ลอรีอัล กรุ๊ป – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 16 Feb 2022 00:53:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 บิวตี้เริ่มฟื้น! “ลอรีอัล” กวาดรายได้ 3.2 หมื่นล้านยูโรในปี 2564 เติบโต 16.1% สูงเป็นประวัติการณ์ https://positioningmag.com/1374040 Tue, 15 Feb 2022 16:11:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374040 ลอรีอัล กรุ๊ป รายงานผลประกอบการปี 2564 ยอดขายเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 16.1% โดยมีมูลค่า 3.228 หมื่นล้านยูโร ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ขยายตัวขึ้น 25.7% คิดเป็นสัดส่วน 28.9% ของยอดขาย

นิโคลา ฮิโรนิมุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า

“ปี 2564 นับเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์สำหรับลอรีอัล สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสูงเป็นสองเท่าของตลาดความงามทั่วโลก อีกทั้งยังได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกโซน ทุกแผนก และทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ลอรีอัล กรุ๊ปเติบโตในอัตรา 11.3% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทสามารถเติบโตได้สูงกว่าตลาดและฟื้นตัวได้เกือบถึงระดับของปี 2562 แล้ว แม้ว่าสถานการณ์โลกจะยังมีความผันผวนเกิดขึ้นช่วงต้นปีนี้ แต่เราก็เชื่อมั่นในความสามารถของเราที่จะเติบโตได้สูงกว่าตลาดในปี 2565 และเติบโตต่อไปได้อีกปีทั้งในแง่ยอดขายและกำไร”

ในแง่ของโซนต่างๆ นั้น อเมริกาเหนือฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเป็นภูมิภาคที่มีส่วนสนับสนุนที่สำคัญเช่นเดียวกับเอเชียเหนือ ส่วนในยุโรป ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ของภูมิภาคนี้ ลอรีอัลก็มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และฟื้นตัวสู่ระดับปี 2562 ได้ และเนื่องด้วยสถานการณ์ด้านสาธารณสุขที่ผันผวนอย่างมากในภูมิภาค SAPMENA-SSA (เอเชียแปซิฟิกใต้, ตะวันออกกลาง, แอฟริกาเหนือ, แอฟริกาใต้ซาฮารา) และละตินอเมริกา ลอรีอัลก็ยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

แผนกเครื่องสำอางชั้นสูงได้กลายเป็นแผนกที่ใหญ่ที่สุดของลอรีอัล กรุ๊ป และประสบความสำเร็จอย่างมากในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม ขณะที่แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค ซึ่งเป็นแผนกที่ใหญ่ที่สุดในด้านปริมาณ ก็มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น โดยกลุ่มเครื่องสำอางสามารถทำผลการดำเนินงานได้อย่างน่าสนใจ ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพที่เติบโตอย่างรวดเร็วนั้น มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และได้ธุรกิจใน omnichannel อย่างแท้จริง ขณะที่แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางก็เติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในระยะเวลา 4 ปี เนื่องจากแบรนด์ต่างๆ สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพของลูกค้าได้อย่างลงตัว

บริษัทยังเดินหน้าในด้าน Beauty Tech ด้วยการลงทุนในดาต้าและปัญญาประดิษฐ์ และด้วยการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เช่น การเป็นพันธมิตรของเรากับเวริลี (Verily) เพื่อที่จะทำความเข้าใจ และอธิบายกลไกการร่วงโรยของผิวพรรณและเส้นผมให้ดียิ่งขึ้น

ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้มีการทำธุรกรรมเชิงกลยุทธ์ โดยลอรีอัลได้ซื้อคืนหุ้นในสัดส่วน 4% ที่ถือครองโดยเนสท์เล่ ซึ่งทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น และยังเป็นสินทรัพย์สำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาวของลอรีอัล กรุ๊ป

ข้อมูลสรุปโดยแบ่งตามแผนกธุรกิจ

  • ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพมียอดขายเพิ่มขึ้น 24.8%
  • ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคมียอดขายเพิ่มขึ้น 5.6%
  • ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงมียอดขายเพิ่มขึ้น 20.9%
  • ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมียอดขายโตขึ้น 31.8%

ข้อมูลสรุปโดยแบ่งตามโซนภูมิภาค

  • โซนยุโรปมียอดขายเพิ่มขึ้น 10.1%
  • โซนอเมริกาเหนือมียอดขายเพิ่มขึ้น 22.2%
  • โซนเอเชียเหนือมียอดขายเพิ่มขึ้น 17.6%
  • โซน SAPMENA-SSA (เอเชียแปซิฟิกใต้, ตะวันออกกลาง, แอฟริกาเหนือ, แอฟริกาใต้ซาฮารา) มียอดขายเพิ่มขึ้น 13.9%
  • โซนละตินอเมริกามียอดขายเพิ่มขึ้น 20.6%
]]>
1374040
สวยรักษ์โลก! “ลอรีอัล” คิกออฟ ผลิตขวดเครื่องสำอางขวดแรกจากพลาสติกรีไซเคิล 100% https://positioningmag.com/1342011 Tue, 13 Jul 2021 08:00:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342011 ลอรีอัล กรุ๊ป ประกาศความสำเร็จในการผลิตขวดเครื่องสำอางพลาสติกรีไซเคิลขวดแรกจากเทคโนโลยีเอนไซม์ของ Carbios พร้อมตั้งเป้าหมายผลิตขวดด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ในปี พ.ศ. 2568 โดยแบรนด์ไบโอเธิร์มเป็นแบรนด์แรกของลอรีอัล กรุ๊ปที่จะใช้นวัตกรรมขวดบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตนี้

เทคโนโลยีชีวภาพสำหรับการรีไซเคิลพลาสติก PET พัฒนาขึ้นโดย Carbios จะนำไปสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ทำจากวัสดุที่ได้มาจากการรีไซเคิล 100% โดยใช้ขั้นตอนของเอนไซม์ ซึ่งมีข้อดีคือ มีความเหมาะสมและใช้ได้กับพลาสติก PET ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแบบใส แบบมีสี แบบขุ่น และแบบหลายชั้น และจะทำให้พลาสติกเหล่านี้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ไม่สิ้นสุด

ฌัก เพล ผู้อำนวยการฝ่ายบรรจุภัณฑ์และการพัฒนา ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า

“เราได้ทำงานร่วมกับ Carbios มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เพื่อพัฒนาขวดใบแรกที่ทำจากพลาสติก PET ที่ได้มาจากเทคโนโลยีการรีไซเคิลด้วยเอนไซม์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ใช้แทนการรีไซเคิลพลาสติกเชิงกล เรายินดีอย่างยิ่งที่ขวดเหล่านี้ได้รับการพัฒนาขึ้นจริงในโครงการนำร่อง และเราได้สร้างบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตร่วมกับพันธมิตรของเรา นี่จะเป็นนวัตกรรมยอดเยี่ยมสำหรับอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานด้านการหมุนเวียน (circularity) ที่ได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว”

จูลิโอ เบียร์กามาสกี ประธานแบรนด์ไบโอเธิร์ม กล่าวว่า

“ไบโอเธิร์มเป็นแบรนด์บุกเบิกเครื่องสำอางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และการลดขยะเป็นศูนย์กลางของแผนยุทธศาสตร์ของแบรนด์ เราดีใจที่ได้เป็นแบรนด์ความงามแบรนด์แรกที่ประสบความสำเร็จในการผลิตขวดบรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล โดยใช้เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกของ Carbios”

เมื่อปี พ.ศ.2560 ลอรีอัลได้รวมกลุ่มบริษัทกับ Carbios ซึ่งมี Nestlé Waters, PepsiCo และ Suntory Beverage & Food Europe เข้าร่วมด้วย เพื่อส่งเสริมโซลูชันการรีไซเคิลพลาสติกด้วยการใช้นวัตกรรม และการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้เป็นอุตสาหกรรม และต่อมาในปี พ.ศ. 2562 ลอรีอัลได้ลงทุนใน Carbios ผ่านกองทุนร่วมทุน BOLD หรือ Business Opportunities for L’Oréal Development

ด้วยโปรแกรมเพื่อความยั่งยืนปี 2030 ของลอรีอัล กรุ๊ป “L’Oréal for the Future” บริษัทฯ ได้ยกระดับการทำงาน เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนโฉมการดำเนินธุรกิจ และได้ตั้งเป้าหมายใหญ่ในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างด้านบรรจุภัณฑ์ อาทิ

  • ภายในปี พ.ศ. 2568 บรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมด 100% จะเป็นแบบที่สามารถรีฟิลได้ นำมาใช้ซ้ำได้ รีไซเคิลได้ หรือย่อยสลายได้
  • ภายในปี พ.ศ. 2573 บรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมด 100% จะมาจากวัสดุรีไซเคิล หรือแหล่งชีวภาพ และจะไม่ใช้พลาสติกผลิตใหม่ที่มาจากแหล่งกำเนิดฟอสซิลอีกต่อไป
  • ส่วนประกอบ 100% ที่ใช้ในสูตรต่าง ๆ และวัสดุที่มาจากแหล่งชีวภาพจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และจะมาจากแหล่งที่ยั่งยืนภายในปี พ.ศ. 2573

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ลอรีอัล กรุ๊ปทำงานร่วมกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์หลายราย เพื่อให้บริษัทมีช่องทางเข้าถึงเทคโนโลยีที่ดีที่สุด นอกจาก Carbios แล้ว ลอรีอัลยังร่วมมือกับ Albéa ผู้นำระดับโลกด้านบรรจุภัณฑ์ความงาม  ในการพัฒนาหลอดเครื่องสำอางหลอดแรกที่ใช้กระดาษแข็งที่ผ่านการรับรองจาก FSC ในปี พ.ศ.2562

และยังร่วมมือกับ Purecycle เพื่อผลิตพลาสติก polypropylene (PP) ที่รีไซเคิลด้วยการใช้สารละลาย และในเดือนตุลาคม 2563 ลอรีอัลได้ร่วมมือกับ LanzaTech และ Total พร้อมทั้งได้ประกาศให้โลกได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่า สามารถผลิตขวดเครื่องสำอางที่ใช้พลาสติก polyethylene (PE) ที่ผลิตจากก๊าซคาร์บอน ซึ่งถูกปล่อยออกมาจากภาคอุตสาหกรรมและถูกนำมารีไซเคิล

]]>
1342011
บิวตี้กลับมาบวก! “ลอรีอัล” ยอดขายไตรมาสแรกโต 10.2% ได้แรงหนุนจากจีน-ออนไลน์ https://positioningmag.com/1329711 Mon, 03 May 2021 14:02:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329711 ลอรีอัล กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2564 โดยมียอดขายมูลค่า 7,610 ล้านยูโร เติบโต 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัว 47.2% โดยคิดเป็นสัดส่วน 26.8% ของยอดขาย

แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง และผลิตภัณฑ์เวชสำอางมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยธุรกิจทุกแผนกดังกล่าวขยายตัวขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ขณะที่การขยายตัวของแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จจากแบรนด์สกินแคร์ต่างๆ โดยเฉพาะลังโคม คีลส์ และเฮเลน่า รูบินสไตน์ ส่วนผลิตภัณฑ์เวชสำอางยังคงต่อยอดการเติบโตที่แข็งแกร่งในปีที่แล้ว ขณะที่ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคก็มีความเสถียรภาพ แต่ยังถูกฉุดรั้งจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพซึ่งยังคงซบเซาอยู่

ทุกภูมิภาคมียอดขายที่สูงขึ้น ยกเว้นยุโรปตะวันตกที่ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการที่เกี่ยวพันกับวิกฤตด้านสุขภาพ โดยอเมริกาเหนือมีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมทั้งส่วนออนไลน์ และออฟไลน์ และทุกโซนในตลาดใหม่มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 10%

โดยเฉพาะในโซนเอเชียแปซิฟิก ที่กลับมาเติบโตได้เทียบเท่ากับอัตราการขยายตัวในช่วงระยะเวลาก่อนที่จะเกิดโรคระบาด ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยได้แรงสนับสนุนอย่างชัดเจนที่สุดจากตลาดจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ฌอง-ปอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กล่าวว่า

“ในขณะที่สถานการณ COVID-19 มีพัฒนาการดีขึ้นอย่างมากเนื่องจากโครงการฉีดวัคซีนนั้น ด้วยพันธสัญญา และความมุ่งมั่นของทีมงานของลอรีอัลจากทั่วทุกมุมโลก เราจึงมีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อเติบโตธุรกิจ เราเน้นให้ความสำคัญกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และการลงทุนในปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ต่างๆ เราจึงเชื่อมั่นในความสามารถของบริษัทที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นเหนือกว่าตลาด รวมทั้งการมียอดขายและผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอีกปี”

ข้อมูลสรุปโดยแบ่งตามแผนกธุรกิจ

  • ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพมียอดขายเพิ่มขึ้น 21.0%
  • ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคมียอดขายลดลง 0.7%
  • ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงมียอดขายเพิ่มขึ้น 14.6%
  • ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมียอดขายโตขึ้น 28.7%

ข้อมูลสรุปโดยแบ่งตามโซนภูมิภาค

  • โซนยุโรปตะวันตกมียอดขายลดลง 2.4%
  • โซนอเมริกาเหนือมียอดขายเพิ่มขึ้น 6.3%
  • โซนตลาดใหม่
    • เอเชียแปซิฟิกมียอดขายเพิ่มขึ้น 23.8%
    • จีนมียอดขายเพิ่มขึ้น 37.9%
    • ละตินอเมริกามียอดขายเพิ่มขึ้น 15.1%
    • ยุโรปตะวันออกมียอดขายเพิ่มขึ้น 10.7%
    • แอฟริกาและตะวันออกกลางมียอดขายเพิ่มขึ้น 12.7%
]]>
1329711
ไวรัสทำหยุดสวย! “ลอรีอัล” ปี 63 รายได้ลดลง 4.1% แต่กลุ่มเวชสำอางโตทุบสถิติ https://positioningmag.com/1320739 Wed, 24 Feb 2021 14:41:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1320739 อุตสาหกรรมความงามได้รับผลกระทบไม่แพ้อุตสาหกรรมอื่นๆ “ลอรีอัล” ได้ประกาศปลประกอบการปี 2563 ด้วยยอดขายมูลค่า 27,990 ล้านยูโร ลดลง 4.1% ส่วนใหญ่มาจากจุดจำหน่ายสินค้าต้องปิดตัวจากล็อกดาวน์ แต่ผู้บริโภคดูแลตัวเองมากขึ้น ทำให้กลุ่มเวชสำอางเติบโตแบบทุบสถิติ

อีคอมเมิร์ซโตพุ่ง 62%

การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของ COVID-19 ในปี 2563 ก่อให้เกิดวิกฤตด้านอุปทาน เนื่องจากจุดจำหน่ายสินค้าส่วนใหญ่ต้องปิดให้บริการ ส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามมียอดขายที่ตกต่ำลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แม้ภาพรวมรายได้ทั้งปีจะลดลง 4.1% แต่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ยอดขายในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 4.8% และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ เป็นการสร้างการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง

ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ทำให้ต้องหันมาพึ่งพาช่องทางดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซมากขึ้น นอกจากจะรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคไว้ได้ ยังสามารถชดเชยยอดขายจากการปิดจุดจัดจำหน่ายสินค้าได้เป็นจำนวนมาก โดยยอดขายส่วนอีคอมเมิร์ซพุ่งขึ้นถึง 62% โดยเพิ่มขึ้นทุกแผนก และทุกภูมิภาค และมีขนาดเป็น 26.6% ของยอดขายของทั้งบริษัทในปีที่แล้วซึ่งมากเป็นประวัติการณ์

เวชสำอางฮีโร่! โตสูงเป็นประวัติการณ์

ในปีที่แล้วแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางมียอดขายโตเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีพลวัตอย่างมาก และแบรนด์ต่างๆ ประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัดด้วยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง

ในส่วนแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคสามารถฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบในกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปิดร้านทำผมในช่วงครึ่งปีแรกนั้น สามารถดีดตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลัง และยังเติบโตได้อย่างโดดเด่นกว่าตลาดโดยรวมอย่างชัดเจนตลอดปี

และท้ายสุด แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง สามารถเติบโตได้ดีกว่าตลาดโดยรวม แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ลำบากยิ่ง และกลับมาเติบโตได้ในไตรมาสสุดท้าย

ฌอง-ปอล แอกง ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอรีอัล กรุ๊ป บอกว่า

“ในช่วงต้นปี 2021 สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่กลุ่มผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลกก็ยังคงมีความต้องการในเรื่องความสวยความงาม เราจึงมั่นใจในศักยภาพที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นเหนือกว่าตลาดอีกครั้งในปีนี้ ตลอดจนประสบความสำเร็จในการเติบโตยอดขายและผลกำไรได้อีกปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของวิกฤตโรคระบาดด้วยเช่นกัน” 

สรุปยอดขายแบ่งตามแผนก

  • แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ยอดขายลดลง -6.4%
  • แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค ยอดขายลดลง -4.7%
  • แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ยอดขายลดลง -8.1% ในขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามขั้นสูงทั่วโลกหดตัวลงประมาณ 14% ลอรีอัลได้ส่วนแบ่งตลาดในแผนกนี้เพิ่มขึ้นเกือบทุกภูมิภาค
  • แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ยอดขายเติบโต +18.9% สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีมูลค่ายอดขายทะลุ 3,000 ล้านยูโรเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

สรุปยอดขายแบ่งตามภูมิภาค

  • ยุโรปตะวันตก ยอดขายลดลง -10.3%
  • อเมริกาเหนือ ยอดขายลดลง -7.4%

กลุ่มตลาดใหม่

  • ละตินอเมริกา ยอดขายลดลง -1.5%
  • ยุโรปตะวันออก ยอดขายลดลง -4.9%
  • แอฟริกา และตะวันออกกลาง ยอดขายลดลง -3.3%
  • เอเชียแปซิฟิก ยอดขายเพิ่มขึ้น +3.5% โดยยอดขายในไตรมาส 4 พุ่งขึ้น +16.6%
  • จีน มียอดขายเพิ่มขึ้น +27.0%

ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แปซิฟิก สถานการณ์ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยประเทศที่ยอดขายได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากการแพร่ระบาด อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเวียดนามนั้น ทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น ในกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์เมคอัพยังคงตกต่ำอยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำตลาดโดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ดูแลผม และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวนั้น ทำให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในแต่ละไตรมาส

ฌอง-ปอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอรีอัล กรุ๊ป

อีคอมเมิร์ซเป็นช่องทางที่ผลักดันการเติบโต ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงและผลิตภัณฑ์เวชสำอางมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมากในตลาดหลักทุกแห่ง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แบรนด์ลา โรช-โพเซย์ และเซราวี ช่วยผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางให้เติบโตขึ้น ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคมียอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน จากยอดขายที่ดีของแบรนด์การ์นิเย่

เมื่อเดือน พ.ย. ลอรีอัล กรุ๊ป ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการจัดพื้นที่ภูมิภาคใหม่บางพื้นที่ ได้แก่ โซนเอเชียเหนือ โซน SAPMENA (South Asia, Pacific, Middle East, North Africa) และโซนแอฟริกาใต้ซาฮารา โดยในโซนเอเชียเหนือประกอบด้วยจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนในโซน SAPMENA เป็นโซนที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งประกอบด้วยเอเชียใต้ แปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ

]]>
1320739
คนใส่แมสก์ แต่งหน้าน้อยลง! กระทบตลาดเครื่องสำอางหด 8% “ลอรีอัล กรุ๊ป” ยอดขายตก 4.8% https://positioningmag.com/1275002 Thu, 23 Apr 2020 09:03:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275002
  • ลอรีอัล กรุ๊ป เผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2563 ยอดขายมูลค่า 7,220 ล้านยูโร
  • ยอดขายลดลง -4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • ธุรกิจในจีนฟื้นตัวอีกครั้ง ยอดขายเพิ่มขึ้น +6.4% ในไตรมาสแรก
  • ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ขยายตัว 52.6%
  • แผนกเวชสำอางคงยอดขายเติบโตในอัตราเลขสองหลัก
  • เครื่องสำอางอ่วม แต่เวชสำอางยังโต

    COVID-19 กระทบตลาดเครื่องสำอางเข้าอย่างจัง ผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลก “ลอรีอัล กรุ๊ป” รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2563 โดยมียอดขายลดลง -4.8% ในขณะที่ตลาดเครื่องสำอางปรับตัวลงไปแล้วประมาณ -8% โดย

    ผลประกอบการแต่ละแผนกธุรกิจมีความผันผวนต่างกัน แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง (L’Oréal Luxe) และแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ (Professional Products) ได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากการปิดห้างสรรพสินค้า ร้านขายน้ำหอม และร้านทำผม ในหลายประเทศ

    แต่แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค (Consumer Products) ยอดขายกระทบน้อยกว่า เพราะกิจกรรมในตลาดค้าปลีกสำหรับลูกค้ากลุ่มแมสก์ยังคงมีอยู่ ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางยังคงยอดขายเติบโตขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก เพราะช่องทางจำหน่ายในร้านขายเวชภัณฑ์ยังคงเปิดให้บริการอยู่

    ช่องทางอีคอมเมิร์ซซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวที่สำคัญสำหรับลอรีอัล กรุ๊ป โดยเติบโตในอัตรา +52.6% และทำยอดขายคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 20% ของยอดขายรวม ซึ่งวิกฤติในขณะนี้ทำให้ digital transformation เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งลอรีอัลมีการพัฒนาที่ดีเป็นอย่างยิ่ง

    ล็อกดาวน์เป็นเหตุ

    ภูมิภาคต่างๆ ล้วนได้รับผลกระทบจากการปิดร้านค้า และการใช้มาตรการล็อกดาวน์ โดยเริ่มต้นที่จีนเป็นประเทศแรกตั้งแต่เดือน ม.ค. และหลังจากนั้นก็มีการใช้มาตรการนี้ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปตะวันตกที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. และในอเมริกาเหนือตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. สำหรับช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยวนั้น ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการจำกัดการเดินทางที่เข้มงวดทั่วโลก อย่างไรก็ดี การใช้ผลิตภัณฑ์ความงามในจีนมีการฟื้นตัวที่น่าพึงพอใจ

    Photo : Shutterstock

    ฌอง-ปอล แอกง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กล่าวว่า

    “ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งพบครั้งแรกในจีน และแพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้น ภารกิจสำคัญอันดับหนึ่งของลอรีอัล กรุ๊ป คือการสร้างความมั่นใจและการปกป้องพนักงานของบริษัท โดยมีการจัดทำโครงการด้านความช่วยเหลือต่างๆ ทั่วโลก สำหรับผู้บริโภค พาร์ตเนอร์ของบริษัท และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข”

    ในสภาวะที่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงทุกวันและมาตรการล็อกดาวน์นั้น มีผลกระทบต่อเนื่องอย่างชัดเจนต่อการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและความงาม ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 2 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดในจีนได้แสดงให้เห็นว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและความงามของผู้บริโภคยังคงมีอยู่ ดังนั้น ตลาดจึงน่าจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในทันทีที่มีการยกเลิกมาตรการปิดร้านค้า”

    สรุปยอดขายตามภูมิภาค

    1. ยอดขายในยุโรปตะวันตก ลดลง –7.7%
    2. ยอดขายในอเมริกาเหนือ ลดลง –4.8%
    3. ตลาดใหม่
      • ยอดขายในละตินอเมริกา เพิ่มขึ้น +0.8%
      • ยอดขายในยุโรปตะวันออก ลดลง –1.4%
      • ยอดขายในแอฟริกาและ ตะวันออกกลาง ลดลง –5.6%
      • ยอดขายในเอเชียแปซิฟิก ลดลง –3.7%

    จีนเริ่มปรับตัวดีขึ้น

    หลังจากที่เปิดต้นปีได้อย่างแข็งแกร่งก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน การใช้มาตรการล็อกดาวน์หลังการแพร่ระบาด ทำให้ร้านค้าจำนวนมากต้องปิดทำการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเดือน ก.พ. แต่เดือน มี.ค.ก็มีสัญญาณของการฟื้นตัว โดยลอรีอัลสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. และทำยอดขายเป็นบวกในไตรมาสแรก

    บริษัทฯ ได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวนี้เป็นผลมาจากการฟื้นฟูศักยภาพในการดำเนินงานอย่างรวดเร็วในเดือน ก.พ. การใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย รวมทั้งการปรับเปลี่ยนแผนดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสนับสนุนกิจกรรมออนไลน์และ O+O (ออนไลน์+ออฟไลน์) การให้ความสำคัญกับเทศกาลวันสตรีที่ช่วยกระตุ้นให้ยอดขายฟื้นตัว

    ซึ่งในช่วงเทศกาลออนไลน์นี้ ลอรีอัล ประเทศจีน ได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยแรงหนุนจากแบรนด์ ลอรีอัล ปารีส ลังโคม สกินซูติคอลส์ เฮเลนา รูบินสไตน์ 3CE และ เคเรสตาส

    สรุปภาพรวมในเอเชียแปซิฟิก

    ตลาดท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เนื่องจากนักช้อปชาวจีนไม่ได้เดินทางเข้ามาในภูมิภาค ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ยังคงเปิดประเทศอยู่ในช่วงต้นปี แต่ตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นมา ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ธุรกิจในทุกตลาดปั่นป่วน

    อย่างไรก็ดี ยอดขายในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก และยอดขายในออสเตรเลียก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ตลาดสกินแคร์เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวได้มากที่สุด โดยแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางมียอดขายเพิ่มขึ้นมากทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะในจีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย แต่แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเนื่องจากการปิดร้านทำผมในตลาดทุกประเทศ ส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังคงเติบโตในอัตราสูงกว่า 60% โดยเฉพาะในจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ไทย และอินโดนีเซีย

    กลุ่มสินค้าอุปโภค ยอดขายลดลง -3.6%

    วิกฤตครั้งนี้ส่งผลกระทบที่แตกต่างกันในวงกว้างต่อกลุ่มสินค้า ช่องทางจัดจำหน่าย ภูมิภาค และแบรนด์ ประเภทผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มเมคอัพ ซึ่งส่งผลให้ยอดขาย เมย์เบลลีน นิวยอร์ก และ นิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ  ชะลอตัวลงชั่วคราวอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เริ่มต้นได้เป็นอย่างดีเมื่อช่วงต้นปี

    Photo : Shutterstock

    สินค้าในกลุ่มดูแลผิวหน้าชะลอตัวลงเช่นกัน แต่สินค้ากลุ่มทำความสะอาดผิวหน้า สุขอนามัย ดูแลเส้นผม และทำสีผมด้วยตนเอง กลับขยายตัวเร็วขึ้นด้วยผลพวงจากแบรนด์ การ์นิเย่ สถานการณ์ปัจจุบันยังเอื้ออำนวยต่อการขายปลีกในร้านสะดวกซื้อ และเร่งช่องทางอีคอมเมิร์ซอย่างรวดเร็ว ซึ่งยอดขายในช่องทางอีคอมเมิร์ซของแผนกนี้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรก

    กลุ่มความงามชั้นสูง ยอดขายลดลง -9.3%

    หลังจากที่เริ่มต้นด้วยความคึกคักมากในทุกภูมิภาค วิกฤต COVID-19 ส่งผลให้ต้องปิดร้านค้า และร้านจำหน่ายในสนามบินในตลาดหลัก ๆ ของเราทุกแห่ง โดยตลาดเอเชียเหนือ และช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยวปิดทำการตั้งแต่เดือน ก.พ. ตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกปิดทำการตั้งแต่เดือน มี.ค. ธุรกิจจึงตกต่ำลงอย่างมาก ทั้งนี้ อีคอมเมิร์ซยังคงขยายตัวสูงโดยเพิ่มขึ้น +57% ทั่วโลก

    กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เมคอัพ ขณะที่สกินแคร์และน้ำหอมกลับปรับตัวได้มากกว่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะ และการดูแลสุขอนามัยส่วนตัว ดังนั้น แบรนด์ใหญ่ ๆ ของเราที่มีสัดส่วนผลิตภัณฑ์สกินแคร์สูง เช่น คีลส์ ลังโคม จึงมียอดขายที่โตสวนทางกับตลาดอย่างเห็นได้ชัด

    การเปิดตัวน้ำหอมในปี 2562 ของเราก็ยังคงรักษาการเติบโตไว้ได้ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ของเรา และทำให้แบรนด์ระดับกูตูร์ของเรา อาทิ จิออร์จิโอ อาร์มานี่ อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ และ ราล์ฟ ลอเรน ยังคงเติบโตสวนทางตลาดอย่างมาก

    เวชสำอาง ยอดขายเพิ่มขึ้น +13.2%

    ยอดขาย 2 ใน 3 ของแผนกนี้ผ่านทางร้านเวชภัณฑ์ และร้านขายยา โดยช่องทางเหล่านี้ ยังคงเปิดให้บริการตลอดช่วงเวลาวิกฤต โดยแบรนด์ผิวหนังหลัก ๆ ของเรา โดยเฉพาะ เซราวี และ ลา โรช-โพเซย์ มีความในการตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย และการดูแลผิวประจำวัน

    แผนกนี้เติบโตในทุกภูมิภาค มียอดขายเพิ่มในอัตราเลข 2 หลักในเอเชีย ด้วยแรงผลักดันมาจากจีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย แม้ว่าจะมีการปิดห้างสรรพสินค้า การเติบโตในจีนยังคงแข็งแกร่ง จากการใช้ช่องทางดิจิทัลของแบรนด์ และเติบโตอย่างโดดเด่นในอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายอันดับหนึ่งของแผนกนี้

    แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางได้เริ่มแผนงาน เพื่อเร่งการขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้รวดเร็วขึ้น แบรนด์ ลา โรช-โพเซย์ เป็นแนวหน้าในการผลิตเจลล้างมือ และนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล สถานบริบาลผู้สูงวัย และร้านเวชภัณฑ์ที่เป็นพันธมิตร 

    มาตรการของลอรีอัล กรุ๊ป ในสถานการณ์ COVID-19

    ภารกิจที่สำคัญที่สุดของ ลอรีอัล คือการปกป้องสุขภาพของพนักงานทั่วโลก พร้อมกับให้ความช่วยเหลือในภาคส่วนที่ต้องการ บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ มากมายทางด้านสุขภาพ เงินเดือน และเศรษฐกิจ

    โดยโรงงานในเครือลอรีอัล กรุ๊ป ทั่วโลก ที่มีหน่วยงานที่ผ่านการรับรองในการดูแลแอลกอฮอล์ และวัตถุไวไฟ ได้ทำการผลิตเจลล้างมือ โดยมีโรงงาน 28 แห่ง ในยุโรป สหรัฐฯ ละตินอเมริกา เอเชีย และแอฟริกา ที่ทำการผลิตเจลแอลกอฮอล์ให้ได้จำนวน 2,400 ตัน หรือ 14 ล้านยูนิต ภายในปลายเดือนพ.ค.นี้ นอกจากนี้ยังมีการบริจาคครีมบำรุงมือให้บุคลากรทางการแพทย์ และเริ่มโครงการด้านสุขภาพอื่นๆ ในอีกหลายประเทศ

    ในส่วนมาตรการด้านเงินเดือนนั้น ลอรีอัลคงการจ้างพนักงานและคงเงินเดือนสำหรับพนักงานลอรีอัลทั่วโลก

    สำหรับมาตรการด้านเศรษฐกิจ และการให้ความช่วยเหลือ ลอรีอัล เลือกให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพที่เป็นร้านซาลอนรายย่อย ให้สามารถเลื่อนการชำระหนี้ได้ จากภาวะการขาดแคลนกระแสเงินสดที่ลูกค้าอาจกำลังเผชิญอยู่ จนกว่าธุรกิจของร้านซาลอนจะฟื้นคืนกลับมา

    ]]>
    1275002