Android – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 15 Sep 2021 12:50:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘เกาหลีใต้’ สั่งปรับ ‘Google’ กว่า 5.8 พันล้านบาท ฐานผูกขาดระบบปฏิบัติการ https://positioningmag.com/1352000 Wed, 15 Sep 2021 11:39:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352000 คณะกรรมการธิการการค้ายุติธรรมของเกาหลีใต้ (KFTC) วางแผนที่จะปรับ Google (กูเกิล) อย่างน้อย 207,400 ล้านวอน หรือราว 5,800 ล้านบาท ฐานบล็อกผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่าง Samsung ไม่ให้ใช้ระบบปฏิบัติการอื่น ซึ่งจะเป็นบทลงโทษต่อต้านการผูกขาดที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของประเทศ

การประกาศปรับ Google เกิดขึ้นเมื่อประเทศเกาหลีใต้เริ่มบังคับใช้กฎหมายโทรคมนาคมฉบับปรับปรุง ซึ่งห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการตลาดแอป เช่น Google และ Apple กำหนดให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนชำระเงินด้วยระบบการซื้อในแอป หรือก็คือ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องมีอิสระในการเลือกช่องทางชำระเงิน โดยเกาหลีใต้ถือเป็นประเทศแรกที่นำกฎระเบียบดังกล่าวมาใช้

เกาหลีใต้ได้พิจารณาอย่างใกล้ชิดว่าบริษัทเทคโนโลยีต่างประเทศมีพฤติกรรมอย่างไรในตลาดของตน จุดสนใจส่วนใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ Google และ Apple เนื่องจากเจ้าหน้าที่ให้คำมั่นที่จะป้องกันไม่ให้พวกเขาใช้ตำแหน่งทางการตลาดที่มีอำนาจเหนือกว่าในอินเทอร์เน็ตบนมือถือ

Joh Sung-wook ประธานคณะกรรมาธิการการค้ายุติธรรมของเกาหลีใต้ กล่าวว่า Google ได้ขัดขวางการแข่งขันตั้งแต่ปี 2011 โดยบังคับให้พันธมิตรด้านอิเล็กทรอนิกส์ลงนามในข้อตกลง ‘anti-fragmentation’ ซึ่งทำให้บริษัทไม่สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการ Google เวอร์ชันดัดแปลงบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์ได้ นั่นทำให้ Google เป็นผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์มือถือและแอป

เมื่อผู้ผลิตอย่าง Samsung และ LG ต้องยอมรับข้อกำหนดเมื่อเซ็นสัญญากับ Google สำหรับการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ใน App Store หรือการเข้าถึงรหัสคอมพิวเตอร์ก่อนใคร เพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างอุปกรณ์ได้ล่วงหน้าก่อนที่ Google จะเปิดตัว Android และระบบปฏิบัติการอื่น ๆ เวอร์ชันใหม่

อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ทางอีเมลของ Google ได้กล่าวว่า KFTC ไม่สนใจว่าโปรแกรมความเข้ากันได้ของ Android ซึ่งกำหนดข้อกำหนดสำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์และนักพัฒนาเพื่อให้เข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการได้กระตุ้น นวัตกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งนำความสำเร็จมหาศาลมาสู่ OEM และนักพัฒนาของเกาหลี

“สิ่งนี้นำไปสู่ทางเลือก คุณภาพ และประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นสำหรับผู้บริโภคชาวเกาหลี การตัดสินใจของ KFTC ที่ออกมาในวันนี้นั้นละเลยผลประโยชน์เหล่านี้ และจะบ่อนทำลายข้อได้เปรียบที่ผู้บริโภคได้รับ Google ตั้งใจที่จะอุทธรณ์คำตัดสินของ KFTC”

Photo : Shutterstock

Joh ชี้ให้เห็นว่า Samsung ผู้ผลิตโทรศัพท์ Galaxy Android ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในปี 2013 เมื่อ Google บังคับให้ยกเลิกแผนการใช้ซอฟต์แวร์ Google เวอร์ชันปรับแต่งบนนาฬิกาอัจฉริยะ Galaxy Gear

ที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วโลกในการบังคับให้นักพัฒนาใช้ระบบการซื้อในแอป ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะได้รับค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 30%

Source

]]>
1352000
‘Google’ เปิดตัว ‘Android 12’ ยกเครื่องใหม่ ตอบสนองไว ใช้พลังงานน้อยลง เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น https://positioningmag.com/1332819 Wed, 19 May 2021 03:56:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1332819 สาวกชาว ‘แอนดรอยด์’ (Android) กว่า 3,000 ล้านคนเตรียมเฮ เพราะ ‘กูเกิล’ (Google) ได้เปิดตัว ‘Android 12’ ที่ยกเครื่องใหม่ทั้งหมดแถมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานจากที่บ้าน ซื้อของและทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น แถมยังปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลได้ดีขึ้นด้วย

ยกเครื่อง Android 12

Google ได้อวดโฉมใหม่ของ Android 12 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการมือถือเวอร์ชันล่าสุด ระบบ widget ของ Android 12 ออกแบบใหม่ เพิ่มปุ่มเปิดปิด, ตัวเลือกต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถอินพุตใส่ widget ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนในแบบของผู้ใช้ โดยสามารถเปลี่ยนสีหรือเมื่อเลือกวอลเปเปอร์ระบบจะระบบปฏิบัติการจะทำการปรับเปลี่ยนในแต่ละแอปพลิเคชันให้เหมาะสม

Google กล่าวว่า Android 12 จะช่วยให้อุปกรณ์ตอบสนองได้ดีขึ้น พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น เนื่องจากซอฟต์แวร์ใหม่จะทำให้โปรเซสเซอร์ทำงานได้น้อยลงอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ App hibernation ซึ่งเป็นเหมือนโหมดกึ่งลบแอปฯ ออกจากระบบในกรณีที่เคยติดตั้งแอปฯ ไว้แต่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน

เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ด้วยคู่แข่งอย่าง Apple ที่เพิ่มคุณสมบัติความเป็นส่วนตัวเป็นสองเท่า Google จึงพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ช่วยให้มีความโปร่งใสมากขึ้นเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้าถึงโดยแอปฯ ต่าง ๆ และวิธีการควบคุม Privacy Dashboard ใหม่ ที่นำเสนอการตั้งค่าสิทธิ์และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิกถอนสิทธิ์เหล่านั้นจากแดชบอร์ดได้ และจะมีเครื่องมือใหม่จะแสดงอัตโนมัติเมื่อแอปกำลังเข้าถึงไมโครโฟนหรือกล้องของคุณ

นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มคุณลักษณะที่ใช้ Google Assistant พื่อเตือนผู้ใช้เมื่อรหัสผ่านถูกบุกรุกและช่วยเปลี่ยน ในขณะเดียวกันเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่าโฟลเดอร์ที่ลับใน Google Photos จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มรูปภาพลงในพื้นที่ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่านและจะไม่ปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้เลื่อนดูรูปภาพหรือแอปอื่น ๆ บนโทรศัพท์

ตอบสนองความต้องการด้านการสื่อสาร

ในแง่ของการสื่อสาร Google ได้เปิดตัวเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพใหม่เพื่อให้การทำงานจากที่บ้านเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ Smart Canvas ซึ่งช่วยให้บริการต่าง ๆ เช่น Google Document ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

อนาคตของอุปกรณ์ wearables และ AR

Google กำลังรื้อ WearOS ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับ smartwatches ด้วยความช่วยเหลือของ Samsung และแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ Tizen โดยในช่วงปลายปี 2019 Google ได้ประกาศแผนการที่จะซื้อบริษัท Fitbit ในราคา 2.1 พันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ได้ยินมีข่าวคราวของหมวดหมู่นี้มากนัก แต่ตอนนี้บริษัทกำลังแสดงถึงอนาคตของอุปกรณ์ wearables ด้วยการผสานรวม Fitbit เพื่อติดตามการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหว

นอกจากนี้ บริษัทยังนำเครื่องมือความเป็นจริงเสริมมาใช้กับโทรศัพท์อีกด้วย อาทิ AR View ผ่าน Google Maps ผู้ใช้สามารถวางเมาส์เหนือร้านอาหาร, สถานที่สำคัญ และขอเส้นทางภายในอาคารได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ ผู้ใช้ยังสามารถถ่ายภาพสิ่งของที่คุณเห็นในโลกแห่งความจริง เช่น เฟอร์นิเจอร์นอกบ้านที่ตั้งอยู่ในร้านอาหาร แล้วจะระบุยี่ห้อและราคาเพื่อให้คุณสามารถซื้อได้ด้วยตัวเอง

หลีกเลี่ยงความทรงจำที่เจ็บปวด

สุดท้าย Google จะช่วยให้เลือกเนื้อหาที่ผู้คนต้องการดูย้อนหลังได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้องกันไม่ให้รูปภาพของบางคน หรือ ช่วงเวลาที่อาจเจ็บปวด หรือ ไม่เป็นที่พอใจ ให้ปรากฏในความทรงจำใน Google Photos ซึ่งเป็นจุดที่เป็น Pain Point ของ Google มานานหลายปี

ทั้งนี้ Android 12 ปล่อยเวอร์ชั่น Beta แล้ววันนี้ โดยมีโทรศัพท์ถึง 10 แบรนด์นอกจาก Pixel ร่วมทดสอบ ได้แก่ ASUS, OnePlus, Oppo, Realme, Sharp, TCL, Transsion, Vivo, Xiaomi, และ ZTE คาดว่าจะเข้าสู้ช่วงเสถียรเดือนสิงหาคมนี้

Source

]]>
1332819
ยังทันไหม? Clubhouse เปิดตัวบนระบบ Android แล้ว เริ่มทดลองที่สหรัฐฯ ประเทศแรก https://positioningmag.com/1331230 Mon, 10 May 2021 07:19:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1331230 ในที่สุด Clubhouse แอปพลิเคชันสนทนาเสียงที่เคยฮิตสุดๆ ก็เปิดตัวบนระบบ Android เสียที หลังเปิดให้ใช้เฉพาะระบบ iOS มานาน

สำนักข่าว South China Morning Post รายงานข่าวว่า แอปพลิเคชัน Clubhouse จะเปิดตัวบน Android แล้ว โดยจะเริ่มในสหรัฐฯ ก่อนเป็นประเทศแรก และจะทยอยเปิดในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักต่อไป ส่วนประเทศที่ใช้ภาษาอื่นอย่างประเทศไทย ยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าจะเปิดเมื่อไหร่

มีการคาดการณ์ว่า Clubhouse ต้องเข็นเวอร์ชัน Android ออกมาในเวลานี้เพื่อเรียกความมั่นใจของนักลงทุน เพราะยอดดาวน์โหลดที่ตกลงอย่างรวดเร็ว หลังจากยอดดาวน์โหลดขึ้นไปพีคสุดที่ 9.6 ล้านครั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่ตกฮวบลงเหลือ 2.7 ล้านครั้งในเดือนมีนาคม และเหลือเพียง 9 แสนครั้งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก Sensor Tower)

แม้ว่า Clubhouse จะเคยฮิตสุดขีดในช่วงแรก ถึงขนาดที่มีปรากฏการณ์ “ขาย invite” เพื่อให้ได้ใช้งานในหลายๆ ประเทศ ยิ่งในประเทศจีนเคยมีกระทั่งโพสต์เปิดประมูลราคา invite กันเลย แต่ความสนใจก็ซาลงเร็วเช่นกัน เพราะคนเริ่มหาย ‘เห่อ’ ของใหม่ และในหลายประเทศเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติแล้ว ทำให้มีเวลาอยู่บนโลกออนไลน์น้อยลง

นอกจากนี้ ยังถูกแย่งตลาดจากการเปิดฟีเจอร์ใหม่ของแอปฯ โซเชียลมีเดียเดิม เช่น Twitter ที่เปิดตัวฟีเจอร์ Spaces ห้องสนทนาเสียง ทยอยเปิดตัวตั้งแต่เดือนมีนาคมและประกาศใช้ได้แล้วทั่วโลกเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2021 หรือ Facebook ก็ประกาศว่ากำลังพัฒนาฟีเจอร์เสียงแบบเดียวกับ Clubhouse ผสมกับมีฟีเจอร์ฟังพอดคาสต์ด้วย

ต้องรอติดตามว่าการปล่อยหมัดเปิดใช้บนระบบ Android จะช่วยกู้ความนิยมให้แอปฯ นี้ได้มากน้อยแค่ไหน และยังทันอยู่หรือไม่ ในโลกที่ผู้ใช้เปลี่ยนความสนใจเร็วขนาดนี้

Source

]]>
1331230
เตรียมจิ้มกันได้เลย! อีโมจิใหม่ปี 2020 จะมีรูป “ชาไข่มุก” อยู่ในเซ็ต!! https://positioningmag.com/1262537 Thu, 30 Jan 2020 11:13:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1262537 อีโมจิประจำปี 2020 จะออกใหม่ 117 ตัว โดยภาพอีโมจิส่วนใหญ่สะท้อนแนวคิดเปิดกว้างด้านสีผิว เชื้อชาติ และเพศสภาพ เช่น อีโมจิรูปคนให้นมลูกที่มีทั้งเพศชายและเพศหญิง ส่วนสายกินเตรียมจิ้มอีโมจิรูป “ชาไข่มุก” กันได้เลย

Emoji 13.0 เซ็ตใหม่ของรูปอีโมจิบนสมาร์ทโฟนประจำปี 2020 จะมีออกมาทั้งหมด 117 ตัวครอบคลุมทุกหมวดภาพ โดยปีนี้ดูเหมือนว่าธีมหลักของการสร้างสรรค์คือความเท่าเทียมทางเพศและเชื้อชาติ เช่น รูปอีโมจิคนให้นมลูกด้วยขวดนมที่มีทั้งเพศชายและเพศหญิง อีโมจิคนใส่ผ้าคลุมผมแต่งงาน อีโมจิคนใส่สูททักซิโด อีโมจิรูปธงของกลุ่มบุคคลข้ามเพศ หรืออีโมจินินจาที่มีให้เลือกสีผิวถึง 5 เฉดสี จนถึงอีโมจิ “มืออิตาเลียน” เป็นรูปมือจีบแบบที่คนอิตาเลียนชอบทำเวลาคุยกัน

เจนนิเฟอร์ แดเนียล ผู้อำนวยการด้านการออกแบบโปรแกรม Android Emoji ของ Google กล่าวว่า ผลงานเหล่านี้เป็นการสะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม

“เราให้การสนับสนุนเพศสภาพและเพศวิถีที่หลากหลาย” แดเนียลกล่าว “ก่อนหน้านี้ อีโมจิที่เกี่ยวกับการดูแลลูกมีอยู่แค่ตัวเดียวคืออีโมจิรูปแม่ให้นมลูก” แต่เมื่อทุกวันนี้ การไม่มีเต้านมไม่ได้แปลว่าคุณจะให้นมลูกหรือดูแลลูกไม่ได้ ดังนั้น Google จึงสร้างอีโมจิที่ทำให้ทุกคนสามารถใช้ได้

นอกจากเรื่องความเท่าเทียมทางเพศและสีผิวแล้ว อีโมจิเซ็ตใหม่ยังมีธีมเรื่อง “ความเห็นอกเห็นใจ” ด้วย โดยสะท้อนผ่านอีโมจิรูป “คนกอดกัน” และรูป “ใบหน้ายิ้มที่มีน้ำตาซึมเล็กน้อย” ที่ต้องการสื่อถึงอารมณ์ของความซาบซึ้งและโล่งใจในเวลาเดียวกัน สามารถนำไปใช้ได้หลายสถานการณ์ เช่น เมื่อคุณนึกถึงเรื่องราวในอดีตอันซาบซึ้งใจ หรือเมื่อคุณคาดหวังถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและรอคอยอย่างมีความหวัง

Emoji 2020

ถัดมาในหมวดอาหาร สัตว์ อวัยวะ และสิ่งของ กลุ่มอาหารมีอีโมจิที่น่าสนใจเติมเข้ามา เช่น “ชาไข่มุก” อีโมจิที่แฟนชานมรอบโลกรอคอย ส่วนกลุ่มสัตว์ มีสัตว์น่ารักๆ เติมเข้ามา เช่น “แมวน้ำ” “หมีขั้วโลก” รวมถึงสัตว์ที่บางคนอาจไม่กล้าจิ้มมาใช้งานอย่าง “แมลงสาบ” ด้วย

สำหรับกลุ่มอวัยวะ มีอีโมจิรูป “ปอด” และ “หัวใจ” ที่เป็นหัวใจจริงๆ ไม่ใช่รูปวาด ส่วนกลุ่มสิ่งของ มีที่น่าสนใจเช่น “รองเท้าแตะ” “รองเท้าสเก๊ตช์” “แปรงสีฟัน” “กระจก” และ “ป้ายหลุมศพ”

ทั้งนี้ อีโมจิที่จะลงในแต่ละแพลตฟอร์มอาจจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยเบื้องต้นคาดการณ์ว่า Android จะเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ปล่อยอีโมจิใหม่ออกมาก่อนช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ตามด้วย iOS จะออกช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน

Source

Source

]]>
1262537
เอาละซิ! “Google” ถูกสั่งห้ามไม่ให้อัพเดตระบบ Android แก่ “Huawei” อาจลามไม่ให้ใช้ Google Play Store – Gmail – Youtube และ Chrome ด้วย https://positioningmag.com/1230622 Mon, 20 May 2019 05:19:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1230622 ดูเหมือนว่าสงครามเย็นระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และจีน จะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก เมื่อ Alphabet Inc. บริษัทแม่ของ Google ออกคำสั่งห้ามมิให้อัพเดตระบบปฏิบัติการ Android บนสมาร์ทโฟน Huawei ตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมจากจีน โดยน่าจะกระทบถึงแอปสำคัญอย่าง Gmail Youtube รวมถึงเบราว์เซอร์ Chrome ด้วย

วานนี้ (19 พฤษภาคม) แหล่งข่าวเปิดเผยกับ Reuters ว่า Alphabet Inc บริษัทแม่ของ Google บริษัทไอทีชั้นนำของโลก ได้สั่งห้ามการทำธุรกิจกับ Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก

โดยการสั่งห้ามดังกล่าวครอบคลุมถึงการถ่ายโอนฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และบริการด้านเทคนิค ยกเว้นซอฟต์แวร์ที่สัญญาอนุญาตเปิดให้กับสาธารณชน โดยความเคลื่อนไหวของ Google ครั้งนี้ถือเป็นการขยายวงของสงครามการค้า หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งให้ให้บริษัท Huawei ถูกขึ้นบัญชีดำทั่วโลก 

จากกรณีดังกล่าวโฆษกของ Google เปิดเผยเพียงว่า ทางบริษัทดำเนินการตามคำสั่ง และกำลังประเมินถึงผลกระทบ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดแต่อย่างใด

Source : Facebook Android Official

คาดการณ์กันว่าคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Huawei นอกประเทศจีน เนื่องจากสมาร์ทโฟนของ Huawei จะไม่สามารถเข้าถึงการอัพเดตระบบปฏิบัติการ Android ของ Google

ขณะที่สมาร์ทโฟนในอนาคตของ Android ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ก็จะไม่สามารถเข้าถึงบริการยอดนิยมของ Google อย่างเช่น Google Play StoreGmail และ Youtube

“Huawei จะสามารถใช้ระบบปฏิบัติการ Android แค่เวอร์ชั่นที่เปิดสาธารณะ และจะไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชั่น และบริการต่างๆ จาก Google ได้แหล่งข่าวระบุ

รัฐบาลของนายโดนัลด์ทรัมป์ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (16 พฤษภาคม) ที่ผ่านมาว่าชื่อ บ.หัวเว่ย เทคโนโลยี ถูกใส่ไว้ในบัญชีดำทางการค้าและมีผลทันที ซึ่งจะทำให้บริษัทประสบความยากลำบากอย่างมาก ในการทำธุรกิจกับคู่ค้าในสหรัฐฯ

Source : Huawei Mobile

อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ออกมากล่าวว่า กำลังพิจารณาผ่อนคลายข้อจำกัดกับ Huawei เพื่อป้องกันความขัดข้องของการดำเนินการของระบบเครือข่ายและอุปกรณ์และเมื่อถึงวันอาทิตย์ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าการเข้าถึงซอฟต์แวร์มือถือของ Huawei จะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด

มูลค่าความเสียหายของ Huawei ต่อการขึ้นบัญชีดำของทางการสหรัฐฯ ยังไม่มีการประเมินออกมาแน่ชัด เพราะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่การผลิตของ Huawei กำลังประเมินเรื่องผลกระทบอยู่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านชิปคอมพิวเตอร์ก็ตั้งข้อสงสัยว่า Huawei จะสามารถดำเนินการต่อไปได้โดยปราศจากความช่วยเหลือของบริษัทสหรัฐฯ หรือไม่

ขณะที่ภายในของ Google เองก็กำลังถกเถียงกันถึงเรื่องบริการที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นบัญชีดำดังกล่าว ขณะที่เมื่อวันศุกร์โฆษกของ Huawei ก็เปิดเผยว่า ฝ่ายกฎหมายของกำลังศึกษาอย่างเร่งด่วนถึงผลกระทบต่อเรื่องดังกล่าว โดยล่าสุดก็ยังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ เพิ่มเติม

Source : Huawei Mobile

ในส่วนของระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งข้อมูลจากเว็บไซต์ statcounter.com ในเดือนเมษายน 2019 ได้รับความนิยมจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกเกือบร้อยละ 75 หรือสามในสี่เครื่อง

Huawei จะยังเข้าถึงเวอร์ชั่นที่เปิดสาธารณะ หรือที่รู้จักกันในนาม Android Open Source Project (AOSP) โดยปัจจุบันทั่วโลกมีการใช้อุปกรณ์บนระบบปฏิบัติการ Android ที่ใช้งานเป็นประจำอยู่ราว 2,500 ล้านเครื่อง

ทั้งนี้นับจากนี้เป็นต้นไป Google จะต้องหยุดให้หัวเว่ยเข้าถึงบริการด้านเทคนิค และความร่วมมือใดๆ ที่เกี่ยวกับแอปพลิเคชั่น และบริการในเครือข่าย

คาดกันว่าแอปพลิเคชั่นที่จะได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวอย่างเช่น Gmail Youtube รวมถึงเบราว์เซอร์ Chrome ที่ถูกเปิดให้ดาวน์โหลดบน Google Play Store และจะหายไปบนมือถือ Huawei โดยแอปเหล่านี้ไม่ได้ถูกครอบคลุมอยู่ใน AOSP อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สมาร์ทโฟน H uawei อยู่แล้วจะยังสามารถดาวน์โหลดอัพเดตจากกูเกิลได้อยู่

ขณะที่ทางด้าน Huawei ก็บอกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเตรียมแผนฉุกเฉินเพื่อรับมือเหตุดังกล่าวด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีกรณีที่ถูกบล็อกไม่ให้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android โดยเทคโนโลยีบางอย่างนั้นมีการใช้งานและจำหน่ายในประเทศจีนแล้ว

Source

]]>
1230622
Essential สมาร์ทโฟนของชาวแอนดรอยด์ที่ชอบดีไซน์ iPhone X https://positioningmag.com/1147494 Tue, 21 Nov 2017 08:39:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1147494 แม้จะมีสมาร์ทโฟนไร้ขอบระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) สัญชาติจีน มาให้เลือกบ้างแล้วก่อนหน้านี้ แต่เอสเซนเชียล (Essential) ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่ถูกแนะนำให้แฟน Android ที่ชื่นชอบดีไซน์ใหม่ของไอโฟนเท็น (iPhone X) มากที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการไร้ทางเลือก เนื่องจากโทรศัพท์รุ่นใหญ่ในตลาดล้วนมีขอบเครื่อง หรือ bezel หนาทึบด้านบนและล่างจอภาพทั้งนั้น

ไล่ตั้งแต่เรือธงของกูเกิลอย่าง Pixel 2, กองทัพซัมซุงแกแล็กซี่ (Samsung Galaxy) หลายรุ่น, สมาร์ทโฟนแบรนด์แอลจี (LG) แม้แต่น้องใหม่อย่างวันพลัส (OnePlus 5t) ก็มี bezel หนาด้านบนหน้าจอ

ขอบหนาบนล่างจอ Pixel2
ขอบหนาบนล่างจอของ Note 8

ดังนั้น ในแง่การออกแบบ สมาร์ทโฟนที่สื่ออเมริกันยกให้เป็นคู่แข่งตัวจริงของ iPhone X ที่ชาวแอนดรอยด์จะหาซื้อได้ คือ Essential ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีขอบรอบหน้าจอบางที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทุกรุ่น (แม้จะยังมีขอบเครื่องสีดำด้านล่างจออยู่)

หน้าจอของโทรศัพท์มีขนาด 5.7 นิ้ว ใช้เทคโนโลยี IPS จุดนี้ แม้จะไม่อาจเทียบคุณภาพจอ OLED บน iPhone X หรือจอ AMOLED บนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นอื่น แต่สื่ออย่างบิสสิเนสอินไซเดอร์ ชี้ว่า ภาพจากหน้าจอตัวจริงก็ให้ความสวยงามไม่แพ้กัน

โทรศัพท์ Essential Phone ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 835 มาพร้อมแรมขนาด 4 GB เก็บข้อมูลได้ 128 GB

ด้านหลังโทรศัพท์เป็นวัสดุเซรามิกบนกรอบไทเทเนียม การเลี่ยงไม่ใช้โลหะทำให้สมาร์ทโฟนดูหรูหราขึ้น แต่ต้องแลกกับความเสี่ยงเป็นรอยขีดข่วนง่าย และความมันแววที่ไม่วาวเหมือนใหม่เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง

Essential ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีขอบรอบหน้าจอบางที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทุกรุ่น
หลังโทรศัพท์เป็นวัสดุเซรามิกบนกรอบไทเทเนียม

อีกจุดเด่นของ Essential คือ การไม่มีส่วนเสริมครอบระบบปฏิบัติการเหมือนที่ Samsung และ LG เพิ่มภาพเคลื่อนไหวเมื่อเปิดโปรแกรมที่เรียกกันว่า launcher โดยใน Essential ผู้ใช้จะไม่พบแอปพลิเคชันที่ถูกติดตั้งมาก่อนจากโรงงาน ซึ่งมักไม่ถูกใจผู้ใช้ด้วย

แม้กล้องของ Essential จะถูกมองว่าไม่อาจเทียบชั้น iPhone X หรือ Pixel 2 แต่ก็สามารถจับภาพได้สวยคมชัดได้มาตรฐาน 

ที่เด็ดขาด คือ ราคา สนนราคา Essential Phone เพียง 500 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น (ราว 16,410 บาท) ต่ำกว่า iPhone X ที่ราคา 1,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือเกิน 4 หมื่นบาท 

แต่สุดท้ายแล้วคนไทยได้แต่มอง เพราะ Essential จัดส่งเฉพาะที่อยู่ในสหรัฐฯเท่านั้น ผู้สั่งซื้อออนไลน์จะไม่สามารถเปลี่ยนประเทศเมื่อกรอกที่อยู่ขณะคลิกซื้อ ไม่แน่ Essential รุ่นหน้าอาจขยายตลาดมาคลุมเอเชียบ้างก็ได้.

อีกมุมของ Essential
ภาพจาก Essential

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000117378

]]>
1147494
Android O มาแล้ว iPhone ต้องกลัวไหม? https://positioningmag.com/1127020 Mon, 29 May 2017 02:37:20 +0000 http://positioningmag.com/?p=1127020 ระบบปฏิบัติการใหม่ของกูเกิลอย่างแอนดรอยด์โอ (Android O) ถูกวิจารณ์ยับเยินว่าแม้จะดีกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น ‘ว้าว’ โดยเฉพาะในอีกไม่กี่สัปดาห์ คู่แข่งอย่างแอปเปิลก็จะเปิดตัวระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) เวอร์ชันใหม่แล้วด้วย

จากเวอร์ชันปัจจุบัน iOS 10 นักวิเคราะห์ฟันธงว่าเจ้าพ่อแอปเปิลจะเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 11 ในงานประชุมนักพัฒนาประจำปีที่บริษัทจะจัดขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ โดยนอกจากระบบปฏิบัติการใหม่ หลายสื่ออ้างแหล่งข่าววงในยืนยันว่า แอปเปิลจะเปิดตัวคอมพิวเตอร์แมคเวอร์ชันใหม่เพิ่มเติมอีก 3 รุ่นในงานนี้ด้วย

iOS 11 ที่กำลังจะมา ทำให้สื่อนำไปเปรียบเทียบกับ Android O ซึ่งเปิดให้ทดสอบเมื่อวันที่ 17 พ.ค. เฉพาะบนสมาร์ทโฟน Google Pixel และเพิ่งถูกประกาศคุณสมบัติอย่างเป็นทางการ ในงานประชุมนักพัฒนา Google IO 2017 ช่วงวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา คุณสมบัติใหม่ของ Android O ถูกมองว่าไม่สามารถเทียบรัศมีของรุ่นพี่อย่างเวอร์ชัน N ที่ยกระดับระบบเสิร์ชให้การค้นหาทำได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับระบบปัญญาประดิษฐ์ AI ที่ถูกยกย่องว่าดีกว่าสิริ (Siri) รวมถึงการแจ้งเกิดของอุปกรณ์แสดงภาพเสมือนจริง ‘เดย์ดรีม วีอาร์’ (Daydream VR) รุ่นใหม่ที่โดดเด่นในปีที่แล้ว

มาปีนี้ คุณสมบัติของ Android O ที่ถูกเปิดตัวออกมากลับได้รับคำวิจารณ์ว่า ไม่มีคุณสมบัติหลักใดที่เป็น killer feature สำหรับล้มยักษ์ใหญ่อย่าง iPhone 7 รุ่นปัจจุบันได้อย่างขาดลอย

เมื่อ iPhone 7 ยังล้มไม่ได้ นับประสาอะไรกับ iPhone 8 ในอนาคต ซึ่งจะเป็นไอโฟนรุ่นฉลอง 10 ปีที่คาดว่าแอปเปิลจะปฏิวัติใหม่หมดจดทั้งมุมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

***Android O ใหม่ที่ไหนบ้าง?

หนึ่งในคุณสมบัติหลักใน Android O ที่ถูกประกาศในขณะนี้ คือการเปิดให้ชาวแอนดรอยด์สามารถอ่านเอกสารหรือไฟล์นำเสนอโดยไม่ต้องดาวน์โหลด

บริการที่ทำให้ชาวแอนดรอยด์สามารถเปิดไฟล์โดยไม่ต้องดาวน์โหลดนั้นมีชื่อว่าอินสแทนแอปส์ (Instant Apps) คุณสมบัตินี้ ถูกเปิดตัวตั้งแต่งาน I/O 2016 ปีที่แล้ว วันนี้คุณสมบัตินี้ยังไม่พร้อมใช้บริการ แต่กำลังถูกผลักดันเต็มที่ให้ทันการเปิดตัวบน Android O ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

อีกคุณสมบัติเด่นของ Android O คือพิกเจอร์อินพิกเจอร์ (Picture-in-picture) ซึ่งจะรองรับทั้งการใช้งานวิดีโอและแอปพลิเคชันอื่นเช่น แผนที่ ทำให้ชาวแอนดรอยด์สามารถชมวิดีโอ หรือทำวิดีโอแชตไปด้วยขณะทำงานอื่นบนสมาร์ทโฟน รวมถึงการเปิดแผนที่ซ้อนหน้าต่างขณะอ่านอีเมล

หนึ่งในคุณสมบัติหลักใน Android O ที่ถูกประกาศในขณะนี้ คือการเปิดให้ชาวแอนดรอยด์สามารถเปิดไฟล์เอกสารโดยไม่ต้องดาวน์โหลด

เหตุที่ทำให้คุณสมบัติ Picture-in-picture ไม่ค่อยเรียกเสียงว้าว คือคุณสมบัตินี้แจ้งเกิดแล้วในสมาร์ทโฟนตระกูลแกแล็กซี่ของซัมซุงบางรุ่นแล้วเรียบร้อย

คุณสมบัติใหม่ที่พอจะเชิดหน้าชูตาได้บ้างคือระบบ copy/paste แบบใหม่ จุดเด่นคือความสามารถพยากรณ์ หรือคาดเดาได้อัตโนมัติ ว่าข้อความใดที่ผู้ใช้อาจต้องการคัดลอก เช่น ข้อมูลที่อยู่ หรือข้อความอื่นที่ระบบการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) พบว่าผู้ใช้มักคัดลอกข้อมูลนี้บ่อยครั้ง

ดูไปแล้วระบบ copy/paste แบบใหม่ก็มีเปอร์เซ็นต์มอบความสะดวกสบายให้ผู้ใช้มากขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่นั่นไม่ถูกเรียกว่าเป็น killer feature ที่แท้จริง

เช่นเดียวกับอีกคุณสมบัติใหม่ของ Android O อย่างการใส่ข้อมูลอัตโนมัติในเบราว์เซอร์โครม (Chrome autofill) ที่ระบบสามารถจดจำรหัสผ่านและข้อมูลอื่น ช่วยให้ผู้ใช้กดลงชื่อใช้งานแอปพลิเคชันได้ในคลิกเดียว นี่ก็ไม่ใช่ killer feature

ทั้งหมดนี้ถือว่าผิดฟอร์ม เพราะ Android O ไม่เพียงถูกคาดหวังว่าจะเป็นก้าวกระโดดของแอนดรอยด์ แต่ Android เวอร์ชันใหม่ยังมีภาพแฝงถึงพลังที่กูเกิลจะเปลี่ยนวิถีการทำงานและการใช้ชีวิตของชาวโลกในอนาคตด้วย แถม Android O ยังแบกรับภาระเรื่องการเป็นแรงกดดันให้แอปเปิลต้องเร่งพัฒนาความสามารถ อย่างที่หลายเวอร์ชันก่อนหน้านี้เคยทำได้

***อย่างอื่นน่าสนใจกว่า Android O?

ในขณะที่ Android O ถูกมองว่าไม่ว้าว กูเกิลกลับประกาศบริการอื่นที่กลบรัศมีของ Android O เสียมิดในงาน I/O ปีนี้ เรื่องนี้นักวิเคราะห์มองว่าไม่ใช่เพราะกูเกิลไม่สนใจพัฒนาสมาร์ทโฟนให้ดี แต่เป็นเพราะข้อจำกัดของอุปกรณ์โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรี่ที่ทำให้ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนต้องสงวนไว้สำหรับบริการที่จำเป็น

บริการอื่นที่ไม่ใช่ Android O ซึ่งกูเกิลเรียกเสียงฮือฮาจากงาน I/O นั้นมีหลากหลาย เช่น ‘กูเกิลเลนส์’ (Google Lens) ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของบริการผู้ช่วยส่วนตัว Google Assistant สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android โดย Lens สามารถวิเคราะห์วัตถุรอบตัวผู้ใช้ ทำให้สามารถประยุกต์บริการได้หลากหลายน่าสนใจ

machine learning ทำให้ Google Lens สามารถรู้จักวัตถุอย่างดอกไม้ หมายเลขเราท์เตอร์ไว-ไฟ หรือสถานที่ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับข้อมูลนั้นได้ตามใจ บริการ Google Lens จะเปิดให้ใช้ผ่านบริการเก็บภาพกูเกิลโฟโตส์ (Google Photos) และบริการผู้ช่วยส่วนตัวกูเกิลแอสซิสเทนต์ (Google Assistant)

Google Lens สามารถวิเคราะห์วัตถุอย่างดอกไม้ หมายเลขเราท์เตอร์ไว-ไฟ หรือสถานที่

บริการ Google Assistant ปรับให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำถามเข้าสู่ระบบ แทนที่จะเอ่ยด้วยเสียงอย่างเดียว ขณะเดียวกัน กูเกิลก็เปิดกว้างให้ Google Assistant ถูกนำไปใช้บนอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการใดก็ได้ แปลว่า Google Assistant กำลังจะแจ้งเกิดบน iPhone ในอนาคต จากเดิมที่นักพัฒนาแบรนด์อื่นหรือ third-parties สามารถสร้างหน้าที่ หรือ action ให้กับสินค้ากลุ่มลำโพงอัจฉริยะ ‘กูเกิลโฮม’ (Google Home) เท่านั้น

Google Home นั้นเป็นสินค้ากลุ่มลำโพงออนไลน์แบรนด์กูเกิลที่ผู้ใช้สามารถคุยโต้ตอบกับระบบได้โดยไม่ต้องพิมพ์หรือใช้หน้าจอ ล่าสุดกูเกิล ประกาศว่า ได้เพิ่มความสามารถให้ระบบ Assistant ใน Home ให้สามารถแจ้งเตือนงานได้หลากหลายมากขึ้น และจะเปิดให้ผู้ใช้สามารถโทร.ฟรีถึงใครก็ได้ในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา คุณสมบัตินี้เหนือกว่าคู่แข่งจากแอมะซอน (Amazon) อย่างเอคโค (Echo) ลำโพงอัจฉริยะประเภทเดียวกันที่สามารถโทร.ได้ระหว่าง Echos หรืออุปกรณ์ที่ใช้แอปพลิเคชัน Alexa ของ Amazon เท่านั้น

นอกจากนี้ กูเกิลยังเพิ่มความสามารถให้บริการเก็บภาพออนไลน์ Google Photos ให้ระบบสามารถแนะนำภาพที่ผู้ใช้อาจอยากแชร์ให้เพื่อน โดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ใบหน้า และข้อมูลอื่นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกภาพที่ดีที่สุด ขณะเดียวกัน Google Photos ยังมีคุณสมบัติใหม่ที่ทำให้การพิมพ์ภาพในคลังทำได้สะดวกขึ้น

ยังไม่หมดแค่นั้น กูเกิลยังแจ้งเกิดบริการ Google for Jobs เพื่อให้ทุกคนสามารถค้นหาประกาศสมัครงานได้ง่ายแบบระบุได้ว่าต้องการงานที่มีเงื่อนไขประเภทไหน หรือรูปแบบงาน และสวัสดิการเป็นอย่างไร

***ทีมพัฒนาชี้ ‘ไม่เน้นว้าว’

ประเด็นที่ว่า คุณสมบัติของบริการเหล่านี้ดูล้ำหน้าน่าสนใจมากกว่า Android O ผู้บริหารของกูเกิลให้ความเห็นว่าอาจเป็นเพราะจุดประสงค์หลักของทีมพัฒนาคือการมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหล ใช้งานง่ายเป็นหลัก

Google Assistant กำลังจะแจ้งเกิดบน iPhone

ฮิโรชิ ล็อกไฮเมอร์ (Hiroshi Lockheimer) ประธานฝ่ายธุรกิจแอนดรอยด์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเน็ต ว่าบางครั้งคุณสมบัติที่แปลกใหม่จะเรียกเสียงว้าวจากผู้ใช้ได้ครู่เดียว จากนั้นผู้ใช้ก็จะลืม เพราะมันคือ ‘กิมมิก’ ที่ไม่มีใครใช้งานต่อเนื่อง

คำให้สัมภาษณ์นี้เป็นไปแนวทางเดียวกับสเตฟานี แซด คูธเบิร์ตสัน (Stephanie Saad Cuthbertson) ประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ของแอนดรอยด์ ที่บอกว่า ‘หากแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือหมดลงช่วง 4 โมงเย็นของวัน ก็ไม่สำคัญเลยว่าในเครื่องเรามีคุณสมบัติอะไรบ้าง’

ขออภัยที่ต้องบอกว่า ‘ฟังกี่รอบก็ดูเป็นคำแก้ตัว’ เพราะหากมองข้ามศีรษะ Android O ไปทางแอปเปิล นักวิเคราะห์ก็ยังเชื่อมั่นว่า แอปเปิลมักหาโอกาสที่จะพัฒนาคุณสมบัติเก๋ไก๋ที่จะโดนใจผู้ใช้ได้อยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สาวกแอปเปิลยอมควักเงินหลายหมื่นซื้อไอโฟนมาใช้งานหลายรุ่นต่อเนื่อง

ไม่เช่นนั้น Android O อาจต้องเป็นฝ่ายกลัว iOS เสียเอง.

ที่มา : http://manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000053846

]]>
1127020
แอนดรอยด์ ชิงแชร์แซงหน้า “วินโดวส์” ได้แล้ว https://positioningmag.com/1121373 Tue, 04 Apr 2017 02:50:36 +0000 http://positioningmag.com/?p=1121373 และแล้วก็มาถึงวันที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จะประกาศชัยชนะเหนือระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) กับตัวเลขล่าสุด ที่ระบุว่า ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้นเป็นระบบที่มีคนใช้เชื่อมต่อเข้าอินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลกแล้ว

ผลการสำรวจจาก Statcounter เผยว่า เมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2017 นั้น ส่วนแบ่งตลาดของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์อยู่ที่ 37.93 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเหนือกว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่มีส่วนแบ่ง 37.91 เปอร์เซ็นต์ ไปอย่างเฉียดฉิว

โดยการสำรวจของ Statcounter นั้น เป็นการ Track จากการให้บริการของเว็บไซต์กว่า 2.5 ล้านเว็บไซต์ ภายใต้ยอดวิวกว่า 15,000 ล้านวิวต่อเดือน ซึ่ง Statcounter ระบุว่า หนึ่งในสาเหตุที่ไมโครซอฟท์แพ้นั้น มาจากการไม่สามารถสร้างระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟนให้แกร่งพอจะยืนหยัดในตลาดสมาร์ทโฟนได้นั่นเอง

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ไมโครซอฟท์แพ้ น่าจะมาจากยอดขายคอมพิวเตอร์พีซีที่เริ่มลดลง เนื่องจากตลาดอิ่มตัว ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายสมาร์ทโฟนยังเติบโตต่อเนื่อง

โดยตลาดที่แอนดรอยด์เติบโตสูงสุด คือ ตลาดอินเดีย ซึ่งสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ครองส่วนแบ่งไว้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ตลาดในภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา ก็มีการเติบโตของผู้ใช้งานแอนดรอยด์ที่สูงมากเช่นกัน โดยพบว่ามีเพียงตลาดสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่ผู้ใช้งานของแอนดรอยด์ และ iOS มีจำนวนพอๆ กัน

ขณะที่แอปเปิล (Apple) ก็มีตัวเลขการใช้งานที่น่าสนใจไม่น้อย โดยพบว่าผู้ใช้แพลตฟอร์ม iOS มีจำนวนสูงกว่าถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการ OSX แล้ว

งานนี้ต้องรอดูว่า ไมโครซอฟท์จะแก้เกมอย่างไรเสียแล้ว

ที่มา : http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000034101

]]>
1121373
แอนดรอยด์ 7.0 “นูแก็ต” (Nougat) มาแล้ว https://positioningmag.com/1100563 Tue, 23 Aug 2016 06:34:56 +0000 http://positioningmag.com/?p=1100563 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด 7.0 นูแก็ต (Nougat) ซึ่งผู้ที่ถือสมาร์ทโฟนยี่ห้อ Nexus รุ่น 6, 6P, 5X, Pixel C หรือ Nexus 9 tablet สามารถอัปเกรดได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟน Nexus ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า อาจต้องร้องเพลงรอไปเรื่อยๆ สำหรับการอัปเกรด เพราะบางยี่ห้ออาจเปิดให้อัปเกรดมาเป็นนูแก็ต 7.0 กันภายในไม่กี่เดือน ขณะที่บางเจ้าอาจใช้เวลาเป็นปีๆ เลยทีเดียว

สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในแอนดรอยด์ 7.0 นูแก็ตนั้น อาจไม่ถือว่ามากนัก แต่ก็มีการปรับปรุงในเรื่องการทำงานแบบมัลติทาสก์กิ้ง และระบบรักษาความปลอดภัยอยู่พอควร

โดยในด้านการทำงานแบบมัลติทาสก์กิ้งนั้น นูแก็ต สามารถแบ่งการทำงานของหน้าจอได้เป็นสองแอปพลิเคชัน ซึ่งความสามารถในการแบ่งหน้าจอได้นี้เคยมีใช้งานในสมาร์ทโฟนของซัมซุง แอปเปิล และวินโดวส์โฟน เช่นกัน แต่สำหรับการพัฒนาให้นูแก็ต รองรับได้ คือ การชี้ให้เห็นว่า กูเกิล ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ดังกล่าวอยู่พอสมควร และมองว่าฟีเจอร์นี้ คือ อนาคตหนึ่งที่ระบบปฏิบัติการต้องรองรับให้ได้

อีกส่วนหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือ Notifications ซึ่งในนูแก็ต ผู้ใช้งานสามารถตอบกลับข้อความที่ส่งเข้ามาได้จาก Notifications เลย ไม่ต้องเปิดแอปเพื่อเข้าไปตอบอีกต่อไป

ส่วนคนที่เคยทราบข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสำหรับ VR อย่าง Daydream จากงาน Google I/O 2016 อาจต้องรอต่อไปอีกสักหน่อย เนื่องจาก Daydream ยังไม่ได้มาพร้อมกับการเปิดตัวนูแก็ต ในรอบนี้

นอกจากความสามารถของนูแก็ต ที่จะมีรายงานออกมาอีกเป็นระยะๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สื่อตะวันตกกำลังรอคอยก็คือ ตัวเลขการอัปเกรดไปใช้นูแก็ตว่าจะมีเท่าไร เพราะอย่าลืมว่า ปัญหาการไม่ได้รับอัปเกรดระบบปฏิบัติการนั้น เป็นปัญหาที่ทำให้กูเกิล ปวดหัวมากเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เพียง 15 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0 มาร์ชเมลโล (ทั้งๆ ที่เปิดตัวมาแล้ว 1 ปี) ส่วนที่เหลือก็กระจายอยู่ตามโลนลี่ป๊อป-คิทแคท ฯลฯ นั่นเอง

โดยในฝั่งผู้บริโภคถึงกับมีการระบุชื่อของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ควรซื้อ กับไม่ควรซื้อออกมาเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ซัมซุง HTC และแบล็กเบอรี่ ที่ถูกจัดอันดับว่าให้ความสำคัญกับปัญหาซีเคียวริตี และมีการอัปเกรดให้ผู้ใช้งานในระดับที่ดี เป็นต้น ส่วนบริษัทที่ไม่ดูแลการอัปเกรด ซึ่งถือเป็นบริการหลังการขายนี้ให้ดี ในวันข้างหน้าเราอาจได้ข่าวการพับฐานการผลิต และหลุดออกจากธุรกิจนี้ไปในที่สุดก็เป็นได้

ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000084219

]]>
1100563
Google แก้ข่าว “บั๊กซอฟต์แวร์ชิปเซ็ตควอลคอมม์” ไม่กระทบแอนดรอยด์โฟน 900 ล้านเครื่อง https://positioningmag.com/1099685 Wed, 10 Aug 2016 23:30:16 +0000 http://positioningmag.com/?p=1099685 ใจเย็นก่อนไม่ต้องรีบร้อนรน เพราะผู้ใช้แอนดรอยด์ (Android) ส่วนใหญ่ไม่ได้ตกอยู่ในความเสี่ยงของบั๊ก หรือข้อบกพร่องที่ถูกเรียกว่า “ควอดรูเตอร์” (Quadrooter) โดยกูเกิล (Google) ต้นสังกัดแอนดรอยด์ยืนยันว่า ได้แก้ปัญหานี้แล้ว ในการอัปเดตแอนดรอยด์ประจำเดือนสิงหาคมไปแล้วบางส่วน และจะดำเนินการต่อเนื่องในการอัปเดตครั้งต่อไป ทำให้ข้อบกพร่อง Quadrooter ไม่กระทบอุปกรณ์แอนดรอยด์ทั้ง 900 ล้านเครื่องทั่วโลกแน่นอน

ข้อบกพร่อง Quadrooter นั้น ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนโดยบริษัทรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ชื่อ เช็กพอยต์ (Check Point) ซึ่งประเมินว่า ข้อบกพร่องนี้จะส่งผลกับอุปกรณ์แอนดรอยด์มากกว่า 900 ล้านเครื่อง ทำให้นักเจาะระบบสามารถแอบลักลอบเข้าควบคุมเครื่องได้ผ่านช่องโหว่ 4 จุดในซอฟต์แวร์จากชุดชิปเซ็ตของควอลคอมม์ ซึ่งถูกใช้ในสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตแอนดรอยด์รุ่นใหญ่อย่าง Nexus 5X และ Nexus 6P ของกูเกิลเอง ยังมี Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge ของซัมซุง รวมถึง HTC One และ BlackBerry Priv ไม่เว้นแม้แต่ OnePlus 3

อย่างไรก็ตาม Google ออกมาแก้ข่าวว่า การประเมินนี้ผิดพลาด และยืนยันว่า Quadrooter ไม่ใช่ภัยคุกคามที่จะทำให้อุปกรณ์แอนดรอยด์ส่วนใหญ่ตกอยู่ในความเสี่ยง

จุดนี้ กูเกิลไม่ได้เจาะลึกรายละเอียด แต่ระบุเพียงว่า บริษัทได้ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาด 3 ใน 4 จุดแล้ว ทำให้ไม่แน่ชัดว่าข้อบกพร่องจุดใดที่รับการแก้ไขแล้ว โดยก่อนหน้านี้ Check Point ระบุว่า พบบั๊กที่ซอฟต์แวร์จัดการงานกราฟฟิก และชุดคำสั่งเพื่อสื่อสารกับส่วนประกอบอื่นในเครื่อง

เบื้องต้น ข้อบกพร่องที่ 4 จะถูกแก้ปัญหาในการอัปเดตประจำเดือนกันยายนนี้แน่นอน ทั้งหมดนี้ กูเกิลยืนยันว่าผู้ใช้รายใกที่หมั่นอัปเดตอุปกรณ์แอนดรอยด์เป็นประจำ ก็จะได้ไม่รับผลกระทบตกเป็นกลุ่มเสี่ยงอย่างที่มีการประเมิน

นอกจากนี้ ช่องโหว่ Quadrooter จะถูกตรวจจับได้มากขึ้น เพราะคุณสมบัติ Verify Apps บน Android ซึ่งจะถูกตั้งเป็นค่าเริ่มต้นบน Android Jelly Bean ทุกเครื่อง หลักการทำงานของคุณสมบัตินี้ คือ ก่อนการตั้งตั้งแอปพลิเคชันใด Verify Apps จะตรวจสอบเบื้องต้นว่า แอปพลิเคชันใดมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหรือไม่ จุดนี้แม้ผู้ใช้แอนดรอยด์เวอร์ชันก่อนหน้า Android Jelly Bean จะมีความเสี่ยง แต่ผู้ใช้สามารถเปิดใช้คุณสมบัตินี้ด้วยตัวเอง

ที่สำคัญ กูเกิล เชื่อว่า 90% ของอุปกรณ์แอนดรอยด์ในตลาดขณะนี้เป็นระบบปฏิบัติการ Android Jelly Bean ขึ้นไป เท่ากับ Quadrooter จะไม่มีผลกับตลาดแอนดรอยด์ส่วนใหญ่แน่นอน

ที่มา: http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000079690

]]>
1099685