วัน ออริจิ้น – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 29 Aug 2023 13:01:59 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “วัน ออริจิ้น – โนมูระ” เปิดมิกซ์ยูสโรงแรม-รีเทลสุขุมวิท 24 เจาะกลุ่มลูกค้า expat “ญี่ปุ่น” https://positioningmag.com/1442779 Tue, 29 Aug 2023 11:15:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442779 พาร์ทเนอร์ร่วมทุน “วัน ออริจิ้น” และ “โนมูระ” เปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสสร้างเสร็จใหม่ “วัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24” ประกบโรงแรมเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์แบรนด์ “สเตย์บริดจ์” จาก IHG เข้ากับคอมมูนิตี้มอลล์ “เนเบอร์” ดึงซูเปอร์ฯ “UFM Fuji” เป็นแม่เหล็กเอาใจลูกค้าเป้าหมาย expat “ญี่ปุ่น”

ความร่วมมือระหว่าง “ออริจิ้น” กับทุนญี่ปุ่น “โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์” นั้นมีการจอยต์เวนเจอร์กันมาต่อเนื่อง 23 โครงการในไทย โดยล่าสุดเป็นโครงการ “วัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24” มิกซ์ยูสย่านพร้อมพงษ์ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมทำรายได้ให้กับบริษัท

มิกซ์ยูสแห่งนี้มีเนื้อที่ 3 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 แบ่งเป็นส่วนโรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ “สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท” จำนวนห้องพัก 411 ห้อง กับส่วนคอมมูนิตี้มอลล์สูง 8 ชั้น “เนเบอร์ 24” (Neighbor 24) พื้นที่เช่า 4,380 ตารางเมตร

วัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24
โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท

“ปิติ จารุกำจร” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO แกนหลักจากออริจิ้นในการลงทุนโครงการนี้ ระบุว่าโครงการวางเป้าหมายเจาะกลุ่มชาว “ญี่ปุ่น” ที่มาทำงานในไทย (expat) โดยเฉพาะ ด้วยทำเลโครงการอยู่ในทำเลพร้อมพงษ์ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของชาวญี่ปุ่น

ตัวโรงแรมจะเน้นลูกค้าอาศัยระยะยาว (long stay) ลักษณะเป็นเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ 60% และเป็นโรงแรมทั่วไป (short stay) 40% โดยมีการออกแบบทั้งในห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางให้ตรงใจชาวญี่ปุ่น

บรรยากาศใน UFM Fuji สาขาเนเบอร์ 24

ส่วนคอมมูนิตี้มอลล์ เนเบอร์ 24 มีแม่เหล็กสำคัญคือ ซูเปอร์มาร์เก็ต “UFM Fuji” มาเปิดสาขาที่ 5 ที่นี่ รวมถึงมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร จากญี่ปุ่นเข้ามาทั้งหมด เช่น ร้านกาแฟ Café Kaldi, ร้านทงคัตสึ โคเซกิ มาเปิดสาขาที่ 2 ต่อจากสาขาไอคอนสยาม, ร้านโดรายะ ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังจากฮ่องกง เข้ามาในไทยเป็นสาขาแรก

 

ออกแบบโดยคน “ญี่ปุ่น”

ด้าน “นาโอมิ เอนโดะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนมุระ เรียล เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า ทางบริษัทมีความรู้ความเข้าใจถึงความต้องการของคนญี่ปุ่น และจากการวิเคราะห์ตลาดโรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ในย่านพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ทำให้เห็นว่าแม้จะมีคู่แข่งมาก แต่สเตย์บริดจ์ยังสร้างความแตกต่างได้

โดยกุญแจหลักที่จะสร้างความนิยมในหมู่คนญี่ปุ่น คือ “เลย์เอาต์และการออกแบบห้อง” จะต้องเน้นพื้นที่ห้องนั่งเล่นมากกว่าห้องนอน เน้นที่เก็บของมาก มีอ่างอาบน้ำ มีฝาสุขภัณฑ์อัตโนมัติ (washlet) มีโต๊ะทำงาน และมีระเบียง

อนเซ็นในโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท เพดานสูงและพื้นที่กว้าง ออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่น

รวมถึง “ส่วนกลาง” ของตึกที่จะช่วยส่งเสริมความนิยมในสเตย์บริจ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท คือการมี “อนเซ็น” กว้างและเพดานสูงแบบญี่ปุ่น มีห้อง “Golf Simulator” เพราะคนญี่ปุ่นชื่นชอบกีฬากอล์ฟอย่างมาก รวมถึงการเป็นมิกซ์ยูสที่มีซูเปอร์มาร์เก็ต UFM Fuji อยู่ใกล้ๆ จะเข้ากับไลฟ์สไตล์แม่บ้านญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้โครงการนี้มีอัตราการเข้าพักที่ดี ได้ลูกค้าตามเป้าหมาย

 

มั่นใจดันราคาได้สูงกว่าตลาด

ปิติกล่าวต่อว่า สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท เริ่มเปิดซอฟต์ โอเพนนิ่งบางส่วนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่าได้ผลตอบรับที่ดี ปัจจุบันมีอัตราการเช่าและเข้าพักเกิน 50%

ห้องพักแบบ 2 ห้องนอน

เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะบริษัทเคยเปิดโครงการแรกมาก่อนในทำเลใกล้เคียง คือ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ ซึ่งเปิดเมื่อปี 2563 และใช้กลยุทธ์เดียวกันคือการเจาะกลุ่มชาวญี่ปุ่นพักในเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์จนโครงการดังกล่าวมีอัตราเข้าพักแตะ 80% การมีโครงการแรกมาก่อนทำให้มีฐานลูกค้าที่จองล่วงหน้าเพื่อเข้ามาเช่าในโครงการสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท

ส่วนที่พักในโซนโรงแรมแบบพักระยะสั้นนั้น หวังลูกค้าหลักเป็นชาวญี่ปุ่นอีกเช่นกัน โดยเน้นเป็นกลุ่มเดินทางเชิงธุรกิจ (business trip) กลุ่มนี้จะต้องการที่พักแบบญี่ปุ่นเพื่อให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน

(จากซ้าย) “จุนจิ คิคุจิ” ประธานกรรมการบริษัท ฟูจิ ซิติโอะ จำกัด, “ปิติ จารุกำจร” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน), “นาโอมิ เอนโดะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนมุระ เรียล เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด และ “ราจิต สุขุมารัน” กรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี IHG

ปัจจุบันสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท คิดราคาห้องพักแบบระยะสั้นที่ 4,000-4,500 บาทต่อคืน ส่วนค่าเช่าเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ คิดค่าเช่า 80,000-120,000 บาทต่อเดือน ปิติระบุว่าราคาทั้งพักระยะสั้นและระยะยาวถือว่าสูงกว่าตลาดเล็กน้อย แต่บริษัทมีความมั่นใจว่าการออกแบบทุกส่วนในโครงการจะถูกใจชาวญี่ปุ่นได้มากกว่า

“อัตราการเช่าเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ในย่านพร้อมพงษ์ทองหล่อนั้นค่อนข้างแตกต่างกันมากในแต่ละตึก ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 50-70% อัตราการเช่าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชอบ ความใช่ เราต้องทำให้โครงการของเราชนะในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้ผู้เช่าบอกต่อได้” ปิติกล่าว

]]>
1442779
“ออริจิ้น” 2566 เปิดศักราชพัฒนา “Smart City” ครอบคลุมทั่วประเทศ ปักหมุดเพิ่ม 5 จังหวัด https://positioningmag.com/1422289 Wed, 08 Mar 2023 07:38:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422289 “ออริจิ้น” เปิดกลยุทธ์ Infinity 2023 เริ่มต้นกระจายโมเดลธุรกิจ “Smart City ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ หลังพิสูจน์ความสำเร็จแล้วในเขตอีอีซี โดยปีนี้จะเห็นภาพชัดใน 5 จังหวัดใหม่ ขยับไปด้วยกันทั้งเครือตั้งแต่ที่พักอาศัย โรงแรม รีเทล จนถึงหน่วยธุรกิจเฮลธ์แคร์

บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ นับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เอาตัวรอดและเติบโตได้ท่ามกลางโรคระบาด โดยเมื่อปี 2565 บริษัทปิดยอดขายที่กว่า 41,000 ล้านบาท และมียอดโอนกรรมสิทธิ์กว่า 18,500 ล้านบาท พร้อมขยายตัวต่อในปี 2566 ซึ่งประเทศไทยเข้าสู่ช่วงหลังโควิด-19

“ธีมปีนี้คือเที่ยวทั่วไทยไปกับออริจิ้น คือเราจะขยายออกไปต่างจังหวัดมากกว่าที่เคย และเราจะเน้นการจ้างงานในท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นำรายได้เข้าพื้นที่” พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของออริจิ้น กล่าวถึงภาพใหญ่ของแผนในปีนี้

ทีมงานกลุ่มออริจิ้น

การขยายไปต่างจังหวัดของบริษัทจะเน้นการไปพัฒนาแบบมิกซ์ยูส มีหลายรูปแบบธุรกิจอยู่ร่วมกันในพื้นที่ หรือถ้าเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ก็จะพัฒนาแบบครบวงจรแบบ “Smart City”

ที่ผ่านมา Smart City แบบออริจิ้นมีการพัฒนาแล้วทั้งในกรุงเทพฯ ที่รามอินทรา มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ปัจจุบันส่วนที่พักอาศัยมียอดขายแล้ว 90% ขณะที่ต่างจังหวัดมีใน จ.ระยอง มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท ที่พักอาศัยขายแล้ว 70% อีกแห่งหนึ่งคือที่แหลมฉบัง-ศรีราชา มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โครงการนี้ที่พักอาศัยขายหมด sold out เรียบร้อยแล้ว

โครงการรูปแบบนี้เป็นการจัดแบ่งที่ดินให้เป็นเมืองในตัวเอง ด้านหน้าอาจจะมีทั้งโรงแรม รีเทล คอนโดมิเนียม และถ้าเป็นที่ดินแปลงใหญ่ ด้านหลังอาจจะพัฒนาที่พักอาศัยแนวราบเพิ่มได้ด้วย ยิ่งในปีนี้ออริจิ้นมี บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด มาเสริมทัพด้านธุรกิจสุขภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ในโครงการเหล่านี้ก็จะมีองค์ประกอบด้านธุรกิจสุขภาพผนวกเข้าไปในจุดที่เหมาะสม

 

เปิดเพิ่มอีก 5 จังหวัด เริ่มบุกเมืองท่องเที่ยว

อย่างที่เห็นว่าที่ผ่านมาออริจิ้นบุกไปในจังหวัดอีอีซีเป็นหลัก แต่หลังจากนี้บริษัทจะเริ่มพัฒนา Smart City ในเมืองท่องเที่ยวและเมืองที่มีจุดเด่นด้านเศรษฐกิจในแง่อื่นเพิ่มเติม โดยมีแผนดังนี้

  • ภูเก็ต – จุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก
  • หัวหิน – จุดหมายการพักผ่อนริมทะเล ส่วนหนึ่งในแผน Thailand Riviera
  • เขาใหญ่ – จุดหมายการท่องเที่ยวแบบนันทนาการ ประตูสู่ภาคอีสาน
  • ขอนแก่น – เมืองแห่งการศึกษาของภาคอีสาน และเป็นจุดหมาย MICE City
  • เชียงใหม่ – เมืองจุดหมายของการเกษียณอายุทั้งคนไทยและ expat
รวมการเปิด Smart City สะสมในปี 2023

“การพัฒนาเหล่านี้เป็นเหมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ และต่อไปเราจะขยายไปเมืองรอบข้างได้โดยอาจจะทำในไซส์เล็กลงมาให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ เช่น เมื่อมีอยุธยาก็ขยายไปนครสวรรค์หรือสระบุรี มีภูเก็ตก็ขยายเข้าพังงาหรือกระบี่ มีระยองแล้วก็ขยายเข้าไปในจันทบุรี เป็นต้น” พีระพงศ์กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในระยะยาว

สรุปตัวเลขสำคัญของปี 2566 ในแผนออริจิ้น ได้แก่

  • เปิดตัวโครงการบ้านและคอนโดฯ 42 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท
  • ลงทุนกลุ่มโรงแรมและคลังสินค้า 30,000 ล้านบาท
  • เป้าหมายยอดขาย 45,000 ล้านบาท
  • เป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ 30,000 ล้านบาท (รวมโครงการ JV ซึ่งเป็น 50% ของยอดโอนทั้งหมด)
  • เป้าหมายรับรู้รายได้ 19,000 ล้านบาท

 

แบรนด์ “ดิ ออริจิ้น” กลับมาพร้อมเป็นอาวุธบุกต่างจังหวัด

“อภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด รับไม้ต่อถึงการเจาะลึกโครงการแนวสูงที่จะเปิดตัวปี 2566 จะมีทั้งหมด 22 โครงการ มูลค่ารวม 27,500 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งโครงการในกรุงเทพฯ และโครงการต่างจังหวัด บางส่วนเป็นการประเดิมเปิด Smart City

ไฮไลต์ปีนี้อยู่ที่การกลับมาอีกครั้งของแบรนด์ “ดิ ออริจิ้น” แบรนด์ระดับราคา 50,000-80,000 บาทต่อตร.ม. ที่จับต้องได้ง่าย ในแผนปีนี้จะเปิด 7 ทำเล แบ่งเป็นทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คือ บางแค บางพลี และทำเลต่างจังหวัด คือ บางปะกง ขอนแก่น ภูเก็ต พัทยา และบางแสน

ส่วนโครงการอื่นๆ ที่ไปบุกต่างจังหวัด จะมีในระดับราคาที่สูงขึ้น เช่น ไนท์บริดจ์ สเปซ ระยอง, โซ ออริจิ้น เขาใหญ่, โซ ออริจิ้น ภูเก็ต 2, ออริจิ้น เพลซ เชียงใหม่ และออริจิ้น เพลซ หัวหิน

ออริจิ้น Smart City
แผนการเปิดโครงการคอนโดฯ ทั้งหมดของออริจิ้น ปี 2566

 

วัน ออริจิ้น เปิดต่อเนื่อง 7 โครงการ

“ปิติ จารุกำจร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เปิดแผนของฝั่งที่จะเป็น Recurring Income ปีนี้จะมีการเปิดเพิ่มอีก 7 โครงการที่จะทำให้บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสะสม 20,000 ล้านบาท

ไฮไลต์ของปีนี้เป็นการเปิด โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท (ทำเลพร้อมพงษ์) มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท, โรงแรมอินเตอร์คอนทิเนนทัล แบงค็อก สุขุมวิท (ทำเลซอยสุขุมวิท 59) มูลค่าโครงการ 3,800 ล้านบาท และโครงการมิกซ์ยูส วัน พญาไท มูลค่าโครงการ 3,800 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังต่อยอดแบรนด์รีเทล Portobello จากศรีราชา ปีนี้จะเปิดอีก 2 ทำเล คือ แจ้งวัฒนะ และ ระยอง

โครงการของวัน ออริจิ้น ที่จะเปิดปี 2566

วัน ออริจิ้น ยังมีแผนงานในไปป์ไลน์ที่กำลังก่อสร้างหรือออกแบบอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม 25,500 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะได้เห็นการไปเติมเต็ม Smart City ในทำเลใหม่ต่างๆ เช่น โรงแรมในหัวหิน 258 ห้อง, โรงแรมในเขาใหญ่ 140 ห้อง หรือโรงแรมรูปแบบเวลเนสในภูเก็ต 578 ห้อง เป็นต้น

ออริจิ้น 2566
แผนวัน ออริจิ้นที่ยังอยู่ในไปป์ไลน์

“เฮลธ์แคร์” เป็นซอฟต์แวร์ประกบในโครงการ

ด้านธุรกิจสุขภาพ “ผศ.นพ.ชวกิจ ภูมิบุญชู” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด อธิบายว่า โมเดลธุรกิจจะเข้าไปเป็นเหมือน ‘ซอฟต์แวร์’ ที่เข้าไปเชื่อมกับฮาร์ดแวร์ทั้งเครือออริจิ้น หลักๆ ได้เริ่มงานกับธุรกิจโรงแรมก่อน และปีนี้จะเริ่มเห็นการจับมือไปกับบ้านบริทาเนียและคอนโดฯ

แผนงานปีนี้ของธุรกิจสุขภาพ จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ

1.Health Club – เข้าไปเป็นเฮลธ์แคร์ เซอร์วิสให้กับโครงการ เน้นเวชศาสตร์เชิงป้องกัน เช่น ดูแลด้านโภชนาการอาหาร เป้าหมายเปิด 2 โครงการ

2.Mediplex – เป็นสหคลินิกที่เข้าไปอยู่ในชุมชนเพื่อรองรับความต้องการด้านต่างๆ เช่น บิวตี้ เวลเนส เส้นผม ทันตแพทย์ จิตแพทย์ ร้านขายยา Pet Club เป้าหมายเปิด 22 โครงการ

3.โรงพยาบาล – ในลักษณะโรงพยาบาลแบบเฉพาะทางขนาดไม่ใหญ่ เข้าไปอยู่ในชุมชน ใกล้คนมากขึ้น และจะเน้นเรื่องสังคมผู้สูงอายุ เป้าเปิดตัว 1 โครงการ

รวมทั้งหมดปีนี้จะมีเปิดใน 25 โครงการ คาดรายได้ปี 2566 อยู่ที่ 250 ล้านบาท และมีเป้าหมายปี 2568 จะเพิ่มเป็น 55 โครงการ และทำรายได้ 500 ล้านบาท

“ออริจิ้น” ยังมีเครื่องยนต์อีกมากทั้งกลุ่มบริทาเนียซึ่งพัฒนาบ้านแนวราบ และกลุ่มอัลฟาที่ดูแลการพัฒนาคลังสินค้า-โลจิสติกส์ ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจบริการต่างๆ ที่อยู่ใน ‘มัลติเวิร์ส’ ของบริษัท หากรวมทั้งกลุ่มแล้ว พีระพงศ์ตั้งเป้าให้กลุ่มออริจิ้นมีมาร์เก็ตแคปขึ้นไปแตะ 1 แสนล้านบาทภายในปี 2569 ซึ่งจะทำให้เป็นบริษัทอสังหาฯ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ

]]>
1422289