South China Morning Post รายงานข่าวว่า Eric Xu รองประธานของ Huawei กล่าวว่าคนจีนจะต้องสนับสนุนเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตภายในประเทศ เพื่อที่จะไล่ตามเทคโนโลยีของคู่แข่งจากต่างประเทศได้ ซึ่งคำกล่าวดังกล่าวนั้นตามหลังมาจากการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่น Mate 60 Pro ที่สร้างความฮือฮาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

รองประธานของ Huawei ได้กล่าวในสุนทรพจน์ที่การประชุม World Computing Conference ปี 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฉางซา เมืองเอกของมณฑลหูหนาน ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของจีน โดยเขากล่าวว่า “หากเราใช้พวกมัน (ชิป) ในวงกว้าง ก็เป็นไปได้ว่าจะช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของเรา”

เขายังชี้ว่าถ้าหากชาวจีนยังใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นของต่างประเทศ ช่องว่างทางเทคโนโลยีที่จีนไล่ตามหลังอยู่จะยังไม่สามารถปิดลงได้

คำกล่าวของเขาตามหลังมาจากการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่น Mate 60 Pro ใช้ชิป Kirin 9000s ซึ่งเป็นชิปที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของ SMIC บริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติจีน และชิปดังกล่าวยังรองรับการเชื่อมต่อ 5G แม้ว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้จะมีการวางขายจำนวนจำกัดก็ตาม

การที่ Huawei ใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีนเกือบทั้งทั้งหมด (ยกเว้นแรมของเครื่องที่มาจากเกาหลีใต้ และชิ้นส่วนบางชนิด) นั้นสื่อว่าบริษัทต้องการที่จะตอบโต้สหรัฐอเมริกาที่คว่ำบาตร และแสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จากจีนรายนี้มีความสามารถที่จะพึ่งพาตัวเองได้

เขายังชี้ว่าเป็นความท้าทาย หรือเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้เลย หากบริษัทจะจัดหาชิปที่มีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา และนั่นทำให้บริษัทจีนจะต้องพัฒนาชิปเองเพื่อที่จะลดความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ดีรองประธานของ Huawei มองว่าเทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของจีนจะยังคงอยู่ในสภาวะไล่ตามคู่แข่ง และต้องใช้เวลานาน

จากการถูกขึ้นบัญชีดำของสหรัฐฯ ทำให้รายได้จากฝั่งคอนซูมเมอร์ของหัวเว่ยลดลง 29% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุด จากที่ในปี 2563 หัวเว่ยเคยขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟน แต่หลังจากนั้นก็หลุดจาก 5 อันดับแรก โดย Guo Ping ประธานของหัวเว่ย กล่าวว่า บริษัทจะไม่ยอมแพ้และวางแผนที่จะกลับมาทวง ‘บัลลังก์’ ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน แม้ว่าบริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ก็ตาม

ที่ผ่านมา ปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของหัวเว่ยหลังจากถูกสหรัฐฯ แบนคือ ผู้ผลิตชิปในจีนไม่มีความสามารถในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ล้ำสมัยที่บริษัทต้องการ ดังนั้น หัวเว่ยจะร่วมกับพันธมิตรเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหัวเว่ยในอนาคต

“ทุกคนรู้ดีว่าชิปโทรศัพท์ต้องการเทคโนโลยีขั้นสูงในขนาดที่เล็กและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งหัวเว่ยสามารถออกแบบได้ แต่ไม่มีใครช่วยเราได้ อย่างไรก็ตาม เราจะยังคงรักษากลุ่มสมาร์ทโฟน และด้วยความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการผลิตชิป บัลลังก์ของสมาร์ทโฟนจะกลับมาในที่สุด” Guo Ping ประธานของ Huawei กล่าว

ในเดือนพฤศจิกายน หัวเว่ยจำใจต้องขายแบรนด์ Honor ที่เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนจับตลาดล่างเพื่อรักษาธุรกิจให้อยู่รอด โดยหัวเว่ยได้เปลี่ยนโฟกัสไปยังธุรกิจอื่น ๆ เช่น ซอฟต์แวร์และคลาวด์คอมพิวติ้ง เนื่องจากธุรกิจสมาร์ทโฟนยังคงเผชิญกับอุปสรรค

Source