Cosmetics – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 07 Apr 2023 00:45:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Revlon พ้นจากสภาวะล้มละลายแล้ว หลังศาลไฟเขียวแผนปรับโครงสร้างหนี้ https://positioningmag.com/1426658 Thu, 06 Apr 2023 14:28:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426658 บริษัทเครื่องสำอางจากสหรัฐอเมริกาอย่าง Revlon ได้พ้นสภาวะล้มละลายแล้ว หลังจากที่ศาลได้ไฟเขียวแผนปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงปรับองค์กร รวมถึงแผนการเปลี่ยนหนี้ให้เป็นทุน ซึ่งทำให้หนี้ของบริษัทมากถึง 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงทันที

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า เรฟลอน (Revlon) ได้ออกจากสภาวะล้มละลายแล้ว โดยศาลได้ไฟเขียวการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท การปรับเปลี่ยนการบริหาร ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายนี้สามารถลดหนี้มากถึง 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐลงได้

เดวิด โจนส์ ผู้พิพากษาศาลล้มละลายสหรัฐฯ ในแมนฮัตตัน ซึ่งดูแลการล้มละลายของ Revlon ได้กล่าวว่าบริษัทได้บรรลุข้อตกลงปรับโครงสร้างหลายเรื่องในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการบริหารองค์กร รวมถึงการลดความเสี่ยงต่อเจ้าหนี้ของบริษัท นับตั้งแต่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ Elizabeth Arden ในปี 2016

ภายใต้แผนดังกล่าว เจ้าหนี้ของ Revlon จะใช้วิธีเปลี่ยนหนี้ให้เป็นทุนของบริษัท ซึ่งแปลว่าเจ้าหนี้ของบริษัทจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คาดว่ามูลค่าหุ้นจะอยู่ราวๆ 2,750-3,250 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายเดิมก็จะมีสิทธิ์ในบริษัทลดลง

การปรับโครงสร้างองค์กรของ Revlon ครั้งนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากเจ้าหนี้มากถึง 88% ในแผนดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทยังกล่าวว่าการปรับโครงสร้างองค์กรจะทำให้บริษัทมี “การเริ่มต้นใหม่” และเป็นรากฐานที่ยั่งยืนสำหรับการเติบโตในอนาคตด้วย

Revlon ซึ่งมีประวัติจากการขายลิปสติก ยาทาเล็บ และผลิตภัณฑ์เสริมความงามอื่นๆ มายาวนานถึง 91 ปี ได้ประกาศล้มละลายในเดือนมิถุนายนในปี 2022 ที่ผ่านมา โดยบริษัทระบุว่ามีภาระหนี้มากถึง 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการหยุดชะงักของ Supply Chain ส่งผลทำให้บริษัทได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา

โดยหลังจากนี้ Revlon ยังมีแผนจะระดมทุน 670 ล้านดอลลาร์หลังจากพ้นจากการล้มละลายด้วยการขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่นี้ด้วย

]]>
1426658
Kering บริษัทแม่แบรนด์หรูหลายยี่ห้อ เตรียมลุยตลาดเครื่องสำอาง ผู้บริหารชี้ได้เวลาต้องทำ https://positioningmag.com/1418297 Tue, 07 Feb 2023 17:09:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1418297 บริษัทผลิตสินค้าหรูจากฝรั่งเศสอย่าง Kering ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดังไม่ว่าจะเป็น Balenciaga Gucci Alexander McQueen รวมถึง Yves Saint Laurent เป็นต้น ล่าสุดบริษัทเตรียมที่จะลุยตลาดเครื่องสำอางแล้ว หลังจากที่ดึงผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดังกล่าวมาจากบริษัทดังอย่าง Estee Lauder มาร่วมงาน

สำหรับแบรนด์ของ Kering ที่เตรียมมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเร็วๆ นี้ ได้แก่ Bottega Veneta Balenciaga  Alexander McQueen Pomellato รวมถึง Qeelin

Jean-Francois Palus ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของ Kering ได้กล่าวว่าบริษัทกำลังสร้างพื้นที่ใหม่ (ธุรกิจเครื่องสำอาง) เพื่อที่จะให้แบรนด์ต่างๆ ของเราสามารถเติมเต็มศักยภาพในหมวดหมู่ดังกล่าวนี้ หลังจากที่บริษัทได้ดึงตัว Raffaella Cornaggia ซึ่งเป็นผู้บริหารของ Estee Lauder มายาวนานถึง 14 ปีมาร่วมงานกับบริษัท

ไม่เพียงเท่านี้ผู้บริหารรายดังกล่าวยังชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาภาพลักษณ์ของแบรนด์เหล่านี้ให้มีกลุ่มเครื่องสำอางนั้นถือว่า “มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์

สิ่งที่ล่อตาล่อใจให้ Kering ต้องหันมาทำธุรกิจเครื่องสำอาง ก็คือคู่แข่งอย่าง LVMH มีรายได้จากเครื่องสำอางมากถึง 7,700 ล้านยูโรในปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนรายได้เกือบ 10% ของรายได้รวมทั้งหมดที่ 79,200 ล้านยูโร

ก่อนหน้านี้ทาง Kering (หรือชื่อ PPR ในสมัยอดีต) ได้ขายธุรกิจเครื่องสำอางของ Yves Saint Laurent ให้กับ L’Oréal ไปในปี 2008 ด้วยมูลค่ามากถึง 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ Coty ได้สิทธิ์เครื่องสำอางแบรนด์ Gucci ซึ่งคาดว่าสิทธิ์ดังกล่าวกำลังจะหมดลงในช่วงปี 2028 โดยคาดว่า Kering ได้รายได้จาก Coty ปีละราวๆ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ

นักวิเคราะห์จากหลายสถาบันการเงินคาดว่าหลังจากนี้บริษัทจะดึงแบรนด์เครื่องสำอางอย่าง Gucci หรือแบรนด์อื่นๆ ที่ Coty ได้สิทธิ์ไปในอดีตกลับมาเป็นของบริษัทอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้บริษัทนั้นมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ดังอย่าง Gucci สร้างรายได้ให้บริษัทมากกว่า 50% ของรายได้รวมทั้งหมด

ที่มา – Reuters, Global Cosmetics News

]]>
1418297
ล้มเเล้วลุก! “ธุรกิจเครื่องสำอาง” ในจีนเริ่มฟื้นตัว หลังเจอ COVID-19 เเบรนด์บุกขายออนไลน์ https://positioningmag.com/1273014 Mon, 13 Apr 2020 12:09:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1273014 ธุรกิจเครื่องสำอางในจีนกำลัง “ฟื้นตัว” อย่างรวดเร็ว เมื่อผู้คนเริ่มกลับมาทำงานเเละผู้ค้าปลีกเริ่มกลยุทธ์บุกตลาดออนไลน์เต็มที่ หลังรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อสกัดการเเพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

Anne Ling นักวิเคราะห์ของธนาคารเพื่อการลงทุน Jefferies เปิดเผยว่ายอดขายเครื่องสำอางในจีน “ปรับตัวดีขึ้น” เเม้จะยังลดลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับยอดค้าปลีกอื่นๆ เเต่ถือว่าดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. ที่ยอดขายลดลงถึง 60-80% เนื่องจากผู้คนต้องอาศัยอยู่เเต่ในบ้าน ไม่มีกิจกรรมสังสรรค์ ทำให้ความต้องการใช้เครื่องสำอางก็ลดลงตามไปด้วย

ยกตัวอย่างบริษัทเครื่องสำอางที่เกือบจะต้องปิดกิจการ เเต่ก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้คือเเบรนด์ Lin Qingxuan ที่ตอนนี้มียอดขายพุ่งขึ้นถึง 120% หลังจากติดลบกว่า 90% ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ซึ่งเคยเป็นช่วงที่ทำยอดขายได้สูงสุดในทุกปี

Sun Laichun ผู้ก่อตั้ง Lin Qingxuan แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่มีสาขากว่า 300 แห่งทั่วประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับ scmp ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้เขากำลังจะ “ล้มละลาย” จากยอดขายหน้าร้านในเดือน ม.ค.ที่ลดลงกว่า 90% จึงต้องปรับกลยุทธ์ไปขายสินค้าออนไลน์เเละทุ่มการโปรโมทบนแพลตฟอร์มสตรีมมื่งและโซเชียลมีเดีย

ผลออกมาดีเกินคาด บริษัทของเขาสามารถขายน้ำมันดอกคามิเลีย ซึ่งเป็นสินค้าหลักของแบรนด์ได้ถึง 400,000 ขวด ภายในเวลา 2 ชั่วโมงในวันวาเลนไทน์ และในวันที่ 1-8 มี.ค. ซึ่งเป็นวันสตรีสากล ยอดขายในออนไลน์
ยังเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า

ขณะที่ยอดขายของ “มาสก์หน้า” และ “คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอาง” บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังของจีนอย่าง Pinduoduo ก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

“ยอดขายลิปสติก อายแชโดว์ เเละดินสอเขียนคิ้ว ก็มีอัตราการเติบโตที่ดีเช่นกัน แต่จำนวนการสั่งซื้อยังไม่มากนัก ส่วนสินค้าในกลุ่มราคาระดับกลางมียอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว” Pinduoduo ระบุ

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2020 ยอดขายเครื่องสำอางในจีนลดลง 14.1% อยู่ที่ 3.87 หมื่นล้านหยวน ( ราว 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมือเทียบกับยอดค้าปลีกโดยรวมที่ลดลง

ด้านข้อมูลของ ECdataway ผู้ให้บริการข้อมูลอีคอมเมิร์ซในเซี่ยงไฮ้ พบว่ายอดขายเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบนแพลตฟอร์ม T-mall เพิ่มขึ้น 89.5% ในเดือน มี.ค. ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 56%
ส่วนอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพิ่มขึ้น 46%

Chen Ke นักวิเคราะห์ของ Roland Berger ให้ความเห็นว่า ผลกระทบของ Covid-19 ที่มีต่อยอดขายเครื่องสำอาง “น่าจะเป็นระยะสั้น”

สำหรับตลาดความงามและการดูแลตัวเองของจีน มีมูลค่าสูงถึง 4.7 เเสนล้านหยวนในปี 2019 เพิ่มขึ้น 9% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยค่าใช้จ่ายในการซื้อ “เครื่องสำอาง” ของชาวจีน เฉลี่ยอยู่ที่คนละ 30 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 น้อยกว่าชาวญี่ปุ่นที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 202 ดอลลาร์ต่อคน เเละชาวอเมริกันที่มีการใช้จ่ายอยู่ที่120 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน

ที่มา : China cosmetics sales rebound in March as coronavirus outbreak proves to be a temporary setback

]]>
1273014
เครื่องสำอางของผู้หญิงมุสลิม https://positioningmag.com/1158730 Sun, 25 Feb 2018 10:00:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1158730 บทความโดย : อิษณาติ วุฒิธนากุล

ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ถูกเชิญไปพูดในงาน Beyond Beauty ของทาง Impact Exhibition Management เลยอยากเอาข้อมูลหลายๆอย่างที่ไปพูดในงานวันนั้นมาแชร์ให้ฟังกันครับ ว่าตอนนี้จริงๆ แล้วตลาดความสวยความงามแถบบ้านเราหรือเอเชียมีความน่าสนใจหลายๆ อย่างเลยครับ

หลายท่านคงทราบนะครับว่าอัตราการเติบโตของตลาดสินค้าอุปโภค หรือที่เราเรียกว่าตลาด FMCG ไม่ค่อยดีมาสักพักแล้ว ไม่ใช่แค่ในไทยเรา แต่หลายๆประเทศในแถบนี้ด้วยก็เช่นกัน (อาจจะมียกเว้นบางประเทศเช่น อินโดนีเซีย) แต่ทราบกันมั้ยครับว่าอัตราการเติบโตของกลุ่ม Personal care หรือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ความสวยความงามโตสวนตลาดมาตลอดนะครับ ปี 2017 ภาพรวมตลาด FMCG ของไทยโตติดลบที่ -0.4% (เติบโตต่ำสุดในรอบสิบปีนะครับ) ในขณะที่ Personal Care เติบโตได้ถึง 2.7% ถ้าย้อนไปดู Q2 ปีที่แล้วตลาดความสวยความงามเดียวกันนี้ เวียดนามโต 6.9%, มาเลเซียโต 7.4% และอินโดนีเซียโตถึง 14% ด้วยกันเป็นการเติบโตที่สวนทางกับภาพรวมตลาดอย่างชัดเจน ซึ่งยิ่งถ้าเทียบกับฝั่งยุโรปจะยิ่งเห็นได้ชัด เพราะตลาดความสวยความงามที่นั่นโตต่ำกว่าภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคนะครับ

ถ้าพูดถึงระดับความพัฒนาของตลาดนี้แล้ว แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรายังตามหลัง จีน ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือยุโรปอยู่พอสมควร ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่แบรนด์แถบบ้านเราหลังๆ มานี้มีความน่าสนใจมากนะครับ บาง Local แบรนด์ทำได้ดีกว่าบริษัทอินเตอร์ใหญ่ๆ ด้วยซ้ำไป ถ้าดูในไทยเราเองหลายท่านคงคุ้นชินกับสบู่เบนเนท หรือสบู่อิงอร เราเรียกสบู่แนวนี้ว่า Herbal Soap ทราบกันมั้ยครับว่าสบู่ Herbal Soap ที่มีแบรนด์ไทยเป็นผู้บุกเบิก Segment นี้สามารถเติบโตได้ดีมาก สวนทางกับตลาดสบู่ก้อนที่อยู่ในขาลง เรียกว่าทำได้ดีมากจนแบรนด์อินเตอร์บางแบรนด์ต้องออกผสิตภัณฑ์แนว Herbal ตามด้วยซ้ำไป

วันนี้เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศแทนที่จะพูดถึงแบรนด์ที่มาจากประเทศที่พัฒนากว่าเรา ซึ่งหลายๆ ท่านคงเคยพอผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว มาพูดถึงประเทศเพื่อนบ้านที่คนไทยทั่วไปยังไม่ให้ความสนใจสักเท่าไหร่ กับแบรนด์ที่เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่น่าจะเคยได้ยินมาก่อน – Wardah จากประเทศอินโดนีเซียครับ

ทราบกันมั้ยครับว่า Wardah เป็น Local Brand ที่พึ่งเกิดมาในช่วงปี 1995 แต่สามารถเอาชนะแบรนด์อย่าง Fair&Lovely ซึ่งมาจากบริษัทอินเตอร์ยักษ์ใหญ่ที่คนทั่วโลกรู้จักได้โดยในปี 2016 ส่วนแบ่งทางการตลาดของ Wardah อยู่ที่ราวๆ 30% ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับ Local Brandในตลาดความสวยความงาม จริงอยู่นะครับว่ามี Local Brandในหลายๆ ประเทศที่ทำได้ดีจนสามารถชนะแบรนด์อินเตอร์ได้

แต่แบรนด์ส่วนใหญ่พวกนั้นในแถบบ้านเราจะอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ไม่ใช่ในกลุ่มสินค้าความสวยความงามที่ผู้บริโภคทั่วไปยังเชื่อถือเทคโนโลยีที่มาจากประเทศที่พัฒนาแล้วมากกว่า การที่ Local Brand หนึ่งสามารถครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 30% ในตลาดนี้ถือว่าเยอะมากนะครับ โดยปัจจุบันสินค้าของแบรนด์นี้มีขายในกว่า 22,000 ร้านค้าทั่วอินโดนีเซียและมาเลเซีย และกำลังเข้าไปเปิดตลาดในประเทศบังกลาเทศเพิ่มอีกต่างหาก คำถามคือแล้วแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้อย่างไร เราสามารถเรียนรู้อะไรจากแบรนด์นี้ได้บ้าง?

ไม่ว่าชาติไหน เชื้อสายไหน หรือศาสนาไหน ผมเชื่อนะครับว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากสวยไม่อยากดูดี แต่สำหรับผู้หญิงชาวอินโดนีเซียหรือผู้หญิงชาวมุสลิมที่วัฒนธรรมที่ผ่านมาอาจไม่ได้เกื้อหนุนให้แต่งหน้าแต่งตัวมากนัก และยังมีหลักศาสนาที่ค่อนข้างเคร่งว่าต้องกินต้องใช้ข้าวของต่างๆ ที่ถูกกับหลักศาสนาเท่านั้น การแต่งตัวการเลือกผลิตภันฑ์ให้ถูกต้องคงไม่ใช่เรืองง่าย (Paint Point) แล้วถ้าวันหนึ่งมีแบรนด์หนึ่งพูดกับคุณว่า คุณแต่งตัวได้ คุณสวยได้จริงๆ คุณควรจะสวยได้ตามที่ใจต้องการ (Empowerment) ที่สำคัญคุณสามารถทำแบบนั้นได้โดยไม่ต้องผิดหลักศาสนาใดๆ ทั้งนั้น คิดว่าแบรนด์ๆ นั้นจะได้ใจผู้บริโภคมั้ยครับ? ถ้าผมถามว่าหากให้คิดถึงแบรนด์เครื่องสำอางดูแลผิวสำหรับผู้หญิงชาวมุสลิม ผู้อ่านทุกท่านจะคิดถึงแบรนด์อะไรกันครับ?ผมค่อนค้างเชื่อว่าชาวไทยส่วนใหญ่อย่างเราคงตอบกันไม่ค่อยได้ แต่วันนี้ถ้าถามผู้หญิงชาวอินโดนีเซียคำตอบแรกๆ คือ Wardah ครับ

ถ้าถามว่า Wardah ประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้อย่างไร จริงๆ คำตอบมันง่ายมากนะครับ เพราะก็คือการที่แบรนด์นี้มีความเข้าใจผู้บริโภคยุคมิลเลนเนียลในบ้านตัวเองเป็นอย่างดี และยังสามารถสื่อสารทำ communication ต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ “ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและดูแลผิวฮาลาล โดยสื่อสารผ่านผู้หญิงชาวอินโดนีเซียรุ่นใหม่ที่สวมฮิญาบตามหลักศาสนา” ดูไม่ได้ยากไม่ได้ซับซ้อนแต่ทำไมถึงไม่มีแบรนด์ไหนพยายามทำก่อนหน้านี้? หรือทำได้ดีขนาดนี้ครับ?

Wardah เป็นแบรนด์แรกที่สามารถเชื่อมโยงและสื่อสารการสวมใส่ฮิญาบเข้ากับ active, trendy and hip lifestyle และยังเป็นแบรนด์แรกในอินโดนีเซียที่ทำให้ Local Brand กับความเป็นมุสลิมดูและรู้สึกทันสมัยและมีคุณค่า/ราคา (ราคาขายเฉลี่ยของWardah แพงกว่าแบรนด์อย่าง Citra กับอีกหลายแบรนด์นะครับ)

ณ ปัจจุบัน Wardah มีจำนวนฐานลูกค้า (Penetration) อยู่ที่ราวๆ 30% ของประชากรทั้งประเทศ อย่าลืมนะครับว่าอินโดนีเซียมีประชากรประมาณ 260 ล้านคน ซึ่งแปลว่าตอนนี้แบรนด์นี้มีลูกค้าเกือบ 80 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรที่ประเทศไทยทั้งประเทศอีกนะครับ….

มีการคาดการณ์ว่าตลาดเครื่องสำอางและดูแลผิวฮาลาลจะมีมูลค่าถึงห้าหมื่นสี่พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 โดยทาง Salman Subakat ผู้อำนวยการตลาดของ Wardah ได้กล่าวว่าเอเชียจะเป็นศูนย์กลางของของโลกแฟชั่นอิสลาม น่าสนใจนะครับว่าจะมีแบรนด์ไทยเราแบรนด์ไหนบ้างที่จะเข้าไปเล่นในตลาดตรงนี้ อย่าลืมนะครับว่าตลาดใหญ่ในโลกนี้ไม่ได้มีเพียงประเทศจีนที่หลายๆ แบรนด์มุ่งไปเท่านั้น

จริงๆ ที่ไทยเองเรามีภาคใต้นะครับที่มีประชากรเป็นชาวมุสลิมค่อนข้างเยอะ ที่น่าเสียดายคือตลาดมุสลิมของบ้านเรามักจะถูกแบรนด์ใหญ่ๆหลายแบรนด์ละเลย หรือมองข้ามไป ทั้งๆ ที่ตลาดนี้สามารถเป็นตลาดทดลองผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำมาใช้เจาะตลาดประเทศมุสลิมหรือแถบตะวันออกกลางได้ จริงๆ แล้วถ้าเราอยู่นิ่งไปเรื่อยๆ…ไม่แน่นะครับวันนึงเราอาจจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ของ Wardah ในบ้านเราก็เป็นได้นะครับ.

]]>
1158730
ตลาดเครื่องสำอางแข่งขันกันที่อะไร? https://positioningmag.com/1093210 Mon, 30 May 2016 11:30:51 +0000 http://positioningmag.com/?p=1093210 1093210 BEAUTY โชว์งบสุดเริ่ด https://positioningmag.com/1091668 Fri, 13 May 2016 06:22:46 +0000 http://positioningmag.com/?p=1091668 BEAUTY โชว์งบสุดเริ่ด Q1 กวาดรายได้ 529.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 129.22 ล้านบาท โตกระฉูด 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยยอดขายโตทุกช่องทางการจำหน่าย เดินหน้าขยายสาขาในประเทศ-ต่างแดน พร้อมเน้นทำตลาดออนไลน์เต็มสูบ ส่งซิก Q2 โตต่อเนื่อง มั่นใจทั้งปีรายได้โตทะลุ 20% หรือไม่ต่ำกว่า 2,100 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20%

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2559 ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่ดีทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 529.91 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 364.47 ล้านบาท จำนวน 165.44 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 45.39% และมีกำไรสุทธิ 129.22 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 76.00 ล้านบาท จำนวน 53.22 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 70.02%และมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมที่มีอยู่ (Same Store Sale Growth ) เป็นบวกถึง 26.35%

โดยผลประกอบการของ BEAUTY ที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET ได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ อาทิ จีน ฮ่องกง และตะวันออกกลาง ส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนกระแสเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว

ขณะที่แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ จากปัจจุบันมีสาขารวม 354 สาขา โดย ณ สิ้นปี จะเพิ่มจำนวนสาขารวมทั้งหมดเป็น 410 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาในประเทศ 360 สาขา และต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV คือ เวียดนาม  พม่า ลาวและกัมพูชา จะมีสาขาทั้งหมด 50 สาขา โดยการขยายสาขาต่างประเทศจะเป็นลักษณะตัวแทนจำหน่าย และล่าสุดได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการแล้ว จากเดิมที่มีการจำหน่ายในลักษณะโฮลเซล นอกจากนี้ บริษัทได้มีแผนพัฒนาทีมบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์เพื่อดูแลช่องทางการจัดจำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตช่องทางนี้ในอนาคตขณะที่ช่องทางออนไลน์หรืออี-คอมเมิร์ซ ในปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเติบโตสูงกว่า 70% ส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ BEAUTY ผ่านร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11)” ในปัจจุบันที่ขายผ่าน 7-11 จำนวน 900 สาขา ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีแผนขยายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมความงามเพิ่มเติมอีกในสาขาของ 7-11 ทั้งหมดกว่า 8,000 สาขา

สำหรับแนวโน้มตลาดเครื่องสำอางปีนี้ บริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อ โดยคาดว่าปีนี้ตลาดเครื่องสำอางจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 7-8% ขณะเดียวกันเชื่อว่าทิศทางธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอางของบริษัทในไตรมาส 2/59 จะเติบโตในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง จากแผนการขยายช่องทางการจำหน่ายทุกรูปแบบทั้งเพิ่มสาขาในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงช่องทางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์หรืออี-คอมเมิร์ซ ดังนั้นบริษัทจึงมั่นใจว่ารายได้รวมในปี 59 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือไม่ต่ำกว่า 2,100 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ และรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20%

]]>
1091668
ลมหายใจใหม่ “แมงป่อง” https://positioningmag.com/59287 Thu, 29 Jan 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=59287

“แมงป่อง” หนึ่งในค้าปลีก “โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์” ที่ต้องปรับตัวอย่างหนัก เพื่อรับกับผลกระทบจากโลกดิจิตอล ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคที่เสพสื่อออนไลน์มากกว่าการซื้อแผ่นซีดี อีกทั้งยังมีเรื่องปัญหาเรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำให้แมงป่องเจอศึกรอบด้าน และต้องหาทางดิ้นเพื่อความอยู่รอดกันยกใหญ่

ในปี 2557 แมงป่องตัดสินใจก้าวขาออกจากร้านเดิมหนึ่งก้าวเพื่อแตกไลน์ไลฟ์สไตล์ช้อปแบรนด์ ”กิซแมน (Gizman)” ถือเป็นการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ให้แมงป่อง และเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของแบรนด์เองด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นล้วนเป็นกระบวนการที่แมงป่องต้องปรับตัวเพื่อรับกับกระแส และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ในขณะที่ธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์มีแต่จะลดลงๆ เรื่อยๆ

โดยที่กิซแมนยังคงอยู่ในวงการค้าปลีก แต่เป็นสินค้าประเภท “Gadget” สินค้าไอที หรือสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป อย่างเช่น ลำโพง หูฟัง กล้องถ่ายรูป นาฬิกา และจักรยาน เป็นต้น ซึ่งแมงป่องใช้ยุทธศาสตร์ของร้านแมงป่องที่มีอยู่แล้ว 35 แห่ง ในการรีโนเวท “เพิ่ม” กิซแมนเข้าไปแชร์พื้นที่กับร้านแมงป่องเดิมราว 60% ของพื้นที่ทั้งหมด โดยไม่ต้องเปิดร้านใหม่ ซึ่ง ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 สาขา และตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 15 สาขาภายในปี 2558

แต่ในปีนี้ถือว่าแมงป่องได้กำหนด Positioning ของตัวเองชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไฮไลท์ตัวเองว่าเป็น “Lifestyle Retail” อย่างเต็มตัว ที่จะขายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ “ไลฟ์สไตล์” ผู้บริโภค โดยแตกไลน์ธุรกิจ “รีเทลความงาม” เพิ่มอีกหนึ่งขา ในแบรนด์ “สตาร์ดัส (Stardust)” หวังชิงเค้กก้อนโต 200,000 ล้านบาท ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 18%

แม้ธุรกิจจะเติบโตสูง แต่แข่งขันในตลาดที่สูงด้วยเช่นกัน จุดขายที่ “สตาร์ดัส” มองว่าจะฉีกหนีในการหนีคู่แข่งคือ “บริการ” ที่แต่งหน้า บริการทำเล็บ ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

สำหรับร้าน “แมงป่อง” ที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมนั้น จะเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีลอยัลตี้สูงกับแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 200,000 ราย ส่วนสาขาใหม่จะมีสินค้าทั้งแมงป่องและกิซแมนควบคู่กับไป

แมงป่อง ฝากความหวังกับ “สตาร์ดัส”ไว้ว่าจะสร้างรายได้หลักให้บริษัทในสัดส่วนถึง 50% แมงป่อง 35% และกิซแมน 15% จากสัดส่วนรายได้ในปัจจุบันคือแมงป่อง 90% และกิซแมน 10%

 

]]>
59287
ซิตร้าเปิดแคมเปญ “สาวผิววิ้ง 3D สวยฟรุ้งฟริ้งแบบมีออร่า” https://positioningmag.com/58731 Tue, 11 Nov 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58731

คุณวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหารด้านการตลาด ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล และอาหาร บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เอาใจสาววัยทีนด้วยการเปิดแคมเปญ “สาวผิววิ้ง 3D สวยฟรุ้งฟริ้งแบบมีออร่า” ท้าสาว ๆ ส่งภาพกรุ๊ปฟี่อวดผิววิ้งค์ 3D มาชิงรางวัลมีทแอนด์กรี๊ด แบบใกล้ชิดกับหนุ่มสุดเท่แห่งยุค “ต่อ ฮอร์โมน” พร้อมเนรมิตเอาท์ออฟโฮมมีเดียสุดอลังการ “หอยมุกยักษ์” ให้ไปถ่ายรูปเก๋ ๆ ที่ลานพาร์คพารากอนอีกด้วย

]]>
58731
เฟ้นหาสุดยอดผู้เชี่ยวชาญความงามตัวแทนประเทศไทย https://positioningmag.com/58667 Wed, 29 Oct 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58667

มร.อาคิโอ ทาคาเสะ กรรมการบริหาร บริษัท ซูรูฮะ (ประเทศไทย) จำกัด จัดการแข่งขัน “ไทยแลนด์ เมคอัพ คอนเทสต์” เฟ้นหาสุดยอดผู้เชี่ยวชาญความงาม (BA) ตัวแทนประเทศไทยไปร่วมแข่งขันทดสอบความสามารถระดับนานาชาติ “ซูรูฮะ เมคอัพ คอนเทสต์ 2014” ครั้งที่ 19 ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยมี มร.โทมิโอะ โอนิชิ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) ร่วมตัดสิน ที่สำนักงานใหญ่บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ เมื่อวันก่อน

]]>
58667
บำรุงหนังศีรษะ พร้อมปกป้องจากรังแคอย่างต่อเนื่องกับ “เคลียร์” สูตรใหม่! ให้คุณมั่นใจแบบไม่มีอะไรต้องปิด https://positioningmag.com/58431 Mon, 15 Sep 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58431

หมดกังวลปัญหารังแคกวนใจพร้อมมั่นใจแบบไม่มีอะไรต้องปกปิด กับ “เคลียร์ สูตรใหม่” ที่ช่วยฟื้นบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมป้องกันการกลับมาของรังแคด้วยการปกป้องอย่างต่อเนื่องด้วยอานุภาพของเทคโนโลยี นูเทรียม 10 (Nutrium 10) ใหม่ สุดยอดนวัตกรรมจากสถาบันวิจัยเคลียร์ที่ผสานวิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น 10 ชนิด รวมทั้งคอลลาเจนเข้าไปในผลิตภัณฑ์เคลียร์ ใหม่ และเทคโนโลยี ไบโอ นูเทรียม 10 (Bio Nutrium 10) ในผลิตภัณฑ์เคลียร์ เมน สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ช่วยขจัดรังแคตั้งแต่ต้นเหตุและปกป้องการกลับมาของรังแคอย่างต่อเนื่อง พร้อมบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ให้คุณเพอร์เฟกต์มั่นใจไร้รังแคแบบไม่มีอะไรต้องปิดอีกต่อไป

บำรุงหนังศีรษะ พร้อมปกป้องรังแคต่อเนื่องด้วย “เคลียร์ สูตรใหม่!” กับ ผลิตภัณฑ์ “เคลียร์” ทั้ง 5 สูตร ได้แก่ “เคลียร์ ไอซ์ คูล เมนทอล” “เคลียร์ คอมพลีต ซอฟต์แคร์ 2 อิน 1” “เคลียร์ แอนตี้ แฮร์ ฟอล” “เคลียร์ เฮอร์บัล ฟิวชัน” และ “เคลียร์ ซากุระ เฟรช” ในขนาด 70 มล. ราคา 29 บาท ขนาด 170 มล. ราคา 75 บาท ขนาด 340 มล. ราคา 139 บาท ขนาด 480 มล. ราคา 179 บาท และขนาด 680 มล. ราคา 209 บาทและ ผลิตภัณฑ์ “เคลียร์ เมน” ทั้ง 3 สูตร ได้แก่ “เคลียร์ เมน คูล สปอร์ต เมนทอล” “เคลียร์ เมน ดีฟ คลีนส์” และ “เคลียร์ เมน แอนตี้ แฮร์ ฟอล” ในขนาด 70 มล. ราคา 29 บาท ขนาด 170 มล. ราคา 79 บาท ขนาด 340 มล. ราคา 145 บาท ขนาด 480 มล. ราคา 185 บาท และขนาด 680 มล. ราคา 209 บาท ได้แล้ววันนี้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

บำรุงหนังศีรษะ พร้อมปกป้องจากรังแคอย่างต่อเนื่องด้วย “เคลียร์ สูตรใหม่!”

]]>
58431