ไทยช่วยไทย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 02 Jul 2021 09:28:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เซ็นทรัลพัฒนา เร่งกระตุ้น “วัคซีนเศรษฐกิจ” สนับสนุน “ไทยช่วยไทย” เปิดแคมเปญยิ่งใหญ่ “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป” https://positioningmag.com/1340366 Fri, 02 Jul 2021 13:00:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340366

แม้ในช่วงการระบาดของไวรัส COVID-19 ในระลอกนี้จะยาวนาน แต่ในยามวิกฤต ถ้าเราร่วมแรงรวมใจกัน ทั้งการผนึกกำลังกันของภาคเอกชน และพลังไทยช่วยไทย เชื่อว่าเราจะฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้

ที่ผ่านมาเราได้เห็นภาคเอกชนต่างๆ มีการออกแรงช่วยกระตุ้นการสนับสนุนการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประเทศ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” ที่จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ให้เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน

“เซ็นทรัลพัฒนา” ผู้นำแห่งวงการค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 33 สาขาทั่วประเทศ ได้ออกมาขับเคลื่อนช่วยเหลือในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่การเปิดพื้นที่เป็น “ต้นแบบ” ศูนย์การค้าปลอดภัยสำหรับการฉีดวัคซีน ล่าสุดได้จับมือธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล นำโดยเซ็นทรัล รีเทล และพันธมิตรกว่า 15,000 ราย เพื่อภารกิจระดับชาติ วางโรดแมปเร่งกระตุ้น ‘วัคซีนเศรษฐกิจ แบบ Omnichannel’ พร้อมทุ่มงบ 120 ล้านบาท ประเดิมแคมเปญใหญ่แห่งปี “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป” ทั่วประเทศ เริ่ม ก.ค. ถึง ส.ค. 64 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า

เตรียมพร้อมแผนผลักดันเศรษฐกิจของภาครัฐ นำโดย ททท. อาทิ Amazing Thailand Grand Sale 2021 โดยมีแผนระยะยาวยกระดับ SMEs และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ เกษตรกร และคนไทยทุกอาชีพ ผ่านแคมเปญต่างๆ กว่า 100 แคมเปญทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ที่เตรียมจัดต่อเนื่องถึงสิ้นปี

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“เซ็นทรัลพัฒนา มุ่งมั่นในการเป็นพลังบวกที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มต้นสถานการณ์ในปีนี้ เราได้วางโรดแมปที่จะช่วยเดินหน้าและประคองเศรษฐกิจ รวมไปถึงในขณะนี้ที่ภาครัฐกำลังเดินหน้ากระจายการฉีดวัคซีนและเตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ กลุ่มเซ็นทรัลและพันธมิตรพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยกลยุทธ์ Central Synergy เป็น National Accelerator ฝ่าวิกฤตโควิด กระตุ้น ‘วัคซีนเศรษฐกิจ แบบ Omnichannel’ ช่วยลดค่าครองชีพ ประคองทุกธุรกิจไปด้วยกัน”

กลยุทธ์ที่ 1: สร้างเศรษฐกิจ “ไทยช่วยไทย” อย่างเป็นรูปธรรม

โดยมีศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศเป็นแพลตฟอร์มทั้งศูนย์การค้าและออนไลน์ในการขับเคลื่อน กิน-ช้อป-ใช้-เที่ยวที่ไทย ได้แก่

ยกระดับสินค้า SMEs ทั่วไทย และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อ Complete Value Chain สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าในระยะยาว สนับสนุน Craftmanship และสินค้า OTOPs ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีถึง 33 สาขาทั่วประเทศจึงเป็น Platform สำหรับ Product Rotation ทั่วประเทศแบบ Cross Region เช่น Made in Thailand Fair, ตลาดผลไม้รวมใจ, และงานสินค้าชุมชน เป็นต้น รวมไปถึงการส่งเสริม Local Tourism ผ่านกิจกรรมเที่ยวท้องถิ่นทั้งกิน พัก และสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายขึ้นพร้อม เปิดพื้นที่รวม 40,000 ตร.ม. ช่วยเหลือ SMEs, เกษตรกร และอาชีพต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

แคมเปญลดราคาครั้งใหญ่กลางปี “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป” ทั่วประเทศ ระหว่าง ก.ค.-ส.ค. 64 รวมใจลดทั่วไทย ช่วยลดค่าครองชีพผู้บริโภคในสินค้าทุกประเภท ลดสูงสุด 90% ทั่วไทย แบบ Omnichannel ทั้ง online & offline กว่า 15,000 แบรนด์ พร้อม Cashback สูงสุด 15% ลดกระหน่ำ ทุกใบเสร็จใช้จ่ายที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีค่า 1 บาทร่วมแคมเปญ Help Thai Fight Covid-19

– Vaccination Accelerator เร่งกระจายวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 23 สาขา (จากทั้งหมด 33 สาขาทั่วประเทศ) รวมกว่า 40,000 ตร.ม. โดยเป็นผู้นำตัวจริงและ “ต้นแบบ” ศูนย์การค้าปลอดภัย Provincial Vaccination Centers ทั่วประเทศ

รวมพลัง HUG THAIS, #เราทำเพราะเรารักไทย รวมพลังคนไทยร่วมแสดงออกถึงความรักไทยในสิ่งที่คุณทำได้ ทั้งกิน-ช้อป-ใช้-เที่ยวที่ไทย สนับสนุนคนไทย ไปจนถึงร่วมใจฉีดวัคซีน เพื่อก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

กลยุทธ์ที่ 2: เสริมทัพด้วยพลังของเซ็นทรัล รีเทล พร้อมแพลตฟอร์ม Omnichannel ที่แข็งแกร่งที่สุด

ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า

เราพร้อมสนับสนุนด้วยความแข็งแกร่งทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม Omnichannel ของเซ็นทรัล รีเทล ที่ได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ยอดขายผ่านช่องทางนี้ในไตรมาส 1/2564 ของ เซ็นทรัล รีเทล เติบโตเกือบ 3 เท่า คิดเป็นสัดส่วนกว่า 13% ของยอดขายทั้งหมด สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเวลานี้ได้อย่างแท้จริง

เซ็นทรัล รีเทลได้ผนึกกำลังธุรกิจในเครือ 10 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป,  เพาเวอร์บาย, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ รวม 1,048 สาขา ครอบคลุมกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ นำเสนอสินค้า และบริการ พร้อมโปรโมชั่นลดกระหน่ำสูงสุด 90%

กลยุทธ์ที่ 3: ยืนหยัดเคียงข้างผู้เช่าด้วยแผน 360° Tenant-Centric Business Partnership

เคียงข้างพันธมิตรผู้เช่ากว่า 15,000 ราย ทั้งการดูแลค่าเช่าและเงินหมุนเวียนธุรกิจ และยังได้รุกแพลตฟอร์มและบริการใหม่ๆ สร้าง Worry-Free Omnichannel ที่ประสบความสำเร็จทั้ง Delivery, Food Take-Away, Chat & Shop on Demand, Central Eats, Drive-Thru รวมถึง The 1 Biz โปรแกรม CRM ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้คู่ค้าต่อเนื่อง

อีกทั้งการเดินหน้าเปิดแคมเปญจะเป็นการช่วยเหลือ สร้างเงินหมุนเวียนให้คู่ค้าได้มากขึ้น เริ่มตั้งแต่แคมเปญ I’M VACCINATED ชวนคนฉีดวัคซีนที่เซ็นทรัลมารับสิทธิพิเศษจากร้านค้าร้านอาหารที่ร่วมรายการ ต่อเนื่องด้วยแคมเปญ ‘ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป’ และจัดแคมเปญเป็น Food destination สำหรับร้านอาหาร Take away พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกผ่าน Food delivery service อาทิ Grab เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านค้าอย่างเต็มที่ และเรายังได้วางแผนปูพรมอีกกว่า 100 แคมเปญทั้งที่ศูนย์การค้าและออนไลน์จนถึงสิ้นปี นอกจากนี้ ยังดูแลผู้เช่าต่อเนื่อง โดยผนึกกำลังธนาคารชั้นนำ 7 แห่งเพื่อช่วยให้เข้าถึงโปรแกรมสินเชื่อฟื้นฟูหรือเงินกู้ Soft Loan

กลยุทธ์ที่ 4: การฟื้นฟูท่องเที่ยวทั้งระบบ

นำโดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต นำร่อง “ภูเก็ต โมเดล” ต้นแบบเมืองท่องเที่ยวปลอดภัย โดยได้รับมอบตราสัญลักษณ์ SHA PLUS+ จาก ททท. มีพนักงานฉีดวัคซีนครบแล้ว 85% พร้อมเปิดพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวกับแคมเปญHUG THAIS HUG PHUKET, CENTRAL PHUKET HOTEL FAIR ผนึกกว่า 100 โรงแรมดังมอบส่วนลดที่พักสูงสุด 70% พร้อมต่อยอดไปเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น สมุย นอกจากนี้ ยังวางแผนโปรโมทและสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ Cross Region ขยายผลสู่การสนับสนุนธุรกิจแบบ Cross-Value Chain ทั้งธุรกิจการท่องเที่ยว และโรงแรมเช่นที่เคยสำเร็จมาแล้ว พร้อมต่อยอดงานกระตุ้นยอดขายไปสู่ธุรกิจอื่นอย่างยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น


ไฮไลท์แคมเปญ “ฮักไทย ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป”

กลุ่มเซ็นทรัลรวมใจลดกระหน่ำสูงสุด 90% กับสินค้ากว่า 15,000 แบรนด์ชั้นนำทั้งที่ศูนย์ฯ ห้าง และออนไลน์ สมาชิก The 1 ลุ้นช้อปฟรี! เมื่อช้อปครบ 2,000 บาท รับสิทธิ์ลุ้นบัตรกำนัลช้อปปิ้งมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท รวม 165 รางวัล รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12.5% จากบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน โดยไม่ต้องใช้คะแนนแลกและรับเพิ่มสูงสุด 5,000 บาท สำหรับบัตร The Black, Black, และ Luxe

บัตรเครดิตที่ร่วมรายการอื่นๆ แลกรับ Cashback สูงสุด 15% หรือบัตรกำนัลสูงสุด 3,600 บาท สุดยอดนักช้อป 50 Top Spenders ที่มียอดใช้จ่ายสะสมสูงสุดตลอดแคมเปญ โดยมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 500,000 บาทขึ้นไปรับฟรีแพ็คเกจห้องพักสุดหรูจาก AMANPURI, SALA SAMUI CHAWENG BEACH และ HYATT REGENCY KOH SAMUI พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ มากมาย รวมถึงการสนับสนุนโครงการของรัฐ ยิ่งใช้ยิ่งได้

พร้อมพบกับโปรโมชั่นพิเศษจากพันธมิตรธุรกิจในเครือเซ็นทรัล ได้แก่

ห้างสรรพสินค้า Central : สินค้าราคาปกติลดสูงสุด 30% พร้อมรับคูปองส่วนลดแทนเงินสด และเครดิตเงินคืน และโปรโมชั่น 7.7 แลกคะแนน The 1 600 คะแนน รับส่วนลด 100 บาท

Robinson : สินค้าราคาปกติลดสูงสุด 50% รับคูปองส่วนลดและรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,500 บาท และโปรโมชั่น 7.7 แลกคะแนน The 1 600 คะแนน รับส่วนลด 100 บาท

SUPERSPORTS : สินค้าลดสูงสุด 60% สินค้า One Price ราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 290 บาท และแลกคะแนน The 1 100 คะแนน รับส่วนลด 100 บาท

POWERBUY : สินค้าลดสูงสุด 50% และแลกคะแนน The 1 600 คะแนน รับส่วนลด 100 บาท

B2S : สินค้าลดสูงสุด 50% และแลกคะแนน The 1 400 คะแนน รับส่วนลด 100 บาท

OFFICEMATE : สินค้าเฉพาะรุ่นลดสูงสุด 90% โปรโมชั่น Pay Day และรับส่วนลด 200 บาทเมื่อใช้จ่ายครบ 3,500 บาทขึ้นไป ผ่าน Line Store OfficeMate ร่วมด้วย

TOPS/FOODHALL : พบกับTops 25th Anniversary ช้อปครบทุก 100 บาทต่อใบเสร็จ รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล รวมมูลค่ากว่า 6.96 ล้านบาท

Dolfin Wallet เพียงกดรับคูปองส่วนลด 50 บาท ได้ทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ สำหรับซื้อสินค้าที่ร้านค้าที่ร่วมรายการในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 500 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ

]]>
1340366
“สยามพิวรรธน์” เปิดโครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” ร่วมพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และสังคมไทยทุกมิติ https://positioningmag.com/1337317 Fri, 18 Jun 2021 10:00:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1337317

ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เล่นงานทั้งเศรษฐกิจไทย และทั่วโลก หลายคนได้รับผลกระทบจากจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ทั้งร่างกาย หรืออาจจะตกงาน ขาดรายได้ แต่ประเทศไทยไม่เคยแห้งแล้งน้ำใจ ทุกคนยังช่วยเหลือกันเพื่อฝ่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน

ในช่วงปีที่ผ่านมาตั้งแต่มีวิกฤต COVID-19 เราจะได้เห็นการร่วมแรงร่วมใจของบริษัทเอกชน ต่างมีโครงการที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด ก็ล้วนมีส่วนในการช่วยเหลือกัน

“สยามพิวรรธน์” เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้ประกาศความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนตั้งแรกว่า ว่าจะอยู่เคียงข้างคนไทยในยามวิกฤต ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน

ล่าสุดทางสยามพิวรรธน์ได้เปิดโครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” ประกอบไปด้วย ไทยช่วยไทย, ไทย SAFE ไทย และไทยช้อปไทย โดยร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจ ช่วยเหลือ และสนับสนุนคนไทย เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน

มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายส่งเสริมการตลาด และองค์กรสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

“สยามพิวรรธน์ ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีก และศูนย์การค้าที่อยู่คู่คนไทยมาเป็นเวลากว่า 64 ปี และได้ยืนหยัดเคียงข้างคนไทยในทุกวิกฤต  โดยนับตั้งแต่เริ่มมีเหตุการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน สยามพิวรรธน์ได้ผนึกความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน รวมไปถึงผู้คนอีกจำนวนมาก เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ผ่านโครงการ  “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” ที่สร้างสรรค์ครอบคลุมในทุกมิติ แบ่งเป็น ไทยช่วยไทย, ไทย SAFE ไทย และไทยช้อปไทย นับเป็นปรากฏการณ์รวมพลังครั้งสำคัญของธุรกิจค้าปลีกกับเหล่าพันธมิตรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือสังคม ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องการวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแกร่งให้กับประเทศเช่นนี้”


ไทยช่วยไทย” สนับสนุนคนไทย ช่วยเหลือคนไทย

ไทยช่วยไทยเป็นการรวมพลังร้านค้าผู้เช่าภายในศูนย์การค้าทั้งสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม รวมทั้งพันธมิตรองค์กรชั้นนำช่วยเหลือชุมชนโดยรอบ

ตลอดเดือนมิถุนายน 2564 สยามพิวรรธน์ได้รับการสนับสนุนจากร้านค้าผู้เช่า และองค์กรพันธมิตร ร่วมมอบอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้ โดยจัดสรรนำไปมอบให้แก่ชุมชนต่างๆ โดยรวมผู้ได้ที่รับความช่วยเหลือแล้วเป็นจำนวนกว่า 100,000 คน

นอกจากนี้ในตลอดเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ สยามพิวรรธน์ได้ผนึกกำลังภาครัฐ และเอกชนให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ เปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ช่วยแหลือผู้ประกอบการค้าปลีก เกษตรกรชุมชน พ่อค้าแม่ค้า SME ให้มีรายได้และสามารถก้าวผ่านวิกฤติไปได้ ในรูปแบบต่างๆ อาทิ

  • Market Fest เปิดตลาดช่วยเหลือผู้ประกอบการจากหลากหลายสาขาอาชีพ
  • SME Fest สนับสนุนพื้นที่จัดตลาดประชารัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย
  • Food Fest ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการร้านอาหารให้มีพื้นที่ขายชดเชยรายได้ที่หายไป

ไทย SAFE ไทย” เปิดพื้นที่บริการฉีดวัคซีน

กลุ่มสยามพิวรรธน์ ได้ให้การสนับสนุนวาระแห่งชาติเปิดพื้นที่หน่วยบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนนอกสถานพยาบาล โดยสยามพารากอน ร่วมกับ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดหน่วยบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนนอกสถานพยาบาลบนพื้นที่ใจกลางกรุง ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ด้านไอคอนสยาม ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราช สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร หอการค้าไทยและ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดสถานที่หน่วยบริการฉีดวัคซีน COVID-19 นอกสถานพยาบาลบนพื้นที่ ICONSIAM Art Space ชั้น 8 ท่ามกลางบรรยากาศมองเห็นทัศนียภาพของสายน้ำเจ้าพระยา

นอกจากนี้สยามพิวรรธน์ ยังได้จัดโครงการ “สยามรวมใจ สู้โควิดไปด้วยกัน” ระดมทุนบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ และมูลนิธิโรงพยาบาลตากสิน เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยส่งมอบให้แก่หน่วยงานต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว, มอบชุด PPE จำนวน 4,000 ชุด และน้ำดื่ม จำนวน 12,000 ขวด ให้กับ กรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข


ไทยช้อปไทย” กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

ในช่วงภาวะวิกฤติที่ต้องเร่งฟื้นฟู และเยียวยาเศรษฐกิจทั้งระบบในทุกแขนง เป็นช่วงเวลาที่ต้องการการผนึกกำลัง และศักยภาพจากทุกภาคส่วน ถึงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน สนับสนุนและกระตุ้นการจับจ่ายโดยอุดหนุนสินค้าไทยและผู้ประกอบการในประเทศไทยเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

สยามพิวรรธน์ได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้เช่าร้านค้า และพันธมิตรทางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ สำหรับผู้ประกอบการ ผู้เช่าและพันธมิตรกว่า 5,000 ราย สยามพิวรรธน์ได้ช่วยเหลือผู้เช่าร้านค้า และพันธมิตรในทุกวิถีทาง รวมถึงการให้ส่วนลดค่าเช่าค่าบริการ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทยออกมาตรการเพิ่มเติมสำหรับคู่ค้าให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู และสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน ช่วยเสริมสภาพคล่องให้บรรดาร้านค้าภายในศูนย์ฯ

สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย คู่ค้า กลุ่มแม่บ้าน และเกษตรกร สุขสยามได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์ จัดมาตรการพิเศษเรื่องสินเชื่อเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เสริมสภาพคล่อง เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน สนับสนุนสินเชื่อเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน

สยามพิวรรธน์วางแผนจัดแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในทุกสาขาภายใต้แนวคิด “ไทยช้อปไทย” สร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ ซึ่งต้องการพลังสนับสนุนจากประชาชนคนไทยทุกคนให้ออกมาจับจ่ายใช้สอยช่วยคนไทยด้วยกัน เพื่อกระตุ้นการสร้างงานสร้างรายได้ ผลักดันให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวมต่อไป

โดย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ รวมทั้ง ไอคอนสยาม กว่า 5,000  แบรนด์ วางแผนจัดแคมเปญพิเศษในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายเพื่อสร้างรายได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคให้ได้ซื้อสินค้าในราคาประหยัดเพิ่มความคุ้มค่าในการจับจ่ายอีกด้วย

ต้องบอกว่าโครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” เปรียบเสมือนการรวมพลังใจของคนไทยครั้งยิ่งใหญ่ ที่ต้องการความร่วมมือ และแรงสนับสนุนจากประชาชนไทย และองค์กรทุกภาคส่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้

เชื่อว่าวิกฤตนี้จะมีทั้งผู้ให้ และผู้รับ ผู้ร่วมสนับสนุนก็จะได้รับความสุขอย่างเต็มที่ในการได้ช่วยเหลือเกื้อกูลคนไทยด้วยกันในยามยากลำบาก ส่วนผู้รับก็เหมือนได้พลังบวกที่มีคุณค่า ให้สามารถมีแรงในการต่อสู้กับวิกฤตครั้งนี้ต่อไปได้ สุดท้ายเราคนไทยจะผ่านมันไปด้วยกันอย่างมั่นคง

]]>
1337317
“สยามพิวรรธน์” ปรับรับอีเวนต์หด เปิดพื้นที่ให้ขายของฟรี กระตุ้นใช้จ่ายเเบบไทยช่วยไทย https://positioningmag.com/1281010 Thu, 28 May 2020 11:21:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1281010 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป

“สยามพิวรรธน์” เผยทราฟฟิกกลับมา 50% กลุ่มนักท่องเที่ยวยังต้องรออีกเป็นปี ด้าน “พารากอน ฮอลล์” เจอหนัก อีเวนต์หด รายได้หาย ปรับกลยุทธ์โฟกัสงานในประเทศ ประเดิมเปิดพื้นที่ให้ “ขายของฟรี” กระตุ้นลูกค้าใช้จ่ายเเบบ “ไทยช่วยไทย”

พฤติกรรม “คนเดินห้าง” ไม่เหมือนเดิม

“หลังจากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งช่วง 2 สัปดาห์เเรก พบว่าลูกค้ามาเดินห้าง เฉลี่ยไม่เกินคนละ 2 ชั่วโมง เเละมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือ มาเเเบบมีจุดประสงค์เเน่ชัดหรือมาเพื่อซื้อสินค้าที่ต้องการจริงๆ เเล้วรีบกลับบ้าน ต่างจากเดิมที่มาเดินห้างเพื่อพักผ่อนหรือมาเดินเที่ยวเพื่อใช้ชีวิตทั้งวัน”

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวอีกว่า หลังจากปลดล็อกดาวน์เฟส 2 ให้ธุรกิจค้าปลีกกลับมาเปิดบริการได้แล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนของสยามพิวรรธน์ ที่บริหารสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และไอคอนสยาม ผู้คนเริ่มกลับมาบ้างเเล้ว เเต่ทราฟฟิกยังไม่กลับมาเท่าเดิม “หายไปเกินครึ่ง” เนื่องจากมาตรการต่างๆ ของรัฐยังเข้มงวดอยู่ โดยลูกค้าตอนนี้จะกลับมาอยู่ที่ราว 50% จากปกติที่กลุ่มวันสยามเคยมีลูกค้าประมาณ 2.5 เเสนคนต่อวัน ที่ไอคอนสยามประมาณ 8 หมื่นคนต่อวัน

“ลูกค้านักท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาได้ มีเพียงชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยเท่านั้นที่ออกมาเดินห้าง คงต้องรอถึงช่วงปลายปีอาจจะกลับมาได้ 20-30% จากปกติ เเละต้องรอลุ้นกันยาวถึงปีหน้า ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถกลับมาได้ถึงระดับปกติ ตอนนี้เราจึงต้องส่งเสริมกิจกรรมภายในประเทศมากขึ้น”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวถือเป็นลูกค้าหลักของเครือสยามพิวรรธน์เพราะคิดเป็น 30-40% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด

ส่วนกลุ่มสินค้าที่ขายดีช่วงนี้จะเป็นกลุ่มของ เครื่องใช้ไฟฟ้า ความงาม สุขภาพ และเครื่องใช้ในบ้าน สำหรับธุรกิจร้านอาหารนั้นกลับมาเปิดบางส่วน แต่คาดว่าหลังจากที่ปลดล็อกเฟส 3 ทุกอย่างจะกลับมาเปิดบริการได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้

“ตอนนี้ร้านค้าต่างๆ ในห้างฯ ของเครือสยามพิวรรธน์ ได้เปิดให้บริการเเล้วราว 90% มีบางส่วนที่เหลือยังติดปัญหาเรื่องพนักงานซึ่งต้องกักตัวหลังกลับมาจากต่างจังหวัด คาดว่าในเดือน มิ.ย.จะสามารถเปิดได้เต็ม 100% เเละยังไม่มีร้านใดปิดตัวไป”

ช่วงก่อนหน้าที่จะกลับมาเปิดห้างฯ “ชฎาทิพ จูตระกูล” ซีอีโอแห่งกลุ่มสยามพิวรรธน์ ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือวิกฤต โดยมองว่าช่วงเดือน มิ.ย. – ส.ค.หากรัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ ทั้งทราฟฟิกลูกค้าและรายได้ศูนย์การค้าจะยังไม่สูง คาดว่าจะอยู่ที่ 30-40% ของปกติ และจะทยอยดีขึ้นตามลำดับ

สำหรับภาพรวมทั้งปี 2563 รวมผลกระทบที่ต้องปิดห้างฯ เกือบ 2 เดือน และระยะฟื้นตัว มองว่าธุรกิจศูนย์การค้ารวมร้านค้าภายในทั้งประเทศจะสูญเสียรายได้ 50% จากทั้งธุรกิจที่เคยทำรายได้ให้ประเทศ 1.75 แสนล้านบาทต่อปี

อ่านต่อ : “ชฎาทิพ” แห่ง “สยามพิวรรธน์” ตอบชัด 4 ประเด็น พร้อมเปิดประตูห้างฯ ในยุค New Normal

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ (ซ้าย) กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มบริหารงานขายเเละการตลาด บริษัทสยามอัลไลเเอนซ์ เเมเนจเม้นท์ (ขวา)

พารากอน ฮอลล์ : คอนเสิร์ต-อีเวนต์หาย มุ่งรับงานคนไทย 

ด้านธุรกิจอีเวนต์ นับว่าต้องเจอผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เเบบ “หนักหนาสาหัส” ทีเดียว เนื่องจากต้องงดจัดงานที่เป็นการชุมนุมของคนหมู่มากเเละยังไม่มีทางออกของสถานการณ์เเน่ชัด ทำได้เเค่ “ยกเลิกหรือเลื่อน”

กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มบริหารงานขายเเละการตลาด บริษัทสยามอัลไลเเอนซ์ เเมเนจเม้นท์ เปิดเผยว่า “รอยัล พารากอน ฮอลล์” ได้รับผลกระทบโดยตรง ถือว่าหนักที่สุดตั้งเเต่เปิดมา เพราะไม่มีรายได้เลยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่ขอเลื่อนไปจัดช่วงปลายปี คือไตรมาส 3-4 เเละช่วงต้นปีหน้า

“ส่วนใหญ่ขอเลื่อนมากกว่ายกเลิก ซึ่งบอกจำนวนเเน่ชัดไม่ได้ เพราะยังไม่มีความเเน่นอนโดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศที่ต้องคอยดูสถานการณ์ มาตรการภาครัฐเเละการเปิดประเทศที่ยังไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญว่าจะเลือกจัดหรือไม่จัดอีเวนต์”

สำหรับ “รอยัล พารากอน ฮอลล์” เปิดพื้นที่ให้จัดงานประชุม คอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่างๆ ราว 80-90 งานต่อปี โดยงานยอดนิยมที่สุดจะเป็นงานคอนเสิร์ตเเละการจัดนิทรรศการ (Exhibition) อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เพราะคอนเสิร์ตจะจัดวันสุดสัปดาห์ ส่วนนิทรรศการจะจัดช่วงวันธรรมดา

ในระหว่างที่ยังไม่เปิดให้มีการจัดงานอีเวนต์ ทีมงานมีการปรับตัวเพื่อลดค่าใช้จ่ายเเละเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ดูเเลเเละปรับปรุงพื้นที่ให้เข้ากับมาตรการควบคุมโรค คิดหาเเนวทางเพื่อให้ผู้ใช้บริการอุ่นใจเพื่อรองรับการกลับมาอีกครั้ง

มาตรการรักษาความสะอาดปลอดภัยในสยามพารากอน

“เเผนของเราคือในช่วง 6 เดือนนี้จะโฟกัสกับงานในประเทศ กระตุ้นให้คนไทยช่วยคนไทย ประเดิมด้วยการจัดงานฟรี เปิดให้ SMEs มาขายของโดยไม่คิดค่าพื้นที่ มุ่งจัดอีเวนต์ให้ลูกค้าคนไทยก่อน จากนั้นช่วงต้นปี 2564 หากมีการเปิดบินระหว่างประเทศ ก็จะขยายไปหาลูกค้าในเอเชีย เเละถัดไปอีกปีจะขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก ตามที่เคยวางเป้าหมายไว้ก่อนเกิดวิกฤต”

ด้านสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เผยผลสำรวจทางธุรกิจพบว่า หากรัฐบาลปลดล็อกดาวน์ ผู้ประกอบการจะสามารถจัดงานได้ไม่ต่ำกว่า 900 งาน ทั้งในส่วนของงานประชุมสัมมนา (Meeting & Incentive) การประชุมอบรม (Convention) งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibition) การจัดงานอีเวนต์ส่งเสริมธุรกิจ และสร้างงานให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ภายในประเทศราว 7 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าในการผลักดันเศรษฐกิจ สร้างรายได้เข้าประเทศไทยเป็นกว่า 35,000 ล้านบาท ระหว่างเดือน มิ.ย. 2563 ถึง เดือน มี.ค. 2564

กระตุ้นใช้จ่าย “ไทยช่วยไทย” เปิดพื้นที่ให้ขายของฟรี 

จากเเผนที่จะฟื้นเศรษฐกิจในประเทศเเบบ “ไทยช่วยไทย” นำมาสู่โครงการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะมีการนำพื้นที่จัดงานอีเวนต์ของพารากอน ฮอลล์ (ที่ว่างอยู่) เเละภายให้ห้างฯ ของเครือสยามพิวรรธน์ มาจัดแคมเปญ “I Love Siam-Smile Together” เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานและผู้ประกอบกการที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของที่คนไทยผลิต เป็นการนำโมเดลธุรกิจรีเทลใหม่ที่เรียกว่า “ระบบนิเวศค้าปลีก” มาสร้างการค้าเชื่อมโยงระหว่างผู้ขายเเละผู้ซื้อ ซึ่งจะมีการนำร่องใน 4 โครงการหลัก ได้เเก่

1.ตลาดนัดยิ้มสยาม : เปิดพื้นที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และทรูไอคอน ฮอลล์ รวม 10,000 ตารางเมตร จัดกิจกรรม ‘ตลาดนัดยิ้มสยาม’ ร่วมกับพันธมิตร ให้พนักงานและผู้ประกอบการจากทั่วประเทศที่รับกำลังเดือดร้อนจากวิกฤตครั้งนี้ มาจำหน่ายสินค้า โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ วันที่ 24 – 28 มิ.ย. ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ และวันที่ 1 – 5 ก.ค. 2563 ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ อย่างไรก็ตาม วันและเวลาอาจมีเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล

“ด้วยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การจัดบูธก็ต้องมีการเว้นพื้นที่จากเดิมพารากอนฮอลล์ รองรับผู้ประกอบการได้ 400 ร้านก็จะเหลือ 120 ร้าน ส่วนทรูไอคอนก็จะเหลือประมาณ 90 ร้าน ขณะที่จำนวนผู้บริโภคที่จะเข้ามาร่วมงาน ตอนนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยรวมทราฟฟิกของห้างลดลง 50% สัดส่วนร่วมงานก็น่าจะลดลงกว่านี้มาก เพราะต้องมีมาตรการการคัดกรองต่างๆ ด้วย”

สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาร้านที่จะเข้ามาเปิดขายครั้งนี้ จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือผู้ที่ตกงานจาก COVID-19 ไม่จำกัดหมวดสินค้า เเต่ต้องเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย มีคุณภาพ ราคาเป็นธรรม โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line @RoyalParagonHall เเละ @TrueconHall

2. Siam Smile Space : เปิดพื้นที่ทำงานให้ทุกคนมาทำงานแบบ co-working space ในศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ อย่างสยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และไอคอนสยาม ได้ฟรี มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย Wifi และอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมมาตรการดูแลสุขอนามัยขั้นสูงสุด เริ่มเปิดให้ใช้พื้นที่ได้ในเดือน มิ.ย. 2563 เป็นต้นไป

3.โครงการฟื้นใจไทย : เปิดพื้นที่ให้จำหน่ายสินค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เปิดเมืองสุขสยาม ถึงวันที่ 15 มิ.ย. 2563 รองรับ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มบุคคลทั่วไปหรือนักธุรกิจ กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน อัตลักษณ์ไทยจาก 77 จังหวัด และกลุ่มเกษตรกรผลไม้คุณภาพจากสวนดัง และเกษตรกรไทยดีเด่น แบ่งจำหน่ายรอบละ 7-10 วัน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันใน 3 พื้นที่ คือ บริเวณธนบุรีดีไลท์, ลานเมือง 1 และ ลานเมือง 2 จัดตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2563 เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G

4. ไทยช่วยไทย ยิ้มไปด้วยกัน : เป็นความร่วมมือของสยามพิวรรธน์ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดมหกรรมผลไม้ 5 ภาค และของใช้อุปโภคบริโภคซึ่งเป็นของดีประจำจังหวัด ส่งตรงจากชาวสวน และผู้ผลิตจากทั่วประเทศไทย มาจำหน่ายบนพื้นที่ของศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จัดขึ้นในเดือน ก.ค. 2563 ณ ลานพาร์คพารากอน สยามพารากอน

“เราต้องช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ก่อน เพราะถ้าพวกเขารอด เราก็รอด เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวได้อีกครั้ง คนไทยต้องช่วยกันให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้” ผู้บริหารกลุ่มสยามพิวรรธน์กล่าว

]]>
1281010