วันสยาม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 20 Jul 2021 12:30:36 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สยามพิวรรธน์ จับมือ สถาบันพลาสติก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย PPP Plastics และ Dow เดินหน้าโครงการ Siam Pieces สร้างโมเดลจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1343158 Tue, 20 Jul 2021 12:00:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1343158

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมกับ สถาบันพลาสติก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย PPP Plastics กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และเครือข่ายพันธมิตร ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร และเขตปทุมวัน เดินหน้าโครงการ Siam Pieces (สยาม พีซเซส) เพื่อสร้างต้นแบบการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน อันจะนำไปสู่การพัฒนาแบบแผนธุรกิจ (Business Model) ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ผ่านการศึกษาวิจัยพฤติกรรมจากกลุ่มตัวอย่างของผู้บริโภคในพื้นที่เขตปทุมวัน โดยได้รับทุนสนับสนุนโครงการจาก บพข. (หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ) ภายใต้สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ สอวช. มีเป้าหมายที่จะพัฒนาแบบแผนธุรกิจในการนำพลาสติกใช้แล้วทุกชนิดกลับสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างโมเดลศูนย์คัดแยกที่มีศักยภาพในการจัดเก็บขยะพลาสติกทุกประเภท บนพื้นที่ศูนย์กลางแห่งธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทยอย่าง วันสยาม ที่ประกอบด้วย 3 ศูนย์การค้าระดับโลก ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ รวมถึงการคัดแยกประเภทวัสดุที่สามารถนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิลและอื่นๆ ได้ ตลอดจนเพื่อส่งต่อแนวคิดในการใช้ชีวิตให้ผู้คนในสังคมร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของวิกฤตขยะพลาสติกในปัจจุบันที่ทุกคนมิอาจมองข้าม ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดวัฏจักรของการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

นางสาวนราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

“การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ด้วยความมุ่งมั่น ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน เราจึงได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาพัฒนาเป็นหลักการบริหารจัดการขยะ ในทุกกระบวนการของธุรกิจ ตั้งแต่การรณรงค์ภายในองค์กร ไปจนถึงการสร้างจิตสำนึกให้ลูกค้า และล่าสุดกับการร่วมเปิด Recycle Collection Center จุดรับขยะรีไซเคิลที่เปิดให้คนทั่วไปสามารถนำมาทิ้งได้ โดยสยามพิวรรธน์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับสถาบันพลาสติก และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการใช้พื้นที่วันสยาม ในการทำวิจัย รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากพนักงาน และลูกค้าวันสยาม เพื่อนำองค์ความรู้มาพัฒนาเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการขยะพลาสติกในสังคมอย่างยั่งยืน พร้อมต่อยอดไปใช้แก้ไขปัญหาการจัดการขยะพลาสติกในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งยังสอดรับกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน ที่ขณะนี้ทางสหภาพยุโรป หรืออียู ต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของโลกในการลดปริมาณขยะพลาสติก และมุ่งมั่นที่จะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงได้ออกระเบียบว่าด้วยการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวของสหภาพยุโรป (EU Single Use Plastics Directive) ที่เริ่มต้นใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา”

ด้าน นายวีระ ขวัญเลิศจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก กล่าวว่า

ด้วยความร่วมมือขององค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่ร่วมกันสร้างแนวคิดและแบบแผนเศรษฐกิจหมุนเวียนในปัจจุบัน หรือ Circular Economy ทำให้ในปัจจุบันหลากหลายหน่วยงานเกิดความตระหนักในเรื่องการใส่ใจของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการจัดการขยะพลาสติก ทางสถาบันพลาสติกเห็นถึงโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก และ เพิ่มการรีไซเคิลของขยะพลาสติกเข้าสู่ระบบมากยิ่งขึ้น สถาบันพลาสติกจึงได้รับงบประมาณจาก บพข.เพื่อจัดตั้งโครงการพัฒนาแบบแผนธุรกิจ (Business Model) สำหรับการบริหารจัดการขยะพลาสติกหลังการใช้โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในพื้นที่เขตเมืองชั้นใน โดยเล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่เขตปทุมวัน ที่ประกอบด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล และ ชุมชน โดย “โครงการ SIAM PIECES” นี้เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาแบบแผนธุรกิจ (Business Model) สำหรับการบริหารจัดการขยะพลาสติกหลังการใช้โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในพื้นที่เขตเมืองชั้นใน ที่ทำการศึกษาตั้งแต่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีผลต่อการคัดแยกและทิ้งขยะพลาสติก เพื่อเข้าใจและหาเครื่องมือที่จะทำให้เกิดแรงจูงใจในการคัดแยกพลาสติกของผู้บริโภคที่มากขึ้น และ ต่อยอดไปจนถึงการศึกษาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อนำผลการศึกษามาพัฒนา และจัดทำแบบแผนธุรกิจ (Business Model) เพื่อลดการเพิ่มขยะพลาสติกสู่สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมให้มีการนำขยะพลาสติกเข้าสู่ระบบรีไซเคิลมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ ศ.ดร. สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า

“ปัจจุบัน ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม มีการคิดค้นนวัตกรรมในการจัดการวัสดุเหลือใช้ โดยเฉพาะกลุ่มพลาสติก อย่างไรก็ตาม การจัดการปัญหาขยะพลาสติกนั้นไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องมีการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้านอื่นมาร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของผู้ใช้พลาสติกหรือผู้บริโภค และการสร้างกลไกทางเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดจัดการพลาสติกที่ครบวงจร เศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้พลาสติกทั้งที่มีมูลค่าสูงและส่วนที่ยังมีมูลค่าต่ำอยู่ได้กลับเข้าสู่ระบบเพื่อการจัดการอย่างเหมาะสม การดำเนินการในส่วนนี้จำเป็นต้องมีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเพื่อให้สามารถนำผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นไปอ้างอิงและขยายผลสู่พื้นที่อื่นได้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษาจึงจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ SIAM PIECES ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาแบบแผนธุรกิจที่ส่งเสริมให้เกิดการจัดการขยะพลาสติกอย่างครบวงจร เพื่อร่วมขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ”

ด้าน ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธาน PPP Plastics กล่าวว่า

“โครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติก และขยะอย่างยั่งยืน (PPP Plastics) ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาร่วมให้ทุนสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานโครงการพัฒนาแบบแผนธุรกิจ (Business Model) สำหรับการบริหารจัดการขยะพลาสติกหลังการใช้โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในพื้นที่เขตเมืองชั้นใน ปัจจุบันองค์กรภาคธุรกิจได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก เพื่อร่วมหาทางออกการบริหารจัดการขยะพลาสติก เพื่อสร้างรูปแบบที่สมดุลอันมุ่งไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในมิติต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกได้มีการดำเนินงานในบริบทที่มีความสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจ BCG หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green: BCG Model) ที่รัฐบาลกำหนดเป็นโมเดลเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นวาระแห่งชาติ อีกด้วย นับได้ว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจดังกล่าวเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืนในอนาคต”

พร้อมกันนี้ นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า

“โครงการนี้สอดคล้องเป็นอย่างยิ่งกับหนึ่งในเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ ดาว ได้ประกาศไปเมื่อปีที่แล้วคือ “การหยุดขยะพลาสติก” โดยเราตั้งเป้าจะผลักดันให้พลาสติกที่ใช้แล้วจำนวน 1 ล้านตันจากทั่วโลกถูกเก็บกลับมาใช้ประโยชน์ หรือ รีไซเคิล ผมรู้สึกภูมิใจที่ ดาว ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการก่อตั้งโครงการ Siam Pieces อีกทั้งร่วมผลักดันให้เกิด business model ของการจัดการพลาสติกใช้แล้วที่มีประสิทธิภาพ และช่วยยกระดับผู้ประกอบการรับซื้อของเก่า ซาเล้ง รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียตลอดทั้ง value chain ให้มีรายได้พอเพียงที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้การจัดการพลาสติกเป็นไปอย่างยั่งยืนในอนาคต”

นอกจากนี้ ภายใต้งานแถลงข่าวโครงการ Siam Pieces ในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ ZOOM และ Facebook Live เพจ สถาบันพลาสติก ยังมีการจัดเสวนาหัวข้อ “Siam Pieces โมเดลเส้นทางการจัดการพลาสติกใช้แล้วครบวงจร” โดยมี นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ผู้บริหารระดับสูงแห่งบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด พร้อมด้วยเหล่า คนดังสายนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและผู้เชี่ยวชาญทางท้องทะเลมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและร่วมหาทางออก ในการกู้วิกฤตขยะพลาสติก ทั้ง ผศ.ดร. ธรณ์ ธำรงนาราสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดีกิจการพิเศษ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ นักขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม , เปรม พฤกษ์ทยานนท์ เจ้าของเพจ ‘ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป , ศ.ดร. พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีด้านยุทธศาสตร์นวัตกรรมและความยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ก้อง-ชณัฐ วุฒิวิกัยการ พิธีกรหนุ่มสายกรีนที่หันมาเอาจริงเอาจังในการสื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อม

โครงการ Siam Pieces ครั้งนี้ นับเป็นโครงการความร่วมมือในการผสานพลังขับเคลื่อนที่ต้องการจะพัฒนาระบบการจัดการพลาสติกใช้แล้วในสังคมเมืองอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง เพื่อนำไปต่อยอดใช้บริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วในประเทศไทย และนำไปพัฒนาแบบแผนธุรกิจในการนำพลาสติกใช้แล้วทุกชนิดกลับสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมขยายผลสร้างเป็นโมเดลธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เกิดเป็นวัฏจักรของการจัดการขยะพลาสติกในสังคมเมืองที่ยั่งยืน เพื่อเราทุกคนในวันนี้และอนาคต

ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างยั่งยืนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาแบบแผนธุรกิจตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ด้วยการตอบแบบสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อพฤติกรรมการ คัดแยกขยะได้ในช่องทาง https://bit.ly/3xLS8GG  หรือ Scan QR Code

]]>
1343158
“โรบินฮู้ด” จับมือ “วันสยาม” และ “ไอคอนสยาม” ส่งแคมเปญ “Taste of Siam x Robinhood” อิ่มอร่อยกับรสชาติแห่งสยามส่งตรงถึงบ้าน https://positioningmag.com/1322927 Fri, 12 Mar 2021 04:00:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1322927

“โรบินฮู้ด” ฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย เดินหน้าสานต่อแนวคิดชวน “คนตัวใหญ่” รวมพลังช่วยเหลือ“คนตัวเล็ก” ล่าสุดจับมือ 4 ศูนย์การค้าระดับโลก ได้แก่ กลุ่ม “วันสยาม” โกลบอลเดสติเนชั่นที่ผสานศักยภาพ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมด้วย ไอคอนสยาม แลนด์มาร์คระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา มุ่งมั่นสนับสนุนและเคียงข้างผู้ประกอบการและพนักงานร้านค้าในศูนย์การค้า รวมถึงไรเดอร์ของโรบินฮู้ดให้ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายไปได้ด้วยกัน ผ่านแคมเปญ “Taste of Siam x Robinhood” คัดสรรกว่า 1,000 เมนูอร่อย จากสุดยอดร้านอาหารยอดนิยมจากทั้ง 4 ศูนย์การค้าขึ้นแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด ส่งตรงรสชาติแห่งสยามถึงบ้าน พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ อิ่มครบ รับคุ้ม! ถึง 2 ต่อ เฉพาะแอปฯ โรบินฮู้ดเท่านั้น ได้แก่ คุ้มที่ 1: ใช้โค้ดส่วนลด ลดค่าอาหารทันที 100 บาท เมื่อสั่งอาหาร ครบ 500 บาทขึ้นไป เฉพาะ ร้านอาหารที่ร่วมรายการโค้ดส่วนลดเท่านั้น  คุ้มที่ 2: รับฟรี Siam Gift Card มูลค่า 100 บาท พร้อมคูปองส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำในทั้ง 4 ศูนย์การค้า รวมมูลค่ากว่า 1,000 บาท เมื่อสั่งอาหารครบ 400 บาทขึ้นไปจากร้านค้าที่ร่วมรายการผ่านแอปฯ โรบินฮู้ด  ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2564 – 18 เมษายน 2564

นายธนา เธียรอัจฉริยะ  ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด  ผู้พัฒนาและให้บริการ  “โรบินฮู้ด” แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทยกล่าวว่า

“จากข้อมูลพฤติกรรมการสั่งอาหารของลูกค้าผ่านโรบินฮู้ดพบว่าครึ่งหนึ่งของ transaction ที่เกิดขึ้นมาจากการสั่งอาหารจากร้านใหญ่ ร้านที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า และร้านที่เป็นแบรนด์ดังที่มีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ที่เราให้บริการ ซึ่งจุดนี้ทำให้เรามองเห็นโอกาสสำคัญในการช่วย “คนตัวเล็ก” ได้เพิ่มขึ้นด้วยการชวนพันธมิตร “คนตัวใหญ่” ทั้งแบรนด์ดังยอดนิยม และศูนย์การค้ามาร่วมบนแพลตฟอร์มของเราเพราะพลังของ“คนตัวใหญ่” จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้งานและสั่งอาหารผ่านโรบินฮู้ดมากขึ้น นั่นหมายถึงพลังความร่วมมือที่จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสความหลากหลายอีกมากมาย ทั้งร้านใหญ่ และร้านเล็กๆ ที่อยู่บนแพลตฟอร์มของเราเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ที่มากขึ้นให้กับไรเดอร์อีกด้วย ล่าสุดเราจึงได้ร่วมกับ 4 ศูนย์การค้าระดับโลกได้แก่ กลุ่ม “วันสยาม” ที่ผนึกกำลัง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมด้วย ไอคอนสยาม นำเอาหลากหลายร้านอาหารชื่อดังยอดนิยมร่วมให้บริการบนแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด สร้างทางเลือกที่หลากหลายและตอบโจทย์ความอร่อยให้กับทุกกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น”

นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า

“ความร่วมมือกับโรบินฮู้ด เป็นการนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของความสุขใจในการได้รับประทานอาหารอร่อยจากร้านโปรด และความสะดวกสบายในการส่งตรงถึงบ้าน ที่สำคัญ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังตอกย้ำถึงคุณค่าที่ทั้งเราและโรบินฮู้ดเชื่อมั่นเช่นเดียวกัน นั่นคือ การร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้า รวมถึงผู้คนอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ร่วมรังสรรค์ (Co-creation) ทั้งคู่ค้า ชุมชน และสังคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย”

นางสาวชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายส่งเสริมการตลาดและองค์กรสัมพันธ์ ศูนย์การค้ากลุ่มวันสยาม กล่าวว่า

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เราได้เห็นถึงพลังความร่วมมือร่วมใจของคนไทย และแรงสนับสนุนจากคนไทยสู่ผู้ประกอบการคนไทยด้วยกันเอง เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า เรายึดมั่นพันธกิจในการร่วมเคียงข้างและขับเคลื่อนธุรกิจของผู้ประกอบการ ซึ่งรวมถึงพนักงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารอีกมากมาย ให้สามารถเติบโตก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ความร่วมมือกับ “โรบินฮู้ด” แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทยในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งหนทางในการช่วยเพิ่มช่องทางการขายและรายได้ให้กับร้านอาหารที่อยู่ภายในศูนย์การค้าของเรา รวมถึงช่วยหล่อเลี้ยงอาชีพของพนักงานร้านค้า ให้สามารถเลี้ยงตนเองและดูแลครอบครัวได้”

สำหรับแคมเปญ “Taste of Siam x Robinhood” คัดสรรกว่า 1,000 เมนูอร่อย จากสุดยอดร้านอาหารขนมและเครื่องดื่มยอดนิยม หลากหลายความอร่อยแบบคุณภาพ ด้วยร้านเมนูซิกเนเจอร์ระดับมิชลินจนถึงร้านโปรดที่ใครๆก็ติดใจ จากทั้ง 4 ศูนย์การค้า ทั้งสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยามขึ้นแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด ส่งตรงรสชาติแห่งสยามถึงบ้าน พร้อมสร้างการรับรู้ควบคู่ไปกับโปรโมชั่นสุดคุ้มพิเศษเฉพาะแอปฯ โรบินฮู้ดเท่านั้น อาทิ ร้าน Tasty Congee & Noodle Wantun โจ๊กฮ่องกงระดับตำนานดีกรี Bib Gourmand สาขาแรกและสาขาเดียวในเมืองไทย, Four Seasons ต้นตำรับเป็ดย่างระดับโลก, Wang Jia Shaอาหารจีนสูตรกวางตุ้งแบบดั้งเดิม, บ้านขนิษฐา เดอะ เฮอริเทจ อาหารไทยต้นตำรับ, Tapas by Nan Charcoal Grill อาหารเสปนรสเลิศ, Guljak Tokpokki ร้านอาหารเกาหลียอดนิยม นอกจากนี้ยังมี Greyhound Café, Audrey Café, Haru Kappo และอีกมากมายให้ได้ลิ้มลอง

รายละเอียดโปรโมชั่น อิ่มครบ รับคุ้ม! จากแคมเปญ “Taste of Siam x Robinhood” เริ่มต้นความอร่อย 11 มีนาคม 2564 – 18 เมษายน นี้

คุ้มที่ 1: ใช้โค้ดส่วนลด ลดค่าอาหารทันที 100 บาท เมื่อสั่งอาหารครบ 500 บาทขึ้นไป เฉพาะร้านอาหารที่ร่วมรายการโค้ดส่วนลดเท่านั้น

คุ้มที่ 2: รับฟรี Siam Gift Card มูลค่า 100 บาท พร้อมคูปองส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำรวมมูลค่ากว่า 1,000 บาท เมื่อสั่งอาหารครบ 400 บาทขึ้นไปจากร้านอาหารในสยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่ และ ไอคอนสยาม

สามารถชมรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่แอปฯ โรบินฮู้ด หรือ ติดตามที่เฟซบุ๊คและเว็บไซต์  OneSiam และ ICONSIAM

#Robinhood #TasteofSiamxRobinhood #แอปเพื่อคนตัวเล็ก #คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก

]]>
1322927
“วันสยาม” ชวนช้อปฉลองตรุษจีน-วาเลนไทน์สุดคุ้มกว่าใคร!! อัดโปรโมชั่นกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกดิจิทัลอั่งเปาฟรี 2021 รางวัล พร้อมส่วนลดพิเศษ 15 ล้านคูปอง!! ตอกย้ำความปลอดภัยสูงสุดด้วย “Extra Big Cleaning” ช้อปมั่นใจทุกตารางนิ้ว ณ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ https://positioningmag.com/1317790 Thu, 04 Feb 2021 04:00:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317790

“วันสยาม” ผนึกกำลัง 3 ศูนย์การค้าระดับโลก ได้แก่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ มอบความคุ้มค่าในการจับจ่าย ใช้สอยช่วงเทศกาลตรุษจีน-วาเลนไทน์ พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ อัดโปรโมชั่นจัดแคมเปญ “OneSiam The Great Luck with Prosperity Chinese New Year 2021” โดยร่วมกับธนาคารกสิกรไทย สร้างสีสันการช้อปปิ้งภายใต้มาตรการสุขอนามัย ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการจัดซิกเนเจอร์อีเว้นท์และกิจกรรมต่างๆ เน้นมอบโปรโมชั่นแคมเปญสุดพิเศษให้ลูกค้าได้จับจ่ายใช้สอยอย่างคุ้มค่ากว่าใคร

สำหรับโปรโมชั่นสุดพิเศษนี้ เพียงช้อปตามเงื่อนไข รับทันที Siam Gift Card รวมมูลค่ากว่า 8.4 ล้านบาท และ แจกฟรี “OneSiam อั่งเปา” คูปองส่วนลด มูลค่า 70,000 บาท จำนวน 50,000 ชุดรวม 15 ล้านคูปอง ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 ก.พ. 2564 พิเศษเฉพาะวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ 12-14 ก.พ. ช้อปครบตามเงื่อนไขแจก Siam Gift Card เพิ่มอีก รวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท นอกจากนี้ สยามพารากอน ยังแจก “ดิจิทัลอั่งเปา” เพื่อรับ Siam Gift Card จำนวน 2021 รางวัลฟรี!! ผ่าน LINE: ONESIAM ระหว่าง 8-14 ก.พ.นี้

และเพื่อย้ำความมั่นใจและความปลอดภัยของการมาใช้บริการ ทั้งสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ผนึกกำลังกับสำนักงานเขตปทุมวัน และร้านค้าต่างๆ ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จัด “Extra Big Cleaning” (เอ็กซ์ตร้า บิ๊ก คลีนนิ่ง) ระดมกำลังพลนับร้อยชีวิตทำความสะอาดอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง อาทิ พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อด้วยเครื่อง Airofog ,ฆ่าเชื้อโรคและไวรัสด้วย UV-C Robot , ทำความสะอาดราวจับบันไดเลื่อนด้วยรังสี UVC, ทำความสะอาดและฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคลงในระบบท่อน้ำทิ้ง, ล้างและฉีดเคลือบคอยล์เครื่องส่งลมเย็น, ทำความสะอาดระบบปรับอากาศส่วนกลาง, บริการกดลิฟท์ให้ลูกค้าโดยพนักงาน, ทำความสะอาดบริเวณจุดสัมผัสภายในทั่วทุกพื้นที่ และจะทำ Extra Big Cleaning อย่างเข้มข้นในทุกๆ สัปดาห์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเชิงรุกป้องกันล่วงหน้า ด้วยการฉีด พ่น น้ำยาฆ่าเชื้อโรคและไวรัสหลังศูนย์ฯ ปิดบริการเป็นประจำทุกวัน



ร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความเป็นสิริมงคลต้อนรับเทศกาลตรุษจีน-วาเลนไทน์ อย่างปลอดภัย พร้อมช้อปปิ้ง แบบสุดคุ้มกับแคมเปญ “OneSiam The Great Luck with Prosperity Chinese New Year 2021” ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 ก.พ.ศกนี้ ณ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมบริการจอดรถฟรีสำหรับรถที่เข้าอาคารจอดรถตั้งแต่ เวลา 18.00 น. จนถึงศูนย์ฯปิดในเวลา 22.00 น. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-610-8000

#OneSiamTheGreatLuckwithProsperity #OneSiamChineseNewYear2021 #OneSiam #SiamParagon #SiamCenter #SiamDiscovery

]]>
1317790
สยามพิวรรธน์ เปิดเกมรุกปลายปี เปิดตัวบัตร VIZ Rabbit Card สร้างประสบการณ์เหนือระดับครบทุกมิติจากที่บ้านถึงศูนย์การค้า https://positioningmag.com/1307335 Tue, 24 Nov 2020 12:00:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1307335

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารโกลบอลเดสติเนชั่นกลุ่ม “วันสยาม” ที่ผนึกกำลังศูนย์การค้าระดับโลก ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของโครงการ ไอคอนสยาม เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดตอกย้ำการเป็นสัญลักษณ์แห่งการนำเสนอความแปลกใหม่ให้ชีวิต นอกเหนือจากแผนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและมหกรรมอีเว้นท์ส่งท้ายปีที่ปีนี้ได้เตรียมจัดเต็มเพื่อมอบความสุขให้แก่ลูกค้าในช่วงเฟสทีฟซีซั่นแล้ว ล่าสุดได้จับมือพันธมิตรระดับผู้นำมอบประสบการช้อปปิ้งเหนือระดับให้ลูกค้าตั้งแต่ที่บ้านและภายในศูนย์ฯ อย่างครบวงจรของ Customer Journey ในทุกมิติ

สยามพิวรรธน์ เปิดเกมรุกคว้าลูกค้าสมาชิกใหม่ ชูกลยุทธ์ Collaboration to Win

นางสรัลธร อัศเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริหารสมาชิก บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า “ในช่วงเทศกาลจับจ่ายช่วงส่งท้ายปีนี้ สยามพิวรรธน์ยังจัดเต็มด้วยมหกรรมอีเว้นท์และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างเต็มที่และมั่นใจว่าจะครองความเป็นเดสติเนชั่นที่มอบความสุขในช่วงเทศกาลให้แก่ลูกค้าทุกคนเช่นทุกปี  แต่ที่พิเศษสุดสำหรับปีนี้ สยามพิวรรธน์ได้ตอกย้ำกลยุทธ์ Collaboration to Win ร่วมผนึกกำลังกับพันธมิตรระดับผู้นำของอุตสาหกรรมขนส่ง ได้แก่ BTS โดยร่วมกับ Rabbit Card และ Rabbit Rewards ผสานศักยภาพมอบสิทธิ์ประโยชน์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าสมาชิกทั้ง 2 องค์กร การจับมือกับพันธมิตรครั้งนี้  นอกจากตั้งโจทย์ในการมอบสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้นให้แก่ลูกค้าสมาชิกบัตร VIZ ขณะเดียวกันยังสามารถขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและเพิ่มสมาชิก VIZ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่แล้วกว่า 610,000 คน วันสยามและไอคอนสยาม  โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 100,000 คน รวมเป็นสมาชิก 710,000 คน ภายในปี 2563  และจะเพิ่มเป็นจำนวน 870,000 คน ภายในปี 2564 ที่จะถึงนี้

 VIZ Rabbit Card บัตรใบเดียวในไทยที่มอบสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าแบบทวีคูณทุกการจับจ่าย

นางสาวรัชนี แสนศิลป์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก สมาร์ท การ์ด ซิสเทม  ผู้บริหาร Rabbit Card กล่าวว่า  “การร่วมมือกันในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่บัตรแรบบิท ได้จับมือกับผู้นำด้านธุรกิจรีเทลและศูนย์การค้าวันสยามและไอคอนสยาม ที่เป็นเดสติเนชั่นหลักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และในความพิเศษนี้เองที่ทำให้ผู้ถือบัตร VIZ Rabbit ทุกใบมั่นใจได้ว่าจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ที่บัตรแรบบิทของเรามีให้กับผู้ถือบัตรอยู่แล้วอย่างครบถ้วน โดยบัตรใบนี้ก็สามารถใช้จ่ายค่าเดินทางรถไฟฟ้าบีทีเอส จ่ายค่าเดินทางขนส่งสาธารณะอื่นๆ หรือแม้กระทั้งใช้จ่ายซื้อสินค้า/บริการ ที่ร้านค้าชั้นนำต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศรวมถึงในกลุ่มศูนย์การค้าวันสยามวันและไอคอนสยามอีกด้วย แต่บัตร VIZ Rabbit นี้ มีสิทธิพิเศษมากว่าบัตรแรบบิทใบอื่นๆ คือ เมื่อใช้บัตร VIZ Rabbit จ่ายค่าอาหาร/เครื่องดื่ม หรือสินค้าต่างๆ ที่รับชำระด้วยบัตรแรบบิทนั้น ก็จะได้รับคะแนนจากแรบบิทรีวอร์ดส x2 ทันที เพียงแค่นำบัตร VIZ Rabbit นี้ ไปลงทะเบียนเป็นสมาชิกแรบบิทรีวอร์สดก่อนการใช้งาน”

นายภคินท์ พัฒนวรเมธ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แรบบิท รีวอร์ดส จำกัด กล่าวว่า “ความพิเศษที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้งสององค์กรในครั้งนี้ คือการมอบประโยชน์สูงสุดให้ลูกค้าผู้ที่มีเลขสมาชิกทั้ง Rabbit Rewards และ สมาชิก VIZ ที่ทำการผูกบัญชีเชื่อมต่อข้อมูลบัตรถึงกัน โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มมากขึ้น คือ เมื่อช้อปปิ้งจับจ่ายในร้านค้าชั้นภายในศูนย์การค้ากลุ่มวันสยาม ทั้งสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่ร่วมรายการกับบัตร VIZ ทุกการจับจ่ายมูลค่า  50 บาท จะได้รับ VIZ Point 1 คะแนน และยังได้รับ Rabbit Rewards Point 3 คะแนนอีกด้วย ผู้ที่เป็นลูกค้าของทั้ง 2 บัตรสมาชิก จึงเสมือนได้รับคะแนนสะสมพิเศษ 2 ต่อ สามารถนำคะแนนที่สะสมของแต่บัตรสมาชิกไปแลกเป็นของรางวัลที่มีให้เลือกหลากหลายของทั้งสองโปรแกรม สำหรับ Rabbit Rewards เป็น Loyalty Program ที่มอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ถือบัตร Rabbit ซึ่งเป็นบัตรหลักของผู้โดยสายรถไฟฟ้า BTS โดยมีผู้สนใจร่วมสมัครสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสมาชิก Rabbit Rewards กว่า 5,1000,000 สมาชิก

เปิดตัวยิ่งใหญ่คว้าศิลปินระดับโลกดีไซน์บัตร VIZ Rabbit Card

นายกวีวัฒน์ สินเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริหารสมาชิก บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “สยามพิวรรธน์ได้เชิญศิลปินนักออกแบบร่วมสมัยระดับโลก Ricardo Cavolo มาดีไซน์บัตรให้สามารถพกพางานศิลปะระดับเวิลด์คลาสติดตัวไปได้ทุกที่ โดยบัตร  VIZ Rabbit Card  คอลเลคชั่นพิเศษ ริคาร์โด คาร์โวโล มีถึง 3 ลายด้วยกัน พร้อมอีกหนึ่งลวดลายเป็นแพกเกจสำหรับซองใส่บัตร และกระเป๋าผ้า Tote Bag แต่ละลวดลายสื่อถึงมุมของศิลปินที่มีต่อไลฟ์สไตล์อันหลากหลายที่ร้อยเรียงขึ้นเป็นเรื่องราวของผู้คนที่เข้ามาใช้ชีวิตใน สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม

บัตร VIZ Rabbit Card ลิมิเต็ด อิดิชั่นนี้  เปิดจำหน่ายแล้ววันนี้ –  30 ธันวาคม 2563 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) มีให้เลือกสองแพ็กเกจ ในราคา 399 บาท รับฟรี คูปองส่วนลดร้านค้าที่ร่วมรายการมูลค่า 2,000 บาท หรือแพ็กเกจ 599 บาท รับฟรี กระเป๋าผ้า Tote Bag  ดีไซน์พิเศษจากริคาร์โด คาโวโล และฟรีคูปองส่วนลดร้านค้าที่ร่วมรายการมูลค่ากว่า 4,000 บาท มีจำหน่ายที่ สยามพารากอน ชั้น M,  สยามเซ็นเตอร์ ชั้น M, และไอคอนสยาม ชั้น 1 โดยสามารถนำไปเติมมูลค่าบัตรได้ที่สถานี BTS ทุกสาขา

พิเศษช่วงเทศกาลแห่งความสุข ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม นี้ บัตร VIZ Rabbit Card มอบโปรโมชั่นจัดเต็มเพื่อมอบความสุขให้ลูกค้าได้จับจ่ายและรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น โดยขยายเวลารับคะแนนสะสม Rabbit Rewards ถึง 100 คะแนน  เพียงสมัครและผูกสมาชิก VIZ และ Rabbit Rewards เข้าด้วยกัน และพิเศษ! มอบคะแนนสะสม VIZ Points สูงสุด x 10 สำหรับสมาชิก VIZ  ที่ผูกบัญชีและมียอดใช้จ่าย 5,000 บาทแรกเมื่อช้อปในร้านค้าที่ร่วมรายการในสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิฟคัฟเวอรี่ และไอคอนสยามในช่วงเดือนธันวาคม”

“การจับมือของวันสยามกับพันธมิตรสำคัญ คือ Rabbit Card และ Rabbit Rewards เป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจครั้งสำคัญของธุรกิจรีเทลอีกครั้ง ตอกน้ำกลยุทธ์ที่มุ่งผสานศักยภาพความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนจุดแข็งของแต่ละองค์กร สร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่ผู้บริโภค ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำของลูกค้าทุกวันเพื่อสร้างความสุขและแรงบันดาลใจเสมือนเพื่อนที่รู้ใจในทุกที่ทุกเวลา สยามพิวรรธน์ขอยืนหยัดในการคัดสรรนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าทุกๆ คน” ผู้บริหารสยามพิวรรธน์ กล่าวเสริม

]]>
1307335
“สยามพิวรรธน์” ปรับรับอีเวนต์หด เปิดพื้นที่ให้ขายของฟรี กระตุ้นใช้จ่ายเเบบไทยช่วยไทย https://positioningmag.com/1281010 Thu, 28 May 2020 11:21:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1281010 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป

“สยามพิวรรธน์” เผยทราฟฟิกกลับมา 50% กลุ่มนักท่องเที่ยวยังต้องรออีกเป็นปี ด้าน “พารากอน ฮอลล์” เจอหนัก อีเวนต์หด รายได้หาย ปรับกลยุทธ์โฟกัสงานในประเทศ ประเดิมเปิดพื้นที่ให้ “ขายของฟรี” กระตุ้นลูกค้าใช้จ่ายเเบบ “ไทยช่วยไทย”

พฤติกรรม “คนเดินห้าง” ไม่เหมือนเดิม

“หลังจากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งช่วง 2 สัปดาห์เเรก พบว่าลูกค้ามาเดินห้าง เฉลี่ยไม่เกินคนละ 2 ชั่วโมง เเละมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือ มาเเเบบมีจุดประสงค์เเน่ชัดหรือมาเพื่อซื้อสินค้าที่ต้องการจริงๆ เเล้วรีบกลับบ้าน ต่างจากเดิมที่มาเดินห้างเพื่อพักผ่อนหรือมาเดินเที่ยวเพื่อใช้ชีวิตทั้งวัน”

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวอีกว่า หลังจากปลดล็อกดาวน์เฟส 2 ให้ธุรกิจค้าปลีกกลับมาเปิดบริการได้แล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนของสยามพิวรรธน์ ที่บริหารสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และไอคอนสยาม ผู้คนเริ่มกลับมาบ้างเเล้ว เเต่ทราฟฟิกยังไม่กลับมาเท่าเดิม “หายไปเกินครึ่ง” เนื่องจากมาตรการต่างๆ ของรัฐยังเข้มงวดอยู่ โดยลูกค้าตอนนี้จะกลับมาอยู่ที่ราว 50% จากปกติที่กลุ่มวันสยามเคยมีลูกค้าประมาณ 2.5 เเสนคนต่อวัน ที่ไอคอนสยามประมาณ 8 หมื่นคนต่อวัน

“ลูกค้านักท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาได้ มีเพียงชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยเท่านั้นที่ออกมาเดินห้าง คงต้องรอถึงช่วงปลายปีอาจจะกลับมาได้ 20-30% จากปกติ เเละต้องรอลุ้นกันยาวถึงปีหน้า ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถกลับมาได้ถึงระดับปกติ ตอนนี้เราจึงต้องส่งเสริมกิจกรรมภายในประเทศมากขึ้น”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวถือเป็นลูกค้าหลักของเครือสยามพิวรรธน์เพราะคิดเป็น 30-40% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด

ส่วนกลุ่มสินค้าที่ขายดีช่วงนี้จะเป็นกลุ่มของ เครื่องใช้ไฟฟ้า ความงาม สุขภาพ และเครื่องใช้ในบ้าน สำหรับธุรกิจร้านอาหารนั้นกลับมาเปิดบางส่วน แต่คาดว่าหลังจากที่ปลดล็อกเฟส 3 ทุกอย่างจะกลับมาเปิดบริการได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้

“ตอนนี้ร้านค้าต่างๆ ในห้างฯ ของเครือสยามพิวรรธน์ ได้เปิดให้บริการเเล้วราว 90% มีบางส่วนที่เหลือยังติดปัญหาเรื่องพนักงานซึ่งต้องกักตัวหลังกลับมาจากต่างจังหวัด คาดว่าในเดือน มิ.ย.จะสามารถเปิดได้เต็ม 100% เเละยังไม่มีร้านใดปิดตัวไป”

ช่วงก่อนหน้าที่จะกลับมาเปิดห้างฯ “ชฎาทิพ จูตระกูล” ซีอีโอแห่งกลุ่มสยามพิวรรธน์ ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือวิกฤต โดยมองว่าช่วงเดือน มิ.ย. – ส.ค.หากรัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ ทั้งทราฟฟิกลูกค้าและรายได้ศูนย์การค้าจะยังไม่สูง คาดว่าจะอยู่ที่ 30-40% ของปกติ และจะทยอยดีขึ้นตามลำดับ

สำหรับภาพรวมทั้งปี 2563 รวมผลกระทบที่ต้องปิดห้างฯ เกือบ 2 เดือน และระยะฟื้นตัว มองว่าธุรกิจศูนย์การค้ารวมร้านค้าภายในทั้งประเทศจะสูญเสียรายได้ 50% จากทั้งธุรกิจที่เคยทำรายได้ให้ประเทศ 1.75 แสนล้านบาทต่อปี

อ่านต่อ : “ชฎาทิพ” แห่ง “สยามพิวรรธน์” ตอบชัด 4 ประเด็น พร้อมเปิดประตูห้างฯ ในยุค New Normal

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ (ซ้าย) กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มบริหารงานขายเเละการตลาด บริษัทสยามอัลไลเเอนซ์ เเมเนจเม้นท์ (ขวา)

พารากอน ฮอลล์ : คอนเสิร์ต-อีเวนต์หาย มุ่งรับงานคนไทย 

ด้านธุรกิจอีเวนต์ นับว่าต้องเจอผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เเบบ “หนักหนาสาหัส” ทีเดียว เนื่องจากต้องงดจัดงานที่เป็นการชุมนุมของคนหมู่มากเเละยังไม่มีทางออกของสถานการณ์เเน่ชัด ทำได้เเค่ “ยกเลิกหรือเลื่อน”

กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มบริหารงานขายเเละการตลาด บริษัทสยามอัลไลเเอนซ์ เเมเนจเม้นท์ เปิดเผยว่า “รอยัล พารากอน ฮอลล์” ได้รับผลกระทบโดยตรง ถือว่าหนักที่สุดตั้งเเต่เปิดมา เพราะไม่มีรายได้เลยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่ขอเลื่อนไปจัดช่วงปลายปี คือไตรมาส 3-4 เเละช่วงต้นปีหน้า

“ส่วนใหญ่ขอเลื่อนมากกว่ายกเลิก ซึ่งบอกจำนวนเเน่ชัดไม่ได้ เพราะยังไม่มีความเเน่นอนโดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศที่ต้องคอยดูสถานการณ์ มาตรการภาครัฐเเละการเปิดประเทศที่ยังไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญว่าจะเลือกจัดหรือไม่จัดอีเวนต์”

สำหรับ “รอยัล พารากอน ฮอลล์” เปิดพื้นที่ให้จัดงานประชุม คอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่างๆ ราว 80-90 งานต่อปี โดยงานยอดนิยมที่สุดจะเป็นงานคอนเสิร์ตเเละการจัดนิทรรศการ (Exhibition) อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เพราะคอนเสิร์ตจะจัดวันสุดสัปดาห์ ส่วนนิทรรศการจะจัดช่วงวันธรรมดา

ในระหว่างที่ยังไม่เปิดให้มีการจัดงานอีเวนต์ ทีมงานมีการปรับตัวเพื่อลดค่าใช้จ่ายเเละเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ดูเเลเเละปรับปรุงพื้นที่ให้เข้ากับมาตรการควบคุมโรค คิดหาเเนวทางเพื่อให้ผู้ใช้บริการอุ่นใจเพื่อรองรับการกลับมาอีกครั้ง

มาตรการรักษาความสะอาดปลอดภัยในสยามพารากอน

“เเผนของเราคือในช่วง 6 เดือนนี้จะโฟกัสกับงานในประเทศ กระตุ้นให้คนไทยช่วยคนไทย ประเดิมด้วยการจัดงานฟรี เปิดให้ SMEs มาขายของโดยไม่คิดค่าพื้นที่ มุ่งจัดอีเวนต์ให้ลูกค้าคนไทยก่อน จากนั้นช่วงต้นปี 2564 หากมีการเปิดบินระหว่างประเทศ ก็จะขยายไปหาลูกค้าในเอเชีย เเละถัดไปอีกปีจะขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก ตามที่เคยวางเป้าหมายไว้ก่อนเกิดวิกฤต”

ด้านสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เผยผลสำรวจทางธุรกิจพบว่า หากรัฐบาลปลดล็อกดาวน์ ผู้ประกอบการจะสามารถจัดงานได้ไม่ต่ำกว่า 900 งาน ทั้งในส่วนของงานประชุมสัมมนา (Meeting & Incentive) การประชุมอบรม (Convention) งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibition) การจัดงานอีเวนต์ส่งเสริมธุรกิจ และสร้างงานให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ภายในประเทศราว 7 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าในการผลักดันเศรษฐกิจ สร้างรายได้เข้าประเทศไทยเป็นกว่า 35,000 ล้านบาท ระหว่างเดือน มิ.ย. 2563 ถึง เดือน มี.ค. 2564

กระตุ้นใช้จ่าย “ไทยช่วยไทย” เปิดพื้นที่ให้ขายของฟรี 

จากเเผนที่จะฟื้นเศรษฐกิจในประเทศเเบบ “ไทยช่วยไทย” นำมาสู่โครงการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะมีการนำพื้นที่จัดงานอีเวนต์ของพารากอน ฮอลล์ (ที่ว่างอยู่) เเละภายให้ห้างฯ ของเครือสยามพิวรรธน์ มาจัดแคมเปญ “I Love Siam-Smile Together” เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานและผู้ประกอบกการที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของที่คนไทยผลิต เป็นการนำโมเดลธุรกิจรีเทลใหม่ที่เรียกว่า “ระบบนิเวศค้าปลีก” มาสร้างการค้าเชื่อมโยงระหว่างผู้ขายเเละผู้ซื้อ ซึ่งจะมีการนำร่องใน 4 โครงการหลัก ได้เเก่

1.ตลาดนัดยิ้มสยาม : เปิดพื้นที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และทรูไอคอน ฮอลล์ รวม 10,000 ตารางเมตร จัดกิจกรรม ‘ตลาดนัดยิ้มสยาม’ ร่วมกับพันธมิตร ให้พนักงานและผู้ประกอบการจากทั่วประเทศที่รับกำลังเดือดร้อนจากวิกฤตครั้งนี้ มาจำหน่ายสินค้า โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ วันที่ 24 – 28 มิ.ย. ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ และวันที่ 1 – 5 ก.ค. 2563 ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ อย่างไรก็ตาม วันและเวลาอาจมีเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล

“ด้วยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การจัดบูธก็ต้องมีการเว้นพื้นที่จากเดิมพารากอนฮอลล์ รองรับผู้ประกอบการได้ 400 ร้านก็จะเหลือ 120 ร้าน ส่วนทรูไอคอนก็จะเหลือประมาณ 90 ร้าน ขณะที่จำนวนผู้บริโภคที่จะเข้ามาร่วมงาน ตอนนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยรวมทราฟฟิกของห้างลดลง 50% สัดส่วนร่วมงานก็น่าจะลดลงกว่านี้มาก เพราะต้องมีมาตรการการคัดกรองต่างๆ ด้วย”

สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาร้านที่จะเข้ามาเปิดขายครั้งนี้ จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือผู้ที่ตกงานจาก COVID-19 ไม่จำกัดหมวดสินค้า เเต่ต้องเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย มีคุณภาพ ราคาเป็นธรรม โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line @RoyalParagonHall เเละ @TrueconHall

2. Siam Smile Space : เปิดพื้นที่ทำงานให้ทุกคนมาทำงานแบบ co-working space ในศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ อย่างสยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และไอคอนสยาม ได้ฟรี มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย Wifi และอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมมาตรการดูแลสุขอนามัยขั้นสูงสุด เริ่มเปิดให้ใช้พื้นที่ได้ในเดือน มิ.ย. 2563 เป็นต้นไป

3.โครงการฟื้นใจไทย : เปิดพื้นที่ให้จำหน่ายสินค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เปิดเมืองสุขสยาม ถึงวันที่ 15 มิ.ย. 2563 รองรับ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มบุคคลทั่วไปหรือนักธุรกิจ กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน อัตลักษณ์ไทยจาก 77 จังหวัด และกลุ่มเกษตรกรผลไม้คุณภาพจากสวนดัง และเกษตรกรไทยดีเด่น แบ่งจำหน่ายรอบละ 7-10 วัน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันใน 3 พื้นที่ คือ บริเวณธนบุรีดีไลท์, ลานเมือง 1 และ ลานเมือง 2 จัดตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2563 เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G

4. ไทยช่วยไทย ยิ้มไปด้วยกัน : เป็นความร่วมมือของสยามพิวรรธน์ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดมหกรรมผลไม้ 5 ภาค และของใช้อุปโภคบริโภคซึ่งเป็นของดีประจำจังหวัด ส่งตรงจากชาวสวน และผู้ผลิตจากทั่วประเทศไทย มาจำหน่ายบนพื้นที่ของศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จัดขึ้นในเดือน ก.ค. 2563 ณ ลานพาร์คพารากอน สยามพารากอน

“เราต้องช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ก่อน เพราะถ้าพวกเขารอด เราก็รอด เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวได้อีกครั้ง คนไทยต้องช่วยกันให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้” ผู้บริหารกลุ่มสยามพิวรรธน์กล่าว

]]>
1281010