อัตราการจ้างงาน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 29 Nov 2025 14:10:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สรุปภาพรวม ‘การจ้างงาน’ ในไทย ปี 69 เป็นอย่างไร https://positioningmag.com/1549347 Sat, 29 Nov 2025 10:40:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1549347 ‘บริษัท โรเบิร์ต วอลเทอร์ส’ ได้ทำการสำรวจพนักงานและองค์กรกว่า 900 แห่งในไทย ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค. 68 เพื่อนำเสนอภาพรวมของตลาดแรงงาน ทักษะที่เป็นที่ต้องการ และ แนวโน้มเงินเดือน ในปี 69 ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจ ดังต่อไปนี้

 

ภาพรวมตลาดการจ้างงานในไทย ปี 2569

 

ฝั่งนายจ้าง

 

-กว่า 33% ขององค์กรมีแผนจ้างงานเพิ่ม 5–10%

-40% จะรักษาระดับการจ้างงานเท่าเดิม

-40% จ้างงานเพิ่มขึ้น

-12% มีแผนลดการจ้างงาน

-67% ขององค์กร ระบุว่า ‘ขาดผู้สมัครที่มีทักษะและประสบการณ์ตรงตามความต้องการ’ เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดในการสรรหาบุคลากรที่ได้คุณภาพ

-97% มีแผนปรับเพิ่มเงินเดือน

 

สำหรับทักษะด้าน Soft Skills ที่นายจ้างให้ความสำคัญสูงสุด ได้แก่

1.ทักษะการแก้ปัญหาและการคิดวิเคราะห์ (58%)

2.การสื่อสารและและการทำงานร่วมกัน (57%)

3.ความฉลาดทางอารมณ์ ความเห็นอกเห็นใจ และการมีทัศนคติที่ดี (52%)

 

ฝั่งพนักงาน

 

-60% กังวลไล่ตามความสามารถของ AI ไม่ทัน เนื่องจากขาดการฝึกอบรม

-กว่า 60% การได้รับค่าตอบแทน/สวัสดิการไม่ตรงความคาดหวัง คือปัญหาใหญ่ในการหางาน

-กว่า 93% คาดว่าจะได้รับการขึ้นเงินเดือน

 

ปัจจัยที่ผู้สมัครให้ความสำคัญในการเลือกองค์กร ได้แก่

1.ค่าตอบแทนที่ดึงดูด (60%)

2.ความยืดหยุ่นในการทำงาน (44%)

3.ความมั่นคงในอาชีพ (37%)

 

‘ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา’ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ของบริษัท โรเบิร์ต วอลเทอร์ส เล่าว่า ความกังวลต่อสภาวะตลาดที่ผันผวนและคาดการณ์ได้ยาก ทำให้หลายองค์กรชะลอการจ้างงานออกไป โดยเมื่อมีความจำเป็นต้องจ้างจะมุ่งเน้นไปยัง ‘ผู้บริหารระดับสูง’ มากกว่า ‘ผู้บริหารระดับกลาง’ เพราะต้องการผู้นำที่มีประสบการณ์ สามารถปรับตัวได้เร็ว เพื่อนำองค์กรฝ่าความไม่แน่นอนไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนได้

 

ขณะที่ ‘ผู้สมัคร’ ที่มีทักษะพร้อมใช้งานทันที สามารถเรียกค่าตอบแทนได้สูงขึ้น เนื่องจากการแข่งขันกันดึงดูดบุคลากรคุณภาพ โดยผู้ย้ายงานที่มีทักษะเฉพาะทางซึ่งเป็นที่ต้องการและสามารถเริ่มงานได้ทันที มีแนวโน้มได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 15–20%

 

พนักงานใหม่ กว่า 35% ขององค์กรคาดว่าจะปรับเงินเดือนให้พนักงานใหม่ 1–5% และอีกกว่า 21% วางแผนปรับเพิ่มถึง 11–15% เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพเข้าสู่องค์กร

 

แนวโน้มการปรับเงินเดือนแบ่งตามรายเซ็กเมนต์ สำหรับผู้ที่จะเปลี่ยนงาน

 

1.การขายและการตลาด B2B และ FMCG ปรับขึ้น 15-25%

2.การขายและการตลาด-เภสัชกรรมและสุขภาพ ปรับขึ้น 20-25%

3.การขายและการตลาด-ค้าปลีก ปรับขึ้นประมาณ 20%

4.การขายและการตลาด-ดิจิทัล ปรับขึ้นประมาณ 20%

5.ทรัพยากรบุคคล ปรับขึ้น 15-25%

6.วิศวกรรมและซัพพลายเชน ปรับขึ้น 10-15%

7.บัญชีและการเงิน ปรับขึ้น 15-20%

8.กฎหมาย ปรับขึ้น 15-30%

9.การเงินและการธนาคาร ปรับขึ้น 15-20%

10.เทคโนโลยีสารสนเทศ ปรับขึ้น 15-25%

]]>
1549347
แรงงานสหรัฐฯ แห่ ‘ลาออก’ แม้ประกาศงานลดลง เพราะยังกลัว ‘โควิด’ https://positioningmag.com/1356380 Wed, 13 Oct 2021 08:03:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356380 กรมแรงงานของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคมพบอัตราการลาออกเพิ่มขึ้นเป็น 4.3 ล้านคน ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2543 และเพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านคนในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเทียบเท่ากับเกือบ 3% ของแรงงาน และแม้จะมีการลาออกจำนวนมากขึ้น แต่จำนวนการจ้างงานยังชะลอตัวลง โดยจำนวนงานว่างลดลงเหลือ 10.4 ล้านตำแหน่ง จากระดับสูงสุดที่ 11.1 ล้านในเดือนก่อนหน้า

มีการคาดการณ์ว่า การลาออกที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนมีความกลัวเชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์เดลตา ที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนสิงหาคม ทำให้เกิดการลาออกเพิ่มมากขึ้นในสายงานร้านอาหารและโรงแรม รวมถึงงานบริการอื่น ๆ อาทิ พนักงานร้านขายของและห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ คนจำนวนมากที่ตกงานก็ไม่กล้าที่จะหางานทำ

แรงงานเกือบ 900,000 คนออกจากงานในร้านอาหาร บาร์ และโรงแรมในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 21% จากเดือนกรกฎาคม ส่วนแรงงานจากฝั่งค้าปลีกเพิ่มขึ้น 6% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิต การก่อสร้าง การขนส่ง และคลังสินค้า มีการลาออกเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่วนงานที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ อาทิ กฎหมาย วิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรม นั้นแทบไม่มีการลาออก

นอกจากปัจจัยด้านความกลัว COVID-19 แล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อาทิ ค่าแรงที่สูงขึ้น ทำให้นายจ้างจำนวนมากไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้ตามที่เรียกร้อง ทำให้พนักงานเลือกจะย้ายงาน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลระบุเมื่อวันศุกร์ว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนกันยายน แต่ก็มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่ง แม้ว่าอัตราการว่างงานจะลดลงเหลือ 4.8% จาก 5.2% และจากรายงานจากการสำรวจการเปิดงานและการหมุนเวียนแรงงานหรือ JOLTS แสดงให้เห็นว่า การจ้างงานทั้งหมดในเดือนสิงหาคมลดลงอย่างรวดเร็วเป็น 6.3 ล้านจาก 6.8 ล้านในเดือนกรกฎาคม

แม้การที่คนงานลาออกจำนวนมากมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดงาน เนื่องจากคนมักจะออกจากงานเมื่อมีตำแหน่งอื่นอยู่แล้วหรือมั่นใจว่าสามารถหางานได้ แต่ความจริงคือ การลาออกที่เพิ่มขึ้นนั้นกระจุกตัวอย่างหนักในภาคส่วนที่มีการติดต่อใกล้ชิดกับสาธารณชนเป็นสัญญาณว่าความกลัวต่อ COVID-19 ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน หลายคนอาจจะลาออกแล้วทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีงานทำ

ทั้งนี้ การลาออกก็เพิ่มขึ้นมากที่สุดในภาคใต้และมิดเวสต์ โดยรัฐบาลกล่าวว่า ทั้งสองภูมิภาคมีการระบาดของ COVID-19 รุนแรงที่สุดในเดือนสิงหาคม

Source

]]>
1356380
เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัว ภาคธุรกิจจ้างงานเพิ่ม 4.8 ล้านตำแหน่ง เเต่ยังกังวลในการลงทุน https://positioningmag.com/1286481 Fri, 03 Jul 2020 12:23:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286481 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเริ่มฟื้นตัว โดยอัตราการจ้างงานในเดือน มิ.. เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ถึง 4.8 ล้านคน ถือเป็นการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งเเต่กระทรวงเเรงงานเริ่มทำการเก็บสถิติมาในปี 1939

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐฯ เริ่มปรับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเดือนพ..ที่ผ่านมา ที่มีการว่าจ้างงานใหม่ 2.5 ล้านคน สอดคล้องกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าในเดือนมิ.. จะมีการจ้างงาน 3 ล้านตำแหน่ง เเต่ยอดจริงกลับสูงถึง 4.8 ล้านคน โดยเฉพาะในภาค “ธุรกิจร้านอาหารและโรงงาน” ที่กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง

บริษัทต่างๆ ในรัฐที่มีประชากรหนาเเน่น อย่างแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดาและเท็กซัส กำลังจะกลับมาเปิดทำการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม บางเเห่งยังต้องระงับการจ้างงานใหม่ไปก่อน

ข้อมูลของกรมแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า อัตราการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ 21-27 มิ.. อยู่ที่ 1.43 ล้านราย ลดลงเพียงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน

เเม้จะมีสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจจากการจ้างงาน เเต่ยอดผู้ป่วย COVID-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลในการลงทุน

Mike Bell นักยุทธศาสตร์การตลาดจาก JP Morgan Asset Management กล่าวว่าเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าการฟื้นตัวของอัตราการจ้างงานนี้ ชัดเจนเพียงพอสำหรับนักลงทุนหรือไม่

ด้าน Jerome Powell ประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) มองว่า ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงที่มีความสำคัญ แต่การฟื้นตัวจะต่อเนื่องหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการป้องกันไวรัส

เมื่อปลายเดือน มิ.. “โดนัลด์ ทรัมป์” ดำเนินโยบายให้คนอเมริกันได้งานก่อน โดยออกประกาศประธานาธิบดี (Presidential Proclamation) ขยายเวลาระงับการออกกรีนการ์ด หรือเอกสารอนุมัติการอยู่อาศัยและทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่นอกสหรัฐฯ ไปจนถึงสิ้นปีนี้

รวมทั้งระงับสั่งการออกวีซ่าทำงาน “หลายประเภท” สำหรับชาวต่างชาติชั่วคราว ทั้งประเภท H-1B, H-4, H-2B, J-1 , J-2 เเละ L-1 เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มิ..ไปจนถึง 31 .. 2020  ซึ่งได้รับการคัดค้านจากบริษัทไอทีต่างๆ เพราะต้องพึ่งพาแรงงานจากต่างประเทศ โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติ “ทักษะสูง

แม้อัตราการจ้างงานจะเพิ่มสูงขึ้นติดเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่อัตราผู้มีงานทำโดยรวม ยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดถึง 15 ล้านคน ทำให้อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ สูงกว่า 11%

 

ที่มา : BBC , CNN

]]>
1286481