เนสท์เล่ (ไทย) – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 26 May 2025 07:39:15 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เนสท์เล่” ยืนยันไทยยังเป็นฐานการผลิตเนสกาแฟ ปรับแผน 3 อย่าง ไม่กระทบราคาขาย https://positioningmag.com/1523142 Mon, 26 May 2025 04:38:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1523142 แหล่งข่าวระดับสูงของ “เนสท์เล่ ประเทศไทย” ยืนยันกับ Positioning ว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศฐานการผลิตเนสกาแฟ ถึงแม้ว่าในขณะนี้ยังมีคดีความกับ บริษัท ควอลิตี้คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นการร่วมทุน (JV) สัดส่วน 50:50 ระหว่างเนสท์เล่ และตระกูลมหากิจศิริ มีการร่วมทุนกันมายาวนานตั้งแต่ปี 2533-2567

แต่ในช่วงที่ยังมีข้อพิพาทกับตระกูลมหากิจศิริ จะมีปรับแผน 3 อย่าง เพื่อให้มีสินค้าเนสกาแฟขายในไทย ได้แก่ นำเข้าจากเวียดนาม, จ้างบริษัท OEM ผลิต 2-3 แห่ง และปรับไลน์การผลิตของโรงงานที่มีอยู่ชั่วคราว

มีการยืนยันว่า ไม่กระทบเรื่อง “ราคาขาย” ถ้าจะกระทบเป็นเรื่องของต้นทุนเมล็ดกาแฟที่ปรับสูงขึ้นมากกว่า ไม่ใช่เรื่องย้ายฐานการผลิต หรือนำเข้าจากเวียดนาม ตอนนี้ยังไม่มีแผนในการปรับขึ้นราคา

ปัจจุบันเนสท์เล่ ประเทศไทยมีโรงงานทั้งหมด 8 แห่ง ในปี 2567 มีการขยายการผลิตในส่วนนม UHT และอาหารสัตว์ และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนรวม 22,800 ล้านบาท

ในอนาคตถ้ามีการตกลงกันได้ และสิ้นสุดคดีความ อาจจะมีการจัดตั้งโรงงานใหม่เพื่อผลิตเนสกาแฟ เพราะประเทศ ไทยเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาค เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสินค้าขายทุกกลุ่มทั้งกาแฟ อาหารสัตว์ นมเด็ก น้ำดื่ม ไอศกรีม และอื่นๆ บางประเทศอาจไม่มีขายสินค้าบางกลุ่ม

เมื่อปี 2564 เนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญาที่ให้สิทธิ บริษัท ควอลิตี้คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ในการผลิตเนสกาแฟ โดยไม่สามารถอธิบายถึงเหตุผลในการแจ้งยุติสัญญาได้ ทำให้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 การยุติสัญญา มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายโดยคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการสากล โดยมีผลเป็นการเลิกสัญญา แต่ภายหลังการยุติสัญญา ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงเรื่องการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด จึงมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น

บริษัท ควอลิตี้คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) มีทุนจดทะเบียนบริษัท 500 ล้านบาท มียอดขายในปี 2566 อยู่ที่ 17,157.36 ล้านบาท

ปัจจุบัน QCP มีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น

ฝั่งของมหากิจศิริ

  • นายประยุทธ มหากิจศิริ 3.2% (1.6 ล้านหุ้น)
  • นางสุวิมล มหากิจศิริ 5.0% (2.5 ล้านหุ้น)
  • นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ 41.8% (20.9 ล้านหุ้น)

ฝั่งเนสท์เล่

  • NESTLE S.A. 30.0% (15 ล้านหุ้น)
  • NESTLE TRADING (THAILAND) LTD 1.0% (5 แสนหุ้น)
  • VETROPA S.A. 19.0% (9.5 ล้านหุ้น)
]]>
1523142
มอลต์โดนสกัด! ไทยเปิดตัว “ไมโล นมถั่วเหลือง” ที่แรกของโลก รับกระแสโปรตีนทางเลือก https://positioningmag.com/1373046 Mon, 07 Feb 2022 09:10:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373046 เนสท์เล่ (ไทย) ส่ง “ไมโล นมถั่วเหลือง” หรือไมโลซอย ลงตลาดที่แรกของโลก ขอชิงแชร์ตลาดนมถั่วเหลืองกว่า 13,500 ล้าน รับกระแสโปรตีนทางเลือก พร้อมกับเด็กยุคใหม่แพ้นมวัวกันมากขึ้น

นมถั่วเหลือง ตลาดใหญ่กว่ามอลต์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นอกจากจะทำให้กำลังซื้อน้อยลง เศรษฐกิจแย่ การปิดโรงเรียน หรือนักเรียนต้องเรียนออนไลน์ ก็ส่งผลทำให้ตลาด “นมพร้อมดื่ม” หดตัวลงเช่นกัน ในปี 2564 มีมูลค่า 44,000 ล้านบาท หดตัว 7.5%

โดยในตลาด 44,000 ล้านนั้น แบ่งเป็น 4 เซ็กเมนต์ใหญ่ 50% นมวัวรสชาติต่างๆ 30% นมถั่วเหลือง 15% นมช็อกโกแลตมอลต์ และอีก 5% เป็นนมชนิดอื่นๆ

“ไมโล” เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนมพร้อมดื่มกลุ่มนมช็อกโกแลตมอลต์ ในปีนี้เรียกว่าเป็นบิ๊กมูฟครั้งใหญ่ในรอบ 69 ปีที่ทำตลาดในไทย ได้เปิดตัว “ไมโล นมถั่วเหลือง” หวังขอแชร์ตลาดนมถั่วเหลืองที่ใหญ่กว่าตลาดนมช็อกโกแลตมอลต์เท่าตัวนึง

ไมโลนมถั่วเหลืองเป็นการรวมเอาคุณประโยชน์จากถั่วเหลือง และมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์เข้าไว้ด้วยกัน 1 กล่อง ให้โปรตีน 5,000 มิลลิกรัม จากถั่วเหลือง 100% ขนาด 180 มิลลิลิตร วางจำหน่ายในราคา 13 บาท

ไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์นม และโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

“ไมโล นมถั่วเหลืองได้ทำการวิจัยและพัฒนานานพอสมควรร่วม 2 ปี หาจุดที่ลงตัวที่สุด ทำให้อร่อยถูกปาก ทำให้ผ่านเกณฑ์ทางเลือกสุขภาพด้วย สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่มองหาโปรตีนจากพืช กระแสการมาชอง Plant-based ทั้งอาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งได้เปิดตัวที่ไทยเป็นประเทศแรก เพราะมองเห็นโอกาสในตลาดสูง ประเทศอื่นก็มองโอกาสในการขยายต่อไป”

รับกระแส Plant-based และเด็กแพ้นมวัว

นอกจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่ต้องการโปรตีนจากพืชมากขึ้น ในยุคนี้เริ่มเห็นผู้บริโภคหลายคนแพ้นมวัวมากขึ้น หรือมีภาวะย่อยนมวัวไม่ดี มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงคนที่ทานวีแกนมากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสที่กลุ่มนมถั่วเหลืองมีโอกาสเติบโต และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า

อีกทั้งตลาดนมถั่วเหลืองยังมีขนาดใหญ่ มีมูลค่าถึง 13,500 ล้านบาท โดยที่ตลาดนมช็อกโกแลตมอลต์มีขนาดเพียงแค่ 4,500 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีการหดตัว 2% ด้วย

เรียกว่าตลาดนมถั่วเหลืองยังมีศักยภาพในการเติบโต และมีตลาดใหญ่กว่า สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ไมโลได้พยายามปรับสูตรเพื่อรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลีย่นแปลงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปรับสูตร ไม่มีน้ำตาลตาลทราย, น้ำตาลน้อยกว่า 30% ถือว่าเป็นการเปิดสูตรใหม่เป็นครั้งแรกของโลกเช่นกัน

แต่กลุ่มเป้าหมายหลักของไมโลส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี การทำการตลาดส่วนใหญ่จะเจาะไปที่กลุ่มแม่ ครั้งนี้ได้เลือก “กบ สุวนันท์” และลูกๆ เป็นพรีเซ็นเตอร์

ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวงการนมพร้อมดื่ม จากไมโลที่เป็นนมในตำนาน แตกไลน์สู่โปรตีนทางเลือก เพราะยุคนี้เป็นยุคของผู้บริโภคในการเลือกทานของจริง

]]>
1373046