พารากอน ฮอลล์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 25 Jun 2025 02:44:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ก้าวต่อไปของ ‘ธุรกิจไมซ์ไทย’ ในวันที่ความท้าทายรอบด้าน https://positioningmag.com/1527171 Tue, 24 Jun 2025 05:58:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1527171 ‘ธุรกิจไมซ์’ ถือเป็นหนึ่งธุรกิจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านบาท แม้ที่ผ่านมาทิศทางของธุรกิจนี้ยังดูสดใส แต่ปัจจุบันด้วยปัจจัยท้าทายรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจ และอีกหลายปัจจัย จึงน่าสนใจธุรกิจไมซ์ของไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

 

จากข้อมูลของ ‘สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ’ หรือ TCEB ได้รายงานว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนรวมกว่า 25.35 ล้านคน สร้างรายได้โดยตรงให้กับประเทศคิดเป็นมูลค่ากว่า 148,340 ล้านบาท

 

น่าสนใจไปมากกว่านั้น คือ อุตสาหกรรมไมซ์ได้สร้างรายได้ประชาชาติรวมกว่า 309,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.67% ของ GDP ประเทศไทย ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนและมีนัยสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเมื่อพูดถึงไมซ์ไม่ใช่แค่การจัดประชุมหรือการจัดแสดงนิทรรศการ แต่เป็นหนึ่งฟันเฟืองในการหมุนเวียนของเศรษฐกิจระดับประเทศ ตั้งแต่โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจการขนส่ง ไปจนถึงคนทำงานในอุตสาหกรรมบริการ

 

‘กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอัลไลแอนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมและการแสดงระดับโลก รอยัล พารากอน ฮอลล์ และ ทรู ไอคอนฮอลล์ กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพสูงมากในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางไมซ์ของภูมิภาคอาเซียน ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่

 

1.‘ทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์’ : ไทยอยู่ใจกลางภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นจุดตัดสำคัญที่เดินทางสะดวกจากทั้งเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ทำให้ได้เปรียบมากในการเชื่อมต่อ

 

2.ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกที่พร้อมรองรับงานไมซ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ เช่น สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง และมีหัวเมืองสำคัญอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต และอู่ตะเภา ที่ต่างก็มีศักยภาพในการรองรับผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลก รวมถึงมีระบบขนส่งมวลชนทั้ง BTS, MRT และ Airport Rail Link ที่เชื่อมโยงสนามบินและศูนย์การจัดงานในเมืองได้อย่างไร้รอยต่อ ช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ร่วมงาน

 

3. นโยบายภาครัฐที่เสริมความแข็งแรงให้กับธุรกิจไมซ์ไทย เช่น TCEB กับการขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์ 5 ด้าน และโครงการ 3S ‘Stay Longer, Spend More, See You Again’ ซึ่งไม่เพียงกระตุ้นการจัดงานในไทย แต่ยังช่วยเพิ่มระยะเวลาพำนักและการใช้จ่ายของนักเดินทางไมซ์ในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

 

4.ไทยเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับจากเวทีระดับโลก โดยเมื่อปี 2024 สมาคมการประชุมนานาชาติ (ICCA) จัดอันดับให้ไทยเป็น ‘อันดับ 1 ในอาเซียน’ และ ‘อันดับ 5 ในเอเชียแปซิฟิก’ ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในธุรกิจไมซ์บนเวทีโลก

 

แม้แนวโน้มอุตสาหกรรมไมซ์ไทยยังดูสดใส แต่ปีนี้ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน อาทิ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลก และอีกหลายปัจจัย ที่ล้วนส่งผลต่อพฤติกรรมการเดินทางและการใช้จ่ายของนักเดินทางกลุ่มไมซ์โดยตรง โดยเฉพาะ ‘ตลาดจีน’ อีกตลาดเป้าหมายของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย

 

“เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ความปลอดภัยของประเทศ ความเชื่อมั่นย่อมสั่นคลอน และเราก็ได้เห็นแล้วว่านักเดินทางจีนชะลอการเดินทางออกไปอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งฟื้นฟู และร่วมกันสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ให้ชัดเจน” กฤษณาอธิบาย พร้อมเสริมว่า

‘ความยั่งยืน’ เป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ของผู้ประกอบการไมซ์ในวันนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ ‘เทรนด์’ แต่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการตัดสินใจของผู้เข้าร่วมงานและองค์กรผู้จัดงานในระดับสากลทั้งเรื่อง Carbon Footprint และ Sustainability ดังนั้นภาคธุรกิจไมซ์ไทยต้องรีบปรับตัวให้ทัน

 

กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอัลไลแอนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด มองว่า ‘ทุกวิกฤตเป็นโอกาส’ ในการยกระดับมาตรฐานงานอีเวนต์ของไทยให้เทียบเท่าระดับโลก โดยกลยุทธ์หลักของพารากอน ฮอลล์ คือการทรานสฟอร์มภายใต้แนวคิด Extraordinary Eventainment สร้างสุดยอดประสบการณ์ที่ผสานอีเวนต์ระดับโลกเข้ากับความบันเทิงเหนือความคาดหมาย พร้อม Co-Create กับพันธมิตรในการสร้างสรรค์ Global Events ที่ทั้งดึงดูดใจ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้จริง

 

“พารากอน ฮอลล์ โฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่แล้ว เรายกระดับพื้นที่กว่า 10,000 ตร.ม. ให้รองรับการจัดอีเวนต์ได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่งานขนาดเล็กมีผู้ร่วมงาน 50 คน ถึงงานที่มีผู้ร่วมงาน 10,000 คน ด้วยระบบที่ดีเยี่ยมและยกระดับการบริการแบบ PremiumizedService ให้เทียบเท่าโรงแรม 5 ดาว ด้วยทีมงานที่มากด้วยความรู้และประสบการณ์ผ่านการรับรองจากสมาคมและสมาพันธ์ธุรกิจไมซ์ระดับโลก บวกกับทำเลที่ตั้งใจกลางแลนด์มาร์คระดับโลกอย่างสยามพารากอน การเดินทางสะดวก ทำให้เราได้เปรียบ”

 

สำหรับความยั่งยืน พารากอน ฮอลล์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ด้วยการยกระดับสถานที่ให้เป็น Carbon Neutral Venue แห่งแรกของประเทศไทย และกำลังขยายแนวทางนี้ไปยังทรู ไอคอน ฮอลล์

 

นอกจากนี้ ยังหันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มองค์กรที่ต้องการจัดสัมมนาแบบยั่งยืน โดยใช้จุดแข็งด้าน Carbon Neutral Venue แห่งแรกของประเทศไทยมาเป็นหัวใจ สร้างแพ็กเกจการประชุมที่ตอบโจทย์ ESG และ Sustainability ซึ่งกำลังเป็นวาระสำคัญของทุกองค์กรทั่วโลก

 

รวมถึงเน้นการ Co-create กับพันธมิตรภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อออกแบบ Exclusive Privilege สำหรับลูกค้าและผู้จัดงานที่เลือกใช้บริการพารากอน ฮอลล์ ซึ่งทั้งหมดเป็นการสร้างน่านน้ำใหม่ที่พารากอน ฮอลล์ ไม่ต้องแข่งขันด้วย ‘ราคา’ แต่ใช้ ‘ประสบการณ์และมูลค่า’ มาเป็นหัวใจ ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับธุรกิจในระยะยาว และผลักดันให้กรุงเทพฯ ให้เป็น World Class Event City ได้อย่างแท้จริง

ไฮไลต์อีเวนต์ช่วงครึ่งหลังปีนี้ อาทิ IRENE & SEULGI Concert Tour [ BALANCE ] in BANGKOK , The 1st CISM Military Muay Thai Challenge การแข่งขันมวยไทยทหารนานาชาติครั้งแรกในประเทศไทย, Dragonfly Summit 2025 อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ที่รวมเหล่าสปีกเกอร์ชั้นนำระดับโลกจากหลายเส้นทางธุรกิจในด้าน Leadership และ Well-being, งานแข่งขันเกมส์ E-sport ชิงแชมป์โลก เป็นต้น

 

“ปีนี้พารากอน ฮอลล์ ตั้งเป้าจะมีงานเพิ่มขึ้น 30% ยกระดับรายได้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรระดับ Global เพื่อวางตำแหน่ง พารากอน ฮอลล์ ให้เป็น World-Class Event Hub อย่างแท้จริงได้”

]]>
1527171
“สยามพิวรรธน์” ปรับรับอีเวนต์หด เปิดพื้นที่ให้ขายของฟรี กระตุ้นใช้จ่ายเเบบไทยช่วยไทย https://positioningmag.com/1281010 Thu, 28 May 2020 11:21:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1281010 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป

“สยามพิวรรธน์” เผยทราฟฟิกกลับมา 50% กลุ่มนักท่องเที่ยวยังต้องรออีกเป็นปี ด้าน “พารากอน ฮอลล์” เจอหนัก อีเวนต์หด รายได้หาย ปรับกลยุทธ์โฟกัสงานในประเทศ ประเดิมเปิดพื้นที่ให้ “ขายของฟรี” กระตุ้นลูกค้าใช้จ่ายเเบบ “ไทยช่วยไทย”

พฤติกรรม “คนเดินห้าง” ไม่เหมือนเดิม

“หลังจากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งช่วง 2 สัปดาห์เเรก พบว่าลูกค้ามาเดินห้าง เฉลี่ยไม่เกินคนละ 2 ชั่วโมง เเละมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือ มาเเเบบมีจุดประสงค์เเน่ชัดหรือมาเพื่อซื้อสินค้าที่ต้องการจริงๆ เเล้วรีบกลับบ้าน ต่างจากเดิมที่มาเดินห้างเพื่อพักผ่อนหรือมาเดินเที่ยวเพื่อใช้ชีวิตทั้งวัน”

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวอีกว่า หลังจากปลดล็อกดาวน์เฟส 2 ให้ธุรกิจค้าปลีกกลับมาเปิดบริการได้แล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนของสยามพิวรรธน์ ที่บริหารสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และไอคอนสยาม ผู้คนเริ่มกลับมาบ้างเเล้ว เเต่ทราฟฟิกยังไม่กลับมาเท่าเดิม “หายไปเกินครึ่ง” เนื่องจากมาตรการต่างๆ ของรัฐยังเข้มงวดอยู่ โดยลูกค้าตอนนี้จะกลับมาอยู่ที่ราว 50% จากปกติที่กลุ่มวันสยามเคยมีลูกค้าประมาณ 2.5 เเสนคนต่อวัน ที่ไอคอนสยามประมาณ 8 หมื่นคนต่อวัน

“ลูกค้านักท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาได้ มีเพียงชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยเท่านั้นที่ออกมาเดินห้าง คงต้องรอถึงช่วงปลายปีอาจจะกลับมาได้ 20-30% จากปกติ เเละต้องรอลุ้นกันยาวถึงปีหน้า ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถกลับมาได้ถึงระดับปกติ ตอนนี้เราจึงต้องส่งเสริมกิจกรรมภายในประเทศมากขึ้น”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวถือเป็นลูกค้าหลักของเครือสยามพิวรรธน์เพราะคิดเป็น 30-40% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด

ส่วนกลุ่มสินค้าที่ขายดีช่วงนี้จะเป็นกลุ่มของ เครื่องใช้ไฟฟ้า ความงาม สุขภาพ และเครื่องใช้ในบ้าน สำหรับธุรกิจร้านอาหารนั้นกลับมาเปิดบางส่วน แต่คาดว่าหลังจากที่ปลดล็อกเฟส 3 ทุกอย่างจะกลับมาเปิดบริการได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้

“ตอนนี้ร้านค้าต่างๆ ในห้างฯ ของเครือสยามพิวรรธน์ ได้เปิดให้บริการเเล้วราว 90% มีบางส่วนที่เหลือยังติดปัญหาเรื่องพนักงานซึ่งต้องกักตัวหลังกลับมาจากต่างจังหวัด คาดว่าในเดือน มิ.ย.จะสามารถเปิดได้เต็ม 100% เเละยังไม่มีร้านใดปิดตัวไป”

ช่วงก่อนหน้าที่จะกลับมาเปิดห้างฯ “ชฎาทิพ จูตระกูล” ซีอีโอแห่งกลุ่มสยามพิวรรธน์ ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือวิกฤต โดยมองว่าช่วงเดือน มิ.ย. – ส.ค.หากรัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ ทั้งทราฟฟิกลูกค้าและรายได้ศูนย์การค้าจะยังไม่สูง คาดว่าจะอยู่ที่ 30-40% ของปกติ และจะทยอยดีขึ้นตามลำดับ

สำหรับภาพรวมทั้งปี 2563 รวมผลกระทบที่ต้องปิดห้างฯ เกือบ 2 เดือน และระยะฟื้นตัว มองว่าธุรกิจศูนย์การค้ารวมร้านค้าภายในทั้งประเทศจะสูญเสียรายได้ 50% จากทั้งธุรกิจที่เคยทำรายได้ให้ประเทศ 1.75 แสนล้านบาทต่อปี

อ่านต่อ : “ชฎาทิพ” แห่ง “สยามพิวรรธน์” ตอบชัด 4 ประเด็น พร้อมเปิดประตูห้างฯ ในยุค New Normal

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ (ซ้าย) กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มบริหารงานขายเเละการตลาด บริษัทสยามอัลไลเเอนซ์ เเมเนจเม้นท์ (ขวา)

พารากอน ฮอลล์ : คอนเสิร์ต-อีเวนต์หาย มุ่งรับงานคนไทย 

ด้านธุรกิจอีเวนต์ นับว่าต้องเจอผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เเบบ “หนักหนาสาหัส” ทีเดียว เนื่องจากต้องงดจัดงานที่เป็นการชุมนุมของคนหมู่มากเเละยังไม่มีทางออกของสถานการณ์เเน่ชัด ทำได้เเค่ “ยกเลิกหรือเลื่อน”

กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มบริหารงานขายเเละการตลาด บริษัทสยามอัลไลเเอนซ์ เเมเนจเม้นท์ เปิดเผยว่า “รอยัล พารากอน ฮอลล์” ได้รับผลกระทบโดยตรง ถือว่าหนักที่สุดตั้งเเต่เปิดมา เพราะไม่มีรายได้เลยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่ขอเลื่อนไปจัดช่วงปลายปี คือไตรมาส 3-4 เเละช่วงต้นปีหน้า

“ส่วนใหญ่ขอเลื่อนมากกว่ายกเลิก ซึ่งบอกจำนวนเเน่ชัดไม่ได้ เพราะยังไม่มีความเเน่นอนโดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศที่ต้องคอยดูสถานการณ์ มาตรการภาครัฐเเละการเปิดประเทศที่ยังไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญว่าจะเลือกจัดหรือไม่จัดอีเวนต์”

สำหรับ “รอยัล พารากอน ฮอลล์” เปิดพื้นที่ให้จัดงานประชุม คอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่างๆ ราว 80-90 งานต่อปี โดยงานยอดนิยมที่สุดจะเป็นงานคอนเสิร์ตเเละการจัดนิทรรศการ (Exhibition) อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เพราะคอนเสิร์ตจะจัดวันสุดสัปดาห์ ส่วนนิทรรศการจะจัดช่วงวันธรรมดา

ในระหว่างที่ยังไม่เปิดให้มีการจัดงานอีเวนต์ ทีมงานมีการปรับตัวเพื่อลดค่าใช้จ่ายเเละเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ดูเเลเเละปรับปรุงพื้นที่ให้เข้ากับมาตรการควบคุมโรค คิดหาเเนวทางเพื่อให้ผู้ใช้บริการอุ่นใจเพื่อรองรับการกลับมาอีกครั้ง

มาตรการรักษาความสะอาดปลอดภัยในสยามพารากอน

“เเผนของเราคือในช่วง 6 เดือนนี้จะโฟกัสกับงานในประเทศ กระตุ้นให้คนไทยช่วยคนไทย ประเดิมด้วยการจัดงานฟรี เปิดให้ SMEs มาขายของโดยไม่คิดค่าพื้นที่ มุ่งจัดอีเวนต์ให้ลูกค้าคนไทยก่อน จากนั้นช่วงต้นปี 2564 หากมีการเปิดบินระหว่างประเทศ ก็จะขยายไปหาลูกค้าในเอเชีย เเละถัดไปอีกปีจะขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก ตามที่เคยวางเป้าหมายไว้ก่อนเกิดวิกฤต”

ด้านสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เผยผลสำรวจทางธุรกิจพบว่า หากรัฐบาลปลดล็อกดาวน์ ผู้ประกอบการจะสามารถจัดงานได้ไม่ต่ำกว่า 900 งาน ทั้งในส่วนของงานประชุมสัมมนา (Meeting & Incentive) การประชุมอบรม (Convention) งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibition) การจัดงานอีเวนต์ส่งเสริมธุรกิจ และสร้างงานให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ภายในประเทศราว 7 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าในการผลักดันเศรษฐกิจ สร้างรายได้เข้าประเทศไทยเป็นกว่า 35,000 ล้านบาท ระหว่างเดือน มิ.ย. 2563 ถึง เดือน มี.ค. 2564

กระตุ้นใช้จ่าย “ไทยช่วยไทย” เปิดพื้นที่ให้ขายของฟรี 

จากเเผนที่จะฟื้นเศรษฐกิจในประเทศเเบบ “ไทยช่วยไทย” นำมาสู่โครงการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะมีการนำพื้นที่จัดงานอีเวนต์ของพารากอน ฮอลล์ (ที่ว่างอยู่) เเละภายให้ห้างฯ ของเครือสยามพิวรรธน์ มาจัดแคมเปญ “I Love Siam-Smile Together” เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานและผู้ประกอบกการที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของที่คนไทยผลิต เป็นการนำโมเดลธุรกิจรีเทลใหม่ที่เรียกว่า “ระบบนิเวศค้าปลีก” มาสร้างการค้าเชื่อมโยงระหว่างผู้ขายเเละผู้ซื้อ ซึ่งจะมีการนำร่องใน 4 โครงการหลัก ได้เเก่

1.ตลาดนัดยิ้มสยาม : เปิดพื้นที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และทรูไอคอน ฮอลล์ รวม 10,000 ตารางเมตร จัดกิจกรรม ‘ตลาดนัดยิ้มสยาม’ ร่วมกับพันธมิตร ให้พนักงานและผู้ประกอบการจากทั่วประเทศที่รับกำลังเดือดร้อนจากวิกฤตครั้งนี้ มาจำหน่ายสินค้า โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ วันที่ 24 – 28 มิ.ย. ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ และวันที่ 1 – 5 ก.ค. 2563 ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ อย่างไรก็ตาม วันและเวลาอาจมีเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล

“ด้วยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การจัดบูธก็ต้องมีการเว้นพื้นที่จากเดิมพารากอนฮอลล์ รองรับผู้ประกอบการได้ 400 ร้านก็จะเหลือ 120 ร้าน ส่วนทรูไอคอนก็จะเหลือประมาณ 90 ร้าน ขณะที่จำนวนผู้บริโภคที่จะเข้ามาร่วมงาน ตอนนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยรวมทราฟฟิกของห้างลดลง 50% สัดส่วนร่วมงานก็น่าจะลดลงกว่านี้มาก เพราะต้องมีมาตรการการคัดกรองต่างๆ ด้วย”

สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาร้านที่จะเข้ามาเปิดขายครั้งนี้ จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือผู้ที่ตกงานจาก COVID-19 ไม่จำกัดหมวดสินค้า เเต่ต้องเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย มีคุณภาพ ราคาเป็นธรรม โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line @RoyalParagonHall เเละ @TrueconHall

2. Siam Smile Space : เปิดพื้นที่ทำงานให้ทุกคนมาทำงานแบบ co-working space ในศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ อย่างสยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และไอคอนสยาม ได้ฟรี มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย Wifi และอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมมาตรการดูแลสุขอนามัยขั้นสูงสุด เริ่มเปิดให้ใช้พื้นที่ได้ในเดือน มิ.ย. 2563 เป็นต้นไป

3.โครงการฟื้นใจไทย : เปิดพื้นที่ให้จำหน่ายสินค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เปิดเมืองสุขสยาม ถึงวันที่ 15 มิ.ย. 2563 รองรับ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มบุคคลทั่วไปหรือนักธุรกิจ กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน อัตลักษณ์ไทยจาก 77 จังหวัด และกลุ่มเกษตรกรผลไม้คุณภาพจากสวนดัง และเกษตรกรไทยดีเด่น แบ่งจำหน่ายรอบละ 7-10 วัน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันใน 3 พื้นที่ คือ บริเวณธนบุรีดีไลท์, ลานเมือง 1 และ ลานเมือง 2 จัดตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2563 เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G

4. ไทยช่วยไทย ยิ้มไปด้วยกัน : เป็นความร่วมมือของสยามพิวรรธน์ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดมหกรรมผลไม้ 5 ภาค และของใช้อุปโภคบริโภคซึ่งเป็นของดีประจำจังหวัด ส่งตรงจากชาวสวน และผู้ผลิตจากทั่วประเทศไทย มาจำหน่ายบนพื้นที่ของศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จัดขึ้นในเดือน ก.ค. 2563 ณ ลานพาร์คพารากอน สยามพารากอน

“เราต้องช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ก่อน เพราะถ้าพวกเขารอด เราก็รอด เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวได้อีกครั้ง คนไทยต้องช่วยกันให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้” ผู้บริหารกลุ่มสยามพิวรรธน์กล่าว

]]>
1281010