หลักทรัพย์ บัวหลวง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 12 Dec 2023 13:28:08 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 หลักทรัพย์บัวหลวง ชี้ปี 67 หุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1,600 จุด ลุ้นเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติไหลกลับได้ https://positioningmag.com/1455363 Tue, 12 Dec 2023 13:01:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455363 บล.บัวหลวง มองหุ้นไทยปีหน้านั้นอาจมีโอกาสแตะ 1,600 จุดได้ โดยได้ปัจจัยจากเศรษฐกิจฟื้นตัว การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีสิทธิ์ลดอัตราดอกเบี้ยได้ 1 ครั้งได้

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงสภาวะของหุ้นไทยยังทำผลตอบแทนได้แย่กว่าหลายตลาดหุ้น ถ้าหากมองในเทอมค่าเงินบาทแล้วหุ้นไทยจะมีผลตอบแทน -17% แต่ถ้ามองในเทอมค่าเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นลดลงถึง -20%

เขาได้ให้สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยทำผลตอบแทนได้แย่ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ คือการปรับลดตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ตัวเลขส่งออกขยายตัวต่ำกว่าคาด จำนวนนักท่องเที่ยวต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาด และยังรวมถึงการลงทุนภาครัฐหดตัวจากการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาลบริหารประเทศ

ขณะที่ตลาดหุ้นที่น่าสนใจ รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ ชัยพร ได้ให้มุมมองว่า ตัชนี Nasdaq กลับมาใกล้จุดสูงสุดเดิมแล้ว แต่ถ้าคนลงทุนหุ้นรายตัวอาจยังไม่ได้ผลตอบแทนกลับมาแต่อย่างใด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ก็ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี

ในส่วนของหุ้นญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีในรูปของเงินเยน แต่ถ้าปรับด้วยค่าเงินดอลลาร์แล้วแทบผลตอบแทนแทบไม่ไปไหน ทางด้านตลาดเวียดนามตอนนี้อยู่ใกล้ๆ กับช่วงก่อนโควิด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตอนนี้ต่ำกว่าช่วงการแพร่ระบาดของโควิดแล้ว

ทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันดิบนั้นให้ผลตอบแทนเป็นบวกไปแล้ว 20% รวมถึงทองคำที่ให้ผลตอบแทนมากถึง 25%

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ – กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง

ในส่วนของมุมเศรษฐกิจมหภาค ชัยพร มองว่าขณะนี้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกาถือว่าสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปี ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายระยะยาวของสหรัฐนั้นโดยเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 2-2.5% ทำให้เขามองว่าตอนนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายกำลังผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง

ทำให้ปี 2567 เขาคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเองก็จะลดลง กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมา หรือแม้แต่ต้นทุนทางการเงินจะเริ่มลดลง ทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้น ดีขึ้น ความกดดันด้านการเงินตอนนี้อาจอยู่ปลายทางแล้ว เขายังมองว่างบการเงินของบริษัทต่างๆ อาจกระทบบ้าง บริษัทจดทะเบียนที่ยังไม่ต้องออกหุ้นกู้อาจประวิงเวลาออกไปได้ อาจใช้วิธีกู้เงินจากธนาคารก่อน แล้วค่อยออกหุ้นกู้ทีหลัง

แต่ถ้าบริษัทที่มีหุ้นกู้อยู่ ชัยพรมองว่าบริษัทเหล่านี้อาจ Roll Over หุ้นกู้ระยะสั้นๆ ไม่เกิน 2-3 ปีเท่านั้น เพราะมองว่าอัตราดอกเบี้ยลดลง บริษัทไม่อยากมีต้นทุนทางการเงินระยะยาวสูงมากๆ

ทางด้านของทวีปเอเชีย ธนาคารกลางแต่ละประเทศอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยที่ไวกว่า จากเหตุผลคือเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าขณะเดียวกันในภาพรวมทำในปี 2567 นั้นเขาค่อนข้างชอบ ตลาดหุ้นกำลังพัฒนาที่อยู่ในทวีปเอเชีย (EM Asia) เนื่องจากมีกำไรของตลาดที่ดี และอาจทำให้ไทยได้ผลพลอยได้จากเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาตรงนี้ด้วย

จะเห็นว่ากำไรของตลาดหุ้นในทวีปเอเช่ียในปี 2567 นั้นกำไรเติบโตแทบทุกตลาด  (ตาราง Consensus EPS 2024E) – ข้อมูลจาก บล. บัวหลวง

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ทาง บล. บัวหลวงคาดการณ์ว่าจะเติบโตประมาณ 3.8% จากปีนี้ที่คาดไว้ 2.7% หากโครงการ Digital Wallet เกิดขึ้น แต่ถ้าหากโครงการนี้ไม่เกิดเศรษฐกิจไทยก็ยังคงเติบโต 3.2% ขณะที่เงินเฟ้อของไทยในปีหน้านั้นจะลดลง และเขาคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังได้ 1 ครั้ง

ขณะที่หุ้นไทยในปี 2567 นั้น ประเมินเป้าหมายดัชนีระดับ 1,600 จุด โดยมองปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวมากขึ้น เช่น การเบิกจ่ายของภาครัฐ ความหวังของนโยบายรัฐบาลที่มีความชัดเจนมากขึ้น และยังรวมถึงกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยอาจเติบโตประมาณ 15% ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอัตราเติบโตกำไรของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย

กลุ่มหุ้นไทยที่ บล. บัวหลวงแนะนำลงทุน ได้แก่ กลุ่มธนาคารไทย กลุ่มโรงไฟฟ้า ที่ได้ผลดีจากค่า FT และต้นทุนการผลิตลดลง กลุ่มเกษตรแปรรูป รวมถึงกลุ่มค้าปลีก ที่ได้รับผลดีจากการบริโภคในประเทศ ขณะที่กลุ่มที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน คือ อสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากกำลังซื้อชะลอจากการคุมสินเชื่อ

โดยกลยุทธ์การลงทุนในปี 2567 นั้น บล. บัวหลวง แนะนำกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ อันดับ 1 คือ ตราสารหนี้สัดส่วน 43% มองเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในครึ่งปีแรก เพราะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่จะเห็นการปรับตัวลดลงทั่วโลกแต่ต้องเป็นตราสารหนี้คุณภาพ เพราะแม้จะเห็นแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยลดลง แต่ไม่ได้ลงเร็ว อันดับ 2 คือ ทองคำ สัดส่วน 12% ในขณะที่คนมองเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ดอกเบี้ยลดลงทั่วโลก ทองคำจะช่วยป้องกันความเสี่ยง อันดับ 3 คือ ตราสารทุน หรือหุ้น สัดส่วน 45% (หุ้นไทย 7% และหุ้นต่างประเทศ 38%)

]]>
1455363
หลักทรัพย์บัวหลวงมองเป้า SET Index สิ้นปี 1,625 จุด ชี้ปัจจัยบวกด้านการเมืองหนุนหุ้นไทยฟื้นตัวได้ https://positioningmag.com/1442778 Tue, 29 Aug 2023 14:03:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442778 บล.บัวหลวง มองเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีที่ 1,625 จุด ชี้ปัจจัยบวกด้านการเมือง ภาคการส่งออกที่อาจฟื้นตัวในช่วงสิ้นปี หรือแม้แต่ภาคการท่องเที่ยวไทย ส่งผลทำให้หุ้นไทยกลับมาฟื้นตัวได้ ขณะเดียวกันก็มองว่าขาลงหุ้นไทยอยู่ในจุดจำกัดแล้ว

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง (BLS) ได้กล่าวถึงมุมมองในเรื่องตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมาว่าตลาดต่างประเทศเช่น เยอรมัน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ถือว่าเป็นขาขึ้น ดูดีกว่าหุ้นไทย ซึ่งล่าสุดกำไรจดทะเบียนของหุ้นไทยนั้นไม่เติบโต ส่งผลทำให้นักวิเคราะห์ปรับเป้าหมายหุ้นไทยลงมาแม้แต่ตลาดหุ้นจีนก็ปรับลงมาเหมือนกัน

เขายังกล่าวถึงประเด็นบวกคือเงินเฟ้อลดลงทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาพลังงานกับราคาอาหาร โดย BLS มองราคาน้ำมันดิบ West Texas อยู่ราวๆ 70-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมองว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นไปแรงๆ ไม่น่ามีแล้ว กำลังการผลิตสำรองของน้ำมันดิบสามารถรองรับได้ แตกต่างกับอดีต

ขณะเดียวกัน ชัยพรมองเศรษฐกิจเอเชียในปี 2023-2024 การเติบโตของเศรษฐกิจเอเชียยังเติบโตได้อย่างโดดเด่น และอัตราเงินเฟ้อยังลดลง ส่งผลทำให้อัตราจับจ่ายใช้สอยได้ประโยชน์มากขึ้น เขายังคาดว่าปีหน้าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางน่าจะปรับลดลงได้

ทางด้านเศรษฐกิจจีน ถ้าหากหดตัวหรือฟื้นตัวช้ากว่าคาดหรือมีปัจจัยทำให้เศรษฐกิจและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของจีนแย่ไปกว่าเดิม ชัยพรมองว่าจะส่งผลกระทบกับไทยทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยว การลงทุน หรือแม้แต่การดัมพ์ราคาสินค้าสู่ประเทศอาเซียนหรือตลาดโลก ซึ่งสินค้าบางอย่างจากจีนเป็นคู่แข่งโดยตรงกับผู้ผลิตในไทยทำให้บริษัทไทยค้าขายยากขึ้น

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ – กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง

สำหรับเศรษฐกิจไทย เขามองว่าอยู่ในช่วงท้ายๆของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยของเอเชียกับไทยอยู่ในจุดสูงสุด มองคุณภาพหนี้ ในการปล่อยสินเชื่อ ธนาคารยังปล่อยแบบระมัดระวัง จะเห็นว่าคำขอการกู้ซื้ออสังหาถูกปัดตกมากถึง 50% ช่วงเวลาปกติจะไม่เกิน 25% ขณะที่ระดับหนี้ภาคครัวเรือนไทยยังสูงกว่า 80%

ชัยพรมองว่าเรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ เพราะหนี้ภาคครัวเรือนและหนี้ภาครัฐเมื่อเทียบ GDP อยู่ในระดับชนเพดาน เมื่อเทียบกับรัฐบาลในอดีตที่หนี้ต่ำกว่าสามารถออกนโยบายได้มากกว่า ดังนั้นการกระตุ้นหรือการกู้เงินจะทำได้ค่อนข้างลำบากและต้องระมัดระวัง

ข่าวดีของเศรษฐกิจไทยที่ชัยพรมองคือ ภาคการส่งออกของไทยที่อาจดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รวมถึงภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดีเขาคาดว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาไทยจะอยู่ที่ราวๆ 25 ล้านคน สาเหตุจากนักท่องเที่ยวจีนที่ออกนอกประเทศช้ากว่าคาด เนื่องจากค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโรงแรมมีราคาแพงขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเน้นท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ และต่างประเทศที่น่ากังวลในเชิงการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น

  • เรื่องนโยบายภาครัฐ การบริหารเงิน Digital Wallet หัวละ 10,000 บาทสำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป
  • ความพยายามแก้ไขกฎหมายให้มีการจัดเก็บกำไรของผู้ที่ลงทุนในตลาดหุ้น รวมถึงการเก็บภาษีซื้อขายหุ้น
  • การปรับค่าแรงขั้นต่ำ
  • นโยบายด้านพลังงานน้ำมันและไฟฟ้า
  • เศรษฐกิจจีน

มุมมองสำหรับหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2023 กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง มอง Sentiment หุ้นไทยดูดีมากขึ้นหลังจากได้รัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมองว่าโอกาสที่หุ้นไทยจะตกลงเหลือน้อยมาก โดยมองกรอบด้านล่างดัชนีหุ้นไทยที่ 1,500 จุด ส่วนกรอบบนอยู่ที่ 1,625 จุด

หุ้นที่ได้ประโยชน์หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศที่จะได้รับประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว และนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล กลุ่มธนาคาร กลุ่มธุรกิจด้านการท่องเที่ยว รวมถึงหุ้นกลุ่มจัดเก็บหนี้

ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคก่อสร้าง กลุ่มขนส่งเดินเรือ รวมถึงหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี

สำหรับการจัดพอร์ตลงทุน BLS แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคเอกชน Investment Rating สัดส่วน 32% ทองคำ 13% ส่วนที่เหลือแนะลงทุนในตลาดหุ้น 55% โดยตลาดหุ้นต่างประเทศที่เราชอบ คือ เวียดนาม ฮ่องกง และสหรัฐฯ

]]>
1442778