“ยืดเปล่า” (YUEDPAO) เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนโดย “ตอน-ทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว” พ่อค้าเสื้อผ้าที่เริ่มเก็บประสบการณ์มาตั้งแต่ตั้งแผงขายบ็อกเซอร์หน้า ม.รามคำแหง จนมาเปิดแผงขายเสื้อในตลาดนัดจตุจักร และในที่สุดสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองได้สำเร็จ
คอนเซ็ปต์แบรนด์ “ยืดเปล่า” เน้นขายเสื้อยืดสีพื้นเป็นหลัก มีหลายสี หลายทรง ครอบคลุมทั้งแบบ unisex และแบบผู้หญิง มาพร้อมกับหมัดเด็ดคือ “ราคาจับต้องง่าย” เริ่มต้นเพียง “ตัวละร้อย” ทำให้ได้กลุ่มลูกค้า “วัยรุ่น” แวะเวียนเข้ามาอย่างรวดเร็ว สร้างยอดขายเติบโตก้าวกระโดดทุกปีจนในปี 2566 ที่ผ่านมา ทนงค์ศักดิ์กล่าวว่าบริษัททำรายได้ขึ้นไปถึง 800 ล้านบาทแล้ว
หลังวางรากฐานกับกลุ่ม “เสื้อยืด” ได้เรียบร้อย ทนงค์ศักดิ์บอกว่าทางบริษัทเริ่มซุ่มวิจัยและพัฒนาไลน์สินค้าใหม่มาตั้งแต่ 2 ปีก่อน โดยเลือกพัฒนาเป็นกลุ่มสินค้า “เสื้อโปโล”
“ผมเลือกกลุ่มเสื้อโปโลเพราะเป็นแบบเสื้อที่จริงๆ แล้วใส่ได้ทั้งทางการและใส่เที่ยวสบายๆ” ทนงค์ศักดิ์กล่าว “ที่จริงเป็นโปรดักส์ที่กว้าง ใส่ได้หลายกลุ่มคนเหมือนเสื้อยืด”
อย่างไรก็ตาม ทนงค์ศักดิ์มองว่าตลาดเสื้อโปโลยังมีจุดอ่อนที่ทำให้ยืดเปล่ามีช่องว่างเข้าไปได้ คือ
เหตุผลเหล่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ได้มีเสื้อโปโลติดตู้ทุกคนเหมือนกับเสื้อยืด
เมื่อรวมโจทย์ได้แล้วทางยืดเปล่าจึงคิดค้นออกมาเป็นสินค้าชื่อว่า “Tailor Cool Polo Innovation” แก้โจทย์ของลูกค้า 2 อย่าง คือ
นอกจากนี้ เสื้อโปโลของยืดเปล่ายังปล่อยมาทีเดียว 18 สี มีให้เลือกทุกเฉดสีเพื่อให้เข้ากับผิวทุกแบบของคนไทย
ด้านราคาเสื้อโปโลวางขายที่ 590 บาท ซึ่งทนงค์ศักดิ์มองว่าเป็นราคาที่ยังคงคอนเซ็ปต์ของยืดเปล่าคือ คุ้มค่า ทำราคาถูกกว่าตลาด เพราะเสื้อโปโลเจ้าตลาดหลายแบรนด์จะวางขายในช่วงราคา 790-990 บาทเป็นหลัก
กลยุทธ์เสื้อโปโลของยืดเปล่าเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ “เล่นใหญ่” เพราะเท่ากับแบรนด์ต้องบริหารสินค้ารวมถึง 360 SKUs จากสีและไซส์ที่มีให้เลือกมากมาย
เรื่องนี้จะ ‘เสี่ยง’ เกินไปหรือไม่? ทนงค์ศักดิ์บอกว่า ด้วยจำนวนสาขาปัจจุบันยืดเปล่าขยายไปแล้ว 62 สาขา และคาดว่าจะเปิดครบ 70 สาขาในสิ้นปีนี้ ทำให้ ‘Economy of Scale’ หรือการประหยัดต่อขนาดมีมากพอที่จะบริหารจำนวนสินค้ามากได้ขนาดนี้
“นี่คือเฟส 2 ของบริษัทเรา จากเฟส 1 ที่ทำเสื้อยืดมา 5 ปี” ทนงค์ศักดิ์กล่าว “เราเริ่มจากเสื้อยืดตัวละร้อย ตอนนี้เราจะขอปรับจากแบรนด์วัยรุ่นมาสู่แบรนด์มหาชนแล้ว”
ส่วนการเจาะตลาดเสื้อโปโลที่มีแบรนด์ดังๆ ครองตลาดอยู่แล้วหลายเจ้า เจ้าของแบรนด์ยืดเปล่ามองว่า ยืดเปล่าเองก็มีกลุ่มลูกค้าที่เติบโตมาด้วยกัน หลายคนเริ่มก้าวสู่วัยทำงานและต้องการเสื้อโปโล ประกอบกับการตลาดในแบบของตัวเองก็น่าจะสู้ในตลาดนี้ได้
ทนงค์ศักดิ์หวังว่า “เสื้อโปโล” จะกลายเป็น New S-Curve ใหม่ของแบรนด์ ทำให้บริษัทโตก้าวกระโดดได้ต่อเนื่อง และเป็นจุดเริ่มต้นในอนาคตที่ “ยืดเปล่า” จะกลายเป็นแบรนด์ที่ขายเสื้อผ้าทุกอย่างที่ “ยืดได้” ไม่จำกัดตัวเองแค่เสื้อยืดอีกต่อไป
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
]]>