ลิซ่า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 20 Oct 2024 04:58:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เดนทิสเต้” หวังตามรอย Moroccanoil ปั้นยาสีฟันสมุนไพรไทย ให้เป็น Soft Power ระดับโลก https://positioningmag.com/1491165 Fri, 20 Sep 2024 05:57:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1491165 ในอดีตตลาดสินค้าดูแลช่องปาก และฟัน หรือ Oral Care ในประเทศไทยนั้นยังมีผู้เล่นไม่เยอะและไม่คึกคักเท่าใดนัก ซึ่งส่วนใหญ่ยักษ์ใหญ่ในตลาดจะเป็นแบรนด์จากบริษัทต่างชาติ ซึ่งมีจุดเด่นใกล้เคียงกัน อาทิ สูตร สี และความซ่า จึงหันมาห้ำหั่นกันเรื่องราคาแทน ทำให้ยาสีฟันในเซ็กเมนต์พรีเมียมยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก กลายเป็นช่องว่างในตลาด

เดนทิสเต้ (Dentiste’) เป็นหนึ่งในแบรนด์ยาสีฟันที่จับเซ็กเมนต์พรีเมียม เริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 2547 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ภายใต้ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ใต้ชายคาเดียวกันกับแบรนด์เวชสำอาง สมูท อี (Smooth E) 

ในยุคนั้นเดนทิสเต้เข้ามาฉีกตลาดพอสมควร ทั้งในเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูง และคอนเซ็ปต์ของสินค้าที่สื่อสารว่าเป็นยาสีฟันก่อนนอน เพื่อกระตุ้นให้คนไทยแปรงฟันก่อนนอนมากขึ้น แม้จะเป็นสินค้าที่ Niche Markeet มากๆ แต่เดนทิสเต้ก็สามารถเติบโตมาได้จนถึงปัจจุบัน และเตรียมสยายปีกสู่การเป็นโกลบอลแบรนด์

จุดเริ่มต้นยาสีฟันก่อนนอน

บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ก่อตั้งโดย เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล ที่เติบโตมาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกยาสมุนไพรจีน ปัจจุบัน ดร.แสงสุข สวมหมวกอาชีพหลายใบ ทั้งเภสัชกร เซลล์ขายสินค้าด้านการแพทย์ นักการตลาด เจ้าของร้านยา อาจารย์ และนักธุรกิจ

แม้จะมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจอย่าง ร้านขายยา และแบรนด์เวชสำอางมาบ้างแล้ว แต่การหันมาจับธุรกิจยาสีฟันนั้นกลายเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับ ดร.แสงสุข เพราะยาสีฟันที่เขาได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ชาวต่างชาติพัฒนาสูตรและผลิตออกมาล็อตแรกราวๆ 100,000 หลอด กลับไม่มีคนซื้อเลยสักราย อาจเพราะด้วยลุคที่ดูอินเตอร์ไม่เหมือนแบรนด์ไทย ไหนจะราคาที่อยู่หลักร้อยกว่าๆ ซึ่งถือว่าเป็นราคาค่อนข้างสูงกว่าราคาในตลาดในสมัยนั้น อีกทั้งความต้องการซื้อยาสีฟันของคนไทยไม่ได้มีมากนัก เพราะสมัยก่อนคนนิยมแปรงฟันกันวันละหนเฉพาะตอนเช้าเท่านั้น 

เมื่อเห็นแล้วว่าลูกค้ามีปัญหาและต้องการอะไร ดร.แสงสุข จึงเปลี่ยนวิธีการใหม่ โดยส่งยาสีฟันกว่า 20,000 หลอดไปให้ทันตแพทย์ทดลองใช้ พร้อมขอความคิดเห็นเพื่อนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดีจากเหล่าทันตแพทย์ เพราะจดหมายกว่าหลายสิบฉบับ อัดแน่นไปด้วยคำแนะนำและข้อเสนอแนะที่ขอให้ดร.แสงสุขช่วยผลิตยาสีฟันที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากในเวลากลางคืนให้กับผู้บริโภค

เพราะข้อมูลสุขภาพของคนไทย ณ ตอนนั้น กว่า 98% มีปัญหาฟันผุ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย ดร.แสงสุข จึงได้ศึกษาและค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติม จนได้ยาสีฟันที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากตอนกลางคืน หรือ ยาสีฟันก่อนนอน 

เพราะในช่วงเวลาที่คนเรานอนหลับ ช่องปากจะผลิตน้ำลายซึ่งมีแบคทีเรียออกมาเยอะ ทำให้มีกลิ่นปาก ซึ่งถ้านอนคนเดียว คนก็จะไม่ค่อยสนใจเรื่องกลิ่นปากเท่าไหร่ แต่ถ้ามีคนนอนข้างๆ ก็จะเริ่มมีความกังวลเรื่องกลิ่นปากในตอนเช้า ทำให้ปัญหาตรงนี้ กลายเป็นจุดที่ทำให้สินค้ามีความแตกต่างและเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ ยาสีฟันคู่รัก ที่รู้จักกันในชื่อ Dentiste’ (เดนทิสเต้) ที่มีความหมายว่า ทันตแพทย์ ในภาษาฝรั่งเศส และได้ตั้งเป้าวางแบรนด์ดิ้งไว้ว่า เดนทิสเต้จะเป็น Global Brand วางจำหน่ายสินค้าไปทั่วโลกแม้จะเป็นแบรนด์ไทยก็ตาม 

มี Moroccanoil เป็น Role Model 

ในการดำเนินชีวิตของแต่ละคนยังต้องมีไอดอลที่เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงแฟชั่นต่างๆ การทำธุรกิจก็ย่อมมีไอดอลเป็นของตัวเองเช่นกัน 

ดร.แสงสุข เริ่มเล่าว่า มี Role Model ที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจคือ แบรนด์ Moroccanoil แบรนด์ Hair Care สัญชาติอิสราเอล ที่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2551 ซึ่งแบรนด์นี้มีสินค้าที่มีจากวัตถุดิบหลักอย่าง “น้ำมันอาร์แกน” มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แม้จะมีสินค้าไม่มีตัว แต่สามารถมีจุดแข็งที่ขายได้ ปัจจุบันผลิตส่งขาย ทั้งตามร้านซาลอน และรีเทลได้กว่า 85 ประเทศทั่วโลก

ซึ่งมี DNA ที่ใกล้เคียงกับ เดนทิสเต้ ที่วางจุดยืนเป็นแบรนด์ยาสีฟันระดับพรีเมียมได้มีการเลือกใช้ สมุนไพรไทย ที่ถือเป็น Soft Power ของไทยอีกอย่างหนึ่ง แม้จะมีไลน์สินค้าไม่กี่ตัว แต่ก็สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบหลักเป็นสมุนไพรไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบก็มีไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็น ยาดมหงส์ไทย น้ำมันนวด ยาหม่อง แผ่นแปะแก้ปวดเมื่อย รวมถึง สบู่สมุนไพร เป็นต้น

ปูทางสู่ Global Brand 

ดร.แสงสุข กล่าวว่า ตั้งแต่ที่เริ่มทำแบรนด์สินค้าภายใต้ชื่อบริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ก็ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นแบรนด์ไทยที่เป็น Global Brand วางจำหน่ายสินค้าไทยไปทั่วโลก เมื่อแบรนด์ดิ้งชัด ขั้นตอนต่อไปก็คือการวางกลุ่มลูกค้าโดยวางไว้เป็นกลุ่มนีช มาร์เก็ต (niche market) หรือตลาดเฉพาะกลุ่ม ที่มีช่วงอายุระหว่าง 30-40 ปี ซึ่งเป็นวัยที่มีกำลังซื้อและสร้างครอบครัวกันแล้ว กลุ่มเด็กๆ จะใช้ยาสีฟันที่ผู้ปกครองซื้อให้ ส่วนกลุ่มคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มักจะไม่ค่อยเปลี่ยนแบรนด์ยาสีฟัน ทำให้ยาสีฟันใหม่ ๆ สร้างฐานลูกค้าได้ค่อนข้างยาก 

นอกจากการวางตลาดกลุ่มลูกค้าแล้ว ดร.แสงสุข ก็ได้วางแผนการตลาดของแบรนด์เดนทิสเต้ด้วยแนวคิด Emotional Marketing และเลือกใช้เหล่าคู่รักคนดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ ยาสีฟันคู่รัก แต่ในช่วงหลายปีมานี้ เดนทิสเต้ต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้ใหญ่ขึ้น และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เด็กลง เพราะปัจจุบันกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความกังวลเรื่องกลิ่นปากมากกว่าปัญหาเรื่องฟันผุดังเช่นวันวาน 

ทำให้การสื่อสารเปลี่ยนสู่ Best Moment ที่สื่อสารกับกลุ่มคนได้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะกับคู่รัก แต่สามารถสื่อสารได้กับทั้งครอบครัว เพื่อน หรือตัวเองก็ได้ จึงชูโปรดักส์ตัวใหม่ เป็นยาสีฟันที่เป็นนวัตกรรมการแปรงฟันแห้ง ถือว่าเป็นการเคลือบฟลูออไรด์ที่ดีที่สุด และต่อมาก็ผลิตสินค้าอื่น ๆ ให้ครอบคลุมการใช้งานในช่องปาก เช่น แปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน น้ำยาบ้วนปาก ลูกอมระงับกลิ่นปาก และได้เลือกลิซ่ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ เพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ ถือการปูทางสู่ Global Brand ในอนาคต 

ตั้งเป้าส่งออกต่างประเทศ 99% ภายในปี 2030 

ดร.แสงสุข กล่าวว่า ตลาดออรัลแคร์ทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท ขณะที่ในไทย ตลาดยาสีฟันไทยอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% แบ่งออกเป็น ยาสีฟันพรีเมียมที่มีราคาหลักร้อยบาทขึ้น ยาสีฟันสำหรับฟันขาว ยาสีฟันสำหรับลดการเสียวฟัน ยาสีฟันสมุนไพรธรรมชาติ และยาสีฟันลดฟันผุ นอกจากนี้ ยังแบ่งแยกย่อยออกไปเป็น ตลาดน้ำยาบ้วนปาก และแปรงสีฟัน ที่มีมูลค่ากว่า 3,000-4,000 ล้านบาท

ปัจจุบันเดนทิสเต้มีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นการขายในประเทศ 50% และส่งออกต่างประเทศ 50% โดยที่ส่งออกไปยัง 20 ประเทศทั่วโลก มีประเทศหลักๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น รองลงมาคือ เกาหลีใต้ ตามมาด้วย กัมพูชา นอกจากในโซนเอเชียแล้ว ยังมีการวางแผนพาเดนทิสเต้ไปบุกตลาดยาสีฟันในยุโรปมากขึ้น 

และในปัจจุบันทวีปอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง ก็มีลูกค้าเช่นกันโดยจะเป็นการซื้อผ่านทางออนไลน์ อย่าง Amazon กันเป็นส่วนใหญ่ โดยบริษัทตั้งเป้าเข้าลุยในตลาดรีเทลต่างแดนเช่นกัน และจะเริ่มจากลูกค้าเฉพาะกลุ่มก่อน 

ซึ่ง ดร.แสงสุข เผยว่าอยากเพิ่มสัดส่วนส่งออกให้ได้ 99% ให้ครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลกภายในปี 2030 เพราะตลาดต่างประเทศใหญ่กว่าในประเทศมาก ประชากร 7,000 กว่าล้านคน เทียบกับในไทย 70 ล้านคน ก็คนละสเกลกัน แม้ในความเป็นจริงจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะทำให้สำเร็จ แต่ก็ถือเป็นความฝันที่ดร.แสงสุขตั้งเป้าเอาไว้ คุ้มค่าที่จะฝันให้ไกลและไปให้ถึง

]]>
1491165
เปิดสถิติความปัง ‘Lisa x Rockstar’ ที่กวาด Engagement ฉ่ำทะลุ 40 ล้านครั้ง! https://positioningmag.com/1480752 Tue, 02 Jul 2024 09:39:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1480752 เชื่อว่าเพื่อนหลาย ๆ คนบนโซเชียลมีเดียจะต้องไปเหยียบ เยาวราช ทั้งไปเองจริง ๆ หรือไม่ก็ตัดต่อตัวเองลงไปใน MV เพลง Rockstar ของ ลิซ่า ที่เขย่าโลกโซเชียลไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดย Wisesight Kirin AI ได้ทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่ระยะเวลา 13  มิ.ย. – 1 ก.ค. 2024

เจาะลึกสถิติ บอกเลยว่าปังไม่ไหว!

มิวสิควิดีโอ Rockstar สร้างปรากฏการณ์สุดร้อนแรงบนโลกโซเชียล ยอดวิวทะลุล้านครั้งภายในเวลาแค่ 30 นาทีหลังปล่อยเพลง แถมยังทำลายสถิติศิลปินเดี่ยวประจำปี 2024 นับตั้งแต่เปิดตัวเพลงจนถึงวันที่ 1 มิ.ย. กวาดยอด Engagement ไปแบบถล่มทลายถึง 43,735,834 ครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละโพสต์จะมี Engagement อยู่ที่ 320 ครั้ง 

อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละโพสต์ บางโพสต์มียอด Engagement พุ่งสูงถึง 5,504,471 ครั้ง ช่องทางแพลตฟอร์มที่ได้รับ Engagement มากที่สุดคือ 

  • Instagram โดยกวาดยอด Engagement ไปได้มากที่สุดถึง 15,848,540 ครั้ง ด้วยจำนวนข้อความ 5,093 Messages (3.72%) 
  • X (Twitter) ที่ได้รับ Engagement 10,887,279 ครั้ง ด้วยจำนวนข้อความ 118,776 ข้อความ (86.85%) 
  • Facebook ที่ได้รับ Engagement ที่ 8,766,188 ครั้ง ด้วยจำนวนข้อความ 9,180 ข้อความ (6.7%)
  • Youtube ที่ได้รับ Engagement ที่ 6,131,215 ครั้ง ด้วยจำนวนข้อความ 3,498 ข้อความ (2.62%)

เจาะลึกแต่ละแพลตฟอร์ม

เมื่อวิเคราะห์ Engagement บนแพลตฟอร์มต่างๆ พบว่า Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่กวาดยอด Engagement ไปได้มากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละโพสต์บน Instagram มียอด Engagement อยู่ที่ 3,119 ครั้ง ซึ่งสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอด Engagement บน Instagram พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ แสดงให้เห็นถึงพลังของ Instagram ในการสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วน X กลับเป็นแพลตฟอร์มที่มีจำนวนข้อความเกี่ยวกับมิวสิควิดีโอมากที่สุดถึง 118,776 ข้อความ แสดงให้เห็นว่า X เป็นพื้นที่ที่แฟน ๆ นิยมใช้พูดคุยและแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับมิวสิควิดีโออย่างรวดเร็วและแพร่หลาย ตอกย้ำสถานะแพลตฟอร์มแห่งการพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูล

TikTok Engagement สูง แต่จำนวนโพสต์น้อย โดยเฉลี่ยต่อโพสต์สูงที่สุดถึง 8,577 ครั้ง แต่กลับมียอด Engagement รวมเป็นอันดับ 4 อยู่ที่ 7,882,388 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าแม้เนื้อหาเกี่ยวกับ “Rockstar” บน TikTok จะได้รับความสนใจจากผู้ใช้เป็นอย่างดี

วิเคราะห์ Hashtag

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ Hashtag และ Keyword ช่วยให้เข้าใจถึงประเด็นหลัก ๆ ที่แฟน ๆ พูดถึงเกี่ยวกับมิวสิควิดีโอ โดย Hashtag ยอดนิยมอย่าง “lisaxrockstar” กวาดยอด Engagement ไปได้ถึง 22,777,702 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นของแฟนๆ ที่มีต่อศิลปินคนโปรดและผลงานใหม่ของเธอ เช่นเดียวกับ Keyword “lisa+rockstar” ที่มียอด Engagement สูงถึง 38,943,473 ครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างชื่อศิลปินกับชื่อเพลงในการพูดคุยของแฟนๆ

ที่น่าสนใจคือ Hashtag และ Keyword ภาษาไทยก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดย Hashtag “ลิซ่า มียอด Engagement 5,904,681 ครั้ง และ Keyword “ลิซ่า+เยาวราช” มียอด Engagement 5,875,235 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นในประเทศไทย และตอกย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเนื้อหาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยอด Engagement ของ Keyword “lisa+mv” ที่พุ่งสูงถึง 13,385,949 ครั้ง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงสูง ในช่วงเวลาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าแฟน ๆ ให้ความสนใจและกระตือรือร้นในการค้นหามิวสิควิดีโอบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการเผยแพร่มิวสิควิดีโอผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยมอย่าง YouTube

Influencer คนสำคัญ และ Sentiment ของแฟนๆ

ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ใช้งาน “LISA” ซึ่งเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการของศิลปิน จะมียอด Engagement สูงที่สุดถึง 10,932,790 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีบัญชีอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น “LISANATIONS”, “gukoiiz”, “เรื่องเล่าเช้านี้” และ “ตุ๊ดย่อยข่าว” ซึ่งล้วนเป็น Influencer และ Potential Partner ที่น่าสนใจสำหรับแคมเปญในอนาคต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัญชี “Gukoiiz” ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง มียอด Engagement เฉลี่ยต่อโพสต์สูงถึง 1,120,871 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและความสามารถในการเข้าถึงแฟนคลับได้เป็นอย่างดี

เมื่อเราวิเคราะห์ Sentiment ของแฟน ๆ โดยดูจาก “จำนวนข้อความ” ในแต่ละ Sentiment พบว่า Sentiment ด้านบวกมีจำนวนมากที่สุดถึง 15,184 ข้อความ ในขณะที่ Sentiment ด้านลบ มีเพียง 1,717 ข้อความ แสดงให้เห็นว่าแฟนๆ ส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาเชิงบวกต่อมิวสิควิดีโอ “Rockstar” สอดคล้องกับ Sentiment เป็นกลาง ที่มีจำนวนมากที่สุดถึง 119,770 ข้อความ ซึ่งบ่งชี้ว่าแฟน ๆ ส่วนใหญ่เน้นการแชร์ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นแบบกลาง ๆ

เข้าใจ Fandom ให้มากขึ้น

การวิเคราะห์ Audience Size Label เผยให้เห็นว่าบัญชี “กลุ่มอีลิท” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผู้ติดตามจำนวนมากที่สุด มียอด Engagement สูงสุดอยู่ที่ 12,360,284 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของบัญชีที่มีชื่อเสียงในการสร้างการรับรู้และกระแสให้กับมิวสิควิดีโอ “Rockstar”

ขณะเดียวกัน การวิเคราะห์ Account Category พบว่าหมวดหมู่ “นักร้อง::ความบันเทิง” มียอด Engagement รวมสูงสุด (10,981,841 ครั้ง) และ Engagement เฉลี่ยสูงสุด (378,684 ครั้ง) ตอกย้ำว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของลิซ่ายังคงเป็นกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบดนตรีและความบันเทิง นอกจากนี้ ยอด Engagement ที่สูงในหมวดหมู่ “ความงามและแฟชั่น” (Engagement รวม 2,177,600 ครั้ง) ชี้ให้เห็นถึงความสนใจในเรื่องแฟชั่นของแฟนคลับลิซ่า

นอกจากนี้ ข้อมูล Image Label เผยให้เห็นว่าภาพประเภท “เสื้อผ้า”, “ผู้หญิง” และ “ใบหน้ามนุษย์” เป็น 3 อันดับแรกที่มียอด Engagement สูงสุด อยู่ที่ 35,864,708, 28,986,107 และ 25,821,199 ครั้ง ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าแฟน ๆ ชื่นชอบภาพสวย ๆ ที่โชว์สไตล์การแต่งตัวสุดปังของลิซ่า ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรคำนึงถึงในการสร้างสรรค์ Content ในอนาคต

นำเสนอวัฒนธรรมไทยอย่างมีชั้นเชิง

จุดเด่นที่ทำให้มิวสิควิดีโอ Rockstar กลายเป็นกระแส Talk of the town ภายในเสี้ยววินาที คือ ความสวยงามของภาพและการนำเสนอวัฒนธรรมไทยอย่างมีชั้นเชิง โดยทีมงานเลือกใช้โลเคชั่นถ่ายทำแบบจัดเต็มในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ถนนเยาวราช สุดคึกคักใจกลางกรุงเทพฯ หรือ โรงละครออสการ์ สุดคลาสสิกในจังหวัดเพชรบุรี แถมยังมีท่าเต้นสุดพลิ้วที่ออกแบบโดยนักเต้นมืออาชีพชาวไทย

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์อย่างแก๊งมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน และที่พิเศษสุด ๆ คือการปรากฏตัวของ ชินนี่ ชินรวดี นางแบบข้ามเพศเจ้าของมงกุฎ มิสทรานส์สตาร์อินเตอร์เนชั่นแนล 2023 สะท้อนภาพความหลากหลายและการยอมรับในสังคมไทยยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

ดังนั้น Rockstar ไม่ได้เป็นแค่เพลงฮิตติดหูเท่านั้น แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโลกเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทำลายสถิติศิลปินเดี่ยวประจำปี 2024 ตอกย้ำอิทธิพลระดับโลกของลิซ่าได้อย่างชัดเจน ความลับที่ซ่อนไว้เบื้องหลังการถ่ายทำมิวสิควิดีโอ เรื่องราวสุดประทับใจของทีมงานชาวไทย และความตั้งใจของลิซ่าในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ล้วนเป็นส่วนผสมที่ทำให้ “Rockstar” สร้างความเป็นกระแสได้อย่างรวดเร็วขึ้นไปอีก

สรุปแล้ว ข้อมูล Social Listening ชี้ชัดว่ามิวสิควิดีโอ “Rockstar” ของลิซ่าประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้:

  • กลยุทธ์การใช้แพลตฟอร์ม: การใช้จุดแข็งของแต่ละแพลตฟอร์มอย่างชาญฉลาด เช่น การสร้าง Engagement สูงบน Instagram และการใช้ Twitter กระจายข่าวสารอย่างรวดเร็ว
  • Content คุณภาพ: ภาพสวย เนื้อหาโดนใจ ดึงดูดให้แฟนๆ อยากดูและแชร์ต่อ
  • แฟนคลับเหนียวแน่น: แฟนคลับของลิซ่ามีส่วนร่วมกับ Content อย่างแข็งขัน สร้างกระแสและการพูดถึงอย่างกว้างขวาง
  • Content หลากหลาย: การสร้าง Content ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละท้องถิ่น เช่น การใช้ภาษาไทย
]]>
1480752
คุ้มแค่ไหนถามใจทรู! เปิดลิสต์เครือทรูที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ขึ้นแท่นเป็น ‘พรีเซ็นเตอร์’ https://positioningmag.com/1431989 Fri, 26 May 2023 11:31:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1431989 ด้วยชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และความสามารถ จึงไม่น่าแปลกใจนักหากแบรนด์ (ที่มีเงินถึง) จะอยากคว้าตัวสาว ลิซ่า BLACKPINK หรือ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ไอดอล K-pop ที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลกมาขึ้นเป็น พรีเซ็นเตอร์ ให้กับแบรนด์ของตัวเอง และหนึ่งในนั้นก็คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ดูเหมือนจะคุ้มสุด เพราะใช้ลิซ่าไปเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในหลายภาคส่วนเลยทีเดียว

3 ปีจากถิ่น AIS สู่ 3 พรีเซ็นเตอร์เครือทรูในปีเดียว

ย้อนไปเมื่อปี 2019 หากใครจำกันได้ ลิซ่า ได้กลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ปี เอไอเอส (AIS) เบอร์ 1 ของตลาดโทรคมนาคมไทยในขณะนั้น โดยเอไอเอสถือเป็น แบรนด์แรกในไทย ที่คว้าตัวลิซ่ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้สำเร็จ จากนั้น ลิซ่าก็เป็นครอบครัวของเอไอเอสมายาวนานถึงปี 2022 แต่ในปี 2023 ลิซ่าก็ไม่ได้ต่อสัญญากับทางค่ายต่อ

ซึ่งในตอนนั้น เอไอเอสได้เปิดเผยว่า บริษัทพยายามจะต่อสัญญากับลิซ่าแล้ว แต่ไม่สำเร็จเนื่องจาก ค่าย YG ปฏิเสธการต่อสัญญาและไปดีลกับบริษัทที่มี Conflict of interest ซึ่งหลายคนก็เดากันว่าต้องเป็น ทรู แน่นอน

อ่าน >>> ทำไม ‘เอไอเอส’ ต้องทุ่มจับ ‘New Gen’ และกลยุทธ์การใช้ ‘พรีเซ็นเตอร์’ จะเป็นอย่างไรเมื่อไร้ ‘ลิซ่า’

TrueID แพลตฟอร์มแรกที่ลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์

มาต้นปี 2023 ก็เป็นไปตามที่หลายคนคาดไว้ TrueID (ทรู ไอดี) แพลตฟอร์มคอนเทนต์ในเครือทรูฯ ก็ได้ประกาศว่า ลิซ่า เป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด พร้อมกับเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พร้อมให้เหตุผลว่า “ลิซ่า BLACKPINK จะมาช่วยตอกย้ำภาพความเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกของ TrueID ที่ปัจจุบันให้บริการครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังได้เอ็กซ์คูลซีฟคอนเทนต์ของ BLACKPINK และคอนเทนต์อื่น ๆ จากศิลปินในสังกัด YG Entertainment  อีกด้วย

TrueX แอปพลิเคชันใหม่หลังควบรวม

หลังจากที่ ทรู และ ดีแทค ควบรวมกันเป็น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในช่วงเดือนมีนาคม และ 1 เดือนผ่านไป บริษัทก็ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ TrueX ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มที่รวมบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของลูกค้าทรู และผู้บริโภคทั่วไปมารวมไว้ในแอปฯ เดียว อาทิ โซลูชันการดูแลบ้าน, สุขภาพ, ช้อปปิ้ง รวมถึงบันเทิง

และเพื่อสื่อสารความเป็น LifeOS แพลตฟอร์ม TrueX ก็เลือกใช้ ลิซ่า เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยมีการยิงโฆษณาทางช่องทางต่าง ๆ ทั้งทำโปรโมชันแพ็กเกจ เพื่อดันให้แพลตฟอร์มมียอดดาวน์โหลด 1 ล้านดาวน์โหลดในสิ้นปี

True Money ที่มีพรีเซ็นเตอร์ระดับโลกครั้งแรก

แม้จะทำตลาดไทยมานาน 8 ปี ให้บริการครอบคลุม 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านราย แต่แพลตฟอร์ม ทรูมันนี่ (True Money) ก็ยังไม่เคยมีพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์อย่างจริงจัง มีเพียงแค่บางแคมเปญเท่านั้น แต่มาปีนี้ ทรูมันนี่เลือกจะทุ่มเงินดึงลิซ่า มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงต้องการสื่อว่าแบรนด์ทรูมันนี่เป็นแบรนด์ใหญ่ระดับ Top เหมือนกับลิซ่า

เรียกได้ว่าผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งปี แต่เครือทรูก็ใช้ลิซ่ายืนเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้วถึง 3 แพลตฟอร์ม ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าสนใจมากว่า เครือทรูฯ เลือกจะใช้ลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์เฉพาะ แพลตฟอร์มดิจิทัล แต่ไม่ได้ใช้มาสื่อสารถึงบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ส่วนนั้นเลือกใช้ นาย ณภัทร และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าเครือทรูฯ จะใช้ลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแพลตฟอร์มดิจิทัลไหนอีกบ้าง หรือจะข้ามฟากไปฝั่ง เครือซีพี ที่เคยมีข่าวลือ

]]>
1431989
‘True Money’ พร้อมเป็น ‘เวอร์ชวล แบงก์’ วางเป้าใหญ่ปี 2025 คนไทย ‘ครึ่งประเทศ’ ใช้แพลตฟอร์ม https://positioningmag.com/1431798 Thu, 25 May 2023 13:54:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1431798 หลังจากที่ ดอลฟิน วอลเล็ท (Dolfin Wallet) โบกมือลาตลาดไทยตามรอย เจดี เซ็นทรัล (JD CENTRAL) ตลาดอีวอลเล็ทก็เหลือผู้เล่นหลัก ๆ เพียง 3-4 รายเท่านั้น และเบอร์ 1 ของตลาดในนาทีนี้คือ ทรูมันนี่ (True Money) ที่ให้บริการมาแล้ว 8 ปี และก้าวต่อไปจากนี้ของทรูมันนี่ คือการเทียบชั้นกับ ธนาคาร และกำลังมองถึงความเป็นไปได้ของ เวอร์ชวล แบงก์ (Virtual Bank)

ดันแพลตฟอร์มเป็นมากกว่าอีวอลเล็ท

อยู่ในตลาดมานานถึง 8 ปี สำหรับ ทรูมันนี่ (True Money) จนปัจจุบันมีผู้ใช้ในไทยถึง 27 ล้านราย โดยมีแอคทีฟยูสเซอร์ราว 17-18 ล้านคน/เดือน มีจุดรับชำระของแพลตฟอร์มมีกว่า 7 ล้านจุดมากสุดในประเทศไทย และสามารถใช้จ่ายบนร้านค้าออนไลน์กว่า 1.3 ล้านร้านค้าทั่วโลก นอกจากนี้ ยังสามารถใช้จ่ายในต่างประเทศได้กว่า 40 ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีน ที่จะสามารถชำระได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้

ปัจจุบัน สามารถแบ่งบริการของทรูมันนี่ได้ 3 กลุ่ม ซึ่งครอบคลุมแทบไม่ต่างจากธนาคาร ได้แก่

  • บริการในกลุ่มใช้จ่าย: ทั้งการจ่ายออนไลน์ ออฟไลน์ โอนเงิน ใช้จ่ายต่างประเทศ และวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง
  • บริการในกลุ่มการเงิน: บริการด้านการออม ลงทุน ประกัน และสิทธิประโยชน์หลากหลาย
  • บริการสนับสนุนธุรกิจ: บริการสนับสนุน SME และผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ระบบสมาชิก และฟีเจอร์โปรโมตร้านค้า เป็นต้น

แม้จะมีบริการทางการเงินที่หลากหลาย มีธุรกรรมต่อวันหลายสิบล้านผ่านแอปพลิเคชัน แต่การใช้บริการหลักจะเป็น ดิจิทัลเพย์เมนต์ เช่น การซื้อแอปพลิเคชัน, ชำระค่าบริการคอนเทนต์ต่าง ๆ , เติมเงินเกม รวมถึงการซื้อสินค้าบนอีมาร์เก็ต ส่วนผู้ที่เปิด บัญชีเงินฝากและลงทุนมีเพียง 2.5 ล้านบัญชี เท่านั้น ส่วนบริการ ใช้ก่อนโอนที่หลัง มีลูกค้า 1.2-.1.3 ล้านราย

ดังนั้น ภารกิจของทรูมันนี่คือ ดันบริการอื่น ๆ ให้ผู้ใช้เก่าได้ใช้ ไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มฐานผู้ใช้ใหม่ ซึ่งปัจจุบัน ลูกค้ากลุ่มใหญ่ของทรูมันนี่จะเป็นกลุ่ม Gen Y มีสัดส่วนมากถึง 40% เฉลี่ยมีการเติมเงินเข้าระบบราว 3-4 พันบาท มีการใช้งานเฉลี่ย 20 ครั้ง/เดือน

ทุ่มงบดึงลิซ่าหวังเพิ่มผู้ใช้เป็น 35 ล้านราย

มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา การเติบโตของทรูมันนี่เป็นแบบออร์แกนิกซึ่งเกิดจากการแนะนำบอกต่อแบบปากต่อปาก เนื่องจาก ทรูมันนี่ยึดหลักว่า ต้องทำให้การเข้าถึงทำได้ง่าย มีข้อจำกัดให้น้อยที่สุด และต้องเกิดคุณค่าในทุก ๆ การใช้งาน รวมถึงแพลตฟอร์มต้องมีความปลอดภัย นอกจากนี้ การมาของโควิดก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้คนใช้งานแพลตฟอร์มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายปีนี้ของทรูวอลเล็ทคือ เพิ่มผู้ใช้เป็น 35 ล้านรายภายในสิ้นปี และมีแอคทีฟยูซเซอร์ 20% โดยมนสินี ยอมรับว่าเป็นตัวเลขที่สูงแต่มั่นใจว่าเป็นไปได้ เพราะในปีนี้แบรนด์ได้ดึง ลิซ่า แบล็กพิงก์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น

“เราต้องการสื่อว่าแบรนด์เราก็ใหญ่ เป็นระดับ Top เหมือนกับลิซ่า และเชื่อว่าภาพของลิซ่านั้นเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม โดยการดึงลิซ่ามาเราลงทุนหนักมาก และเราจะเข้าถึงทุกช่องทางทั้งออนไลน์ ออฟไลน์”

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ทรูมันนี่ต้องการเข้าถึงแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  • เด็ก วัยรุ่น อายุต่ำกว่า 13 ปี: ที่จะเป็นรากฐานใหม่ของแพลตฟอร์ม
  • เฟิร์สจ็อบเบอร์: เพื่อขยายการเข้าถึงการลงทุน
  • sme รายย่อย: เพื่อขยายบริการกลุ่มสินเชื่อ

นอกจากนี้ ทรูมันนี่มองว่ากลุ่ม ต่างจังหวัด เป็นอีกส่วนที่ยังเติบโตได้ แต่ที่ปัจจุบันผู้ใช้งานหลักของทรูมันนี่เป็นคนกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ เพราะมีจุดชำระที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังพร้อมที่จะใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ

“เรามองว่ามันเป็นจังหวะเวลาที่ใช่สำหรับการใช้พรีเซ็นเตอร์ระดับโลกครั้งแรก เพราะที่ผ่านมา 90% ลูกค้าใช้เราโดยไม่เกี่ยวกับแคมเปญการตลาด ซึ่งตอนนี้เราไม่ใช่แค่ต้องการดึงลูกค้าใหม่ แต่โจทย์ต้องทำให้ลูกค้าเก่ารู้ว่าเรามีบริการที่หลากหลาย และลอยัลตี้จะยิ่งแข็งแกร่งกว่านี้ ถ้ารู้ว่าเรามีเฟีเจอร์เยอะ ไม่ใช่แค่จ่ายเงิน แต่เป็นไฟแนนเชียลแพลตฟอร์ม”

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด, นางสาวณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด และนางอนัณทินี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด

ก้าวข้ามวอลเล็ทสู่การเป็น เวอร์ชวล แบงก์

แม้ว่าจำนวนผู้เล่นในตลาดอี-วอลเล็ทจะลดลง แต่ไม่ได้ทำให้นัยการแข่งขันแตกต่างไป เพราะแพลตฟอร์มก้าวข้ามการเป็นอีวอลเล็ทไปแล้ว และปัจจุบันก็มีจำนวนการใช้งานไม่ต่างจาก ธนาคาร ซึ่งแพลตฟอร์มพยายามจะหา ช่องว่างที่ธนาคารไม่มี มาพัฒนาเป็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อมาตอบสนองลูกค้า

“ในตลาดอี-วอลเล็ทเราคิดว่าเราเป็นอันดับ 1 มีมาร์เก็ตเเชร์เกิน 90% และตอนนี้เราไม่ได้เทียบตัวเรากับตลาดวอลเล็ท แต่เราเทียบกับธนาคาร จะบอกว่าเป็นซูเปอร์แอปฯ ก็ได้ แต่เป็นซูเปอร์แอปฯ ทางด้านไฟแนนซ์”

เป้าหมายภายในของทรูมันนี่ ก็คือการทำ IPO รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะผันตัวเป็น เวอร์ชวล แบงก์ (Virtual Bank) ซึ่งทรูมันนี่มองว่าแพลตฟอร์มีหลายคุณสมบัติที่จะทำเวอร์ชวล แบงก์ได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการต่าง ๆ ที่คล้ายกับธนาคาร รวมถึงฐานลูกค้าที่แข็งแรง ดังนั้น ทรูมันนี่จึงต้องเร่งสร้างการเติบโตที่แข็งแรงมากพอที่จะทำ IPO และการเป็นเวอร์ชวล แบงก์ในอนาคต

เป้าใหญ่ดึงคนไทยครึ่งประเทศเป็นแอคทีฟยูสเซอร์

ปัจจุบัน รายได้จากกลุ่มเพย์เมนต์ถือเป็นสัดส่วนหลัก ส่วนกลุ่มอื่น ๆ อาทิ การกู้ยืม, การลงทุน อยู่ในจุดที่สามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้แล้ว นอกจากนี้ อัตราหนี้เสียก็ยังน้อยมาก โดยมองว่า ภายใน 2 ปี กำไรจากบริการทางการเงินจะมีสัดส่วนถึง 50% จากปัจจุบันคิดเป็น 10% นอกจากนี้ 50% ของประชากรไทยต้องเป็นแอคทีฟยูสเซอร์ที่ใช้งานทรูมันนี่วอลเล็ททุกเดือน และ 20% ต้องใช้บริการทางการเงินของแพลตฟอร์ม

“แน่นอนว่าเราอยากเป็นเวอร์ชวล แบงก์ แต่ตอนนี้กฎยังไม่ชัดเจน ถ้าเกณฑ์กำหนดมันไม่ยากเกินไป เราก็มีโอกาส ซึ่งถ้าเราได้ทำเวอร์ชวล แบงก์ ในแง่ประโยชน์ของลูกค้าปลายทางก็จะได้รับดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ และเราก็สามารถขยายความเสี่ยงในการปล่อยกู้ไปยังกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น เซกเมนต์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น”

]]>
1431798
ส่องกระแส ‘LALISA’ ที่กวาดกว่า 53 ล้านเอ็นเกจเมนต์จากชาวโซเชียลภายใน 24 ชั่วโมง https://positioningmag.com/1352865 Tue, 21 Sep 2021 11:09:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352865 ลลิษา มโนบาล หรือที่รู้จักกันดีในนาม ลิซ่า แบล็กพิงก์ หนึ่งในสมาชิกของวงเกิร์ลกรุ๊ปจากประเทศเกาหลีใต้ได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองเป็นครั้งแรก ซึ่งเกิดกระแสตอบรับขึ้นมาในโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม หลังจากที่ปล่อยเอ็มวีมาในวันที่ 10 ก.ย. โดยถือเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกที่มียอดเข้าชมผ่านช่องทาง YouTube มากกว่า 10 ล้านครั้งภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง ทุบสถิติเดิมของเทย์เลอร์ สวิฟต์

บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วย ZOCIAL EYE ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ก.ย. – 20 ก.ย. 64 เพื่อวิเคราะห์ในประเด็นที่น่าสนใจต่าง ๆ หลังจากลิซ่าปล่อยเอ็มวีเพลงแรกออกมา โดยพบว่า ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ปล่อยเอ็มวี ได้สร้างเอ็นเกจเมนต์ขึ้นในโลกออนไลน์มากกว่า 53 ล้านเอ็นเกจเมนต์ โดย 3 แพลตฟอร์มที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงสุดคือ YouTube, Facebook และ Twitter ตามลำดับ นอกจากนี้ ไวซ์ไซท์ยังได้รวบรวมข้อมูล 5 ประเด็นฮอตจากโลกออนไลน์โดยเรียงลำดับตามเอ็นเกจเมนต์ดังนี้

‘LALISA’ MV รีแอคชั่น (40,217,715 เอ็นเกจเมนต์)

เกิดกระแสการทำคอนเทนต์ “รีแอคชั่น” จากคนดังบนโซเชียลอย่างคึกคัก โดยจะเห็นได้จากกลุ่มศิลปินดารานักแสดง, นักร้อง และอินฟลูเอนเซอร์ ที่ร่วมชื่นชม และยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้กันอย่างล้นหลาม

ชุด และเครื่องแต่งกาย (20,885,721 เอ็นเกจเมนต์)

สืบเนื่องมาจากฉากนึงในเอ็มวีที่ลิซ่าใส่ชฎาและชุดไทย ทำให้เกิดกระแสเกี่ยวกับเรื่องเครื่องแต่งกาย ทั้งเรื่องที่แฟนคลับตามหาซื้อชฎา, ชุดไทยจนสำเพ็งและพาหุรัดกลับมาคึกคัก แม่ค้าพ่อค้าต่างกลับมาขายดีมีรายได้ รวมถึงมีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องของการนำเสนอความเป็นไทยในเอ็มวีรวมอยู่ด้วย

ลูกชิ้นยืนกิน และการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ (8,900,119 เอ็นเกจเมนต์)

จากที่ลิซ่าได้พูดออกมาว่า “อยากทานลูกชิ้นยืนกินอีกครั้ง”  ทำให้เกิดกระแสบนโซเชียล นักท่องเที่ยวจำนวนมากได้วางแผนการเดินทางเพื่อไปลองชิมสักครั้ง ส่งผลให้ “เทศกาลลูกชิ้นยืนกิน” ของจังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงทางเจ้าของร้านที่ต้องพัฒนารูปแบบการขายให้สามารถสั่งซื้อได้จากทั่วประเทศผ่านระบบออนไลน์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังมีการทำทัวร์ตามรอยลิซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในจังหวัดอีกด้วย

กระแสคัฟเวอร์ (6,562,579 เอ็นเกจเมนต์)

เกิดกระแสการคัฟเวอร์ในวงการต่างๆกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นสายบิวตี้บล็อกเกอร์ที่แต่งหน้าทำผมตามลุคในเอ็มวี, สายเต้นต่างลงคลิปที่ได้เต้นคัฟเวอร์เพลง LALISA กันอย่างคึกคักนอกจากนี้ยังมีศิลปินอีกมากมายที่สร้างคอนเทนต์ผ่านการร้องเพลง และทำดนตรีใหม่

ความเชื่อในเรื่องโชคลาภ (609,643 เอ็นเกจเมนต์)

ความเชื่อและเรื่องดวงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน และจากที่ลิซ่าได้ให้สัมภาษณ์ว่าในตอนเด็กมีหมอดูทักให้เปลี่ยนชื่อแล้วจะเป็นสิริมงคล ทำให้เกิดกระแสการตามหาหมอดู เพื่อเปลี่ยนชื่อเสริมดวง เสริมโชคลาภกันอย่างคึกคัก รวมถึงกระแสเลขเด็ดจากวันเกิด, น้ำหนัก, ส่วนสูง, ยอดวิว ฯลฯ

]]>
1352865