ย้อนไปปี 2019 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นบัญชีดำ หัวเว่ย (Huawei) ทำให้บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ไม่สามารถทำธุรกิจกับหัวเว่ยได้ ซึ่งนั่นรวมไปถึงบริษัทผู้ผลิตชิปเซ็ตที่รองรับ 5G ทำให้สมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ของหัวเว่ยต้องใช้ชิปที่กักตุนไว้เท่านั้น
บริษัท Qualcomm ถือเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิปสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะในฝั่งระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ แต่เพราะมาตรการคว่ำบาตร หัวเว่ย จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ทำให้บริษัทไม่สามารถอนุมัติสัญญาซื้อขายใหม่กับหัวเว่ยได้ โดยมีเพียงสัญญาซื้อขายเดิมที่มีอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม สัญญาเดิมก็ยังครอบคลุมให้หัวเว่ยมีเวลาสต็อกชิปจาก Qualcomm ได้อีกนานหลายปี
ดังนั้น หลายคนคาดว่าจะได้เห็นมือถือรุ่นใหม่พร้อมชิป Snapdragon ต่อไป โดยเฉพาะ Mate 60 series ที่จะเปิดตัวในปีนี้ แต่หัวเว่ยก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัว Mate 60 Pro โดยใช้ชิปเซ็ต Kirin 9000s ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของ Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) บริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติจีน โดยชิปเซ็ตดังกล่าวรองรับการเชื่อมต่อ 5G
การที่หัวเว่ยเลือกจะใช้งานชิปเซ็ต 5G ที่ผลิตในจีนโดยบริษัทจีน ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า หัวเว่ยต้องการตอบโต้สหรัฐฯ โดยสื่อว่า “เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริษัทสหรัฐฯ” หลังจากที่บริษัทถูกขึ้นบัญชีดำตั้งแต่ปี 2019 ทำให้หัวเว่ยไม่สามารถใช้งานบริการของ Google รวมถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ทำให้หัวเว่ยต้องใช้งาน Harmony OS ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นมาเอง
หลังจากเปิดตัว Mate 60 Pro ก็ถูกขายจนเกลี้ยงร้านช่องทางออฟฟิเชียลสโตร์บนออนไลน์ โดย Ivan Lam นักวิเคราะห์อาวุโสจากฮ่องกงกับที่ปรึกษาด้านตลาด Counterpoint Research กล่าวว่า Huawei คาดว่า Huawei จะมียอดขาย Mate 60 Series ไม่น้อยกว่า 7 ล้านเครื่อง ยกเว้นจะมีปัญหาด้านซัพพลายเชน ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า หัวเว่ยกำลังเตรียมสต็อก Mate 60 Series อย่างน้อย 15 ล้านเครื่อง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2023 หัวเว่ยได้กลับสู่ตำแหน่งผู้เล่น Top5 ในตลาดสมาร์ทโฟนของจีน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดจัดส่ง 14.3 ล้านเครื่อง ตามรายงานของ IDC และการที่หัวเว่ยเปิดตัว Mate 60 Series ก่อนที่ Apple จะเปิดตัว iPhone 15 ในช่วยปลายเดือนนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะมี ผลกระทบบางอย่าง ต่อเซกเมนต์ไฮเอนด์ของตลาดสมาร์ทโฟนจีน
“Mate 60 series แสดงให้เห็นว่าหัวเว่ย ผ่านข้อจํากัดภายนอกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและถูกกําหนดให้มีการแข่งขันสูงมากในกลุ่มระดับพรีเมียมของตลาดในปีนี้”