ยืดเปล่า (YUEDPAO) – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 02 Jul 2025 13:32:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 6 นักธุรกิจรุ่นใหม่ ปั้นธุรกิจติดสปีด กวาดรายได้หลัก 100-1,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1528624 Wed, 02 Jul 2025 10:12:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1528624 ในโลกธุรกิจ เรามักจะคุ้นชินกับการเห็น “ผู้บริหาร” ที่ประสบความสำเร็จในวัยกลางคนเป็นต้นไป แต่ในปัจจุบันเริ่มมี ”นักธุรกิจรุ่นใหม่“ อายุน้อยกว่า 35 ปี ขับเคลื่อนองค์กรโดยทำรายได้ทะลุหลัก 100-1,000 ล้านบาท มากขึ้น

สั่งสมประสบการณ์แต่เด็ก กล้าที่จะแตกต่าง

หนึ่งในชื่อที่ถูกหยิบยกเรื่องการประสบความสำเร็จแต่เด็ก และทำแบรนด์ได้แมสทั่วไทย คือ “คุณเฟิร์น – นัทธมน พิศาลกิจวนิช“ เจ้าของร้านสุกี้ตี๋น้อย

ในวัยเด็ก คุณเฟิร์นคลุกคลีกับธุรกิจร้านอาหารของครอบครัว สิ่งนี้ช่วยบ่มเพาะประสบการณ์และซึมซับระบบร้านอาหาร และทำให้สนใจในธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก

ส่วน “สุกี้ตี๋น้อย” เกิดจากคุณเฟิร์นมองเห็นโอกาสในตลาดสุกี้บุฟเฟต์ ยังไม่มีร้านที่ทำราคาเข้าถึงง่าย และคุณภาพดี จึงปิ๊งไอเดียสร้างความแตกต่าง เหนือคู่แข่งด้วยจุดนี้

ขณะที่ทำเลร้านที่มักเลือกจุดที่มีที่จอดรถเยอะ และมีการเปิดร้านยันตีสาม ผนวกกับราคาเข้าถึงง่ายเพียง 219 บาท แต่คุณภาพอาหาร-เมนูหลากหลาย ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า เกิดการบอกต่อจนร้านติดกระแส จนรายได้เติบโตทุกปี

เฟิร์น สุกี้ตี๋น้อย
เฟิร์น – นัทธมน พิศาลกิจวนิช

ปี 2563

  • รายได้ 1,223 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 140 ล้านบาท

ปี 2564

  • รายได้ 1,572 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 147 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้ 3,976 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 591 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 5,262 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 907 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้ 7,075 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 1,168 ล้านบาท

จากนักศึกษา ขายซูชิชิ้นละ 10 บาท สู่นักธุรกิจพันล้าน

จากจุดเริ่มต้นอยากริเริ่มธุรกิจในวัยเรียน “คุณชาร์ป – ชนวีร์ หอมเตย” นักศึกษาปีที่ 3 ในขณะนั้น ได้ลงขันกับ “คุณมิ้ง – ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล” หลักแสนบาท เปิดร้านซูชิคุณภาพดี ชื่อ Shinkanzen Sushi ในราคาเริ่มต้นคำละ 10 บาท (ราคา ณ ช่วงเวลานั้น) หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

จากการสังเกตเห็นว่า สมัยนั้นไม่มีร้านซูชิคุณภาพดีทำเลมหาวิทยาลัย หากอยากกินต้องไปถึงห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ก่อนขยายไปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจาะกลุ่มลูกค้านักศึกษาเป็นหลัก แต่พบเพนต์พอยต์สำคัญ แม้จะขายดี แต่ช่วงปิดเทอมยอดขายตกฮวบ

จุดเปลี่ยน คือ การเปิดสาขายูเนี่ยนมอลล์ ได้กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน และกลุ่มครอบครัวเพิ่ม ทำให้การเปิดสาขาถัดไปไม่จำเป็นต้องยึดหัวหาดทำเลมหาวิทยาลัยต่อไป จึงเริ่มเปิดสาขากลางเมือง สยามสแควร์ จนมีมากกว่า 60 สาขาในปัจจุบัน ส่งผลให้ยอดขายร้านเติบโตต่อเนื่อง

ชาร์ป ชนวีร์ หอมเตย Shinkanzen Sushi

ปี 2565

  • รายได้ 797 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 63 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 1,414 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 116 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้ 2,137 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 226 ล้านบาท

 

จากพ่อค้ากางเกง เงินทุน 8,000 บาท สู่ “ยืดเปล่า” เสื้อยืดรายได้ 800 ล้านบาท

“คุณตอน – ทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว” เจ้าของแบรนด์เสื้อยืด “ยืดเปล่า” เป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจดาวรุ่งรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้มีต้นทุนตั้งแต่ต้น และต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน จนริเริ่มการค้าขายตั้งแต่อายุ 19 ปี

โดยเงินทุนก้อนแรก 8,000 บาท ใช้ลงทุนซื้อกางเกงบ็อกเซอร์และกางเกงขาสั้น จากโรงเกลือมาขายที่หน้า ม.รามคำแหง แรก ๆ ขายได้วันไม่กี่ร้อยบาท จนไต่มาเป็นวันละ 1,000 บาท

นำไปสู่การย้ายมาเช่าเปิดหน้าร้านที่ตลาดนัดจตุจักร เริ่มทำแบรนด์กางเกงบ็อกเซอร์ “Richesboxer” ก่อนรีแบรนด์เป็น “ทุกตอน” แต่เจอคนอ่านไม่ออกจึงเปลี่ยนเป็น “บ๊อกปะ” จากวลีที่ลูกค้าชอบถามกันว่า ‘เอาบ๊อกปะ’ แต่ท้ายสุดตลาดกางเกงบ็อกเซอร์ก็เข้าสู่จุดอิ่มตัว

ทำให้คุณตอน เริ่มเข้าสู่ธุรกิจเสื้อยืด โดยทำแบรนด์แรกชื่อ “Riccop” ต่อมาจึงสร้างแบรนด์ใหม่ชื่อ “ยืดเปล่า” (YUEDPAO) ในสโลแกน ‘ยืดเปล่า ยังง๊ายก็ไม่ย้วย’ เน้นขายเสื้อยืดผลิตจากผ้า Cotton ผสม Polyester ซึ่งมีคุณสมบัติยับยาก สวมใส่สบาย สะดวก ผ้าอยู่ทรงไม่ต้องรีด ในราคาเริ่มต้นเพียง 100 บาท ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนบวกกับราคาเข้าถึงง่าย ทำให้แบรนด์ขยายตัวต่อเนื่อง

ตอน – ทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว เจ้าของยืดเปล่า

ปี 2563

  • รายได้ 117 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 1.7 ล้านบาท

ปี 2564

  • รายได้ 218 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 1.8 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้ 506 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 18 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 802 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 74 ล้านบาท

 

นักแสดงที่ชอบรับบทนักธุรกิจร้อยล้าน กับบทบาท ”เถ้าแก่น้อย“ ในชีวิตจริง

เราอาจคุ้นเคยกับ “คุณพีช – พชร จิราธิวัฒน์” ในฐานะทายาทตระกูลดังเจ้าของอาณาจักรเซ็นทรัล หรือกระทั่งในบทบาทนักแสดง ที่มักจะได้บทคนรวย/นักธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ‘ต๊อบ – วัยรุ่นพันล้าน‘ หรือเรื่องล่าสุด ‘เคน ซีอีโออีซี่เอ็กซ์เพลส – สงครามส่งด่วน‘

แต่ในชีวิตจริง คุณพีช ก็เป็นเถ้าแก่น้อย ผ่านการเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นหนึ่งใน คณะกรรมการบริษัท ร็อคส์ พีซี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือแฟรนไชส์ Potato Corner จากฟิลิปปินส์มาเปิดในประเทศไทย

Potato Corner โด่งดังได้จากการปรับรสชาติ (R&D) เข้ากับรสนิยมคนไทย ทำเลที่ตั้งในศูนย์การค้าใหญ่ ย่าน ทราฟฟิกและกำลังซื้อสูง แต่ใช้พื้นที่ไม่มาก และมีราคาเหมาะสมไม่แพงจนเกินไป บวกกับการตลาดที่ได้คุณพีช    เข้ามาช่วย ทำให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันรายได้โปเตโต้คอนเนอร์ ยังคงเติบโตเรื่อย ๆ

ปี 2563

  • รายได้รวม 414 ล้านบาท
  • กำไร 34 ล้านบาท

ปี 2564

  • รายได้รวม 414 ล้านบาท
  • กำไร 1.71 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้รวม 568 ล้านบาท
  • กำไร 25 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้รวม 652 ล้านบาท
  • กำไร 37 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้รวม 790 ล้านบาท
  • กำไร 62 ล้านบาท

นักธุรกิจ Gen Z จากเคยขาดทุนเพราะอีโก้ สู่แบรนด์บิวตี้ขวัญใจวัยรุ่น

เส้นทางชีวิตของ “คุณไอติม – เอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์“ เจ้าของแบรนด์ LA GLACE สร้างชื่อจากการเป็นเน็ตไอดอลทำคอนเทนต์ด้านความงาม รีวิว และชีวิตประจำวันทั่วไป ในชื่อ ‘ไอติมเบบี้’ (ITIM.BAEBIE)

กระทั่งในวัยมหาวิทยาลัย คุณไอติม อยากหารายได้พิเศษ จึงริเริ่มทำธุรกิจในสิ่งที่ตนเองถนัด คือ “ธุรกิจความงาม“ ผ่านการทำเบสโทนอัพ ขยายมาสู่สบู่ไข่ คลีนซิ่ง และโทนเนอร์

จุดเปลี่ยนและบทเรียนสำคัญ มาช่วงอายุ 23 ปี กำลังไฟแรง ช่วงนั้นสินค้าอะไรก็ขายดี เรียกได้ว่ามีอีโก้เต็มถัง จึงนำเงินทุกบาททุกสตางค์ขยายไลน์สินค้าสู่ ลิปสติก แต่ถูกโรงงานจีนยัดไส้สินค้า ทำให้ไม่สามารถขายได้เลย ส่งผลให้ขาดทุนครั้งใหญ่ 20 ล้านบาท ทำให้ต้องขายรถ และทำกระทั่งขายเสื้อผ้ามือสอง ขายกระเป๋าหลักร้อย และบวกกับโดนดราม่าในโซเชียลมีเดีย เรื่องขายสินค้าแพง และใช้งานยาก จนทำให้คุณไอติมเคยคิดอยากเลิกทำแบรนด์บิวตี้

ทว่าเธอไม่อยากให้สิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ต้องติดตัวไปตลอดชีวิต จึงค่อย ๆ แก้ไขความผิดพลาด และพิสูจน์ตัวเอง พร้อมเดินหน้าแบรนด์ LA GLACE ต่อ จนในที่สุดแบรนด์ก็ติดตลาด ด้วยสินค้าสร้างชื่ออย่าง บลัชดำ และ TONER PADS ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

“คุณไอติม – เอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์“ เจ้าของแบรนด์ LA GLACE

ปี 2565

  • รายได้ 39 ล้านบาท
  • กำไร 1.65 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 401 ล้านบาท
  • กำไร 108 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้ 420 ล้านบาท
  • กำไร 37 ล้านบาท

Love Potion แบรนด์ที่ปังด้วยโซเชียล

จุดเริ่มต้นของ “คุณก้าด – ณัฐชยานันท์ สุขวัฒนาพร” หรือ ซ้อก้าด เจ้าของแบรนด์ Love Potion ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ เริ่มต้นด้วยการติดลบจากครอบครัวประสบปัญหาธุรกิจจนล้มละลาย และคุณก้าดต้องหารายได้ตั้งแต่สมัยเรียน โดยเริ่มจากการขายเคสมือถือที่รับมาจากสนามเสือป่า

แต่ด้วยความชื่นชอบด้านความงามและการดูแลตัวเอง จึงได้ก่อตั้งแบรนด์ Love Potion ขึ้นในปี 2557 มีสินค้าตัวแรกเป็นสบู่ Grape Soap ก่อนจะขยายไลน์สินค้าสู่เซรั่ม ลิปออย น้ำหอม และชาเขียว

กลยุทธ์ที่ทำให้ Love Potion ติดตลาด ส่วนหนึ่งมาจาก ซ้อก้าดใช้ตัวเองเป็น Personal Branding อย่างเต็มตัว ขณะที่คอนเทนต์มีทั้งกิจวัตรประจำวัน การแต่งตัวแฟชั่น รวมไปถึงการพรีเซนต์สินค้าด้วยตนเอง ทั้งลิป ออย บลัช น้ำหอม

ประกอบกับ การตลาดที่ไม่เหมือนใคร สร้างกระแสและเป็นไวรัลบ่อยครั้ง เช่น การไลฟ์สดขายสินค้าราคาถูก 5 บาท 10 บาท หรือการเลือก ‘พี่กร ไม้กวาด’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์น้ำหอม ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์ทั่วไปที่มักใช้คนดัง ทำให้เกิดคำถามและกระแสพูดถึงอย่างมาก การเลือกพรีเซ็นเตอร์ด้วยความจริงใจนี้ทำให้สินค้าน้ำหอมขายหมดใน 11 วินาที ทำให้ Love Potion มีการเติบโตของรายได้และกำไรแบบก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ซ้อก้าด love potion
“คุณก้าด – ณัฐชยานันท์ สุขวัฒนาพร” เจ้าของแบรนด์ Love Potion

ปี 2563

  • รายได้รวม 7.5 ล้านบาท
  • กำไร 4,795 บาท

ปี 2564

  • รายได้รวม 12 ล้านบาท
  • กำไร 1.06 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้รวม 55 ล้านบาท
  • กำไร 14 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้รวม 154 ล้านบาท
  • กำไร 34 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้รวม 454 ล้านบาท
  • กำไร 84 ล้านบาท
]]>
1528624
“ยืดเปล่า” เปิดตลาดใหม่ “เสื้อโปโล” ขอเปลี่ยนจากแบรนด์วัยรุ่นสู่ “มหาชน” ขายทุกอย่างที่ “ยืดได้” https://positioningmag.com/1486747 Sat, 17 Aug 2024 15:45:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1486747 แบรนด์มาแรงแห่งยุค “ยืดเปล่า” (YUEDPAO) ขายเสื้อยืดสู่รายได้ 800 ล้านบาทในเวลาเพียง 5 ปี ล่าสุดเปิดไลน์สินค้าใหม่ “เสื้อโปโล” ตีตลาดวัยผู้ใหญ่ เปลี่ยนตัวเองจากแบรนด์วัยรุ่นสู่แบรนด์ “มหาชน” วางอนาคตขอขายเสื้อผ้าทุกอย่างที่ “ยืดได้”

“ยืดเปล่า” (YUEDPAO) เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนโดย “ตอน-ทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว” พ่อค้าเสื้อผ้าที่เริ่มเก็บประสบการณ์มาตั้งแต่ตั้งแผงขายบ็อกเซอร์หน้า ม.รามคำแหง จนมาเปิดแผงขายเสื้อในตลาดนัดจตุจักร และในที่สุดสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองได้สำเร็จ

คอนเซ็ปต์แบรนด์ “ยืดเปล่า” เน้นขายเสื้อยืดสีพื้นเป็นหลัก มีหลายสี หลายทรง ครอบคลุมทั้งแบบ unisex และแบบผู้หญิง มาพร้อมกับหมัดเด็ดคือ “ราคาจับต้องง่าย” เริ่มต้นเพียง “ตัวละร้อย” ทำให้ได้กลุ่มลูกค้า “วัยรุ่น” แวะเวียนเข้ามาอย่างรวดเร็ว สร้างยอดขายเติบโตก้าวกระโดดทุกปีจนในปี 2566 ที่ผ่านมา ทนงค์ศักดิ์กล่าวว่าบริษัททำรายได้ขึ้นไปถึง 800 ล้านบาทแล้ว

ยืดเปล่า เสื้อโปโล
ทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เริ่มใหม่ จำกัด

 

“เสื้อโปโล” เสื้อผ้าที่ทุกคนควรมีติดตู้

หลังวางรากฐานกับกลุ่ม “เสื้อยืด” ได้เรียบร้อย ทนงค์ศักดิ์บอกว่าทางบริษัทเริ่มซุ่มวิจัยและพัฒนาไลน์สินค้าใหม่มาตั้งแต่ 2 ปีก่อน โดยเลือกพัฒนาเป็นกลุ่มสินค้า “เสื้อโปโล”

“ผมเลือกกลุ่มเสื้อโปโลเพราะเป็นแบบเสื้อที่จริงๆ แล้วใส่ได้ทั้งทางการและใส่เที่ยวสบายๆ” ทนงค์ศักดิ์กล่าว “ที่จริงเป็นโปรดักส์ที่กว้าง ใส่ได้หลายกลุ่มคนเหมือนเสื้อยืด”

อย่างไรก็ตาม ทนงค์ศักดิ์มองว่าตลาดเสื้อโปโลยังมีจุดอ่อนที่ทำให้ยืดเปล่ามีช่องว่างเข้าไปได้ คือ

  1. เสื้อโปโลมักจะหาไซส์ ‘ใส่พอดียาก’ หากเป็นคนรูปร่างไม่มาตรฐาน เช่น คนผอมสูง มักจะใส่แล้วเสื้อเต่อเกินไป ส่วนคนรูปร่างใหญ่แต่ไม่สูงมาก เสื้อก็จะยาวเกินไปอีก
  2. เสื้อโปโลมักจะถูกมองว่า ‘ใส่แล้วร้อน’ ด้วยเนื้อผ้าทั่วไปมักจะไม่ค่อยระบายอากาศ

เหตุผลเหล่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ได้มีเสื้อโปโลติดตู้ทุกคนเหมือนกับเสื้อยืด

ยืดเปล่า เสื้อโปโล

เมื่อรวมโจทย์ได้แล้วทางยืดเปล่าจึงคิดค้นออกมาเป็นสินค้าชื่อว่า “Tailor Cool Polo Innovation” แก้โจทย์ของลูกค้า 2 อย่าง คือ

  1. มีไซส์ให้เลือกรวมถึง 20 ไซส์ เพราะแบ่งทั้งความกว้างลำตัว XS, S, M, L, XL, XXL และความยาวเสื้อที่แบ่งตามความสูงเป็น 3 ระดับ คือ สูง 150-160 ซม. สูง 160-175 ซม. และ สูง 175-189 ซม. เพื่อให้พอดีตัวทุกรูปร่าง
  2. ด้านในของเสื้อใช้เทคโนโลยีผ้าแบบเดียวกับชุดกีฬาซึ่งทำให้ระบายอากาศดีขึ้น

นอกจากนี้ เสื้อโปโลของยืดเปล่ายังปล่อยมาทีเดียว 18 สี มีให้เลือกทุกเฉดสีเพื่อให้เข้ากับผิวทุกแบบของคนไทย

ด้านราคาเสื้อโปโลวางขายที่ 590 บาท ซึ่งทนงค์ศักดิ์มองว่าเป็นราคาที่ยังคงคอนเซ็ปต์ของยืดเปล่าคือ คุ้มค่า ทำราคาถูกกว่าตลาด เพราะเสื้อโปโลเจ้าตลาดหลายแบรนด์จะวางขายในช่วงราคา 790-990 บาทเป็นหลัก

ทำแคมเปญร่วมกับเซเลป 5 คนเพื่อโชว์การสวมใส่ของรูปร่างที่แตกต่าง ได้แก่ แข – รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น, สเตฟาน – รสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์, ชาร์เลท – วาศิตา แฮเมเนา, ปิงปอง – ธงชัย ทองกันทม, และ นะ – รัตน จันทร์ประสิทธิ์ วง Polycat

 

เล่นใหญ่หวังสร้างการเติบโต “เฟส 2” ของแบรนด์

กลยุทธ์เสื้อโปโลของยืดเปล่าเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ “เล่นใหญ่” เพราะเท่ากับแบรนด์ต้องบริหารสินค้ารวมถึง 360 SKUs จากสีและไซส์ที่มีให้เลือกมากมาย

เรื่องนี้จะ ‘เสี่ยง’ เกินไปหรือไม่? ทนงค์ศักดิ์บอกว่า ด้วยจำนวนสาขาปัจจุบันยืดเปล่าขยายไปแล้ว 62 สาขา และคาดว่าจะเปิดครบ 70 สาขาในสิ้นปีนี้ ทำให้ ‘Economy of Scale’ หรือการประหยัดต่อขนาดมีมากพอที่จะบริหารจำนวนสินค้ามากได้ขนาดนี้

“นี่คือเฟส 2 ของบริษัทเรา จากเฟส 1 ที่ทำเสื้อยืดมา 5 ปี” ทนงค์ศักดิ์กล่าว “เราเริ่มจากเสื้อยืดตัวละร้อย ตอนนี้เราจะขอปรับจากแบรนด์วัยรุ่นมาสู่แบรนด์มหาชนแล้ว”

เราเริ่มจากเสื้อยืดตัวละร้อย ตอนนี้เราจะขอปรับจากแบรนด์วัยรุ่นมาสู่แบรนด์มหาชนแล้ว

ส่วนการเจาะตลาดเสื้อโปโลที่มีแบรนด์ดังๆ ครองตลาดอยู่แล้วหลายเจ้า เจ้าของแบรนด์ยืดเปล่ามองว่า ยืดเปล่าเองก็มีกลุ่มลูกค้าที่เติบโตมาด้วยกัน หลายคนเริ่มก้าวสู่วัยทำงานและต้องการเสื้อโปโล ประกอบกับการตลาดในแบบของตัวเองก็น่าจะสู้ในตลาดนี้ได้

ทนงค์ศักดิ์หวังว่า “เสื้อโปโล” จะกลายเป็น New S-Curve ใหม่ของแบรนด์ ทำให้บริษัทโตก้าวกระโดดได้ต่อเนื่อง และเป็นจุดเริ่มต้นในอนาคตที่ “ยืดเปล่า” จะกลายเป็นแบรนด์ที่ขายเสื้อผ้าทุกอย่างที่ “ยืดได้” ไม่จำกัดตัวเองแค่เสื้อยืดอีกต่อไป

 

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

]]>
1486747