วันที่ 9 ธันวาคม 2021 ประเทศนิวซีแลนด์ประกาศแผนป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่ ตามแผนการเป็น “ประเทศปลอดควันบุหรี่” ภายในปี 2025
กลยุทธ์ของนิวซีแลนด์คือ จะมีการออกกฎหมายไม่ให้ทุกคนที่เกิดหลังปี 2008 ซื้อบุหรี่หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบใดๆ ได้ตลอดชีวิต
ขณะที่บุหรี่ที่ยังมีจำหน่ายให้กับผู้ใหญ่จะถูกลดปริมาณนิโคตินลง และจะลดจำนวนร้านค้าปลีกที่อนุญาตให้ขายบุหรี่ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้คาดว่าจะออกเป็นกฎหมายภายในปีหน้า
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกับอุตสาหกรรมบุหรี่คือ นิวซีแลนด์ได้ขึ้นภาษีสูงมากกับบุหรี่ แต่กระทรวงสาธารณสุขมองว่าต้องมีข้อปฏิบัติที่เข้มงวดกว่านี้หากนิวซีแลนด์จะเป็นประเทศปลอดบุหรี่ เป็นที่มาให้เกิดนโยบายจำกัดการเข้าถึงบุหรี่ของเยาวชน และจะทำให้พวกเขาไม่ได้สูบบุหรี่ตลอดชีวิต
“นี่คือวันแห่งประวัติศาสตร์ด้านสุขภาพของประชาชนของเรา” ดร.อายีชา เวอร์รัล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าว “เราต้องการสร้างความมั่นใจว่า เยาวชนของเราจะไม่เริ่มสูบบุหรี่ ดังนั้น เราจะป้องกันไม่ให้มีการขายหรือมีซัพพลายยาสูบเข้าถึงกลุ่มเยาวชนกลุ่มใหม่ เมื่อกฎหมายบังคับใช้ เยาวชนอายุไม่เกิน 14 ปี ณ ขณะนั้น จะไม่สามารถซื้อยาสูบได้อย่างถูกกฎหมายอีกเลย”
เวอร์รัลระบุว่า การสูบบุหรี่เป็นต้นเหตุการตายที่จริงๆ แล้วป้องกันได้ ทุกวันนี้ บุหรี่เป็นต้นเหตุ 1 ใน 4 ของโรคมะเร็งในประชากรชาวนิวซีแลนด์
สำหรับเป้าหมาย “ประเทศปลอดบุหรี่” ของนิวซีแลนด์ มีมาตั้งแต่ปี 2011 โดยต้องการจะลดอัตราผู้สูบบุหรี่ให้เหลือน้อยกว่า 5% ให้ได้ภายในปี 2025 ก่อนจะพยายามกำจัดให้ได้ทั้งหมดหลังจากนั้น
ณ ขณะนี้ มีประชากรนิวซีแลนด์ที่สูบบุหรี่อยู่ราว 13% ถือว่าลดลงบ้างแล้วจากตัวเลข 18% เมื่อสิบปีก่อน อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มชาวเมารีกลับมีอัตราการสูบบุหรี่ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศมาก โดยมีอัตราถึง 31%
องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยบรรยายถึงปัญหายาสูบว่าเป็น “หนึ่งในภัยด้านสุขภาพสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของโลก” โดยทั่วโลกมีผู้ที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ไม่ว่าจะมือหนึ่งหรือมือสองมากถึง 8 ล้านคนต่อปี
สถิติยังบอกด้วยว่า ผู้สูบบุหรี่บนโลกนี้มีประมาณ 1,300 ล้านคน และสัดส่วนถึง 80% เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคสืบเนื่องจากการสูบบุหรี่หนักที่สุดตามไปด้วย
]]>คำสั่งของคณะรัฐมนตรีได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐบาลจีน และลงนามโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้ระบุว่ามีผลบังคับใช้ทันที
ทั้งนี้ ในปี 2020 ตลาดบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศจีนมีมูลค่ากว่า 8,380 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,310 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 72.5% ในระหว่างปี 2013 – 2020 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทบุหรี่ไฟฟ้าของจีนจำนวนหนึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อเข้าไปแสวงหาผลกำไรจากตลาดในประเทศที่มีโอกาสสร้างรายได้สูง ซึ่งรวมถึงผู้นำตลาดอย่างบริษัทอาร์แอลเอ็กซ์ เทคโนโลยี (RLX)
RLX ซึ่งมีมูลค่าหุ้นตอนตลาดปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสูงขึ้น 1.8% ได้กล่าวกล่าวใน WeChat ว่าบริษัทจะปฏิบัติตามกฎและทำการเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ทางด้านหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศจีนระบุในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่าจะมีแผนนำกฎควบคุมการขายบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบใหม่อื่น ๆ มาปรับเพื่อให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์สำหรับขายบุหรี่ทั่วไป ซึ่งก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าจัดอยู่ในกลุ่ม “พื้นที่สีเทา” และไม่มีกฎเกณฑ์การควบคุมที่ชัดเจนนัก กฎหมายใหม่นี้จึงเป็นการส่งสัญญาณว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะได้รับการควบคุมอย่างถูกต้องจากรัฐบาลจีน
อุตสาหกรรมยาสูบในประเทศจีนเป็นอุตสาหกรรมผูกขาด ที่ควบคุมโดยรัฐบาลทั้งหมด และการควบคุมอย่างเข้มงวดนี้จะกำหนดว่าบริษัทและผู้ค้าปลีกรายใดสามารถผลิตและจำหน่ายบุหรี่ได้
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับผู้เยาว์ในปี พ.ศ. 2561 และได้มีการสั่งห้ามขายออนไลน์ในปีถัดมา ในขณะที่สื่อของประเทศจีนก็ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยของการใช้ผลิตภัณฑ์
แม้จะมีการคาดการณ์ว่าการออกกฎหมายควบคุมครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าในระยะแรกเพียงช่วงสั้นๆ แต่ก็ถูกมองว่าจะช่วยให้เกิดความชัดเจนในเรื่องการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศจีนในระยะยาว
รายงานโดย: Beijing Newsroom และ Brenda Goh จากเมืองเซี่ยงไฮ้; เขียนโดย Tom Daly; เรียบเรียงโดย Edmund Blair, Philippa Fletcher และ William Mallard
]]>