เซมิคอนดักเตอร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 09 Apr 2024 04:58:16 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รัฐบาลสหรัฐฯ ทุ่ม 6.6 พันล้าน ดึง ‘TSMC’ ผู้ผลิตชิปเบอร์ 1 ของโลก ขยายโรงงานในอเมริกา https://positioningmag.com/1469461 Tue, 09 Apr 2024 03:29:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469461 ไม่ใช่แค่สกัดกั้น จีน ในการเข้าถึงชิประดับสูง แต่ สหรัฐฯ ยังเดินเกมดึงพันธมิตรเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนที่จะมอบเงิน 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง TSMC เพื่อขยายโรงงานในรัฐแอริโซนา

รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่า ได้ลงนามในข้อตกลงที่ไม่มีผลผูกพันกับ TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co.) บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อันดับ 1 ของโลกสัญชาติไต้หวัน เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับลงทุนเปิดโรงงานผลิตในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะให้เงินอุดหนุนมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกเหนือจากเงินกู้รัฐบาลประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ จากกฎหมาย Chips and Science Act

ขณะที่ TSMC เองก็ตกลงจะเพิ่มวงเงินลงทุนในสหรัฐฯ อีก 25,000 ล้านดอลลาร์ รวมเป็น 65,000 ล้านดอลลาร์ โดยเตรียมที่จะสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ภายในปี 2030 โดยการลงทุนดังกล่าว ถือเป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแอริโซนา  

“อเมริกาคิดค้นชิปเหล่านี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราเปลี่ยนจากการผลิตเกือบ 40% ของกำลังการผลิตของโลก เหลือเพียง 10% และไม่มีชิปที่ทันสมัยที่สุดเลย นั่นทำให้เราเผชิญกับความเปราะบางทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติอย่างมีนัยสำคัญ” โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว

ปัจจุบัน TSMC ครองสัดส่วนถึง 90% ของชิปที่ทันสมัยที่สุดในโลก โดย Mark Liu ประธาน TSMC กล่าวว่า การจัดตั้งโรงงานในสหรัฐฯ จะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงชิปภายในประเทศ ที่สามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนไปจนถึงดาวเทียม รวมถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ด้วย

ทั้งนี้ โรงงานทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะสร้างงานด้านเทคโนโลยีประมาณ 6,000 ตำแหน่ง และงานทางอ้อมมากกว่า 20,000 ตำแหน่ง เช่น ในการก่อสร้างการรักษาความปลอดภัย และซัพพลายเชน รวมถึงจะดึงดูดซัพพลายเออร์เซมิคอนดักเตอร์ 14 ราย ให้กับรัฐ

การที่สหรัฐฯ สามารถดึง TSMC มาลงทุนในประเทศได้นั้น ถือว่า Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องนำการผลิตชิปมาใช้ในประเทศมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากประเทศอื่น หลังจากที่เจอปัญหาชิปขาดแคลนไปในช่วงการระบาดของ COVID-19 จนส่งผลให้ราคาสูงขึ้น

ขณะที่ประเทศไต้หวันก็อยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอเช่นกัน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านซับพลายเชนและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กังวลว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อาจทำให้เกิดการรุกรานทางทหารกับไต้หวัน อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตชิปที่สำคัญของประเทศ นอกจากนี้ ไต้หวันเพิ่งเจอกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงของอุตสาหกรรมต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ

สำหรับกฎหมาย Chips and Science Act ได้ผ่านการรับรองในเดือนสิงหาคม 2022 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศของสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและแข่งขันกับคู่แข่งได้ดีขึ้น เช่น จีน โดยรัฐบาลได้ วางงบอุดหนุนด้านการวิจัยและการผลิตสูงถึง 52,700 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้สมาชิกสภาคองเกรสยังได้อนุมัติวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอีก 75,000 ล้านดอลลาร์ด้วย

Source

]]>
1469461
‘มาเลเซีย’ กลายเป็นอีกหมุดหมายของ ‘โรงงานผลิตชิป’ หลังจีน-สหรัฐฯ ยังตึงใส่กัน https://positioningmag.com/1469027 Thu, 04 Apr 2024 02:57:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469027 เพราะความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ในด้าน เซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิป ทำให้หลายบริษัทผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ เริ่มมองหาฐานการผลิตใหม่ ๆ นอกจากจีน และดูเหมือนว่า มาเลเซีย กำลังกลายเป็นอีกหมุดหมายของบริษัทผู้ผลิตชิปหลาย ๆ บริษัท ที่จะไปลงทุนตั้งโรงงาน

หลายคนอาจไม่รู้ว่า มาเลเซีย มีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและมีประสบการณ์ราว 50 ปีในแบ็กเอนด์ของกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะ แรงงานที่มีทักษะการประกอบ การทดสอบ และบรรจุภัณฑ์ อีกทั้งยังลดต้นทุนการดำเนินงานเชิงเปรียบเทียบ ทำให้การส่งออกสามารถแข่งขันได้มากขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้มาเลเซียกำลังกลายเป็นจุดสำคัญสำหรับโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ต้องกระจายการดำเนินงาน

บริษัทชิปยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันอย่าง อินเทล (Intel) ได้เคยออกมาประกาศในช่วงเดือนธันวาคม 2564 ว่า บริษัทจะลงทุนมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์และทดสอบชิปในมาเลเซีย โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในปี 2567 นี้

โดยมาเลเซีย ถือเป็นโรงงานผลิตชิปในต่างประเทศแห่งแรกของอินเทล โดยเปิดตัวครั้งแรกเปิดตัวในปี 2515 ด้วยเงินลงทุน 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทเดินหน้าเพิ่มศูนย์ทดสอบเต็มรูปแบบ รวมถึงศูนย์การพัฒนาและการออกแบบในมาเลเซีย

“การตัดสินใจลงทุนในมาเลเซียมีรากฐานมาจากกลุ่มผู้มีความสามารถที่หลากหลาย โครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง และซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง” Aik Kean Chong กรรมการผู้จัดการของ Intel Malaysia กล่าว

นอกจากนี้ยังมี GlobalFoundries บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อีกรายที่จะเปิดโรงงานในเดือนกันยายน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการผลิตทั่วโลก ควบคู่ไปกับโรงงานในสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และยุโรป นอกเหนือจากบริษัทในสหรัฐฯ ก็มี Infineon ผู้ผลิตชิปชั้นนำของเยอรมนี ที่เตรียมสร้างโมดูลการผลิตเวเฟอร์แห่งที่ 3 ในประเทศ Newways ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์หลักของผู้ผลิตอุปกรณ์ชิปสัญชาติเนเธอร์แลนด์  ASML ก็เตรียมจะสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในมาเลเซียเช่นกัน

“เนื่องจากนโยบายที่มีความคิดก้าวหน้าและการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาล ร่วมกับพันธมิตรอย่าง InvestPenang ได้สร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรมที่จะเจริญเติบโต” Tan Yew Kong รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของ GlobalFoundries Singapore กล่าว

นอกจากนี้ มาเลเซียถือหุ้น 13% ของตลาดโลกสำหรับบริการบรรจุภัณฑ์ชิป การประกอบ และการทดสอบ โดยหน่วยงานพัฒนาการลงทุนของมาเลเซีย ได้เปิดเผยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า การส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์และวงจรรวมเพิ่มขึ้น 0.03% เป็น 387.45 พันล้านริงกิตมาเลเซีย (81.4 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2566 แม้ว่าความต้องการชิปทั่วโลกที่อ่อนแอ

เพื่อพยายามขยายระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศและดึงดูดการลงทุน มาเลเซียจึงได้จัดตั้ง คณะทำงานเชิงกลยุทธ์ด้านเซมิคอนดักเตอร์ระดับชาติ เมื่อเดือนมกราคม นอกจากนี้ ซาฟรุล อาซิซ รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ได้เปิดเผยว่า มาเลเซียมีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นไปที่ ส่วนหน้า ของกระบวนการผลิตชิป จากเดิมที่มาเลเซียจะเชี่ยวชาญในส่วนแบ็กเอนด์ โดยกระบวนการส่วนหน้าเกี่ยวข้องกับการผลิตแผ่นเวเฟอร์

อย่างไรก็ตาม มาเลเซียก็มีความท้าทายที่สำคัญก็คือ ภาวะสมองไหล เมื่อคนงานเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหางานทำที่ดีขึ้นและเงินเดือนที่สูงขึ้น โดยจากการศึกษาอย่างเป็นทางการที่ดำเนินการในปี 2565 เปิดเผยว่า คนงานชาวมาเลเซียที่มีทักษะหรือกึ่งทักษะ 3 ใน 4 คนย้ายไปทำงานในสิงคโปร์

Source

]]>
1469027
‘อินเดีย’ ขอ 5 ปี! ผงาดเป็น Top 5 ประเทศผู้ผลิตชิปของโลก https://positioningmag.com/1466715 Tue, 19 Mar 2024 02:30:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466715 ตอนนี้หลายประเทศพยายามที่จะดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิป มากขึ้น หลังจากที่เคยเอาแต่พึ่งพาจีน ขณะที่ อินเดีย ที่ปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่บริษัทไอทีหลายรายย้ายมาใช้เป็นฐานการผลิต ทำให้อินเดียมีความหวังที่จะขึ้นเป็นประเทศ Top 5 ของโลกด้านการผลิตชิป

Ashwini Vaishnaw รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ รถไฟ และการสื่อสาร ของอินเดีย ประกาศว่า อินเดียต้องการเป็น 1 ใน 5 ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจากการรายงานของ เทรนด์ฟอร์ซ ระบุว่า ปัจจุบัน 5 ประเทศที่ผลิตชิปได้มากที่สุดของโลก ได้แก่

  • ไต้หวัน (46%)
  • จีน (26%)
  • เกาหลีใต้ (12%)
  • สหรัฐอเมริกา (6%)
  • ญี่ปุ่น (2%)

หลังจากที่ความตึงเครียดของสหรัฐฯ – จีนไม่มีสัญญาณว่าจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน ทำให้หลายบริษัท โดยเฉพาะบริษัทไอทีต้องการลดการพึ่งพาจีน ทำให้อินเดียกลายเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ โดยล่าสุด ควอลคอมม์ (Qualcomm) บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้เปิดศูนย์ออกแบบใหม่ในเมืองเจนไน โดยโรงงานจะเน้นการออกแบบเทคโนโลยีไร้สายและสร้างงาน 1600 ตำแหน่งในประเทศ

“อุตสาหกรรมชิปเป็นตลาดที่ซับซ้อนมาก และเราคิดว่าในอีกห้าปีข้างหน้า เราจะเป็น Top 5 ประเทศเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของโลก เนื่องจากมั่นใจว่าอินเดียเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้” Ashwini Vaishnaw กล่าว

นอกจากการลงทุนของควอลคอมม์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเดียพึ่งเปิดตัวโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 3 แห่ง หนึ่งในโรงงานเหล่านั้นเป็นการร่วมทุนระหว่าง Tata Electronics และบริษัท PowerChip Semiconductor Manufacturing Corp. ของไต้หวัน โดยมีเป้าหมายคือการสร้างชิปเซมิคอนดักเตอร์ตัวแรกของอินเดียภายในปี 2026

ทั้งนี้ Ashwini Vaishnaw คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใน 7 ปีข้างหน้า และบริษัททั่วโลกกำลังมองว่าอินเดียเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการตัดสินใจลงทุนครั้งต่อไป และตอนนี้รัฐบาลกำลังตรวจสอบข้อเสนอการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศรวมมูลค่ากว่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์

Source

]]>
1466715
ปัญหา ‘ชิป’ ขาดแคลนอาจกลับมาอีกครั้ง หลัง TSMC แจงมีความเสี่ยง ‘ขาดแคลนน้ำ’ สิ่งสำคัญในการผลิต https://positioningmag.com/1464480 Thu, 29 Feb 2024 09:16:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464480 ย้อนไปปี 2021 บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company ซึ่งเป็นผู้รับจ้างผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาภัยแล้งในไต้หวัน มาปี 2024 ที่อุตสาหกรรมได้กลับสู่ภาวะปกติ กำลังเจอปัญหาเก่า คือ ขาดแคลนน้ำในการผลิต ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาชิปในอนาคต

Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC บริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่สุดของโลกได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทกำลังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการ ขาดแคลนน้ำ ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตชิปเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำเยอะมาก เนื่องจากต้องใช้น้ำปริมาณมหาศาลเพื่อทำให้เครื่องจักรเย็นลง และรับประกันว่าแผ่นเวเฟอร์ปราศจากฝุ่น

“มีเส้นแบ่งโดยตรงระหว่างการใช้น้ำและความซับซ้อนของชิป เนื่องจากโรงงานใช้น้ำบริสุทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นน้ำจืดที่ผ่านการแปรรูปให้มีความบริสุทธิ์สูงมาก เพื่อล้างเวเฟอร์ระหว่างแต่ละกระบวนการ ยิ่งเซมิคอนดักเตอร์มีความก้าวหน้ามากขึ้น ขั้นตอนกระบวนการก็จะยิ่งใช้น้ำมากขึ้น” Hins Li นักวิเคราะห์เครดิตของ S&P Global Ratings กล่าว

ตามข้อมูลของ S&P พบว่า ผู้ผลิตชิปทั่วโลกใช้น้ำมากพอ ๆ กับปริมาณการใช้น้ำของฮ่องกง ที่มีประชากร 7.5 ล้านคน โดยปริมาณการใช้น้ำของ TSMC เพิ่มขึ้นมากกว่า 35% หลังจากที่ได้ก้าวไปสู่การผลิตชิปขนาด 16 นาโนเมตร นับตั้งแต่ปี 2558 และรายงานระบุว่า ปริมาณการใช้น้ำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 1 หลักในแต่ละปี โดยได้แรงหนุนจากการขยายกำลังการผลิตและความต้องการของเทคโนโลยีกระบวนการที่ก้าวหน้า

ทั้งนี้ S&P คาดว่า การหยุดชะงักของขั้นตอนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับน้ำอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีทั่วโลกเนื่องจาก TSMC ครองส่วนแบ่งตลาดของชิปขั้นสูงประมาณ 90% ของโลกที่ใช้สำหรับแอปพลิเคชัน AI และควอนตัมคอมพิวเตอร์

“ความมั่นคงทางน้ำจะเป็นปัจจัยสำคัญมากขึ้นต่อสถานะเครดิตของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างไม่ถูกต้องอาจขัดขวางการดำเนินงานของบริษัท ส่งผลเสียต่อผลการดำเนินงานทางการเงิน และอาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า”

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเพิ่มอัตราสภาพอากาศที่รุนแรง ความถี่ของความแห้งแล้ง และความผันผวนของปริมาณน้ำฝน กำลังจำกัดความสามารถของผู้ผลิตชิปในการจัดการเสถียรภาพของการผลิต

Source

]]>
1464480
‘ญี่ปุ่น’ อัดฉีด 2 หมื่นล้านเยนให้ ‘ซัมซุง’ เพื่อดึงมาสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา ‘ชิป’ ภายในประเทศ https://positioningmag.com/1456824 Fri, 22 Dec 2023 06:44:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1456824 นับตั้งแต่ ชิป เคยขาดตลาดไปในช่วงโควิด แม้ว่าช่วงนี้ปริมาณจะกลับมาล้นตลาดแล้วก็ตาม ทำให้นานาประเทศพยายามที่จะลดการพึ่งพาจีนและหันมาพึ่งตัวเองมากขึ้น โดย ญี่ปุ่น ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น

ย้อนกลับไปในช่วงปี 1980 ญี่ปุ่น เคยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยมี อะกิโอะ โมริตะ ผู้ร่วมก่อตั้ง Sony ที่ถือเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในการนำพาให้ญี่ปุ่นสามารถผลิตชิปในรูปแบบของตนเอง แต่ปัจจุบัน ญี่ปุ่นแม้จะไม่ใช่ผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อีกต่อไปแล้ว แต่ก็ยังบทบาทสำคัญโดยเป็นประเทศที่ผลิตอุปกรณ์พิเศษมากกว่า 1 ใน 3 ที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก

ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นได้ดึง ซัมซุง (Samsung Electronics) บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ โดยรัฐบาลได้ให้เงินอุดหนุนสูงถึง 2 หมื่นล้านเยน (ราว 4.8 พันล้านบาท) เพื่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เพื่อเพิ่มการผลิตชิปในประเทศ

เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงการแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่าง 2 มหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้ญี่ปุ่นได้พยายามที่จะสนับสนุนซัพพลายเชนของเซมิคอนดักเตอร์โดยดึงดูดการลงทุนจากบริษัทในต่างประเทศ

“ขณะนี้บริษัทต่าง ๆ จากทั่วโลกสนใจลงทุนในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก” ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี กล่าว

ที่ผ่านมา การลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์โดยบริษัทต่างชาติที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นในปัจจุบัน ได้แก่ Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSMC) ในจังหวัดคุมาโมโตะ, Micron Technology Inc. ในจังหวัดฮิโรชิม่า และ Western Digital Corp. ในจังหวัดมิเอะ

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากชิปภายในประเทศ 3 เท่า ภายในปี 2030 และอัดฉีดงบลงทุนจำนวน 6.8 พันล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันเป้าหมายดังกล่าว โดยทางรัฐบาลเชื่อมั่นว่าแผนที่วางไว้จะลุล่วงไปด้วยดี

Source

]]>
1456824
ประเมินกำไร ‘ซัมซุง’ Q3 ลดฮวบ 80% หลังเจอวิกฤต “ชิปล้นตลาด” https://positioningmag.com/1447643 Tue, 10 Oct 2023 12:31:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447643 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรของ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้ ในช่วงไตรมาสที่สามจะลดลงเกือบ 80% เนื่องจากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ขับเคลื่อนผลกำไรที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทขาดทุนหนัก จากปัญหาซัพพลายล้นตลาด

ซัมซุง กำลังจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสาม โดยนักวิเคราะห์จาก LSEG คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 2.1 ล้านล้านวอน (ราว 1.7 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลง -78.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่รายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 67.8 ล้านล้านวอน ลดลง -11.6%

ทั้งนี้ ซัมซุงถือเป็น ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่แล็ปท็อปไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ โดยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ยังถือเป็น หน่วยธุรกิจที่ทำกำไรให้บริษัทมากที่สุด แต่ในไตรมาสามนี้คาดว่า ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของซัมซุงจะ ขาดทุนมากกว่า 3 ล้านล้านวอน จึงส่งผลให้กำไรรวมทั้งบริษัทลดลงอย่างมาก

เนื่องจากจำนวนชิปที่ล้นตลาด เพราะความต้องการสินค้าไอที โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ลดลง ส่งผลให้ ราคาชิปหน่วยความจำลดลงอย่างมากในปีนี้ และแม้ในเดือนกรกฎาคมบริษัทคาดการณ์ว่าความต้องการชิปจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี แต่ก็ไม่ได้กลับมาอย่างที่คาด ส่งผลให้ซัมซุงได้ลดการผลิตลงเพื่อช่วยพยุงราคา แต่จะยังไม่เห็นผลในช่วงไตรมาสาม

อย่างไรก็ตาม อาจมีธุรกิจบางส่วนที่อาจเติบโตได้ เช่น ธุรกิจจอแสดงผล ที่อาจได้อานิสงส์จาก iPhone 15 เนื่องจาก Apple ใช้จอของซัมซุง และอีกส่วนคือ ยอดขายสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะจากสมาร์ทโฟนจอพับที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมที่อาจส่งผลให้มีกำไรมากขึ้นจากธุรกิจนี้

Source

]]>
1447643
‘ไต้หวัน’ เร่งตรวจสอบ 4 บริษัทเทคโนโลยีในประเทศที่ช่วย ‘หัวเว่ย’ สร้างโรงงานผลิตชิป https://positioningmag.com/1447016 Thu, 05 Oct 2023 12:15:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447016 หลังจากที่เคยมีข่าวว่า ทางรัฐบาลจีนให้เงินสนับสนุน หัวเว่ย (Huawei Technologies) ในการสร้าง โรงงานลับ สำหรับ ผลิตชิป ทั่วประเทศจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ แต่ดูเหมือนว่าจะมี บริษัทเทคโนโลยีจาก ไต้หวัน เป็นตัวช่วยด้วย

ล่าสุด ไต้หวัน กำลังจะตรวจสอบว่าหาบริษัทเทคโนโลยีในประเทศที่ช่วยบริษัท หัวเว่ย ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในจีน เบื้องต้น พบว่ามีบริษัทเทคโนโลยีไต้หวันอย่างน้อย 4 บริษัท ที่มีส่วนร่วมในการสร้างโรงงานชิปที่หัวเว่ยเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ได้แก่ 

  • บริษัท United Integrated Services 
  • บริษัท Topco Scientific 
  • บริษัท L&K Engineering Co
  • บริษัท Cica-Huntek Chemical Technology Taiwan Co

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบริษัท Cica-Huntek Chemical Technology Taiwan Co. ของไต้หวัน ได้ทำสัญญาสร้างระบบซัพพลายเคมีให้กับผู้ผลิตชิปจีน 2 แห่งที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ ได้แก่ Shenzhen Pensun Technology Co. และ Pengxinwei IC Manufacturing Co. โดยจุดที่น่าสนใจคือ ทั้งสองบริษัททำงานกับหัวเว่ย

ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวัน ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการควบคุมการส่งออก ระบุว่า จะเร่งตรวจสอบความสัมพันธ์ของบริษัทไต้หวันทั้ง 4 แห่งกับหัวเว่ย เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวอาจยิ่งให้เกิดความตึงเครียดระหว่างไต้หวันกับรัฐบาลจีน

ย้อนไปช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Mate 60 Pro โดยใช้ชิปเซ็ต Kirin 9000s ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของ Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) บริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติจีน โดยชิปเซ็ตดังกล่าวรองรับการเชื่อมต่อ 5G

Source

]]>
1447016
จีนเตรียมตั้งกองทุนใหญ่ถึง 1.48 ล้านล้านบาท เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ https://positioningmag.com/1443630 Wed, 06 Sep 2023 10:46:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1443630 จีนเตรียมตั้งกองทุนใหญ่ถึง 3 แสนล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1.48 ล้านล้านบาท เพื่อที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ และต้องการที่จะไล่ให้ทันกับเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า รัฐบาลจีนเตรียมตั้งกองทุนเพื่อจะสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มากถึง 300,000 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1.48 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินในการตั้งกองทุนครั้งนี้ถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

กองทุนดังกล่าวมีชื่อว่า China Integrated Circuit Industry Investment Fund เป้าหมายหลักของกองทุนดังกล่าวเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศจีน เพื่อจะไล่ตามสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นๆ ซึ่งมีเทคโนโลยีในการผลิตดีกว่า ซึ่งจีนโดนสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงหลังจากนี้

นอกจากนี้เนเธอร์แลนด์ รวมถึงญี่ปุ่น ได้ใช้มาตรการเดียวกันกับสหรัฐฯ ไม่ให้จีนเข้าถึงเครื่องจักรผลิตชิปขั้นสูง หรือแม้แต่เทคโนโลยีการผลิตชิป ส่งผลให้จีนยิ่งต้องเร่งพัฒนาภาคการผลิตเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นกว่าเดิม

แหล่งข่าวของ Reuters ยังรายงานว่าเม็ดเงินกว่า 60,000 ล้านหยวน กระทรวงการคลังของจีนจะเป็นผู้ลงทุนในกองทุนนี้ด้วย

ข่าวดังกล่าวตามหลังมาจาก Huawei ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดอย่าง Mate 60 ที่ใช้ชิปจาก SMIC ที่ผลิตในจีนโดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร รวมถึงยังมีเทคโนโลยี 5G ด้วย ซึ่งมือถือรุ่นดังกล่าวถือเป็นสัญลักษณ์ของจีนที่ต้องการตอบโต้สหรัฐอเมริกาที่คว่ำบาตร

ก่อนหน้านี้จีนเคยตั้งกองทุนประเภทดังกล่าวมาแล้วในปี 2014 มูลค่า 138,700 ล้านหยวน ขณะที่ในปี 2019 จีนได้ตั้งกองทุนมูลค่าถึง 200,000 ล้านหยวนมาแล้ว โดยกองทุนมีผู้ลงทุนเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนไม่ว่าจะเป็น China Development Bank Capital และ China National Tobacco รวมถึง China Telecom ที่เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่

เม็ดเงินจากกองทุนดังกล่าวได้เคยลงทุนใน 3 บริษัท ไม่ว่าจะเป็น SMIC และ Hua Hong Semiconductor ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของจีน รวมถึง Yangtze Memory ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ของจีน

การจัดตั้งกองทุนของรัฐบาลจีนครั้งนี้ ส่งสัญญาณแสดงให้เห็นว่าจีนเอาจริงเอาจังกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และต้องการที่จะไล่ให้ทันกับเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

]]>
1443630
‘หัวเว่ย’ ซุ่มสร้าง ‘โรงงานลับผลิตชิป’ โดยได้งบสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อเลี่ยงการคว่ำบาตรของ ‘อเมริกา’ https://positioningmag.com/1442262 Thu, 24 Aug 2023 07:29:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442262 นับตั้งแต่ที่โลกเกิดปัญหาขาดแคลน ชิป ในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ปัจจุบัน ชิปได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำสงครามระหว่าง จีน และ สหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ เองพยายามจะกีดกันจีนไปพร้อม ๆ กับสร้างความแข็งแรงของการผลิตชิปในประเทศ อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่ารัฐบาลจีนได้แก้ปัญหาดังกล่าวโดยการให้งบกับ หัวเว่ย สร้างโรงงานลับไว้ผลิตชิป  

สมาคมผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ (Semiconductor Industry Association) ได้เปิดเผยกับ Bloomberg ว่า ทางรัฐบาลจีนให้เงินสนับสนุน หัวเว่ย (Huawei Technologies) เป็นมูลค่าถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการสร้าง โรงงานลับ สำหรับ ผลิตชิป ทั่วประเทศจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

สำหรับหัวเว่ยได้เริ่มหันมาผลิตชิปในปี 2565 โดยที่ผ่านมาหัวเว่ยได้ซื้อโรงงานผลิตชิปที่มีอยู่อย่างน้อย 2 แห่ง และกําลังสร้างใหม่อีก 3 แห่ง โดยดำเนินกิจการในชื่ออื่นเพื่อจะได้ซื้ออุปกรณ์ผลิตชิปของอเมริกาทางอ้อม เนื่องจากบริษัทติด บัญชีดำ (Entity List) ของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ หัวเว่ย ถูกขึ้นบัญชีดําทางการค้าในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2562 โดยจํากัดซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่จากการจัดส่งสินค้าและเทคโนโลยีไปยังบริษัทเว้นแต่บริษัทนั้น ๆ จะได้รับใบอนุญาต

ที่ผ่านมา จีนและสหรัฐฯ ต่างก็ทำสงครามเทคโนโลยีกัน โดยเฉพาะในด้านของชิปหรือเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด เพราะต้องใช้ในทุกสิ่งตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงรถยนต์และตู้เย็น และยังถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการใช้งานทางทหารและการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ โดยนอกจากสหรัฐฯ จะจำกัดการส่งออกชิปที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลด้านเอไอไปยังจีนแล้ว ทางจีนก็ตอบโต้โดยการจำกัดการส่งออกวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตชิปไปยังสหรัฐฯ และยุโรปด้วย

Source

]]>
1442262
‘AMD’ เล็งผลิตชิปเอไอสำหรับ ‘จีน’ โดยเฉพาะ ตัดปัญหาการกีดกันจากสหรัฐฯ https://positioningmag.com/1439696 Thu, 03 Aug 2023 05:08:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439696 หลังจากที่ รัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนจะจำกัดการส่งออกชิปที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลด้านเอไอไปจีน เนื่องจากกังวลว่าเทคโนโลยีดังกล่าวอาจเพิ่มความสามารถให้กับคู่แข่ง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว AMD หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิปเองก็มองเห็นโอกาสในการ พัฒนาชิปปัญญาประดิษฐ์สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ โดย Lisa Su ซีอีโอของ AMD กล่าวว่า บริษัทต้องการที่จะปฏิบัติตามการควบคุมการส่งออกของสหรัฐอย่างเต็มที่ แต่ จีนก็ถือเป็นตลาดที่สำคัญ

“แน่นอน แผนของเราคือต้องปฏิบัติตามการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน แต่เราเชื่อว่ามีโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าของเราในจีนที่กำลังมองหาโซลูชันเอไอ”

การเจาะตลาดจีนถือเป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญของ AMD ที่จะก้าวให้ทันคู่แข่งอย่าง Nvidia และ Intel โดยอาวุธสำคัญในการเจาะตลาดจีนก็คือ ชิป Accelerator ของบริษัทซึ่งเป็นเซมิคอนดักเตอร์ชนิดหนึ่งที่จำเป็นในการฝึกอบรมข้อมูลจำนวนมหาศาลสำหรับแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์

โดย AMD กำลังเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มการผลิตชิป MI300 ซึ่งวางตำแหน่งเป็นคู่แข่งกับ H100 หน่วยประมวลผลกราฟิกของ Nvidia ที่ใช้สำหรับการฝึกอบรมเอไอ ซึ่งปัจจุบัน Nvidia เป็นผู้ครองตลาดดังกล่าว โดยคาดว่าชิป MI300 ของ AMD จะออกสู่ตลาดในช่วง Q4/2023

ย้อนไปช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ห้ามไม่ให้ Nvidia ขายชิป A100 และ H100 ให้กับประเทศจีน ทำให้ Nvidia จำเป็นต้องผลิตชิปที่ปรับแต่งตามข้อกำหนดเพื่อให้สอดคล้องกับการควบคุมการส่งออก เช่นเดียวกันกับ Intel ที่ผลิตชิป Gaudi 2 AI รุ่นดัดแปลงสำหรับตลาดจีนด้วย เนื่องจากตลาดจีนยังคงเป็นตลาดที่มีกำไรสำหรับผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเอไอ ซึ่งมีทางเลือกในการซื้อไม่มากนัก

ทั้งนี้ AMD ยังเห็นการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังถึง 50% โดยจะมาจากธุรกิจ Data Center ที่ต้องการชิปเอไอไว้ประมวลผล สำหรับรายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลของ AMD ในช่วง Q2/2023 ลดลง 11% เป็น 1.32 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายรับจากธุรกิจลูกค้าองค์กรลดลง 54% เป็น 998 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว

Source

]]>
1439696