Citibank – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 17 Apr 2021 01:22:32 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 มองทิศทาง “ซิตี้” หลังปรับใหญ่ เน้นกลุ่มสถาบัน ยันลูกค้าได้สิทธิประโยชน์ตามเดิม https://positioningmag.com/1328024 Fri, 16 Apr 2021 15:25:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328024 กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการการเงินและธนาคาร เมื่อ “ซิตี้กรุ๊ป” ประกาศเปลี่ยนแปลงการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ในกลุ่มธนกิจบุคคลระหว่างประเทศ (Global Consumer Banking) เป็นการถอนตัวจาก 13 ประเทศที่ทำตลาดอยู่ แต่เน้นกลุ่มลูกค้าสถาบันมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการตัดสินใจยุติการทำตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ดำเนินการอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) รวมทั้งหมด 13 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บาห์เรน จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ รัสเซีย ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม

ให้คงเหลือการดำเนินธุรกิจผ่าน Global Wealth Management Center ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ การดำเนินการเชิงกลยุทธ์ใหม่ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องของซิตี้ เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางการลงทุน และทรัพยากรในระยะยาวให้กับธุรกิจสายสถาบันธนกิจ หรือ ICG (Institutional Clients Group) ที่ปัจจุบันมีการขับเคลื่อนสูงและศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง

ซิตี้ได้เน้นธุรกิจสายสถาบันธนกิจ หรือ ICG (Institutional Clients Group) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายทั่วโลกให้กับลูกค้าทั่วเอเชียแปซิฟิก และในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีศักยภาพการเติบโต ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ซิตี้มีเงินทุน และเน้นการลงทุนที่จำเป็นเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว รวมถึงการลงทุนในเครือข่ายซิตี้ ตลอดจนการเพิ่มความสามารถด้านดิจิทัลเพื่อพัฒนาการนำเสนอบริการด้านการเงินการค้า และหลักทรัพย์ระดับโลกที่ดีที่สุด

สำหรับการให้บริการ รวมถึงสิทธิประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของซิตี้แก่ลูกค้าในประเทศไทยยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ลูกค้ายังคงจะได้รับบริการเช่นเดียวกับที่เคยได้รับตลอดมา หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบในลำดับถัดไป

ปีเตอร์ บาเบจ ประธานกรรมการบริหาร ซิตี้ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า

“ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายทั่วโลกของซิตี้ และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตและคุณค่าของซิตี้ ซึ่งซิตี้ยังคงลงทุนในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนลูกค้าในทุกตลาด เพื่อมอบความสามารถระดับโลกที่เป็นเอกลักษณ์ของซิตี้ พร้อมยืนยันว่าตลาดเอเชียแปซิฟิกถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ขององค์กร”

ทางด้าน ทีบอร์ พานดิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า

“ซิตี้มีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี ด้วยธุรกิจกลุ่มลูกค้าบุคคลธนกิจที่น่าสนใจ และดำเนินไปด้วยดีผ่านทีมงานที่ทุ่มเท และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งซึ่งมีส่วนร่วมในความสำเร็จของซิตี้มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินงานของซิตี้แบงก์ ประเทศไทยในทันที และไม่มีผลกระทบต่อพนักงานอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดย ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ยังคงพร้อมให้บริการลูกค้าด้วยความเอาใจใส่และความทุ่มเทเช่นเดียวกับที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอด”

]]>
1328024
“ซิตี้แบงก์” หั่นจีดีพีไทย -6.8% ตลาดหุ้นครึ่งปีหลังยังผันผวน เเนะกระจายลงทุนตลาด EM-เอเชีย https://positioningmag.com/1288781 Tue, 21 Jul 2020 13:42:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1288781 ซิตี้แบงก์ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้ ติดลบ 3.5% ก่อนจะฟื้นเป็นบวก 5.5% ในปีหน้า ฝั่งสหรัฐฯ เเละยุโรปยังทรุดยาว โซนเอเชียจะฟื้นก่อนตามเศรษฐกิจจีน ปรับลดตัวเลขจีดีพีไทย ปี 2563 ติดลบ 6.8% หวังจะกลับมาเป็นบวก 3.5% ได้ในปีหน้า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ มองทิศทางตลาดหุ้นครึ่งปีหลังยังผันผวนแต่น้อยลง เเนะลงทุนหุ้นวัฏจักรกลุ่มสุขภาพเทคโนโลยีและทองคำ เน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย

บุญนิเศรษฐ์ ธัญวรอนันต์ ที่ปรึกษาทางการลงทุน ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า จากปัจจัยแนวโน้มความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก ทั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ความไม่แน่นอนด้านภูมิศาสตร์การเมืองที่ยังคงตึงเครียด สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯจีน รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ผันผวน

โดยคาดการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ว่าจะติดลบ 3.5% ก่อนที่ตลาดโลกจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว 5.5% ในปี 2564 ในขณะที่ระดับอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.8% และเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% ในปี 2564 พร้อมปรับลดตัวเลขจีดีพีของไทยปีนี้ลง จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ -3.5% เป็น -6.8% และจะกลับมาบวก 3.5% ในปีหน้า เนื่องจากนโยบายการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ภาคการบริโภคจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้

ในส่วนของจีดีพีสหรัฐฯ คาดว่าจะหดตัว -3.3% ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวจากตัวเลขอัตราการว่างงานที่ลดลง และตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนพ..ที่เพิ่มขึ้น ส่วนตัวเลขจีดีพีของยุโรปคาดว่าจะอยู่ที่ -6.7% จากมาตรการข้อจำกัดต่างๆ โดยแนวโน้มการฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังอาจจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี กว่าจีดีพีจะกลับไปสู่ระดับเดิมเทียบเท่าช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำกว่า 0% ต่อเนื่อง 

ขณะที่เอเชียคาดว่าจะขยายตัว 0.5% โดยเฉพาะจีนอาจโตแตะ 2.4% เพราะมีกำลังซื้อในประเทศสูงเเละมีกิจกรรมทางธุรกิจหลังควบคุมการเเพร่ระบาดได้

Photo : Shutterstock

ไตรมาส 1 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เเละช่วงไตรมาส 2 ส่วนใหญ่ยังคงเห็นการถดถอยอยู่ ก่อนที่จะมีการค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมามีการฟื้นตัวใหม่อีกครั้ง แนวโน้มจะเป็นการฟื้นตัวแบบไม่เท่ากันในแต่ละภูมิภาค

โดยคาดว่ากลุ่มตลาดเกิดใหม่” (Emerging Market) จะชะลอตัวลงเล็กน้อย -1.5% และคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้น 6.4% ในปี 2564 ในทางกลับกันตลาดพัฒนาแล้วมีแนวโน้มการเติบโตชะลอตัว -5% ทำให้การลงทุนมีความความท้าทายสูง ถึงแม้ว่าตลาดทุนทั่วโลกกลับตัวบวก 40.6% จากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมเเล้ว แต่ก็ยังติดลบ 4% เมื่อเทียบกับต้นปี (ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 .. – 23 มิ. 63)

ด้านน้ำมัน ยังคงเป็นที่น่าจับตา โดยน้ำมันดิบยังมีอุปสงค์สวนทางกับอุปทานจึงคาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 42 และ 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบารร์เรลตามลำดับ

ทองคำ ยังเป็นที่ต้องการของตลาด มองดอกเบี้ยที่ต่ำมาก และการทำ QE ของแต่ละประเทศใหญ่ๆ ทำให้เกิดภาวะเม็ดเงินล้นระบบ นักลงทุนสนใจลงทุนในทองคำมากขึ้น “เป็นเทรนด์ขาขึ้น” โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,600 -1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมีแนวโน้มว่ามูลค่าเฉลี่ยจะขยับขึ้นในระดับประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปี 2564

ส่วนประเด็นค่าเงินต้องจับตาเป็นพิเศษเพราะยังคงมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้คาดยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะกลางถึงระยะยาว จากปัจจัยการขยายงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เพื่อตอบสนองสภาพคล่องต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวเงินบาทไทยคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 31.0 – 31.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% จนถึงต้นปี 2564

Photo : Freepik

สำหรับการลงทุน เเนะให้เน้นไปที่กลุ่มตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชีย และกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยแบ่งเป็น 4 ธีม ดังนี้ 

  • ลงทุนกระจายความเสี่ยงลดความผันผวน
  • ลงทุนบริษัทที่มีการเติบโตที่ดี
  • ลงทุนในตราสารหนี้ที่ยังคงให้ดอกเบี้ยที่ดี
  • ลงทุนในสิ่งที่ปลอดภัย

โดยเเนะนำให้ลงทุนใน กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สุขภาพ กลุ่มโทรคมนาคม และเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น (Digitalization) รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สกุลเงินเยน เเละการลงทุนในทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะสามารถช่วยเสริมความมั่นคงให้กับพอร์ตโฟลิโอการลงทุน โดยต้องเฝ้าติดตามประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ในระยะยาว และลดความเสี่ยงจากการลงทุนท่ามกลางสภาวะผันผวน

 

]]>
1288781
เอาใจขาช้อป Citi Lazada บัตรเครดิตโคแบรนด์อีคอมเมิร์ซใบแรกในไทย https://positioningmag.com/1251836 Thu, 31 Oct 2019 15:56:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1251836 ธนาคารซิตี้แบงก์ผนึกลาซาด้า ประกาศเปิดตัวบัตรเครดิตโคแบรนด์เป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ “ซิตี้ ลาซาด้า” (Citi Lazada) ซึ่งเป็นบัตรเครดิตโคแบรนด์อีคอมเมิร์ซบัตรแรกในภูมิภาค เพื่อเจาะตลาดนักช้อปออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เรียกว่าการโคแบรนด์กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญของซิตี้ไปแล้ว หลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้ซิตี้ได้จับมือกับแกร็บ ในการเปิดตัวบัตรเครดิตที่เอาใจคนชอบเดินทาง ล่าสุดได้เอาใจขาช้อปด้วยการจับมือกับพันธมิตรอีคอมเมิร์ซ

การเปิดตัวบัตรในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทางซิตี้แบงก์จับมือกับบริษัทอีคอมเมิร์ซเพื่อเปิดตัวบัตรเครดิตโคแบรนด์ที่ออกแบบมาเพื่อนักช้อปออนไลน์ในประเทศไทยเป็นพิเศษ โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ที่เปิดตัวบัตรเครดิตชนิดนี้ หลังจากที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศมาเลเซียไปก่อนหน้านี้

ความพิเศษของบัตรนี้ได้เอาใจนักช้อปแบบสุดๆ มอบคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 10 เท่าเมื่อช้อปสินค้าผ่านลาซาด้า ประเทศไทย ซึ่งทางซิตี้กับลาซาต้าเป็นพันธมิตรกันตั้งแต่ปี 2016 มาแล้ว

ซิตี้เองต้องการสร้างการเติบโต และขยายฐานลูกค้าผ่านการตลาดแบบดิจิทัล โดยอาศัยความร่วมมือและการทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านดิจิทัล และบริษัทด้านบิ๊กดาต้า โดยเน้นเรื่องการทำงานแบบโคแบรนด์

ลาซาด้าจะได้ประโยชน์จากการเข้าถึงฐานข้อมูลลูกค้าของซิตี้ และสามารถออกแบบสิทธิพิเศษแบบโคแบรนด์ให้ลูกค้ารายใหม่ผ่านแพลตฟอร์มของลาซาด้า ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงลูกค้าปัจจุบันของซิตี้ได้ทั้งทางช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

ซานดีพ บาตระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า

“ในความร่วมมือครั้งนี้เราคาดว่าจะสามารถเพิ่มฐานลูกค้าบุคคลในประเทศไทยได้อีกเป็นจำนวนมากในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ทั้งนี้บัตรเครดิต Citi Lazada สามารถนำไปใช้ได้ทุกแห่งที่รับบัตรมาสเตอร์การ์ด โดยผู้ถือบัตรสามารถชำระเงินออนไลน์ได้อย่างมั่นใจใน MasterCard Identity Check และ MasterCard SecureCode เพื่อทุกความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์”

ซิตี้ และลาซาด้าตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้สมัครบัตรเครดิตนี้กว่า 500,000 รายในภูมิภาคในอนาคต

บัตรเครดิตนี้มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ด้านแฟชั่น สุขภาพความงาม ไลฟ์สไตล์ และการเดินทาง พร้อมดีลสุดพิเศษจากเมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ เจ็ทส์ ฟิตเนส และแบรนด์พาร์ตเนอร์อีกมากมายที่ร่วมรายการ รวมทั้งสิทธิพิเศษจากมาสเตอร์คาร์ด เช่น ClassPass (คลาสพาส) Klook (คลุก) และ Frasers Hospitality (เฟรเซอร์ส ฮอสพิทัลลิตี้)

ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ บนแพลตฟอร์มลาซาด้า ประเทศไทย ทุก 25 บาท รับคะแนนสะสม 10 เท่า และรับคะแนนสะสม 3 เท่าเมื่อใช้บัตรฯ ที่ร้านค้าทั่วไปในกลุ่มแฟชั่นและสุขภาพ หรือรับคะแนนสะสม 1 เท่าสำหรับยอดใช้จ่ายอื่นๆ พร้อมรับคะแนนสะสม 30 เท่าในเดือนเกิด

ธุรกิจด้านธนาคารเพื่อการบริโภคของซิตี้ในเอเชียแปซิฟิกมีบัตรเครดิตกว่า 15.2 ล้านใบ ใน 12 ตลาดทั่วภูมิภาค และใน 5 ประเทศในภูมิภาค EMEA (ยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา) กว่าครึ่งหนึ่งของการเปิดบัตรเครดิตใหม่และการยื่นขอเงินกู้นั้นมาจากช่องทางดิจิทัล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าใน 3 ปีที่ผ่านมา

]]>
1251836
ยุคแห่งการโคแบรนด์! Citi ผนึก Grab เปิดตัวบัตรเครดิต Citi Grab เรียก Grab ลด 15% https://positioningmag.com/1248266 Wed, 02 Oct 2019 05:58:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1248266 Citi และ Grab ผนึกกำลังกันครั้งยิ่งใหญ่ ประกาศเปิดตัวบัตรเครดิตโคแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่สองต่อจากฟิลิปปินส์ ชูจุดเด่นที่ลูกค้า Grab จะต้องร้องเฮ สามารถอัพเกรดเป็น Grab Platinum ทันที สมัครวันนี้ รับคืน 3,000 บาท และสิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์อื่นๆ

ประเทศที่ 2 ต่อจากฟิลิปปินส์

เป็นกระแสฮือฮาอยู่ไม่น้อย เมื่อมีการประกาศการทำโคแบรนด์ของทั้ง 2 รายใหญ่อย่างธนาคาร Citibank และ Grab เป็นการเปิดตัวบัตรเครดิต “Citi Grab” เพื่อเจาะตลาดไลฟ์สไตล์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งเป็นตลาดใหญ่ของ Grab ด้วยเช่นกัน 

บัตรเครดิต Citi Grab ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยที่ประเทศไทยได้ใช้บัตรเดรดิต Citi Grab เป็นประเทศที่ 2

แต่ก่อนที่จะคลอดเป็นบัตรเครดิต Citi Grab ทั้ง 2 แบรนด์ได้มีความร่วมมือกันอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2016 ซึ่ง Citi มีความโดดเด่นเรื่องการมอบสิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์ให้แก่สมาชิกบัตร ส่วน Grab เป็นซูเปอร์แอปที่มีบริการหลากหลาย การผนึกกำลังของทั้งสองแบรนด์ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้คะแนนสะสมของ Citi จ่ายค่าบริการ Grab ได้ รวมถึงขยายสิทธิประโยชน์ในบริการอื่นๆ ของ Grab เช่น บริการการส่งอาหาร

จากความสำเร็จในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทั้ง 2 แบรนด์ได้เสริมความแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก ด้วยการเปิดตัวบัตรเครดิตโคแบรนด์ Citi Grab ซึ่งมีสิทธิพิเศษที่เอาใจลูกค้า Grab อย่างมาก

มิสอุย ฮุ่ย ทิง กรรมการผู้จัดการ Grab Pay กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรกันระหว่าง Grab และ Citi ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี เนื่องจากเราต้องการมอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าทั้งในฝั่งของ Grab และ Citi  บัตรเครดิต Citi Grab ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับสิทธิประโยชน์และความสะดวกสบายต่างๆ เพิ่มขึ้นจากอีโคซิสเต็มที่เชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อของ Grab ซึ่งการโคแบรนด์บัตรเครดิตของ Citi Grab ในครั้งนี้จะช่วยให้สมาชิกบัตรสามารถอัปเกรดเป็นสมาชิก Grab ระดับแพลทตินัมได้โดยทันที

ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ Grab ประเทศไทย กล่าวว่า

ในปีนี้เรายังคงตอกย้ำในการสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศไทย เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในการเป็นพันธมิตรกับ Citi ยิ่งไปกว่านั้นการเปิดตัวบัตรเครดิต Citi Grab เป็นการเดินหน้าครั้งสำคัญของเป้าหมายในการเพิ่มการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย รวมถึงสนับสนุนให้ผู้บริโภคหันมาใช้ระบบการชำระเงินแบบไร้เงินสดมากขึ้น ซึ่ง Grab จะไม่ได้เพียงแค่เป็นซูเปอร์แอปสำหรับสำหรับบริการการเดินทาง และการส่งของเท่านั้น แต่เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้บริโภคใช้ได้ทุกวันไม่ว่าจะต้องการบริการรับส่ง สั่งอาหารหรือการทำธุระด้านอื่น

Citi ได้ขยายฐานสู่โลกดิจิทัล

ต้องบอกว่าเทรนด์ของเรื่องการเงิน การธนาคารในตอนนี้ทุกอย่างต้องเข้าสู่โลกดิจิทัลไปหมดแล้ว Citi เองก็หวังที่จะใช้พันธมิตรในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น และใช้ประโยชน์จากบริการชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต (card-on-file) ในชีวิตประจำวันด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ

ซานดีพ บาตระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคาร Citi แบงก์ประเทศไทย กล่าวว่า

เรามั่นใจว่าบัตรเครดิต Citi Grab จะเปิดโอกาสให้ทั้งสองแบรนด์ได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของกันและกัน ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงในประเทศไทยแต่ยังขยายสู่ประเทศอื่นทั่วภูมิภาคอีกด้วย บัตรเครดิต Citi Grab เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ฟิลิปปินส์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เมื่อมาดูสิ่งที่ทั้ง 2 แบรนด์จะได้รับจากการผนึกกำลังกันครั้งนี้ สำหรับทาง Grab เองก็เล็งเห็นประโยชน์จากการผนึกกำลังกับ Citi เพราะสมาชิกบัตรเครดิต Citi สามารถจ่ายค่าบริการ Grab ได้ด้วยการใช้คะแนนสะสม Citi Reward และ Citi ก็เป็นบัตรเครดิตระดับโลกที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ Grab เข้าถึงกลุ่มสมาชิกบัตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มากขึ้น 

ในขณะเดียวกัน Citi ก็ได้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้บริการของ Grab ที่นิยมใช้สมาร์ทโฟน โดยครอบคลุมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใช้ประโยชน์จากบริการชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ Citi เข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้นเนื่องจากทุกวันนี้การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหันมาใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น

สิทธิพิเศษของบัตรเครดิต Citi Grab ได้แก่

  • อัพเกรดเป็น Grab Platinum โดยอัตโนมัติ เพื่อรับสิทธิพิเศษในการจองบริการต่างๆ ในลำดับแรกและบริการลูกค้าสัมพันธ์โดยเฉพาะลูกค้า Grab Platinum
  • รับคะแนนสะสม 10 เท่าทุกครั้งที่ใช้บริการ Grab รับคะแนนสะสม 3 เท่าเมื่อใช้บัตรที่ร้านอาหาร อีคอมเมิร์ซ หรือสมัครบริการออนไลน์รายเดือน และรับคะแนนสะสม 1 แต้มเมื่อใช้จ่ายทุก 25 บาท สมาชิกบัตรยังสามารถได้รับส่วนลด 10% ทันทีเมื่อจองที่พักทั่วโลกผ่าน Agoda ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 62 – 31 มีนาคม 63
  • สมัครวันนี้ รับคืน 3,000 บาท (เงินสด 1,000 บาทและส่วนลดจาก Grab มูลค่า 2,000 บาท) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรครบ 3,000 บาทและมีการใช้บริการ Grab 3 ครั้งภายใน 30 วันแรกหลังจากบัตรได้รับการอนุมัตินอกจากนี้ยังมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมในปีแรกอีกด้วย
  • สะดวกสบายมากขึ้นด้วยการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด เพียงใช้คะแนนสะสม Citi เพื่อจ่ายค่าบริการ Grab (ตั้งแต่มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป) นอกจากสิทธิประโยชน์จาก Grab แล้ว ยังได้รับความคุ้มค่าจากบัตรเครดิต Citi อีกด้วย เช่น ส่วนลดร้านอาหารที่ร่วมรายการกว่า 1,000 ร้านหรือรับเงินสดคืนจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

]]>
1248266