มอเตอริ่ง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 22 Apr 2021 00:09:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ถึงเวลา ‘โตโยต้า’ เอาจริง ลงเเข่งตลาด ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ เร่งผลิต EV ให้ได้อีก 15 รุ่น ภายในปี 2025 https://positioningmag.com/1328699 Wed, 21 Apr 2021 13:24:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328699 ยักษ์ใหญ่วงการยานยนต์โลกอย่างโตโยต้า’ (Toyota) เริ่มขยับปรับมูฟใหม่เข้าหารถยนต์ไฟฟ้าประกาศเร่งผลิตให้ได้อีก 15 รุ่น ภายในปี 2025 ชิงส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งเเวดล้อมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หลังปล่อยให้คู่เเข่งฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปนำหน้าไปเเล้วหลายรุ่น

ในช่วงที่ผ่านมาโตโยต้า มอเตอร์ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับตลาดรถยนต์ไฮบริดก่อน เเต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเร่งผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคัน โดยวางโรดเเมปเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นใหม่อีก 15 รุ่น ภายในปี 2025

นับเป็นเคลื่อนไหวล่าสุดที่ชี้ให้เห็นทิศทางใหม่ของโตโยต้า ที่ตั้งใจจะพัฒนากลุ่มยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ โดยรถยนต์รุ่นใหม่ของโตโยต้าทั้ง 7 รุ่นจะเปิดตัวภายใต้ชื่อ bZ (ย่อมาจาก Beyond Zero)

สำหรับรุ่นเเรกจะเป็นโตโยต้า ’bZ4X’ เอสยูวี เปิดตัวโมเดลต้นเเบบไปเเล้วในงาน Shanghai Motor show โดยได้พัฒนาร่วมกับ Subaru เเบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งโตโยต้าถือหุ้นอยู่ 20% และคาดว่าวางจำหน่ายภายในกลางปี 2022

รถรุ่น bZ4X จะผลิตในญี่ปุ่นและจีน เเละจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัทที่พัฒนาโดยใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA รองรับระบบขับเคลื่อนทุกล้อ พร้อมเเชร์อะไหล่และการดีไซน์ระหว่างรุ่นต่างๆ ได้

bZ4X SUV รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของโตโยต้า

โตโยต้า มีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนรุ่นของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งคัน รวมไปถึงรถยนต์ไฮบริด ให้ได้ทั้งหมดประมาณ 70 รุ่นภายในปี 2025 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 55 รุ่น ณ สิ้นปี 2020 ซึ่งปัจจุบันโตโยต้าจำหน่ายรถไฟฟ้าทั้งคันจำนวน 4 รุ่น

นอกจากความร่วมมือกับค่ายรถ Subaru เเล้ว โตโยต้ายังเป็นพาร์ตเนอร์กับ BYD ของจีน รวมถึง Suzuki Motor และ Daihatsu Motor เพื่อพัฒนารถยนต์ซีรีส์ใหม่ โดยเมื่อปีที่แล้ว โตโยต้าได้ร่วมทำวิจัยและพัฒนากับ BYD เพื่อมุ่งเน้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก

ทั้งนี้ ปัจจุบันโตโยต้ามีรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรุ่น C-HR และ IZOA ที่จำหน่ายในประเทศจีน และ Lexus UX300e ที่จำหน่ายในตลาดโลก

โตโยต้าวางแผนจะเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ให้ได้กว่า 1 ล้านคันภายในปี 2030 จากยอดขายรถ EV ทั่วโลกที่ประมาณ 3,300 คันในปี 2020

การเเข่งขันในวงการรถยนต์ยิ่งดุเดือดขึ้นไปอีก เมื่อคู่เเข่งระดับโลกอย่าง Volkswagen ประกาศว่าจะสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของรถ EV เพิ่มอีก 6 แห่งในยุโรปภายในปี 2030 เเละตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 60% ของยอดขายรถยนต์ใหม่

ในขณะเดียวกันยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาอย่าง General Motors (GM) ก็ตั้งใจที่จะขายเฉพาะรถยนต์ที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ (zero-emission vehicles) ภายในปี 2030 โดยจะให้ความสำคัญกับรถ EV เป็นหลัก

 

ที่มา : Nikkei , theverge 

 

]]>
1328699
รถใหม่ในญี่ปุ่นต้องมี “เบรกอัตโนมัติ” เริ่มปี 2021 หลังเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น https://positioningmag.com/1257789 Fri, 20 Dec 2019 03:00:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1257789 Photo : REUTERS/Kim Kyung-Hoon

ญี่ปุ่น เตรียมออกกฎหมายใหม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ เฉพาะรถรุ่นใหม่ต้องติดตั้งระบบเบรกอัตโนมัติ โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งเเต่เดือน พ.ย. 2021 หลังมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 

โดยกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่น จะทำตามมาตรฐานนานาชาติขององค์การสหประชาชาติที่กำลังจะเริ่มใช้เดือนหน้า โดยรถที่แล่นไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะต้องเบรกเองได้เมื่อเจอรถคันอื่นที่หยุดนิ่ง หรือรถที่เคลื่อนที่ไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ต้องเบรกเองเพื่อป้องกันการชนคนข้ามถนน

“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากคนขับรถสูงอายุ เป็นปัญหาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องเเก้ไข เราจะใช้ทุกมาตรการที่เป็นไปได้เพื่อจัดการเรื่องนี้” Kazuyoshi Akaba รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นระบุ

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตือนว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการที่คนขับเชื่อใจระบบเบรกอัตโนมัติมากไปเช่นกัน โดยมีอุบัติเหตุลักษณะนี้ราว 80 ครั้ง ซึ่งมี 18 คนได้รับบาดเจ็บเเละเสียชีวิต นับตั้งแต่เดือน ม.ค.ถึงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา

กฎหมายใหม่นี้ จะกำหนดให้รถยนต์รุ่นใหม่ที่จะผลิตในญี่ปุ่นต้องติดตั้งระบบเบรคอัตโนมัติ นับตั้งเเต่เดือน พ.ย. 2021 เป็นต้นไป ส่วนรุ่นที่มีอยู่เเล้วในตลาดจะต้องติดระบบเบรกอัตโนมัติให้ได้ภายในเดือน ธ.ค. ปี 2025

นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึง “รถที่นำเข้าจากต่างประเทศ” โดยหากเป็นรถรุ่นใหม่จะผ่อนผันให้ถึงเดือน มิ.ย. ปี 2024 และ หากเป็นรถรุ่นปัจจุบัน ผ่อนผันให้ถึงเดือน มิ.ย. ปี 2026

สำหรับระบบ “เบรกอัตโนมัติ” จะใช้ระบบเรดาร์ในการตรวจจับและตรวจสอบยานพาหนะและวัตถุอื่นๆ ล่วงหน้า ให้สามารถแจ้งเตือนผู้ขับขี่ถึงอันตรายจากการชนก่อนที่จะใช้เบรกโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ระบบเบรคอัตโนมัติจะไม่ทำงาน หากกล้องที่ติดตั้งในรถไม่สามารถรับรู้ถึงวัตถุในที่มืดมาก หรือในกรณีมีคนเดินเท้าหรือมีรถคันอื่นโผล่ขึ้นมากะทันหัน เป็นต้น

ที่มา : japantoday
ภาพ : Reuters

]]>
1257789
อ่านเกม “กู๊ดเยียร์” 2020 บุกยางรถกระบะ ขยายตลาดต่างจังหวัด ดัน “บัวขาว” พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ https://positioningmag.com/1257218 Mon, 16 Dec 2019 11:32:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1257218 เเม้อุตฯ รถยนต์จะอยู่ในช่วงขาลง เเต่ “กู๊ดเยียร์ ประเทศไทย” ยังเดินหน้าขยายลงทุนโรงงานเฟส 2 พร้อมเปิดตัว Cargo Max ยางพรีเมียมเจาะกลุ่มรถกระบะเเละรถตู้ อัดเเคมเปญการตลาดในปี 2020 ดึง “บัวขาว” นักชกขวัญใจชาวไทยขึ้นเเท่นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ สะท้อนความอึดความทน 

เรียกได้ว่าเตรียมเดินเกมการตลาดอย่างหนัก เพราะกู๊ดเยียร์ห่างหายจากการโปรโมตผ่านคนดังมานาน นับตั้งเเต่ “ ก้อง-สหรัถ” พรีเซ็นเตอร์คนแรกของกู๊ดเยียร์ในไทย เมื่อปี 2556 ที่มาพร้อมยางเอฟฟิเชี่ยนกริป เอสยูวี ชูจุดขายเป็นยางเงียบที่สุดและนุ่มที่สุด เข้ากับคาเเร็กเตอร์ของหนุ่มก้อง ผ่านมาหลายปีก็มาถึง บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักมวยดุดัน เข้าคาเเร็กเตอร์กับยางรถกระบะรุ่นใหม่ชูความทนอย่าง Cargo Max เช่นกัน 

เปิดตัว Cargo Max เอาใจคนรักระกระบะ-รถตู้ 

ยางรถกระบะ Cargo Max ที่กำลังจะจำหน่ายทั่วประเทศในเดือนมกราคม ปี 2020 นี้ โดยออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรถกระบะและรถตู้ เน้นจุดขายเรื่องความทนทาน ทางกู๊ดเยียร์เคลมว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่ายางคู่แข่งถึง 20% ซึ่งผ่านการทดสอบทั้งในสหรัฐฯ เเละในไทย

ความสำคัญของยางตัวนี้ได้มีการใช้เทคโนโลยีแมกซ์โหลด (MaxLoad) เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของกู๊ดเยียร์ ทำให้ขีดความสามารถในการรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น และเหมาะสมกับทุกสภาพถนนในไทย ออกแบบหน้ายาง และปรับปรุงเนื้อยางสูตรพิเศษ ที่ช่วยลดการสึกหรอเเละยังรักษาคุณสมบัติเรื่องการยึดเกาะบนถนนเปียก การรีดน้ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะกับฤดูฝนของประเทศไทย

ทำไมเลือกรุกตลาดรถกระบะ? 

ผู้บริหารกู๊ดเยียร์ ประเทศไทย บอกว่า Cargo Max เกิดขึ้นจากการค้นหาว่าอะไรคือ Pain point และ Unmet needs ของลูกค้า พบว่า กระบะเป็นรถที่ใช้ 1 ใน 3 ของไทย ที่สำคัญนอกจากใช้เพื่อการขนส่งแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน จึงมีการใช้งานที่หนัก ดังนั้นต้องหายางที่มีความทนทานใช้ได้นาน ซึ่งกู๊ดเยียร์ต้องการตอบโจทย์นี้

ก่อนหน้านี้ กู๊ดเยียร์ได้ตีตลาดกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เเละกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ไปเเล้ว จึงต้องขยายให้ครอบคลุมสู่รถกระบะ เเละมองว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ใช้ขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดที่นิยมใช้รถกระบะมากกว่าในเมือง ให้เข้ากับเเผนขยายช่องทางการขายที่ในปีหน้าตั้งเป้าจะมีร้านตัวเเทนจำหน่ายให้ถึง 1,000 ร้านทั่วประเทศด้วย 

“ปัจจุบันเรามียางรุ่น แอสชัวแรนซ์ ทริปเปิลแมกซ์ (Assurance TripleMax) สำหรับกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และ แรงเลอร์ ทริปเปิลแมกซ์ (Wrangler TripleMax) สำหรับกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) การเปิดตัวกู๊ดเยียร์ Cargo Max สำหรับกลุ่มรถกระบะและรถตู้ จึงทำให้ยางในตระกูลแมกซ์ครอบคลุมทุกกลุ่มการใช้งานในกลุ่มยางพรีเมียมของลูกค้า”

“บัวขาว” พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ สะท้อนความอึด 

ล่าสุดกู๊ดเยียร์ ประเทศไทย ได้ดึงยอดนักชกขวัญใจมหาชนอย่าง “บัวขาว บัญชาเมฆ” มาเป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เพื่อต้องการสื่อถึงความแข็งแกร่ง ทนทาน

ลูก้า เครปาโชลี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บอกว่า

“บัวขาวมีความเหมาะสมกับแบรนด์กู๊ดเยียร์ เป็นยอดนักชกที่โด่งดังท่ามกลางบรรดายอดนักชกมวยไทยมากว่า 30 ปี พร้อมทั้งมีสถิติคว้าชัยชนะในการขึ้นชกระดับโลกมาแล้วอีกนับครั้งไม่ถ้วน สะท้อนความเเกร่ง เเละทรงพลังเหมือนยางรถยนต์ของกู๊ดเยียร์”

ฮึดสู้รอบใหม่ของธุรกิจยางรถยนต์ 

ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ยุคขาลง เหล่าผู้ผลิตหลายใหญ่ต่างพากันหั่นค่าใช้จ่าย ปลดพนักงานเพื่อปรับโครงสร้างบริษัทกันถ้วนหน้า สำหรับอุตสาหกรรมยางรถยนต์เเล้วนั้นก็ย่อมได้รับผลกระทบตามๆ กัน

ผู้บริหารกู๊ดเยียร์ เปิดเผยว่า “ในปี 2019 นับเป็นความท้าทายอย่างมาก ทั้งปัจจัยเศรษฐกิจโลกเเละอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะที่ธุรกิจยางรถยนต์ก็ต้องเผชิญกับปัญหา “วัตถุดิบที่มีราคาสูงขึ้น” เเต่ด้วยความพยายามที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เเละการปรับกลยุทธ์การสื่อสารของกู๊ดเยียร์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้มองเห็นโอกาสที่จะกลับมาเป็นบวกมากขึ้นในปีหน้า” 

“หากมองอีกมุมเราจะเห็นว่ามีรถใหม่ออกมาจำนวนมากเช่นกัน เเละจะต้องมีการเปลี่ยนยาง นี่คือโอกาสของกู๊ดเยียร์ ที่เราจะเสนอโปรดักส์ใหม่ที่ทนทาน ใช้งานได้ยาวนานกว่าคู่เเข่ง 20% ให้กับผู้บริโภคที่กำลังลังเลใจในการซื้อ” 

สำหรับการลงทุนขยายโรงงานในจังหวัดปทุมธานี นับเป็นการลงทุนเฟส 2 ของงบการลงทุนกว่า 2.97 พันล้านบาทในเเผนปี 2018-2022 ที่คาดว่าจะเพิ่มผลผลิตยางรถยนต์ได้มากขึ้นราว 5-10 % ขึ้นอยู่กับคู่สัญญาซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยโรงงานในประเทศเเห่งนี้ จะผลิต Cargo Max ยางพรีเมียมรุ่นใหม่ รวมไปถึงยางที่ใช้ในเครื่องบินด้วย

ด้านภาพรวมการตลาดของอุตฯ ยางรถยนต์ในไทย เครปาโชลี่ เปิดเผยว่า ตั้งเเต่ช่วงไตรมาสที่ 1-3 ของปีนี้ยังติดลบอยู่ที่ -4% ถึง -5% เเละมียอดขายยางรถยนต์โดยรวมมากกว่า 10 ล้านเส้น อย่างไรก็ตาม มองว่าปี 2020 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น 

รวมถึงกลยุทธ์หลักในปีหน้าที่จะมี “กลุ่มยางติดรถยนต์ (OEM)” เพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการเจรจาเพิ่มสัญญากับเหล่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งรับรองว่ารถยนต์ป้ายเเดงที่จะออกมาในปี 2020 นั้นจะมีโอกาสได้ใช้ยางรถยนต์ของกู๊ดเยียร์ พร้อมกันนั้นจะมีการขยายโรงงานในจังหวัดปทุมธานีเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 

รวมไปถึงขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุม โดยในปีหน้าตั้งเป้าจะมีร้านตัวเเทนจำหน่ายให้ถึง 1,000 ร้าน 

]]>
1257218