บริษัทผลิตเครื่องสำอางจากสหรัฐฯ Revlon ได้เตรียมปรับโครงสร้างหนี้อีกรอบ และคาดว่าจะพ้นจากการล้มละลายในช่วงเดือนเมษายนปีหน้า หลังจากที่บริษัทได้ยื่นขอล้มละลายในช่วงกลางปีที่ผ่านมา จากปัญหาหนี้สินล้นพันตัว ต้นทุนที่สูง และยังไม่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้
สำนักข่าว Reuters และ Bloomberg รายงานว่า เรฟล่อน (Revlon) แบรนด์เครื่องสำอางค์จากสหรัฐอเมริกาได้บรรลุข้อตกลงในการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท และได้รับการอนุมัติจากผู้พิพากษาศาลล้มละลายแล้ว ซึ่งจะทำให้บริษัทจะออกจากกระบวนการขอพิทักษ์ทรัพย์ได้ในเดือนเมษายนปี 2023
ผู้ผลิตเครื่องสำอางจากสหรัฐฯ รายนี้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวมากถึง 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทได้อ้างถึงปัญหารุมเร้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Supply Chain ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ไปจนถึงแบรนด์ใหม่ๆ จากคู่แข่งที่บริษัทไม่สามารถแข่งขันได้
ต่อมาในเดือนสิงหาคมบริษัทได้รับเงินกู้สำหรับกิจการล้มละลายจากเจ้าหนี้มากถึง 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะทำให้บริษัทเดินหน้าต่อได้ และการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้ทำให้กลุ่มเจ้าหนี้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แทน โดยกลุ่มเจ้าหนี้รายใหม่นี้ประกอบด้วยบริษัทลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) และเหล่าบรรดาเฮดจ์ฟันด์ ได้เป็นเจ้าหนี้ของ Revlon มากถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ในการปรับโครงสร้าง Revlon จะได้รับเงินทุนอีก 44 ล้านเหรียญสหรัฐหลังจากการขึ้นศาลล้มละลายอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ผู้พิพากษาศาลล้มละลายยังไฟเขียวให้ Revlon สามารถขายต่อให้กับนักลงทุนได้เมื่อมูลค่าเสนอซื้อมากกว่ามูลหนี้ของเจ้าหนี้รายใหม่ได้ด้วย โดยศาลมองว่าเป็นอีกวิธีการที่จะทำให้บริษัทสามารถออกจากกระบวนการขอพิทักษ์ทรัพย์ได้ไวกว่าเดิม
สำหรับ Revlon ก่อตั้งในปี 1932 โดยเริ่มวางจำหน่ายยาทาเล็บในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก่อนที่จะขยายธุรกิจไปทั่วโลกในช่วงปี 1955 และบริษัทถูกซื้อกิจการโดย MacAndrews & Forbes ในปี 1985 ก่อนที่จะนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปี 1996 ก่อนที่บริษัทจะประสบปัญหาหนี้ล้นพ้นตัว