สื่อสิ่งพิมพ์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 26 Jun 2020 09:01:36 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สื่อใหญ่วิกฤต! “ไทยรัฐ” ปรับลดคน 50% “เดลินิวส์” เปลี่ยนคุณแดง ประภา คุม บก.บห. https://positioningmag.com/1285300 Fri, 26 Jun 2020 08:22:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285300 สะพัดวงการสื่อ ไทยรัฐปรับลดพนักงานลง 50% หลังประสบภาวะขาดทุน ด้านเดลินิวส์ “ประชา เหตระกูล” ลาออก เปิดทาง “คุณแดง ประภา” ขึ้นมาคุมแทน

รายงานข่าวแจ้งว่า ในโซเชียลมีเดียมีการวิจารณ์กรณีที่มีเฟซบุ๊ก “สยามโพสต์” ระบุว่า หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กำหนดส่งรายชื่อ พนักงานที่จะถูกจ้างออก ให้กับผู้บริหาร โดยจะมีการจ้างออก 50% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด โดยมีการเจรจาระหว่างผู้บริหาร หัวหน้าโต๊ะข่าว และพนักงาน เกี่ยวกับการกำหนดให้ใครจะได้ไปต่อ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ระบุว่า ประชา เหตระกูล บรรณาธิการบริหาร จะลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้ ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด หรือคุณแดง เข้ามาบริหารงานแทน ทำให้เกิดคำถามว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับบรรณาธิการข่าว โต๊ะข่าวต่างๆ รวมถึงนโยบายลดคนตามมาด้วยหรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยังพนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายหนึ่ง ยืนยันว่าเป็นความจริง โดยมีการลดคน 50% แต่ถึงกระนั้นไม่ได้กล่าวรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมออกมา

สำหรับผลประกอบการบริษัท วัชรพล จำกัด ในปี 2562 พบว่า

  • มีรายได้รวม 1,706 ล้านบาท
  • รายจ่ายรวม 1,722 ล้านบาท
  • ขาดทุนสุทธิ 36 ล้านบาท

เมื่อปี 2561 มีกำไรสุทธิ 313 ล้านบาท และปี 2560 มีกำไรสุทธิ 603 ล้านบาท

]]>
1285300
รัฐบาล ‘ออสเตรเลีย’ มีแผนบังคับ Facebook และ Google แบ่งรายได้ 10% ให้สื่อท้องถิ่น https://positioningmag.com/1283782 Tue, 16 Jun 2020 09:08:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1283782 แน่นอนว่าการลง ‘โฆษณา’ จำเป็นต้องอยู่ในสื่อที่มีคนเห็นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า Social Media ที่เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก จะเป็นตัวเลือกหลักในยุคนี้ โดยเฉพาะช่วง Covid-19 ที่ผ่านมา แน่นอนว่าสื่อดั้งเดิมอย่าง ‘สิ่งพิมพ์’ เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดนผลกระทบไปเต็ม ๆ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าประเทศ ‘ออสเตรเลีย’ กำลังหาทางแก้ปัญหานี้อยู่

ออสเตรเลีย มีแผนที่จะบังคับให้ Facebook และ Google แบ่งรายได้จากค่าโฆษณาที่ได้ให้กับสื่อท้องถิ่น โดยจุดเริ่มต้นของแผนนี้ ได้รับแรงผลักดันอย่างมากจาก บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่สองแห่งของออสเตรเลียคือ Rupert Murdoch’s News Corp และ Nine Entertainment

โดยทั้ง 2 บริษัทยืนยันว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมข่าวทั่วโลกนั้นส่วนใหญ่เป็นเพราะ Google, Facebook และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่มีรายได้จากการโฆษณาออนไลน์โดยไม่ได้ชดเชยบริษัทสื่ออย่างเป็นธรรม สำหรับการโฆษณากับเนื้อหาข่าวที่ไปเผยแพร่บนฟีดของแพลตฟอร์ม

เม็ดเงินโฆษณาที่เคยไหลไปยังหนังสือพิมพ์ก่อนหน้านี้ ได้ถูกลดทอนลง ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยในประเทศออสเตรเลีย News Corp, Nine Entertainment และสื่ออื่น ๆ ได้ประกาศลดจำนวนพนักงาน กองบรรณาธิการ โดยมีห้องข่าวและหนังสือพิมพ์มากกว่า 170 รายถูกปิดตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ACCC ผู้ควบคุมการแข่งขันของออสเตรเลียคาดการณ์ว่า Google และ Facebook มีรายได้ประมาณ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี จากการโฆษณา ขณะที่สำนักพิมพ์ชั้นนำเรียกร้องให้ทั้ง Facebook และ Google จ่ายเงินอย่างน้อย 10% ของรายได้ให้กับองค์กรข่าวท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่แล้ว Google ปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัฐ โดยอ้างว่ามันสร้างรายได้เพียง 10 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีจากโฆษณาที่เชื่อมโยงข่าว ส่วน Facebook ปฏิเสธข้อเรียกร้องไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเช่นกัน

Source

]]>
1283782
Next Normal วงการสื่อหลังยุค COVID-19 “สิ่งพิมพ์” เร่งตาย คนไม่อยากจับของ แต่สื่อในบ้านจะโตขึ้น https://positioningmag.com/1275800 Tue, 28 Apr 2020 10:02:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275800 มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ มองภาพวงการสื่อโฆษณาในยุค COVID-19 พายุลูกใหญ่ที่เข้ามาซ้ำเติมให้หนักมากขึ้น “สื่อสิ่งพิมพ์” จะยิ่งเร่งตาย เพราะคนเริ่มไม่อยากจับสิ่งของ ส่วนสื่อในบ้าน ทีวี และออนไลน์ ยังโตขึ้น แต่ยังมีจุดอ่อนที่นักการตลาดต้องกุมขมับ

สื่อโฆษณาส่อติดลบ 15-20% หนักสุดเป็นประวัติการณ์

จากวิกฤต COVID-19 ได้แผลงฤทธิ์ไปทั่วโลก ทำให้ทุกธุรกิจต่างหยุดชะงัก ทำให้สื่อโฆษณาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะแบรนด์ก็ใช้งบน้อยลง ส่วนทางผู้บริโภคเองก็ไม่มีกำลังซื้อ เรียกว่าปีนี้เป็นปีแห่งความยากลำบากของวงการสื่อ

จริงๆ วงการสื่อโฆษณาส่อแววหนัหน่วงมาหลายปีแล้ว มียอดการหดตัวอยู่ตลอด พอเจอวิกฤต COVID-19 ยิ่งตอกย้ำภาวะตลาดที่ซบเซามากขึ้นไปอีก เป็นสถานการณ์ที่หนักสุดในรอบประวัติการณ์

มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ ได้เปิดเผยตัวเลขงบสื่อโฆษณาในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 มีตัวเลขลดลง 6.02% มีมูลค่า 19,892 ล้านบาท มีการคาดการณ์ว่าทั้งปี้จะมีมูลค่างบสื่อโฆษณาทั้งหมด 77,124 ล้านบาท หดลงมากถึง 15-20% จากปีก่อน โดยที่งบโฆษณาทางทีวีจะเหลือเพียงแค่ 40,000 ล้านบาท

ไวรัส… ตัวเร่งตายสื่อสิ่งพิมพ์

คำพูดที่ได้ยินกันเยอะมากที่สุดในตอนนี้คือ New Normal หรือบรรทัดฐาน การใช้ชีวิตแบบใหม่ หลังยุค COVID-19 แน่นอนว่าจะต้องเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างสิ้นเชิง ในวงการสื่อโฆษณาก็เช่นกัน สิ่งที่เปลี่ยนไปมีทั้งพฤติกรรมการเสพสื่อ และแลนด์สเคปของสื่อเองด้วย

ประเด็นนี้ “ภวัต เรืองเดชวรชัย” ผู้อำนวยการธุรกิจ-สายงานการวางแผน และกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI ได้ให้คำจำกัดความว่า Next Normal เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลัง COVID-19

“วงการสื่อโฆษณาได้ผ่านจุดยากมาหลายปี โดยที่ COVID-19 เป็นเหมือนพายุลูกใหญ่ ที่ไม่เข้ามาเปลี่ยนสถานการณ์ แต่เข้ามาซ้ำเติม เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้สถานการณ์ยิ่งยากขึ้น”

Next Normal ที่เห็นได้ชัดที่สุด และบาดใจที่สุด “สื่อสิ่งพิมพ์” หนังสือพิมพ์ นิตยสาร จะเร่งตายเร็วขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคจะไม่อยากจับแตะต้องสิ่งของที่เป็น Physical แต่สื่อที่อยู่ในบ้านจะมีการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี หรือออนไลน์ เพราะคนอยู่บ้านมากขึ้น ทำกิจกรรมบ้านมากขึ้น สื่อที่บ้านมีบทบาทเยอะขึ้น

“สื่อออนไลน์” ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาหลายปีก็ยังคงเป็นที่นิยม เพียงแต่จะมีความท้าทายเกิดขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มใช้หลายแพลตฟอร์ม นักการตลาดต้องจับพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ได้ แล้วทำการสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

คนอยู่บ้าน กลับมาดูทีวีมากขึ้น

จากจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้มีมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ “ทีวี” จึงได้รับอานิสงส์ คนกลับมาดูทีวีมากขึ้น 15% เสพคอนเทนต์ข่าวมากขึ้น เพราะต้องการแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ

ภวัต บอกว่า มาตรการ Social Distancing ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น มีการดูข่าวมากขึ้น 20% เพราะผู้บริโภคยังชอบดูข่าวผ่านทีวี เพราะอยากได้แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ที่ผ่านมาในโลกออนไลน์มี “เฟคนิวส์” เยอะ ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ

ปัจจัยเสริมอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทีวีมีราคาถูกลง ทั้งสมาร์ททีวี และทีวีจอใหญ่ ทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน

เมื่อผู้บริโภคมีการดูข่าวมากขึ้น สถานีต่างๆ ได้ใช้กลยุทธ์ขยายช่วงเวลาข่าวมากขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มผังรายการ เพื่อให้ได้โฆษณามากขึ้น แต่ไม่ได้ปรับขึ้นราคา แต่การขยายช่วงเวลาข่าว ก็ไม่ได้ทำให้สถานีมีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพราะการแข่งขันในวงการก็ยังคงสูงอยู่ โดยที่ 5 ช่องที่มีเรตติ้งรายการข่าวสูงที่สุด ได้แก่ ช่อง 7, ช่อง 3, ช่อง ONE, อัมรินทร์ และไทยรัฐทีวี

ภวัต เสริมว่า ตอนนี้ช่องทีวีเหลืออยู่ 15 ช่อง ยังเป็นตัวเลขที่มากไปอยู่ เมื่อเทียบกับเม็ดเงินโฆษณามูลค่า 4-5 หมื่นล้าน มองว่าการมีเพียงแค่ 6 ช่องเป็นตัวเลขกำลังดี

“ปัจจุบันทั้ง 15 ช่อง เหนื่อยหมด เจ็บตัวหมด ขาดทุนกันมาอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะถอดใจหรือไม่ หรือว่ามีกฎหมายพิเศษออกมา เชื่อว่าต้องมี 4-5 ช่องต้องออกมาอีกแน่ COVID-19 ทำให้ทีวีได้รับความนิยมโดยเฉพาะรายการข่าว แต่ไม่ได้มีโฆษณามากขึ้น แต่กลับกันเม็ดเงินทีวีหดตัวด้วยซ้ำ คิดว่ามีแค่ 6 ช่องน่าเหมาะสมกับเม็ดเงินที่มีอยู่ในตลาด 4-5 หมื่นล้าน”

จากการประเมินของ MI นั้น มองว่า หลังจากที่มีการปลดล็อกดาวน์ต่างๆ สินค้ากลุ่ม Low Involvement หรือกลุ่มของใช้สอยในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ สกินแคร์ เครื่องสำอาง จะกลับมาใช้งบโฆษณามากขึ้น แต่กลุ่ม High Involvement ที่ต้องอาศัยกำลังซื้อของผู้บริโภค อาจจะทำการตลาดเจาะกลุ่มบุคคลไป

ส่วนงาน “อีเวนต์” หรือการทำกิจกรรมออนกรานด์ อาจจะต้องหยุดพักไปจนถึงปลายไตรมาส 3 หรืออาจจะเริ่มได้ในไตรมาส 4 เลยทีเดียว

]]>
1275800
“เดลินิวส์” ลดคนครั้งใหญ่ เปิดโครงการสมัครใจเกษียณอายุก่อนกำหนด ชดเชยตามอายุงาน https://positioningmag.com/1275500 Mon, 27 Apr 2020 10:01:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275500 ธุรกิจสื่อมวลชนระส่ำ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์เปิดโครงการสมัครใจเกษียณอายุก่อนกำหนด ให้พนักงานลาออก รับเงินชดเชยตามอายุงานตั้งแต่ 30-400 วัน ระบุ ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้เครือเนชั่นเพิ่งผ่าตัดองค์กรครั้งใหญ่

รายงานข่าวแจ้งว่า ประพิณ รุจิรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและธุรกิจ บริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด เจ้าของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้ออกประกาศ เรื่อง โครงการสมัครใจเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงโครงสร้างและการบริหารอัตรากำลังภายในองค์กรอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และเพื่อปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนทางบุคลากร และลดภาระค่าใช้จ่ายโดยรวมในระยะยาว

โดยพนักงานบริษัทฯ ทุกระดับ ที่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ ให้ส่งรายชื่อพนักงานไปให้หัวหน้าฝ่าย เพื่อรวบรวมแล้วนำส่งมาที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ภายในวันที่ 31 พ.ค. เพื่อเสนอต่อบริษัทฯ ให้พิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติ และแจ้งผลการพิจารณาให้พนักงานที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ทราบ ซึ่งจะได้รับเงินชดเชยตามอายุงาน ตั้งแต่วันที่เข้าทำงานกับบริษัทฯ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ในอัตราตั้งแต่ 30-400 วัน ขึ้นอยู่กับอายุงาน

โครงการดังกล่าวมีหลักการก็คือ บริษัทฯ จะพิจารณาเห็นชอบพนักงานที่ขอลาออกตามโครงการฯ นี้ เป็นความต้องการและสมัครใจร่วมกันทั้งสองฝ่ายระหว่างบริษัทฯ กับพนักงาน เป็นสิทธิฝ่ายเดียวของบริษัทฯ ในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้พนักงานลาออกตามโครงการ กรณีที่มีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณาคัดเลือกตามเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทฯ

พนักงานที่ได้รับการอนุมัติจากบริษัทฯ แล้ว จะยกเลิกการลาออกตามโครงการฯ ภายหลังไม่ได้ และต้องมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ พร้อมทั้งส่งมอบงานให้เรียบร้อยก่อนสิ้นสภาพการเป็นพนักงาน และบริษัทฯ จะไม่รับพนักงานที่ได้รับการอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ กลับเข้าทำงานในฐานะพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทฯ อีก ทั้งนี้ พนักงานที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ จะมีผลในวันที่ 1 ก.ค. 2563 และรับเงินค่าจ้างเดือนสุดท้ายพร้อมเงินชดเชยเป็นเช็ค ในวันที่ 30 มิ.ย. 2563

สถานการณ์ธุรกิจสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่านมา พบว่าก่อนหน้านี้ เครือเนชั่นตัดสินใจยุบกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คมชัดลึก เว็บไซต์เนชั่นสุดสัปดาห์ และ สำนักข่าวเนชั่น ของบริษัท คมชัดลึก มีเดีย จำกัด พร้อมทั้งเลิกจ้างพนักงานลงครึ่งหนึ่ง โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึกที่มีอายุกว่า 18 ปี ได้หยุดตีพิมพ์เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยให้นำเว็บไซต์ที่เหลือไปอยู่ภายใต้การดูแลของ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC เจ้าของสถานีข่าวเนชั่นทีวี 22

Source

]]>
1275500