ผลสำรวจจาก Teikoku Databank พบว่า อุตสาหกรรมแอนิเมชันของญี่ปุ่น มียอดขายลดลง 1.8% นับเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ในปีที่แล้วยอดขายทั้งหมดของอุตสาหกรรมแอนิเมชันญี่ปุ่น อยู่ที่ราว 251,100 ล้านเยน ลดลงจากปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ 255,700 ล้านเยน
เเม้จะมีความนิยมอย่างล้นหลามจาก ‘Demon Slayer’ ดาบพิฆาตอสูร ที่เพิ่งฉายไปเมื่อปี 2020 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์บ็อกซ์ออฟฟิศของญี่ปุ่น ด้วยรายรับมากกว่า 4 หมื่นล้านเยน มาช่วยชดเชยตลาด เเต่ภาพรวมของวงการนี้ก็ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดไปไม่น้อย
วิกฤตโควิด ส่งผลต่อกระบวนการผลิตแอนิเมชันในหลายสตูดิโอ ซึ่งส่งผลต่อรายได้เเละการเเบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยสตูดิโอในญี่ปุ่นที่เข้าร่วมการสำรวจกว่า 300 แห่ง กำลังเผชิญกับยอดขายที่ลดลงกว่า 48.6%
ขณะเดียวกัน แนวโน้มอุตสาหกรรมแอนิเมชันของญี่ปุ่นนั้น กำลังดูในช่วง ‘ท้าทาย’ จากการเเข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากฝั่งบริษัทแอนิเมชันของจีน ที่ขยับลงทุนบุกตลาดนี้อย่างจริงจัง
โดยบริษัทจีน ได้มีการทุ่มเงินจ้างนักวาดและเข้าซื้อหุ้นของสตูดิโอของญี่ปุ่น รวมถึงพยายามเร่งพัฒนาเทคโนโลยีคุณภาพการผลิตเเละบุคลากร มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ก้าวหน้า ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แอนิเมชันจีนเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา : Japantimes
]]>ภาครัฐร่วมภาคเอกชนจับมือกันจัดงาน Bangkok International Digital Content Festival 2021 หรือ BIDC 2021 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 และเป็นครั้งที่สองที่งานจัดในรูปแบบออนไลน์ ภายในงานมีการจัดกิจกรรมเสวนาออนไลน์ (Webinar) เกี่ยวกับอุตสาหกรรม “ดิจิทัล คอนเทนต์” รวม 23 หัวข้อ พร้อมมอบรางวัล BIDC AWARDS 2021 ให้ผู้ประกอบการไทย (ดูรายชื่อผู้ชนะได้ด้านล่างบทความ)
รวมถึงงานนี้จะมีการจัดเจรจาธุรกิจอออนไลน์ระหว่างผู้ประกอบการไทยและต่างชาติทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะมีการจับคู่มากกว่า 300 คู่ คิดเป็นเม็ดเงินไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท
อุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ของไทยนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ผศ.ดร.สุรพงษ์ เลิศสิทธิชัย นายก สมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (BASA) และผู้แทนภาคอุตสาหกรรม ระบุว่า มูลค่าตลาดดิจิทัล คอนเทนต์ปี 2563 อยู่ที่ 34,200 ล้านบาท เติบโต 10.1% จากปีก่อนหน้า ส่วนปี 2564 เชื่อว่าจะยิ่งเติบโตสูงขึ้น โดยคาดว่าจะโต 15% ทำให้ปีนี้มีเม็ดเงินหมุนเวียน 39,000 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์ปี 2565 จะโตต่อเนื่องอีก 15% ขึ้นไปแตะ 45,000 ล้านบาท
สาเหตุการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ได้อานิสงส์จากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้คนยิ่งอยู่หน้าจอและใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น
“นพ ธรรมวานิช” นายกสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) กล่าวว่า แม้ว่าบางส่วนของอุตสาหกรรมอาจได้รับผลกระทบ เช่น กลุ่มภาพยนตร์ ละครไทย ที่ไม่สามารถออกกองได้ในช่วงนี้ มีผลต่อเนื่องทำให้งานออกแบบ CG ชะลอลง แต่เนื่องจากผู้ประกอบการไทยรับงานจ้างผลิตให้กับต่างประเทศมาก ปัจจุบันคิดเป็น 40% ของงานในมือทั้งหมดแล้ว และเทรนด์ของอุตสาหกรรมนี้ทั่วโลกเติบโตปีละ 10% ทำให้ผลกระทบไม่รุนแรงมากนัก
ขณะที่บางธุรกิจ COVID-19 ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทีเดียว “เขมนรินทร์ รัตนาอัมพวัลย์” นายกสมาคมอีเลิร์นนิงแห่งประเทศไทย (e-LAT) ระบุว่า ก่อนเกิดการระบาด อีเลิร์นนิงยังไม่เป็นที่สนใจในไทย แต่ตั้งแต่ปีก่อนอีเลิร์นนิงมีการเติบโต 20% ปีนี้คาดว่าจะโตอีก 25% เนื่องจากกลายมาเป็นบทบาทสำคัญของการเรียนตั้งแต่ในโรงเรียนจนถึงศูนย์ฝึกอาชีพ
“กฤษณ์ ณ ลำเลียง” นายกสมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) มองว่าอุตสาหกรรมนี้แข็งแกร่ง เพราะคนไทยมีบุคลากรด้านครีเอทีฟที่แข็งแรง และมีจำนวนมากเป็นอันดับต้นของภูมิภาคนี้ สอดคล้องกับนพจาก TACGA ที่ให้ข้อสังเกตว่างานที่ชนะรางวัล BIDC 2021 ปีนี้จำนวนมากไม่ใช่งานเฉพาะในไทยแต่อยู่ในระดับโลกแล้ว
นพยังชี้ทิศทางอนาคตว่าน่าจะได้เห็น งานทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ของคนไทยมากขึ้น เช่น อนิเมชันคนไทย จะเห็นการลงฉายในระบบสตรีมมิงต่างประเทศเร็วๆ นี้
“เนนิน อนันต์บัญชาชัย” นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) กล่าวตรงกันว่า ทั้งภาครัฐและสมาคมมีความพยายามผลักดันให้คนไทยพัฒนาเกมที่เป็น IP ของเราเองมาโดยตลอด ซึ่งประสบผลสำเร็จในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาจะมีเกมน้ำดีฝีมือคนไทยชนะรางวัลระดับนานาชาติเฉลี่ยปีละ 1-3 เกม ยกตัวอย่างเกมที่โดดเด่นของปีนี้คือ Kingdoms Reborn เพิ่งเปิดลงสตีมแต่ทำรายได้ไปแล้วเกือบ 100 ล้านบาท
สำหรับการมอบรางวัล BIDC AWARDS 2021 ผู้ชนะมีทั้งหมด 19 รางวัลจาก 5 สาขา ดังนี้
(มี 3 รางวัลที่ไม่มีผู้เข้ารอบสุดท้าย คือ Reality Media for Special Education Award, AI Innovation For Learning Award และ Innovation Online for Learning for Seniors Award)
(มี 1 รางวัลที่ไม่มีผู้เข้ารอบสุดท้ายคือ Best of Storytelling Award)
]]>นับเป็นโอกาสอันดีที่ผลงานของสตูดิโอจิบลิจะเข้าถึงคนทั่วโลก เเม้ก่อนหน้านี้ HBO Max คู่เเข่งของ Netflix จะได้ดีลนี้ไปเช่นกัน เเต่ยังจำกัดการให้บริการไม่กี่ประเทศเเละจะให้บริการในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ขณะที่ Netflix จะฉายทั่วโลก มีซับไตเติล 28 ภาษา และพากย์ 20 ภาษา
สำหรับผลงานของสตูดิโอจิบลิที่จะนำมาฉายใน Netflix มีทั้งหมด 21 เรื่อง ตลอดระยะเวลา 35 ปี ตั้งแต่เรื่องแรกอย่าง Nausicaä of the Valley of the Wind ปี 1984 จนถึงผลงานล่าสุด When Marnie Was There ปี 2014
อย่างไรก็ตาม ขาดไป 1 เรื่องเท่านั้นคือ Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อย กำกับโดย อิซาโอะ ทาคาฮาตะ ซึ่งเป็นผลงานคลาสสิกครองใจใครหลายคน
“นี่เป็นเหมือนฝันที่กลายเป็นจริงสำหรับ Netflix เเละสมาชิกหลายล้านคนของเรา ภาพยนตร์แอนิเมชันของสตูดิโอจิบลิ เป็นตำนานและมีแฟนๆ ทั่วโลก เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะทำให้พวกเขาสามารถดูได้ในหลายภาษา ทั้งในละตินอเมริกา ยุโรป แอฟริกาและเอเชีย เพื่อให้ผู้คนเพลิดเพลินไปกับความมหัศจรรย์แห่งโลกแห่งแอนิเมชัน” Aram Yacoubian ผู้อำนวยการฝ่ายแอนิเมชันของ Netflix กล่าว
ด้าน Toshio Suzuki โปรดิวเซอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ ให้เหตุผลในการนำผลงานมาฉายบน Netflix ว่า ในยุคนี้ผู้ชมสามารถเข้าถึงภาพยนตร์ได้จากหลายช่องทาง เราทราบถึงเสียงเรียกร้องจากเเฟนๆ จำนวนมาก จึงได้ตัดสินใจเปิดสตรีมผลงานของเรา เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ผู้ชมทั่วโลกได้มีโอกาสค้นพบโลกมหัศจรรย์ของสตูดิโอจิบลิ
สำหรับรายชื่อและช่วงเวลาฉายทั้ง 21 เรื่อง ได้แก่
1 กุมภาพันธ์ : Castle in the Sky (1986), My Neighbor Totoro (1988), Kiki’s Delivery Service (1989), Only Yesterday (1991), Porco Rosso (1992), Ocean Waves (1993), Tales from Earthsea (2006)
1 มีนาคม : Nausicaä of the Valley of the Wind (1984), Princess Mononoke (1997), My Neighbors the Yamadas (1999), Spirited Away (2001), The Cat Returns (2002), Arrietty (2010), The Tale of The Princess Kaguya (2013)
1 เมษายน : Pom Poko (1994), Whisper of the Heart (1995), Howl’s Moving Castle (2004), Ponyo on the Cliff by the Sea (2008), From Up on Poppy Hill (2011), The Wind Rises (2013), When Marnie Was There (2014)
ที่มา : hollywoodreporter
]]>