COVID – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 22 May 2024 13:26:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จับตาโควิดสายพันธุ์ใหม่ ‘FLiRT’ กําลังแพร่กระจายทั่วโลก https://positioningmag.com/1474665 Wed, 22 May 2024 13:26:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474665 ดูเหมือนการระบาดของ COVID-19 กำลังแพร่กระจายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหน้าร้อน ทําให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเกี่ยวกับระบาดอีกครั้ง

สำหรับไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในตอนนี้ถูกเรียกว่าสายพันธุ์ FLiRT ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ รุ่นหลานของโอมิครอน เนื่องจากโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นรุ่นลูกของสายพันธุ์ JN.1 ที่กลายพันธุ์มาจากโอมิครอน อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยว่าสายพันธุ์ใหม่นั้นรุนแรงกว่าสายพันธุ์เก่า

ตามรายงานของ John Hopkins Bloomberg School of Public Health รายงานว่า ปัจจุบัน โควิดสายพันธุ์ KP.2 ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มสายพันธุ์ FLiRT ถือเป็นสายพันธุ์ส่วนใหญ่ที่ระบาดในสหรัฐอเมริกา โดยตามข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค พบว่า ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ KP.2 คิดเป็น 28.2% เพิ่มขึ้นจาก 3.8% ณ สิ้นเดือนมีนาคม ส่วนสายพันธุ์ KP.1.1 ซึ่งเป็นอีกสายพันธุ์ย่อยของ FLiRT ก็เพิ่มขึ้นเป็น 7.1% ของจำนวนการติดเชื้อในปัจจุบัน 

ส่วนใน ยุโรป ก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยขณะนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ใน 14 ประเทศ ขณะที่ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า การติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ยังจำกัดอยู่เฉพาะประเทศที่รายงานข้อมูลเข้ามา และข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จากระดับการติดเชื้อที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม เจนนิเฟอร์ ฮอร์นนีย์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ มองว่า โควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ไม่น่า ทําให้เกิดการติดเชื้อครั้งใหญ่ อย่างที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะทำให้จำนวนผู้ป่วยในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ แต่อาการจะไม่รุนแรง เพราะประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่า วัคซีนในปัจจุบันมีประสิทธิภาพเพียงใดต่อสายพันธุ์ใหม่

Source

]]>
1474665
‘จีน’ เผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดเฉพาะที่โรงพยาบาลเกือบ ‘6 หมื่นคน’ นับตั้งแต่เลิกนโยบายควบคุม https://positioningmag.com/1415496 Sun, 15 Jan 2023 10:50:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415496 หลังจากที่มีการโจมตีว่า จีน ปกปิดตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิต ล่าสุด รัฐบาลได้เปิดเผยว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 เกือบ 60,000 คนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล นับตั้งแต่ยกเลิกนโยบายปลอดโควิดเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากตัวเลขที่รายงานก่อนหน้านี้

นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม รัฐบาลจีนได้ยกเลิกระบบควบคุมโควิดที่เข้มงวดนาน 3 ปี ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบผลการติดเชื้อ การจำกัดการเดินทาง และการปิดเมืองจำนวนมาก และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีผู้ติดเชื้อทั่วประเทศถึง 1.4 พันล้านคน

Jiao Yahui หัวหน้าสำนักบริหารการแพทย์ภายใต้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 8 ธ.ค. ถึง 12 ม.ค. จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 ในโรงพยาบาลของจีนอยู่ที่ 59,938 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตเหล่านั้น 5,503 รายมีสาเหตุจากการหายใจล้มเหลวเนื่องจากโควิด และส่วนที่เหลือเกิดจากการรวมกันของโควิดและโรคอื่น ๆ

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อย่างน้อย 1 ล้านคนในปีนี้ แต่ก่อนหน้านี้จีนรายงานผู้เสียชีวิตเพียง 5,000 รายนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำที่สุดในโลก

องค์การอนามัยโลกกล่าวในสัปดาห์นี้ว่าจีนรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก แม้ว่าขณะนี้จีนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบาดของโรคก็ตาม

Yanzhong Huang นักวิชาการอาวุโสด้านสุขภาพโลกของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในนิวยอร์ก กล่าวว่า การเสียชีวิตที่ เพิ่มขึ้น 10 เท่า ของการประกาศเมื่อวันเสาร์ บ่งชี้ว่า การระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ คนสูงอายุ

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าข้อมูลใหม่นี้สะท้อนถึงการเสียชีวิตที่แท้จริงหรือไม่ เนื่องจากแพทย์ไม่ต้องการรายงานการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิด และตัวเลขดังกล่าวรวมเฉพาะการเสียชีวิตในโรงพยาบาลเท่านั้น

“ตัวอย่างเช่น ในชนบท ผู้สูงอายุจำนวนมากเสียชีวิตที่บ้านแต่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงชุดทดสอบหรือไม่เต็มใจที่จะรับการตรวจ”

]]>
1415496
ข่าวดี! ‘WHO’ เผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดอยู่ในระดับ ‘ต่ำสุด’ ในรอบ 2 ปี https://positioningmag.com/1383100 Wed, 27 Apr 2022 08:57:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383100 องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 รายใหม่ในรอบสัปดาห์ได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020 พร้อมเตือนให้ทั่วโลกอย่าหยุดตรวจหาเชื้อ เพราะอาจขัดขวางความพยายามในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่

จำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 รายใหม่ทั่วโลกในช่วง 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 15,668 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและอเมริกา โดยจากข้อมูลของ WHO พบว่า ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากจำนวนกว่า 18,000 รายในช่วงสัปดาห์ที่ 17 เมษายน

โดยทั้งจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเริ่มลดลงตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ด้านจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีมากกว่า 4 ล้านราย ตามข้อมูลของ WHO จำนวนดังกล่าวลดลงจากรายงานผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 5 ล้านราย เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ที่ 17 เม.ย.

“การเสียชีวิตที่ลดลงถือเป็นข่าวดีที่ แต่เราต้องยินดีด้วยความระมัดระวัง” เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าว นอกจากนี้เขายังเตือนว่า หลายประเทศได้ลดการตรวจเชื้อ COVID-19 ซึ่งจำกัดความสามารถของ WHO ในการติดตามผลกระทบของไวรัสและรูปแบบการแพร่กระจายและวิวัฒนาการ

ไวรัสนี้จะไม่หายไปเพียงเพราะประเทศต่าง ๆ หยุดมองหามัน มันยังคงแพร่กระจาย ยังคงเปลี่ยนแปลง และยังคงสังหารอยู่ แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลง แต่เราก็ยังไม่เข้าใจผลที่ตามมาของการติดเชื้อในผู้ที่รอดชีวิตในระยะยาว”

ดร.บิล โรดริเกซ ซีอีโอของ FIND องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านการวินิจฉัยโรคทั่วโลก กล่าวว่า WHO เรียกร้องให้ทุกประเทศรักษาระบบเฝ้าระวัง ซึ่งรวมถึงการทดสอบและการจัดลำดับจีโนม โดยอัตราการทดสอบ COVID-19 ทั่วโลกลดลงจาก 70-90% ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งการทดสอบที่ลดลงอาจทำให้ความสามารถของโลกในการรักษาโควิดด้วยการบำบัดแบบใหม่ลดลงไปด้วย

ด้าน Maria Van Kerkhove หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้าน COVID-19 ของ WHO เสริมว่า การที่ไม่ได้ตรวจหาเชื้อเหมือนก่อน อาจจำกัดการตรวจสบ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน อย่างสายพันธุ์ BA.2 ที่แพร่ระบาดมากขึ้นในขณะนี้ ก็ถือเป็นสายพันธุ์ที่กระตุ้นให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ในยุโรปและจีน ซึ่งกำลังต่อสู้กับการระบาดครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020

BA.2 ยังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา โดยคิดเป็น 68.1% ของเคสทั้งหมดที่หมุนเวียนในประเทศในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 23 เมษายน ตามข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ตัวแปรย่อยอีกตัวหนึ่งคือ BA.2.12.1 กำลังได้รับความสนใจในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ซึ่งคิดเป็น 28.7% ของผู้ป่วยรายใหม่ ข้อมูล CDC กล่าว

Source

]]>
1383100
รัฐบาลอังกฤษ เตรียมยกเลิกมาตรการคุมโควิดทั้งหมด ผู้ติดเชื้อไม่บังคับกักตัว https://positioningmag.com/1374648 Sun, 20 Feb 2022 11:31:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374648 ‘นายกอังกฤษ’ เตรียมยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 ทั้งหมด รวมไปถึงผู้ที่ติดเชื้อจะไม่ถูกบังคับให้กักตัว ตามแผนการอยู่ร่วมกับโควิด โดยจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

‘บอริส จอห์นสัน’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุถึงการจะยกเลิกมาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมโควิดทั้งหมด โดยจะทำให้ประชาชนต้องป้องกันตัวเอง โดยไม่มีกฎหมายมาจำกัดเสรีภาพอีกต่อไป

“โควิดจะไม่หายไปในทันที เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัสนี้ และป้องกันตัวเองต่อไปโดยไม่จำกัดเสรีภาพของเรา”

เมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา อังกฤษได้เริ่มทยอยยกเลิกมาตรการ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิดหลายอย่าง โดยปลดล็อกมาตรการต่างๆ เช่น ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด เเละไม่จำเป็นต้องใช้ ’วัคซีนพาสปอร์ต’ ในการเข้าใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ อีกต่อไป ขณะที่ผู้โดยสารที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ จะยังต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในรถ แต่ไม่จำเป็นตามสถานที่อื่น ๆ

ทั้งนี้ ปัจจุบันชาวอังกฤษที่อายุมากกว่า 12 ปี มีอัตราการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสราว 85% ท่ามกลางการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่เเม้จะเเพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เเต่อาการของผู้ป่วยไม่รุนแรงมาก

 

]]>
1374648
ผลวิจัยชี้วัคซีน ‘Moderna’ 2 โดสเสี่ยงต่ออาการ ‘หัวใจอักเสบ’ มากกว่า ‘Pfizer’ แต่หายได้ภายใน 37 สัปดาห์ https://positioningmag.com/1372979 Sun, 06 Feb 2022 05:45:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372979 ผลวิจัยเปิดเผยว่า วัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ Moderna จำนวน 2 โดส มีความเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบของหัวใจมากกว่าของ Pfizer แต่คุณสมบัติการป้องกันเชื้อ COVID-19 ของวัคซีนทั้งสองบริษัทมีมากกว่าความเสี่ยง ตามรายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค

อาการ Myocarditis เป็นอาการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจที่อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง ตามที่ National Heart, Lung and Blood Institute แม้ว่ากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจะพบได้บ่อยที่สุดหลังการติดเชื้อไวรัส แต่ CDC ได้พบความเชื่อมโยงระหว่างการอักเสบของหัวใจกับการฉีดวัคซีนด้วยการฉีด Moderna และ Pfizer

โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังฉีดวัคซีนโควิดคือ เด็กชายวัยรุ่นอายุ 18-39 ปี หลังจากฉีดวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Moderna และ Pfizer ใช้ โดยอาการจะเกิดขึ้นภายใน 2-3 วันหลังจากฉีดวัคซีน เช่น อาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ใจสั่น และเมื่อยล้า ทั้งนี้ ทาง CDC กำลังรวบรวมข้อมูลจากองค์กรดูแลสุขภาพ 9 แห่งใน 8 รัฐ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

ในทุก ๆ 1 ล้านวินาทีที่มีการฉีดวัคซีนพบว่า ผู้ที่รับวัคซีน Moderna มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบประมาณ 10.7 ราย และพบเกิน 21.9 รายหลังจากฉีดเข็มที่ 2 ในขณะที่ผู้หญิงมีผู้ป่วยเพิ่มเติม 1.6 ราย อย่างไรก็ตาม ไม่มีความแตกต่างในอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับการฉีดยาของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ผลการศึกษาระบุว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาลเพียงวันเดียวและไม่มีใครเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู

ด้านหน่วยงานด้านสาธารณสุขในออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา พบว่า อัตราของกล้ามเนื้อหัวใจหัวใจอักเสบในผู้ชายอายุ 18-24 ปีเพิ่มขึ้น 5 เท่า หลังการฉีดวัคซีน Moderna ครั้งที่ 2 เมื่อเทียบกับของ Pfizer

ดร.ซาร่า โอลิเวอร์ เจ้าหน้าที่ของ CDC กล่าวว่า คาดว่าจะมีผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเพิ่มขึ้นหลังจากวัคซีนของ Moderna แต่การฉีดวัคซีนดังกล่าวจะช่วยป้องกันการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรค COVID-19 ได้มากกว่าวัคซีนของ Pfizer ดังนั้น ประโยชน์ที่ได้รับสำหรับวัคซีน mRNA มีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ในประเทศแคนาดา สหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศได้แนะนำวัคซีนของ Pfizer มากกว่าวัคซีนของ Moderna ในกลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงสูง โดยวัคซีนของ Moderna ได้รับการอนุมัติให้ใช้กับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป วัคซีนของ Pfizer ได้รับการอนุมัติอย่างสมบูรณ์สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป และได้รับอนุญาตในกรณีฉุกเฉินสำหรับเด็กอายุ 5 ถึง 15 ปี

“อย่างน้อยที่สุด ผู้ชายที่อายุน้อยควรแนะนำให้ฉีด Pfizer มากกว่ากับ Moderna”

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังจากฉีดวัคซีนโควิดสามารถฟื้นตัวเต็มที่ และส่วนใหญ่รายงานว่าไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขา โดยพบว่า 81% มีโอกาสที่จะหายดีภายใน 37 สัปดาห์หลังเกิดอาการ อีก 15% ดีขึ้น ในขณะที่ 1% ไม่ดีขึ้น แต่ยังไม่พบการเสียชีวิตจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม แพทย์แนะนำว่าผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 2-3 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าหัวใจจะฟื้นตัวเต็มที่

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์เปิดเผยว่า มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อ COVID-19 มากกว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนถึง 100 เท่า

“การมุ่งเน้นไปที่วัคซีนและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบมีอันตรายอยู่บ้าง แต่การเกิดอาการดังกล่าวจากการติดเชื้อ COVID-19 อาจถึงขั้นร้ายแรงถึงชีวิตได้” ดร.คามิลล์ คอตตอน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าว

Source

]]>
1372979
‘WHO’ ย้ำโควิดจะไม่มีวันเป็น ‘โรคประจำถิ่น’ โดยจะยังคงสถานะ ‘โรคระบาด’ เสมอ https://positioningmag.com/1372728 Wed, 02 Feb 2022 10:33:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372728 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่าเชื้อโควิดรุ่นต่อไปหรือ BA.2 จะติดต่อได้ง่ายกว่าโอมิครอน (Omicron : BA.1) โดยตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่าการแพร่ระบาดมีจำนวนผู้ป่วยโรคเพิ่มขึ้นเหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย WHO ได้ออกมาย้ำว่า COVID-19 จะไม่กลายเป็นโรคประจำถิ่น (endemic one) และจะยังเป็นโรคระบาด (epidemic virus)

Raina MacIntyre ศาสตราจารย์ด้านความมั่นคงทางชีวภาพระดับโลกที่มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ในซิดนีย์ กล่าวว่า แม้ว่าการระบาดของโรคประจำถิ่นอาจมีผู้ติดเชื้อได้เป็นจำนวนมาก แต่จำนวนผู้ป่วยจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเหมือนการระบาดของ COVID-19

“ในส่วนของโรคประจำถิ่นหากจำนวนผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงก็มักจะช้า โดยทั่วไปจะใช้เวลาหลายปี ดังนั้น โรคระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ไม่ใช่โรคประจำถิ่น”

นักวิทยาศาสตร์ใช้สมการทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า R naught (หรือ R0) เพื่อประเมินว่าโรคแพร่กระจายได้เร็วแค่ไหน R0 ระบุว่าจะมีคนติดเชื้อจากผู้ติดเชื้อจำนวนเท่าใด โดยผู้เชี่ยวชาญที่ Imperial College London ประเมินค่าโอมิครอนอาจสูงกว่า 3 ซึ่งหาก R0 ของโรคมากกว่า 1 การเติบโตจะเป็นแบบ ทวีคูณ หมายความว่าไวรัสกำลังเป็นที่แพร่ระบาดมากขึ้น

“เป้าหมายด้านสาธารณสุขคือการรักษา R ที่มีประสิทธิผล ซึ่ง R0 ได้รับการแก้ไขโดยการแทรกแซง เช่น วัคซีน หน้ากาก หรือการบรรเทาทุกข์อื่น ๆ ให้ต่ำกว่า 1 แต่ถ้า R0 สูงกว่า 1 เรามักจะเห็นคลื่นแพร่ระบาดซ้ำสำหรับการติดเชื้อทางเดินหายใจที่แพร่ระบาด นี่คือเหตุผลที่เราต้องการวัคซีน เพื่อรักษา R ให้ต่ำกว่า 1 เพื่อให้เราสามารถอยู่กับไวรัสได้โดยไม่กระทบต่อสังคมครั้งใหญ่”

ทั้งนี้ MacIntyre กล่าวเตือนว่า “จะมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น” ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว WHO เตือนว่าเชื้อโควิดรุ่นต่อไปจะติดต่อได้ง่ายกว่าโอมิครอน และ Global Biosecurity ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มแผนกวิจัยของ UNSW ที่ครอบคลุมเรื่องโรคระบาดได้โต้เถียงกันเมื่อปีที่แล้วว่า Covid จะยังคง เป็นโรคระบาดและจะเป็นตลอดไป

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้โควิดกลายเป็นโรคเฉพาะถิ่น ต้องมีผู้คนจำนวนมากพอที่จะได้รับการปกป้องภูมิคุ้มกันจากโควิด ตามรายงานของ American Lung Association ที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนจะทำให้ไวรัสเปลี่ยนสถานะออกจากสถานะการระบาดใหญ่

เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า มีโอกาสที่โควิดจะสิ้นสุดลงในปีนี้ หากดำเนินการตามแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการจัดการวัคซีนและความไม่เท่าเทียมกันในการดูแลสุขภาพ

Source

]]>
1372728
‘WHO’ คาด ประชากรยุโรป 50% จะติด ‘โอมิครอน’ ในอีก 2 เดือน https://positioningmag.com/1370131 Wed, 12 Jan 2022 04:19:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370131 Dr. Hans Kluge ผู้อำนวยการ WHO ประจำภูมิภาคยุโรป อ้างข้อมูลจาก Institute for Health Metrics and Evaluation ในซีแอตเทิล ว่า ประชากรมากกว่า 50% ในยุโรปจะติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่แพร่ระบาดในวงกว้างในช่วงสองเดือนข้างหน้า ขณะที่เอเชียกลางจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน

“โอมิครอนกำลังกลายเป็นไวรัสที่ระบาดอย่างรวดเร็วในยุโรปตะวันตกและขณะนี้กำลังแพร่กระจายไปยังคาบสมุทรบอลข่าน โดยภูมิภาคนี้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 7 ล้านคนในสัปดาห์แรกของปี 2022 เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในช่วงสองสัปดาห์ ด้วยความเร็วในอัตรานี้ ประชากรยุโรปมากกว่า 50% จะติดเชื้อโอไมครอนในอีก 6-8 สัปดาห์ข้างหน้า

โอมิครอนได้แพร่ระบาดในอัตราความเร็วที่น่าตกใจ ส่งผลให้บางประเทศได้ออกมาตรการการจำกัดทางสังคมอีกครั้งเพื่อพยายามควบคุม อย่างไรก็ตาม หลักฐานเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า โอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าตัวแปรเดลตา แต่ถึงอย่างนั้น ระบบสาธารณสุขของนานาประเทศก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะมีโรงพยาบาลหลายแห่งต้องประกาศสถานการณ์วิกฤติ เนื่องจากขาดแคลนพนักงานและจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จอห์น เบลล์ ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตของรัฐบาลสหราชอาณาจักร กล่าวว่า โอมิครอนไม่ใช่โรคแบบเดิมกับสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่จะดูเหมือนไม่รุนแรงมากนัก โดยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องให้ออกซิเจน และผู้ป่วยหลายคนใช้เวลาค่อนข้างสั้นในการรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 วัน

“ฉากอันน่าสยดสยองที่เราเห็นเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว คือ หอผู้ป่วยหนักเต็ม ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร และเราควรประเมินในแง่ร้ายว่ามันจะเกิดขึ้นอีกได้”

ทั้งนี้ Kluge ระบุเมื่อว่า อัตราการเสียชีวิตยังคงที่และยังคงสูงที่สุดในประเทศที่มีอัตราการเกิด COVID-19 สูง

Source

]]>
1370131
สหรัฐฯ พบผู้ป่วย ‘Omicron’ รายแรก เบื้องต้นมีอาการเพียงเล็กน้อย คาดเพราะรับวัคซีนครบโดส https://positioningmag.com/1365221 Thu, 02 Dec 2021 15:27:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1365221 สหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วย COVID-19 สายพันธุ์ Omicron รายแรกในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เบื้องต้น อาการไม่รุนแรง และกำลังดีขึ้น 

ผู้ป่วยรายดังกล่าวมีสุขภาพแข็งแรงเมื่อพวกเขากลับมาที่บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก จากการเดินทางในแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 22 พ.ย. และ 3 วันต่อมามีอาการ ก่อนจะตรวจพบเชื้อในวันที่ 29 พ.ย. โดย ผู้ว่าการเกวิน นิวซัม กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอายุระหว่าง 18-49 ปี ได้รับวัคซีนครบโดสแต่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดเวลา ที่ต้องเว้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน

“บุคคลนี้ไม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และคนที่ติดต่อกับบุคคลนี้ยังไม่พบผลบวก และเราหวังว่าเขาจะฟื้นตัวเต็มที่” ผู้ว่าการเกวิน นิวซัม กล่าว

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคได้แนะนำให้ผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ทุกคนได้รับยากระตุ้นหลังจากได้รับวัคซีน Pfizer หรือ Moderna สองโดสแบบเดิมเป็นเวลาหกเดือน และอีกสองเดือนหลังจากการฉีด J&J เพียงครั้งเดียว 

ดร.มาร์ค กาลี เลขาธิการด้านสุขภาพและบริการมนุษย์ของแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ความจริงที่ว่าผู้ป่วยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ตอกย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลอีกมากที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตัวแปรนี้ แต่สนับสนุนให้ชาวแคลิฟอร์เนียได้รับการฉีดวัคซีนและรับการฉีดวัคซีนเสริมหากมีสิทธิ์ 

“เราคุยกันมาหลายเดือนแล้วว่าการฉีดวัคซีนทำสิ่งที่สำคัญจริง ๆ อย่างน้อย นั่นคือ ป้องกันโรคร้ายแรง จากการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต ซึ่งการที่ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron มีอาการไม่รุนแรง และกำลังดีขึ้น ฉันคิดว่าเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน” 

ดร.แอนโธนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของทำเนียบขาว กล่าวว่า รายละเอียดของตัวแปร Omicron บ่งชี้ว่า การกลายพันธุ์ของมันสามารถ ลดประสิทธิภาพของวัคซีนในตลาดปัจจุบันได้ อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติม

ด้าน ซีอีโอของ Moderna และ Pfizer กล่าวว่า อาจต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการพิจารณาผลกระทบของ Omicron ต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในปัจจุบัน

“ผมไม่คิดว่าผลจะเป็นวัคซีนไม่ได้ป้องกัน แต่อาจป้องกันได้น้อยกว่า ซึ่งเรายังไม่รู้แน่ชัด” 

Bourla กล่าวว่า Pfizer สามารถพัฒนาวัคซีนใหม่ได้ภายใน 100 วัน บริษัทสามารถสร้างวัคซีนสำหรับสายพันธุ์เบต้าและเดลต้าโควิดได้อย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้วัคซีนดังกล่าว เนื่องจาก วัคซีนดั้งเดิมยังคงมีประสิทธิภาพในการต่อต้านการกลายพันธุ์ เขากล่าว

ด้าน มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้าน COVID-19 ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า รายงานจากแอฟริกาใต้ระบุว่า ผู้ป่วยบางรายที่ติดเชื้อ Omicron มีอาการไม่รุนแรง แต่ในบางกรณีก็มีอาการรุนแรงขึ้น โดยตอนนี้ WHO กำลังมองหาผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อดูว่าพวกเขามีเชื้อ Omicron หรือไม่ เพื่อศึกษา

“ขณะที่ไวรัสยังคงวิวัฒนาการต่อไป อาจยังคงมีความได้ว่ามันสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเดลต้า แต่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับความรุนแรงเลย”

Source

]]>
1365221
‘เยอรมนี’ เล็ง ‘บังคับฉีดวัคซีน’ พ่วงล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ หลังผู้ติดเชื้อพุ่ง https://positioningmag.com/1363887 Wed, 24 Nov 2021 15:52:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1363887 เยอรมนีเตรียมตัดสินใจเกี่ยวกับข้อจำกัดด้าน COVID-19 ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และอาจถึงขั้นปิดเมืองแบบเต็มรูปแบบ นอกจากนี้อาจจะ บังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 66,884 ราย และซึ่งส่งผลต่อเตียงโรงพยาบาลที่อาจไม่เพียงพอ

เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของประเทศ ได้ออกคำเตือนต่อชาวเยอรมันว่า อาจจะจำกัดพื้นที่สาธารณะให้มากขึ้น เช่น บาร์ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และพิพิธภัณฑ์ โดยจะจำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันโรงพยาบาลอาจไม่มีกำลังมากพอในการรับผู้ป่วย เพราะห้องไอซียูเต็ม และนั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย COVID-19 เท่านั้น

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เยอรมนีมีผู้ป่วยรายใหม่ 66,884 ราย จากเมื่อวันอังคารมีผู้ป่วยรายใหม่ 45,326 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 100,000 ราย  

นอกจากนี้ รัฐบาลของเยอรมนีกำลังพิจารณา บังคับฉีดวัคซีน โดยได้ขอร้องให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งปัจจุบันเยอรมนีมีอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำกว่าหลายประเทศในยุโรปตะวันตก โดยมีเพียง 68% ของประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรป เยอรมนีพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะส่งเสริมการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 เนื่องจากการแพร่กระจายของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้สูง และรุนแรงกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้ามาก อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องการฉีดวัคซีนบังคับเป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกันในยุโรป แต่เจ้าหน้าที่บางคนเชื่อว่าการให้วัคซีน เป็นวิธีเดียวที่จะหยุดไวรัสได้

ทั้งนี้ วัคซีนโควิดช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อรุนแรง การรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากไวรัสได้อย่างมาก แต่ภูมิคุ้มกันของวัคซีนจะลดลงหลังจากผ่านไปประมาณ 6 เดือน และไม่ได้ผล 100% ในการลดการแพร่กระจาย

Source

]]>
1363887
‘WHO’ เผยผู้เสียชีวิตจากโควิดลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี เหลือ 5 หมื่นราย/สัปดาห์ https://positioningmag.com/1356401 Thu, 14 Oct 2021 04:32:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356401 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 เกือบ 50,000 ราย ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี แม้จะดูเหมือนเป็นสัญญาณที่ดี แต่มีข้อสังเกตว่าอาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่าที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ขณะที่เป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 10% ของประชากรใน 56 ประเทศก็ยังไปไม่ถึง

เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดลดลงในทุกภูมิภาค ยกเว้นยุโรป โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวนผู้เสียชีวิตเกือบ 50,000 ราย ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบปี อย่างไรก็ตาม ความไม่เท่าเทียมกันของวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนายังเป็นปัญหา

โดย WHO ได้ตั้งเป้าการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 10% ใน 56 ประเทศภายในเดือนกันยายน แต่ปัจจุบันยังคงไม่บรรลุถึงเป้าหมายนั้น โดยรายงานผู้เสียชีวิตสูงที่สุด อยู่ในประเทศที่มีการเข้าถึงวัคซีนได้น้อยที่สุด

“แม้จำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลงในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่มันยังคงเป็นระดับสูงอย่างไม่อาจยอมรับได้ และจำนวนจริงนั้นสูงกว่าอย่างแน่นอน”

ปัจจุบัน มีเพียง 3 ประเทศเท่านั้นที่ยังไม่มีการแจกจ่ายวัคซีน ได้แก่ บุรุนดี เอริเทรีย และเกาหลี ขณะที่ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนน้อยที่สุดในจำนวน 56 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกา โดยครึ่งหนึ่งของ 52 ประเทศในแอฟริกาที่มีวัคซีนป้องกันโควิด มีเพียง 2% หรือน้อยกว่า ของประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนครบ

ขณะที่ประเทศที่มีรายได้สูงและระดับกลาง-บน ครอบครองวัคซีนไปกว่า 75% ของวัคซีนทั้งหมดที่พัฒนาขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด ดังนั้น จึงต้องการเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยหยุดฉีดวัคซีนเข็ม 3 สำหรับกระตุ้นภูมิ เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก ในการสร้างภูมิคุ้มกัน 40% ของทุกประเทศภายในสิ้นปีนี้

“การบรรลุ 40% ต้องใช้แนวทางทั้งของรัฐบาลและทั้งสังคม ซึ่งขึ้นอยู่กับความเป็นผู้นำทางการเมืองและภาคประชาสังคม”

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าร่วมการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยออกมาประณามความไม่เท่าเทียมกันของวัคซีนทั่วโลกว่า “ผิดศีลธรรม” และ “โง่เขลา” โดยเสริมว่าอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำ อาจกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดที่ดื้อต่อวัคซีน

ทั้งนี้ มีการวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบุว่า บุคคลที่ไม่ได้รับวัคซีนมีแนวโน้มว่าจะเสียชีวิตจาก COVID-19 มากกว่า 11 เท่า และมีแนวโน้มที่จะต้อง รักษาตัวในโรงพยาบาลสำหรับอาการมากกว่า 10 เท่า โดย CDC พบว่า คนที่ไม่ได้รับวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อ COVID-19 ได้ประมาณ 4.5 เท่า

Source

]]>
1356401