ไฮ่! x DHC – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 14 Jul 2022 10:16:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 TCP โหมพอร์ต “ฟังก์ชันนอลดริงก์” แบรนด์ “แมนซั่ม” เจาะ Gen Z “ไฮ่! X DHC” ยึดเบอร์ 2 ตลาด https://positioningmag.com/1392563 Thu, 14 Jul 2022 09:32:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1392563
  • พอร์ตเครื่องดื่มกลุ่มฟังก์ชันนอลดริงก์ปี 2565 ของ TCP จะกลับมาโหมตลาดเต็มที่ ผ่านทัพสินค้า 3 แบรนด์ ได้แก่ แมนซั่ม, แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ และ ไฮ่! X DHC หวังยอดขายรวม 1,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อน
  • เครื่องดื่มแมนซั่มมีการปรับลุคและการสื่อสารให้เหมาะกับ Gen Z วัย 15-24 ปี ดึงสองนักดนตรีจากวงเยาวชน Yes Indeed Band เป็นพรีเซ็นเตอร์
  • แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ เจาะกลุ่มผู้ชายวัยทำงาน มองโอกาสทองในกลุ่มลูกค้าที่สนใจดื่มวิตามิน วอเตอร์แต่ยังไม่เคยลอง และปั้นการสื่อสารให้ลูกค้าซื้อเป็นสต็อก “ติดตู้เย็น”
  • ไฮ่! X DHC มาแรง ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาดสำเร็จจากการคอลแลปแบรนด์วิตามินซีชื่อดังของญี่ปุ่น เดินหน้ากลยุทธ์ Massive Sampling แจกชิม 500,000 ขวด
  • หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศ ทำให้ตลาดเครื่องดื่มสดใสขึ้น รวมถึงกลุ่มฟังก์ชันนอลดริงก์ด้วย โดยข้อมูลจาก “ประไพภักตร์ ไวเกิล” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวถึงคาดการณ์ปี 2565 กลุ่มตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์ (ไม่รวมวิตามิน วอเตอร์) น่าจะเติบโตได้ 5.6% มูลค่าตลาดแตะ 7,700 ล้านบาท และ กลุ่มตลาดวิตามิน วอเตอร์ น่าจะเติบโต 4.7% มูลค่าตลาดแตะ 2,500 ล้านบาท

    ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเมื่อปี 2564 เป็นปีที่ฟังก์ชันนอลดริงก์สะดุดครั้งแรกหลังโตติดต่อกันมาหลายปี โดยเมื่อปีก่อนตลาดติดลบถึง -13.3%

    TCP
    “ประไพภักตร์ ไวเกิล” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP

    นั่นทำให้ปี 2565 นี้ กลุ่ม TCP จะโหมตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์ ตั้งเป้ายอดขาย 1,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อน โดยปัจจุบันมี 3 แบรนด์ในพอร์ต ได้แก่ แมนซั่ม, แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ และ ไฮ่! X DHC ทุกแบรนด์ใช้งบการตลาดรวม 450 ล้านบาท และจะมีการออกสินค้าสูตรใหม่ในปีนี้

     

    “แมนซั่ม” ปรับลุคเจาะคน Gen Z

    เริ่มที่แบรนด์ “แมนซั่ม” เครื่องดื่มผสมแร่ธาตุสำหรับผู้ชายที่เปิดตัวครั้งแรกปี 2556 เน้นในกลุ่มลูกค้าวัยเรียนมาโดยตลอด แต่เมื่อลูกค้าในยุคเปิดตัวซึ่งเป็นกลุ่มคน Gen Y เติบโตไปสู่วัยทำงานแล้ว ทำให้ปีนี้จะมีการปรับการสื่อสารและปรับลุคให้ตรงกับเป้าหมาย Gen Z ที่อยู่ในช่วงวัยเรียนอายุ 15-24 ปีอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    TCP ให้อินไซต์ของผู้ชายวัยเรียนว่า เป็นวัยที่จะอยู่กับกลุ่มเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ และผู้ชายต้องการจะดูดี ผิวพรรณดี เพื่อเรียกความมั่นใจ ได้รับการยอมรับทั้งจากกลุ่มเพื่อนและเพศตรงข้าม ซึ่งเป็นเมสเสจที่แมนซั่มสื่อสารกับตลาดมาตลอด

    TCP ฟังก์ชันนอลดริงก์

    เสริมด้วยเมสเสจในเชิง emotional นั่นคือ แมนซั่มสนับสนุนความเป็น “สุภาพบุรุษ” หมายถึงผู้ที่มีทัศนคติเชิงบวกและให้เกียรติผู้อื่น

    จากเป้าหมายและเมสเสจของแบรนด์ ทำให้ปีนี้แมนซั่มมีการปรับโฉมผลิตภัณฑ์ให้ดูทันสมัยเหมาะกับวัยรุ่น Gen Z รวมถึงเลือกพรีเซ็นเตอร์ใหม่จากวง Yes Indeed Band คือ “พอร์ส-นรากร อิสระวรางกูร” มือกีตาร์และร้องนำ และ “มังกร-รัชชานนท์ วรกิจไพบูลย์” มือกลอง วงดนตรีวงนี้เป็นวงดนตรีเปิดหมวกที่วัยรุ่นชื่นชอบ แม้จะยังไม่เคยออกอัลบัม แต่มีชื่อเสียงโด่งดังในโซเชียลมีเดีย และมีแฟนคลับจำนวนมาก

    รวมถึงเข้าเป็นสปอนเซอร์รายการ “อย่าหาว่าน้าสอน” ของ น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เพราะมีการสื่อสารเข้ากับแบรนด์ รายการมอบทัศนคติที่ดีให้น้องๆ ผู้ชายในสังคม

    จากการมุ่งเป้า Gen Z ซึ่งเป็นเจนที่รักษ์โลกมากขึ้น บริษัทจึงเลือกแมนซั่มเป็นแบรนด์แรกของพอร์ตที่ปรับแพ็กเกจจิ้งให้เป็นวัสดุรีไซเคิลได้ 100% ด้วย

     

    แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ หวังขึ้นเป็น Top 3

    ด้านเครื่องดื่มน้ำวิตามินถือเป็นตลาดเรดโอเชียนที่แข่งกันดุเดือด แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวใหม่ในปี 2564 ปัจจุบันอยู่ใน Top 5 ของตลาดที่มีแข่งกัน 13 แบรนด์และวางเป้าจะขึ้นเป็น Top 3 ให้ได้ในปีนี้

    ฟังก์ชันนอลดริงก์ TCP
    แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ สูตรใหม่ล่าสุด “อาซาอิ เบอร์รี่” และกันยายนปีนี้ จะมีออกใหม่อีก 2 สูตร

    ทาร์เก็ตหลักของแบรนด์จะเป็นกลุ่มผู้ชายวัย 25-34 ปี เป็นคนทำงานที่ต้องการดูแลร่างกายและรูปลักษณ์ของตนเอง โดยจากการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคชายวัย 18-44 ปีนั้น 70% มีการดื่มน้ำวิตามินอยู่แล้ว และมีกลุ่ม 14% ที่ยังไม่เคยดื่มแต่มีความสนใจ

    ทำให้นอกจากการชิงกลุ่มลูกค้าที่ดื่มประจำจากแบรนด์อื่นแล้ว แมนซั่มหวังโอกาสทองที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่เคยดื่มน้ำวิตามินมาก่อน โดยอาศัยจุดขายว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์สำหรับ “ผู้ชาย” โดยเฉพาะ การโปรโมตแบรนด์จึงเลือกจับมือกับ GQ แบรนด์เสื้อผ้าคนทำงานเพศชายซึ่งมีเป้าหมายสอดคล้องกัน

    รวมถึงจะเน้นการสื่อสารว่าเป็นน้ำวิตามินที่สามารถดื่มแทนน้ำเปล่าได้ เพราะไม่มีน้ำตาล ดื่มได้ทุกวัน เน้นการซื้อสต็อก “ติดตู้เย็น” เหมายกลัง โดยส่ง conversion ลูกค้าเข้าซื้อผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ

     

    “ไฮ่! X DHC” มาแรงขึ้นอันดับ 2 จากการคอลแลป

    ปิดท้ายที่แบรนด์มาแรงในพอร์ตของ TCP น้ำวิตามินซีช็อต “ไฮ่! X DHC” แบรนด์นี้เปิดตัวเฉพาะชื่อ “ไฮ่!” ครั้งแรกเดือนมีนาคม 2563 และมาเริ่มคอลแลปกับ DHC ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งทำให้ขายดีขึ้นมาก

    Hi! x DHC ปัจจุบันมี 3 รสชาติ สิงหาคมปีนี้จะมีออกใหม่อีก 2 รสชาติ

    ประไพภักตร์ระบุว่า การคอลแลป DHC วิตามินซีขายดีที่สุดของญี่ปุ่น ทำให้ล่าสุด ไฮ่! X DHC ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของตลาดวิตามินซีช็อตแล้ว และตั้งเป้าว่าปีนี้จะโตอีก 40%

    กลุ่มลูกค้าจะยังคงเดิมคือเป็นคนวัยทำงานอายุ 25-34 ปีทุกเพศ และยังชูเมสเสจเดิมคือการใช้วิตามินพรีเมียมจากแบรนด์ DHC ของญี่ปุ่น ทำให้แบรนด์เลือก “เรียวตะ โอมิ” ยูทูปเบอร์คนดังชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในไทยมาทำหน้าที่ ‘Brand Talk’ เพื่อช่วยสร้างการรับรู้คุณสมบัติของวิตามินซีญี่ปุ่นได้อย่างน่าเชื่อถือ

    รวมถึงจะจัดกลยุทธ์ Massive Sampling จำนวน 500,000 ขวดตามออฟฟิศและสถานีรถไฟฟ้า เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองชิมมากขึ้น

    ด้านสภาวะตลาดโดยรวมฟังก์ชันนอลดริงก์ ประไพภักตร์มองว่าค่าครองชีพที่พุ่งขึ้นและอัตราเงินเฟ้อน่าจะมีผลไม่มากต่อตลาดนี้ เพราะในยุคหลัง COVID-19 ผู้บริโภคไทยต้องการฟังก์ชันนอลดริงก์ในฐานะเครื่องดื่มดูแลสุขภาพ ซึ่งทาง TCP จะพยายามตรึงราคาสินค้าในกลุ่มนี้ไว้ แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นแล้วก็ตาม

    ]]>
    1392563
    “ไฮ่!” งัดไม้ตายจับมือ DHC วิตามินซีตัวท็อปจากญี่ปุ่นลงขวดครั้งแรกของโลก! https://positioningmag.com/1362642 Wed, 17 Nov 2021 10:17:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1362642 ตลาดน้ำวิตามินซียังหอมหวาน มีผู้เล่นหน้าใหม่ลงตลาด ทำให้การแข่งขันในตลาดดุเดือด “ไฮ่!” จากค่าย TCP จึงของัดไม้ตาย ด้วยการจับมือกับ DHC แบรนด์วิตามินชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น อาศัยความเป็นวิตามินตัวท็อปสร้างจุดขาย ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดติด Top 3 ให้ได้

    สร้างจุดขายด้วย DHC วิตามินในตำนาน

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งก์เริ่มกลับมามีสีสัน และมีการเติบโตมากขึ้น เนื่องจากคนสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ตลาดนี้กลับมาบูมยิ่งขึ้น ทำให้ได้เห็นผู้เล่นตลาดเครื่องดื่ม หรือไม่ได้อยู่ในตลาดนี้ ต่างออกเครื่องดื่มผสมวิตามินทั้งสิ้น จับเทรนด์การดูแลสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น

    จะเห็นได้ว่าปีที่ผ่านมามีเครื่องดื่มมากหน้าหลายตาออกสู่ตลาดจนเต็มเชลฟ์ มีทั้งน้ำผสมวิตามิน หรือ Vitamin Water รวมถึงน้ำวิตามินซีแบบช็อต เรียกว่าเป็นเครื่องดื่มดาวรุ่ง เพราะหลายคนมองหาวิตามิน หรืออาหารเสริม เพื่อต้องการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

    ค่าย TCP เองก็ไม่ตกขบวนน้ำวิตามินซี ได้ออกแบรนด์ “ไฮ่!” ในปีที่แล้ว น้ำวิตามินซี 200% เมื่อไม่นานมานี้ได้ “อั้ม พัชราภา” เป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย

    แต่ด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด ปัจจุบันมีผู้เล่นในตลาดมากกว่า 10 แบรนด์ แต่ละแบรนด์ต่างชูจุดเด่นเรื่องวิตามินซี 200% เหมือนกัน สร้างภูมิคุ้มกันเหมือนกัน มีรสชาติใกล้เคียงกัน ทำให้ TCP ต้องแก้เกมใหม่ ด้วยการหาจุดขายใหม่ที่แตกต่างจากพวก

    งานนี้จึงได้จับมือกับ DHC วิตามินในตำนานจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวเป็น ไฮ่! x DHC ปรับสูตรใหม่โดยได้ผสมวิตามินจาก DHC เพิ่มเติม มีทั้งหมด 3 รสชาติ ได้แก่ มิกซ์เบอร์รี่ เลมอนเซโตซิ และส้มยูซุ

    เบื้องหลังของดีลนี้ ทาง TCP บอกว่าได้ปรึกษาแลพูดคุยกับทาง DHC เป็นเวลาพอสมควร ใช้เวลาร่วมปี ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค จนออกมาเป็นน้ำวิตามินซีร่วมกัน ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการออกน้ำวิตามินซีแบบขวดครั้งแรกของโลกของ DHC เช่นเดียวกัน เป็นดีลแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

    ประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า

    “ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการดูแล และรักษาสุขภาพมาเป็นการป้องกันมากขึ้น การเป็นพันธมิตรกับ DHC แบรนด์อาหารเสริมอันดับหนึ่งที่ได้รับความเชื่อถือในระดับสากลจากประเทศญี่ปุ่นนี้ ทำให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแก่ผู้บริโภคในราคาที่จับต้องได้ ไฮ่! X DHC จะช่วยผลักดันการเติบโตให้กับกลุ่มธุรกิจ TCP โดยเป็นหนึ่งในสามแบรนด์ที่ขายดีที่สุดในตลาดเซกเมนต์นี้ และเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 50% ในปีหน้า”

    DHC เป็นแบรนด์อาหารเสริมอันดับ 1 ในญี่ปุ่น ทำตลาดมา 20 ปี ปัจจุบันมียอดขาย 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้แบรนด์ค่อนข้างน่าเชื่อถือ มีฐานลูกค้ากว่า 15.47 ล้านคนในญี่ปุ่น มีดีลเลอร์มากกว่า 72,708 รายทั่วญี่ปุ่น

    สำหรับในประเทศไทยก็ถือว่ารู้จักแบรนด์ DHC เป็นอย่างดี ใครที่ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นก็ต้องมีหยิบ DHC ติดไม้ติดมือกลับบ้านมาทานเอง หรือเป็นของฝาก เพราะมีวิตามินที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งชายหญิง และทุกช่วงวัย อีกทั้งยังราคาไม่แรงเท่าไหร่นัก

    คนไทยสนใจสร้างภูมิคุ้มกัน

    จากเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนไทย ทำให้ตลาดฟังก์ชันนอลดริ้งก์มีการเติบโตเฉลี่ย 10% มาโดยตลอด เพียงแต่ในปีนี้คาดว่าจะลดลง 5% มีมูลค่า 8,600 ล้านบาท เนื่องจากมีการล็อกดาวน์นานกว่าปีที่แล้ว แต่คาดการณ์ว่าปีหน้าตลาดจะกลับมาเติบโต 9% หรือมีมูลค่า 9,330 ล้านบาท

    ทาง TCP ได้นำผลการศึกษาจากกันตาร์ พบว่ากลุ่มตัวอย่างทั่วโลกให้ความสำคัญในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน 70% ส่วนในประเทศไทยให้ความสำคัญถึง 80% เรียกว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับโลก หรือ 4 ใน 5 คนมองหาโซลูชันที่จะเพิ่มภูมิคุ้มกันมากขึ้น

    เมื่อมาดูวิธีการการเพิ่มภูมิคุ้มกันของคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการพักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาสุขอนามัยให้มากขึ้น โดยสิง่ที่น่าสนใจคือคนไทยมองว่าการเข้าถึงสินค้าที่ดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพ ยังเป็นช่องว่างของเขาอยู่ พบว่า 96% ของคนไทยไม่มีเวลาดูแลสุขภาพมากพอ 47% ดูแลสุขภาพผ่านการกินอาหาร และเครื่องดื่มต่างๆ หาโซลูชันง่ายๆ ให้ตัวเอง

    กลายเป็นว่าการดื่มเครื่องดื่มวิตามิน น้ำวิตามินซี หรืออาหารเสริม จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คนไทยในยุคนี้ หลายคนมองว่าสะดวก และเข้าถึงได้ง่าย จากผลสำรวจพบว่าคนไทยมีความถี่ในการดื่มเฉลี่ย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือดื่มเกือบทุกวัน

    อีกหนึ่งความน่าสนใจก็คือ การออกไฮ่! x DHC ในครั้งนี้ จะไม่มีการใช้พรีเซ็นเตอร์เหมือนการเปิดตัวสินค้าในปีที่แล้ว ประไพภักตร์บอกว่า 2 แบรนด์นี้เป็นพระเอกอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งตลาดติด Top 3 ในตลาดให้ได้

    ]]>
    1362642