โฮมโปร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 05 Mar 2025 13:33:34 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 โฮมโปร สวนกระแสเศรษฐกิจ ปี 68 ลงทุนใหญ่ 8,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1513644 Wed, 05 Mar 2025 13:20:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1513644 โฮมโปร เบอร์ 1 ค้าปลีกตกแต่งบ้าน ที่ทำเงินได้วันละ 200 ล้านบาท ตั้งเป้า ปี 72 รายได้แตะ 1 แสนล้านบาท

โฮมโปร มีธุรกิจหลัก 3 ยูนิต ได้แก่ โฮมโปร เมกาโฮม และมาร์เก็ตวิลเลจ โดยปี 2567 ทำรายได้รวม 72,576 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,503 ล้านบาท “เท่ากับว่าโฮมโปร ทำเงินเฉลี่ยวันละ 200 ล้านบาท”

รักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์และความยั่งยืนองค์กร บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ กล่าวว่า ปี 2568 โฮมโปร สวนกระแสเศรษฐกิจ ประกาศลงทุนใหญ่ 6,000-8,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

1.ขยายสาขาใหม่เพิ่ม 12 แห่ง และรีโนเวตสาขาเดิม ใช้งบราว 5,000 ล้านบาท

  • โฮมโปร 7 สาขา (เปิดตัว 1 สาขาไตรมาส 2/68 และอีก 6 สาขาช่วงครึ่งหลังปี 68)
  • เมกาโฮม 5 สาขา (ครึ่งหลังปี 68)

ปีนี้โฮมโปรจะเน้นโมเดลไฮบริด 2 แบรนด์ในพื้นที่เดียวกัน อาทิ โฮมโปรบางแห่งอาจไปเปิดในพื้นที่เมกาโฮมเพิ่ม เป็นต้น

เพื่อลดต้นทุนลง จากเดิมเปิดโมเดลเดี่ยวแยก 2 แบรนด์ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่น โฮมโปร 400 ล้านบาท/แห่ง และเมกาโฮมอีก 400 ล้านบาท/แห่ง หากเปิดโมเดลไฮบริด 2 แบรนด์พร้อมกัน จะใช้เงินลงทุนเพียง 500-600 ล้านบาท

ขณะเดียวกันโมเดลไฮบริดยังทำอัตรากำไรขั้นต้นสูง 27-28% เมื่อเทียบกับเมกาโฮมที่ทำได้ 25% และโฮมโปร 30% แต่ความพิเศษ คือ สามารถดึงดูดได้ทั้งกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปและกลุ่มช่าง ต่างจากโมเดลเดี่ยวที่ทาร์เก็ตลูกค้าได้แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

2.เปิดคลังสินค้าหุ่นยนต์ ใช้งบราว 2,000 ล้านบาท

โดยเปิดคลังสินค้าหุ่นยนต์ เพื่อสามารถทำงานได้ 24 ชม. และลดความผิดพลาดได้มากกว่าการใช้แรงงาน ซึ่งจะใช้พนักงานน้อยลง 30%

สำหรับคลังสินค้าหุ่นยนต์นี้มี ขนาดพื้นที่ 40,000-60,000 ตร.ม. มีความจุพาเลทได้ 70,000-80,000 พาเลท มากกว่าคลังสินค้าทั่วไปที่จุได้ 20,000 พาเลท สามารถรองรับการเติบโตของโฮมโปรได้อีก 5 ปี

ทั้งนี้ คลังสินค้าหุ่นยนต์นี้ เป็นอาคารที่ 7 ของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่วังน้อยอยุธยา คาดแล้วเสร็จภายในปลายปี 2568 ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีคลังสินค้ารวม 180,000 ตร.ม. บนพื้นที่ 250 ไร่

รักพงศ์ อรุณวัฒนา

อย่างไรก็ตาม ปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 โฮมโปร มองว่า ตลาดค้าปลีกของตกแต่งบ้านและวัสดุก่อสร้าง ยังเผชิญความท้าทายหลายด้านโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่กดดันกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลง ”และคาดว่าน่าจะฟื้นตัวหลังครึ่งหลังปี 2569 เป็นต้นไป“

แต่การลงทุนใหญ่ ถือเป็นโอกาสเหมาะ เพื่อรอการฟื้นตัวในปีต่อไป แล้วสามารถพร้อมเติบโตได้ก่อนคนอื่น ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ต้นทุนหลายอย่างไม่สูง ราคาสมเหตุสมผลมากขึ้น

“จากการขยายตัวของสาขาทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 4-5% จากปีก่อนทำไว้ 7.2 หมื่นล้านบาท และภายในปี 2571-2572 โฮมโปรวางเป้าทำรายได้ทะลุ 1 แสนล้านบาท”

ทว่าสิ่งที่น่าห่วง คือ เรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ กทม. ที่เป็นกำลังซื้อระดับปานกลาง-สูง ที่ได้รัดเข็มขัดค่าใช้จ่าย

สะท้อนจาก ยอดซื้อต่อบิลของโฮมโปร ช่วงหลังโควิดเป็นต้นมา ขยายตัวทุกปี ลูกค้าซื้อของเฉลี่ย 3,000 บาท/บิล แต่ปี 2567 ที่ผ่านมายอดซื้อต่อบิลลดลง 4-5%

”เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี คนจะซื้อของราคาถูกลง แต่อีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสให้กับ Private Brand ของโฮมโปร ที่มีราคาย่อมเยาลงมา โดย 3 หมวดสินค้าที่ขายดีสุด คือ เซรามิก สุขภัณฑ์ และของตกแต่ง อาทิ หมอน ผ้าม่าน โดยในอนาคตเรามีแผนขยายสินค้าตนเองเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ 30-40 แบรนด์“

]]>
1513644
“โฮมโปร” ประกาศเป้า 5 ปี มุ่งสู่ยอดขาย “1 แสนล้าน” ขยายทะลุ 170 สาขา https://positioningmag.com/1460400 Fri, 26 Jan 2024 06:34:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460400
  • “โฮมโปร” ประกาศเป้าหมาย 5 ปี มุ่งสู่ยอดขาย “1 แสนล้าน” เตรียมงบลงทุน 2-3 หมื่นล้านบาท ปักหมุดสาขาเพิ่มทะลุ 170 สาขา ลงทุนคลังสินค้าอีก 1 แสนตร.ม. และพัฒนาเทคโนโลยีหลังบ้าน
  • อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดปี 2567 คาดยังซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจ หวังมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐช่วยพยุง เช่น ลดหย่อนภาษี Easy e-Receipt
  • “วีรพันธ์ อังสุมาลี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร ประกาศแผนและเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้าของบริษัท วางเป้าเป็นผู้นำธุรกิจ “Home Solution and Living Experience” ของไทย ทำยอดขายไปแตะ “1 แสนล้านบาท” จากเมื่อปี 2566 คาดยอดขายทั้งปีปิดที่กว่า 68,000 ล้านบาท

    โดยกลยุทธ์เพื่อไปสู่เป้าหมาย โฮมโปรจะพัฒนา “3S” คือ การเชื่อมต่อทุกช่องทาง อย่างไร้ขอบเขต (Synergized Omnichannel), การสร้างประสบการณ์พิเศษเฉพาะคุณ (Superior Experiences) และ การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (Sustainable Innovation)

    “วีรพันธ์ อังสุมาลี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

     

    ลงทุนเพื่อขยายให้ทะลุ 170 สาขา

    ในแง่ของช่องทางการขายและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุน วีรพันธ์กล่าวว่า โฮมโปรจะมีการลงทุน 2-3 หมื่นล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อขยายสาขา ขยายคลังสินค้า และพัฒนาด้านเทคโนโลยีหลังบ้าน

    โดยจำนวนสาขาปัจจุบันมีทั้งหมด 127 สาขาในไทย (*ไม่รวม 7 สาขาในประเทศมาเลเซีย) บริษัทต้องการขยายเพิ่มอีกให้ครบ 170 สาขาภายใน 5 ปี

    ด้านศูนย์กระจายสินค้าของโฮมโปรปัจจุบันมีพื้นที่ 373,795 ตร.ม. ต้องการจะขยายอีก 100,000 ตร.ม. เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ

    เมกาโฮม ปลวกแดง จ.ระยอง

    ภายใต้การบริหารของโฮมโปร ปัจจุบันวางรูปแบบร้านค้าไว้ทั้งหมด 3 แบบ คือ

    • โฮมโปร (Homepro) ร้านค้าสินค้าที่เกี่ยวกับบ้าน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ มีลูกค้าหลักคือกลุ่มเจ้าของบ้าน (Home Owner)
    • เมกาโฮม (Megahome) ร้านขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มช่างมืออาชีพ
    • ไฮบริด (Homepro x Megahome) เป็นรูปแบบผสมมีทั้งโฮมโปรและเมกาโฮมในพื้นที่เดียวกัน ทำให้จับเป้าหมายลูกค้าได้ทั้งเจ้าของบ้านและกลุ่มช่าง
    ร้านรูปแบบไฮบริด โฮมโปร x เมกาโฮม สาขาเจ้าฟ้า จ.ภูเก็ต

    “รักพงศ์ อรุณวัฒนา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์ และความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า ส่วนแบ่งยอดขายของบริษัทขณะนี้ 81% มาจากร้านโฮมโปร 18% มาจากเมกาโฮม และ 1% มาจากยอดขายต่างประเทศ

    การเติบโตในอนาคต 5 ปีของโฮมโปรจะขยายทั้ง 3 รูปแบบ โดยเฉพาะแบบไฮบริดขณะนี้ทดลองเปิดไปแล้ว 2 สาขาที่ ขอนแก่น กับ ภูเก็ต ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทำให้จะมีการเปิดสาขาในลักษณะนี้เพิ่มขึ้น

    “เราเชื่อว่า 5 ปีต่อจากนี้ตลาดน่าจะใหญ่ขึ้น เพราะทุกคนต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมืองจะมีการขยายตัว ซึ่งโฮมโปรจะขยายสาขาได้ตามการเติบโตของเมืองใหญ่ เช่น ขณะนี้เรามีโฮมโปรในชลบุรีถึง 7 สาขา ในเชียงใหม่มี 3 สาขา เพราะเมืองมีการขยายออกไป” รักพงศ์กล่าว “ถ้าให้มองก็จะคล้ายๆ กลุ่มฟู้ดรีเทลที่มีพื้นที่ขยายได้ต่อเนื่อง ร้านค้าโมเดิร์นเทรดยังโตต่อได้ ส่วนการแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่ด้วยกันก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องแข่งขัน”

     

    กระตุ้นการซื้อด้วยโครงการ “เก่าแลกใหม่”

    นอกจากการขยายสาขาแล้ว โฮมโปรยังต้องการเพิ่มยอดขายต่อสาขาให้มากขึ้นด้วย ทำให้มีการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มาดึงดูดลูกค้า เช่น โครงการ “Trade In – แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” นำของเก่ามาแลกรับส่วนลดสูงสุด 5,000 บาทในการซื้อสินค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้น โครงการนี้รักพงศ์ระบุว่าได้ผลเกินคาดเพราะทำยอดขายผ่านโครงการได้เกินกว่า 2,000 ล้านบาท

    ในปีนี้โฮมโปรจึงมีการต่อยอดในเชิงสิ่งแวดล้อมกับโครงการ “Closed Loop Circular Appliances” นำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ลูกค้าโฮมโปรนำมาแลกไปรีไซเคิล โดยร่วมกับพันธมิตรเพื่อรับเม็ดพลาสติกที่ผ่านการรีไซเคิลไปใช้ผลิตสินค้าจริง ได้แก่ Haier, Toshiba และ Venz

    อีกกลยุทธ์ที่จะใช้กระตุ้นการซื้อคือ “เพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่” เน้นไปที่กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพผู้สูงวัย เช่น วีลแชร์ เตียงนอน ราวจับในห้องน้ำ และกลุ่มสินค้าแม่และเด็กด้วย

     

    ปี 2567 มองตลาดยังซบเซาจากภาวะเศรษฐกิจ

    เฉพาะแผนงานในปี 2567 รักพงศ์กล่าวว่าจะมีการเปิดใหม่ 6-8 สาขา กระจายไปทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในจำนวนนี้จะมี 2 สาขาที่เป็นรูปแบบไฮบริด

    ด้านการเติบโตของปีนี้ วีรพันธ์มองว่าตามภาพรวมทางเศรษฐกิจอาจจะโตได้ไม่มาก ขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล

    “อย่างต้นปีนี้เรามีลดหย่อนภาษีด้วย Easy e-Receipt คนละ 50,000 บาท จะต่างจากปีก่อนคือเป็น e-Tax ทั้งหมด ทำให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมีน้อยลง แต่โฮมโปรเป็นหนึ่งในร้านที่ร่วมรายการ ทำให้เราเชื่อว่าเราจะได้อานิสงส์มากขึ้นกว่าปี 2566” วีรพันธ์กล่าว

    ]]>
    1460400