ B-SIPSSF เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจธีมนี้ 

Photo : Shutterstock

ธีมเทคโนโลยี : โดดเด่นในช่วงอีก 10 ปี

กองทุนบัวหลวง มองว่า จะมีความโดดเด่นในช่วง 10 ปีจากนี้ โดยเฉพาะเทคโนโลยี ABCEV คือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ๊กดาต้า (Big data) ไซเบอร์ซิเคี้ยวริตี้ (Cybersecurity) รถยนต์ไฟฟ้าทั้งสายการผลิต (EV) และโลกเสมือน (Virtual)  ที่จะมีบทบาทอย่างมากต่อธุรกิจและการใช้ชีวิต  ซึ่งในช่วงที่เงินเฟ้อสูง และดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น หุ้นเทคโนโลยีที่มีความสามารถทำกำไรแข็งแกร่ง มีความสามารถในการปรับขึ้นราคาได้ ก็มีโอกาสปรับขึ้นโดยไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเงินเฟ้อ

โดยกองทุนที่ลงทุนธีมนี้ และเฟ้นหาหุ้นเทคโนโลยีแบบนี้ ได้แก่ B-INNOTECHRMF รวมถึง B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF

ธีมประเทศจีน : ผลตอบเเทนดีในระยะยาว 

จีนเป็นประเทศที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีมากในระยะยาว ขณะที่มูลค่าหุ้นในเวลานี้ไม่แพงเกินไป เมื่อเทียบความสามารถการเติบโต อีกทั้งการเคลื่อนไหวของหุ้นจีนไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในโลก มีลักษณะการเคลื่อนไหวเฉพาะตัว  

“หากมองในแง่การกระจายความเสี่ยง การลงทุนในจีน ก็จะช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวมได้ดีขึ้น และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย เพียงแค่ระยะสั้น อาจเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนได้ค่อนข้างมาก แต่หากนักลงทุนมองเป็นโอกาส ก็สามารถทยอยสะสมได้” 

กองทุนบัวหลวงมีกองทุน B-CHINAARMF และ B-CHINESSF เป็นทางเลือก

Photo : Shutterstock

นอกเหนือจากกองทุน RMF และ SSF ภายใต้ 3 ธีมเด่นนี้ กองทุนบัวหลวงมีกองทุนประหยัดภาษีให้นักลงทุนเลือกลงทุนได้ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ ทั้งความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงสูง ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และสินทรัพย์ทางเลือก รวมแล้วมีกองทุน RMF ถึง 24 กองทุน และ SSF ทั้งหมด 8 กองทุน ซึ่งนักลงทุนเลือกลงทุนได้ตามความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตนเอง ส่วนสิ่งสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จกับการลงทุน คือ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง (Stay Invested) ในธุรกิจที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ระยะยาว ไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์รอบข้างที่มากระทบเพียงระยะสั้น

(ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน
ความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน)

 

]]>
1367226