ทันทีที่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการทำให้ในขณะนี้ 5 แฮชแท็ก ที่มาแรงที่สุดของประเทศไทยเทรนด์ในทวิตเตอร์ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองหมดเลย เริ่มต้นด้วย “#ทรงพระสเลนเดอร์” ซึ่งมาจากกระแสของพรรคไทยรักษาชาติ มีคนทวีตข้อความรวมกันกว่า 505,000 ข้อความ ตามมาด้วย “ไทยรักษาชาติ” 937,000 ข้อความ, “เลือกตั้ง62” 446,000 ข้อความ, “อนาคตใหม่” 139,000 ข้อความ และ #แม่มาแล้วธานอส 41,000 ข้อความ

สำหรับคำว่า “ทรงพระสเลนเดอร์” คือ คำที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงตอบกลับผู้เข้ามาแสดงความคิดผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว nichax ว่า “ถ้าลุ้นอย่าพูดว่าทรงพระเจริญเพราะไม่อินเทรนด์ ถ้าจะให้พรก็บอกว่าทรงพระสเลนเดอร์”

หลายข้อความที่ติด #ทรงพระสเลนเดอร์ ต่างมียอดการรีทวิตพุ่งขึ้นสูงระดับ “หลักหมื่น” ซึ่งมักไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในเมืองไทย ทั้ง @SpringNews_TV มียอดรีทวิตกว่า 31,479 ครั้ง และชื่นชอบอีก 5,668 ครั้ง ความน่าสนใจยังอยู่ที่ถึงไม่ได้เป็นสำนักข่าว ก็มียอดรีทวิตจำนวนมากอย่าง @drballban มียอดรีทวิตโดนขึ้นไปกว่า 43,669 ครั้ง และชื่นชอบอีก 6,176 ครั้ง (ณ เวลาประมาณ 13.55 น. ของเวลาประเทศไทย)

ก่อนหน้านี้ “ทวิตเตอร์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ได้เปิดเผยอินไซต์ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ พบฐานผู้ใช้หลัก 40% อยู่ในช่วงอายุ 15-24 ปี ตามมาด้วยอายุ 25-34 ปี สัดส่วน 26% ดังนั้นการขึ้นเทรนด์ #ทรงพระสเลนเดอร์ ชี้ให้เห็นชัดเจนเลยว่า การเลือกตั้ง 2562 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ได้รับความสนใจจาก “คนรุ่นใหม่” ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนราว 7-8 ล้านคน ที่จะมีสิทธิ์เลือกตั้งใหญ่เป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม แม้การเลือกตั้งจะเป็นเรื่องที่จริงจังแต่แบรนด์ก็ไม่พลาดที่จะขอมีส่วนร่วมบ้างจึงเป็นที่มาของ #แม่มาแล้วธานอส ซึ่งเจ้าพ่อมือหนึ่งเรื่องเรียลไทม์ มาร์เก็ตติ้ง @MajorGroup จับกระแสทันควันหยิบหนังเรื่อง “กัปตันมาร์เวล” (Captain Marvel) ภาพยนตร์ลำดับที่ 21 ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล มีตัวละครนำเป็นผู้หญิง และกำลังจะเข้าฉายวันที่ 6 มีนาคม ออกมาโปรโมตทันที ในเวลา 09.15 น. ตามหลังจากที่มีประกาศ 10 กว่านาทีเท่านั้น

ความน่าสนใจและสามารถหยิบกระแสมาผูกเข้ากับเรื่องราวที่จะโปรโมตทำเอาถูกอกถูกใจชาวทวิตภพแม้เรื่องเลือกตั้งจะค่อนข้างซีเรียส แต่ก็ขออารมณ์ขันกันบ้าง #แม่มาแล้วธานอส จึงไต่ขึ้นมาติดอันกับ 5 ของตารางเทรนด์ทวิตเตอร์ไทยจนได้

ดูถูกไม่ได้จริงๆ พลังของ “เรียลไทม์ มาร์เก็ตติ้ง”

ข่าวเกี่ยวเนื่อง

• เจาะอินไซต์ #ทวิตภพ จาก #YearOnTwitter วันนี้คนใช้ไม่ได้มีแค่วัยรุ่นที่ “หนี” พ่อแม่เข้าไปเล่นอีกแล้ว

ที่สำคัญ คือ การแข่งขันมีแม้แต่ในกลุ่มแฟนคลับที่คอยลุ้นคอยเชียร์คนในชาติให้โด่งดังที่สุด ดีที่สุด เข้าตำรา เขาดีเพราะเป็นของเรา อะไรแบบนั้นก็ยังคงอยู่อีกด้วย มองมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่ที่ไม่ดีก็ตรงที่ไม่ควรใช้ความรักชาติไปดูถูกเหยียดหยามคนอื่นนี่ล่ะ

กระแสจากโลกโซเชียลที่เป็นเรื่องเป็นราวรอบนี้ เกิดจากกรณีที่สาวน้อยมากความสามารถจากไทย ลิซ่า ลลิษา มโนบาล สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวงแบล็กพิงค์ (BLACKPINK) โดน Bully โดยมีต้นเรื่องมาจากการที่สาวลิซ่า ต้องไปร่วมรายการ Real Men รายการวาไรตี้ของเกาหลี ซึ่งมีกฎห้ามแต่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นไอดอลชายหรือหญิงที่เข้าไปร่วมรายการ แล้วมีคนวิจารณ์หน้าสดของลิซ่า ซึ่งในสายตาคนทั่วไปก็ยังดูว่าใสๆ น่ารัก ว่า “พอไม่แต่งหน้า ก็หน้าตาแบบคนไทยทั่วไป” แต่ที่ซ้ำเติมหนักก็ตรงตามมาด้วยการไล่ให้กลับประเทศเกิดด้วยนี่สิ อันนี้จะเกินไปหน่อย

เพราะแค่ประโยคแรกสำหรับคนไทยที่สนับสนุนลิซ่า และคนทั่วไป ว่ากันแบบไม่ลำเอียง ถ้าถือว่าลิซ่าคือหน้าไทย ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ก็ต้องจัดว่าสวย น่ารัก แม้ไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง โดยเฉพาะเครื่องสำอางเกาหลีเลยนี่แหละ เจอรีแอค (React) แบบนี้ คงรู้นะว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องรุนแรงคนไทยน่ะ ขำได้ทุกสถานการณ์ แต่ถ้าดราม่ามาเต็มในสถานการณ์แบบนี้คนไทยก็พร้อมจะปกป้องกันเองเหมือนกัน

แต่ในกรณีของลิซ่า ยังไม่ต้องถึงแฟนคลับแม่ไทยจะออกโรง อินเตอร์แฟน ซึ่ง ลิซ่า และแบล็กพิงค์มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ก็ออกมาปกป้องกันจนทำให้ #RespectLisa ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในหลายประเทศ เพราะเรื่องลามไปถึงการดูถึงเชื้อชาติ ประเทศต้นกำเนิด เหยียดผิว ซึ่งยังคงเป็นประเด็นปัญหาสังคมที่มีอยู่ทั่วโลก และไม่มีใครชอบหรืออยากให้เกิดขึ้นกับใคร หากรู้จักคิด 

แฮชแท็กนี้ติดเทรนด์ (Current Trending) ที่ไหนบ้าง นอกจากเกาหลีประเทศต้นเรื่อง ไทยก็ยังมีประเทศที่อาจจะไม่ใช่ตลาดหลักกระแสเคป็อปรวมอยู่ด้วยอีกมาก อาทิ อัลจีเรียออสเตรีย บาห์เรน เบลเยียม บราซิล เดนมาร์ก เอกวาดอร์ อียิปต์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กานา กรีซ อินโดนีเซีย เคนยา เลบานอน มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส กาตาร์ รัสเซีย สวีเดน สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ ยูเครน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียดนาม 

แทบจะทั่วโลกแล้วมั้ง โดยที่ลิซ่าไม่ต้องเดือดร้อนอะไร ใช้สุภาษิต นิ่งเสียตำลึงทอง แบบไทยโบราณ ก็มีคนออกมาปกป้องและสั่งสอนพวกไม่รู้จักคิดก่อนพูดในทันที

ไอดอลดังระดับลิซ่า ก็ไม่ต่างจากแบรนด์ๆ หนึ่ง ที่ไม่ได้มีแค่แฟนคลับ ซึ่ง ลิซ่า ยังถือเป็นไอดอลที่มียอดติดตามในทวิตเตอร์กว่า 12 ล้าน สูงที่สุดของคนบันเทิงหญิงในไทยอีกด้วย แบรนด์ที่มีคนติดตามอย่างเหนียวแน่น ไม่ได้มีแค่ระดับแฟนคลับเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งยังอัพเกรดเป็นระดับสาวก (Evangelists) ที่บรรดาแบรนด์ทั้งหลายอยากจะมีอีกด้วย 

แฟนคลับของ ลิซ่า และแบล็กพิงค์ ที่ออกมามีปฏิกิริยาและร่วมปกป้องเธอในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่แฟนคลับ (Advocates) แต่พวกเขายังเป็นสาวกทำหน้าที่ปกป้องแบรนด์เมื่อเกิดปัญหาอย่างจริงจังอีกด้วย.

เพราะเรา “ใส่ใจ” เรื่องคนอื่นกันมาก

กล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงเทรนด์การใช้โซเชียลมีเดียว่า มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด โดยในปี 2018 นี้คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณข้อมูลบนโซเชียลมีเดียสูงถึง 5.3 พันล้านข้อความตลอดทั้งปี  ซึ่งเติบโตขึ้น 43% จากปี 2017 ที่มีอยู่ 3.6 พันล้านข้อความ โดยมีปริมาณข้อมูลเฉลี่ยนาทีละ 10,000 ข้อความ แสดงให้เห็นว่าชาวเน็ตประเทศไทยมีความสนใจใคร่รู้ ใส่ใจในเรื่องของคนอื่นกันเป็นอย่างมาก และอยากมีส่วนร่วมในเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่าง ๆที่เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากคำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เผือก, เปิดวาร์ป, ปูเสื่อ, หลังไมค์, ปักหมุดรอ และขุด เป็นต้น ซึ่งถือเป็น Passion อย่างหนึ่ง

“แสดงให้เห็นชัดเจนว่าโซเชียลมีเดียนั้นมีอิทธิพลกับชีวิตพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภาคธุรกิจ บันเทิง และสังคม ซึ่งการวิเคราะห์และสกัดความรู้จากข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการพัฒนาในระดับองค์กร สังคม และประเทศได้ในทุกๆ ด้านเช่นกัน”

Passion ดังกล่าวทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่สะท้อนถึงกระแสสังคมในช่วงเวลานั้น ๆ ของปี 2018 นี้ผ่านแฮชแท็กดัง เช่น #บุพเพสันนิวาส, #เสือดำ, #หมู่ป่าอะคาเดมี่, #นาฬิกาเพื่อน, #ดอกมูราคามิ, #แมทสงกรานต์, #หมดPassion ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม กล้าบอกว่า ในแง่ของผู้ใช้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เช่น เฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเพียง 4-5% เนื่องจากเริ่มอิ่มตัว แต่ข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  แต่ทวิตเตอร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากแบรนด์และวัยรุ่นเริ่มใช้เยอะขึ้น ส่วนไอจีทรงๆ เพราะขายของผ่านไอจีไม่ง่ายเหมือนเดิม และอัลกอริธึมบางอย่างผนวกเข้ากับ

เฟซบุ๊กแล้ว อีกทั้งพ่อค้าแม่ขายออนไลน์มีแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ออกฟีเจอร์ต่าง ๆ มาช่วยให้ขายของได้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ไลฟ์ หรือไลน์

“สิ่งที่โซเชี่ยล มีเดียต้องการหลักๆ คือจำนวนผู้ใช้งานเยอะๆ และฟีเจอร์เยอะ ๆ เพื่อให้เราใช้เวลาอยู่ในนั้นให้นานที่สุด เพราะหมายถึงรายได้จากการโฆษณา รวมถึงการสร้างสรรค์คอนเทนท์ประเภทวิดีโอที่่ช่วยทำให้คนดูใช้เวลาอยู่กับแพลตฟอร์มนั้น ๆ นานขึ้น”

ปี 2019 สตรีมมิ่งมาแรง  แพลตฟอร์มจะตีกันยับ

นอกจากนี้กล้ายังชี้ให้เห็นว่า ปีหน้าจะมีแอปฯ ที่ทำให้เราเสียเวลามากขึ้น นอกเหนือจากโซเชี่ยล มีเดียหลักๆ สตรีมมิ่งจะเป็นโมเดลธุรกิจที่มาแรง เป็นคอนเทนท์ประเภทออน ดีมานด์ อาจจะมีโฆษณาแทรกบ้าง ซึ่งมีซีรี่ย์กับหนังโรงทำหนังเรื่องเดียวกัน เช่น จักรวาล มาร์เวล เราจะเห็นแนวนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ คนทำสื่อหนัง ละคร จะเปิดกว้างในเรื่องนี้มากขึ้น ต้องดูว่าสื่อพวกนี้จะหาเงินได้เองหรือเปล่า เพราะสตรีมมิ่งเป็นโมเดลบอกรับสมาชิก อาจจะไม่ต้องพึ่งเงินสปอนเซอร์หรือแบรนด์เลยเพราะมีรายได้จากยอดวิว เหมือน YouTuber ที่ไม่ต้องหาโฆษณาเอง  แต่ความท้าทายคือสตรีมมิ่งเหล่านั้นจะทำอย่างไร ที่จะดึงคนไปดาวน์โหลดและบอกรับสมาชิกได้

วัดผลครอบคลุมทั้ง Brand, Influencer และ Entertainment

พร้อมตอกย้ำถึงความสำเร็จและสร้างบรรทัดฐานของการใช้โซเชียลมีเดียให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) ประกาศความพร้อม จัดงาน Thailand Zocial Awards 2019 เพื่อมอบรางวัลให้กับแบรนด์ เอเจนซี่ อินฟลูเอนเซอร์ และบุคคลในวงการบันเทิงที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียได้อย่างยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา โดยมีการอัพเดท “WISESIGHT METRIC” ที่ใช้วัดผลข้อมูลบนโซเชียลมีเดียให้มีประสิทธิภาพและเข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้มากขึ้น จากคำแนะนำของกูรูต่างๆ
โดย “WISESIGHT METRIC” ที่ใช้วัดผลในปีนี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Brand Metric สำหรับการวัดผลความสามารถของแบรนด์ Influencer Metric ใช้สำหรับวัดความสามารถของอินฟลูเอนเซอร์ และ Entertainment Metric ใช้สำหรับวัดความสามารถนักแสดง นักร้อง ภาพยนตร์ ละคร และรายการโทรทัศน์ต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย โดยประกอบด้วยปัจจัยต่อไปนี้ Fans วัดปริมาณการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและผู้ติดตาม, Interactions วัดประสิทธิภาพหรือความสนใจต่อเนื้อหา, Shares วัดระดับการกระจายเนื้อหาผ่านปริมาณการแชร์บนโซเชียลมีเดีย, Growth วัดประสิทธิภาพการเพิ่มขึ้นของจำนวนกลุ่มเป้าหมาย, Sentiments วัดความรู้สึกและความนึกคิดที่ลูกค้าตอบสนองต่อแบรนด์ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของ     แบรนด์ และที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้คือ Voices วัดปริมาณการรับรู้ และการพูดถึงแบรนด์จากการทำกิจกรรมการตลาดบนโซเชียลมีเดีย

รางวัลหลากหลาย ตีแตกโซเชียล มีเดีย ถึงแก่น

สำหรับประเภทรางวัลที่คนโซเชียลไม่ควรพลาดในปีนี้ แจกทั้งหมด 60 รางวัล แบ่งออกเป็น 6 กลุ่มรางวัล ได้แก่ รางวัลแบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม (Best Brand Performances on Social Media by Category) จำนวน 24 รางวัล แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ สายการบิน,ยานยนต์, ธนาคาร, สถาบันความงาม, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์, ร้านอาหารเครือข่าย, เครื่องสำอาง, ร้านขนมและเครื่องดื่ม, ตลาดกลางซื้อ-ขายอิเล็กทรอนิกส์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ผู้ให้บริการทางการเงิน, สินค้าบริโภค, หน่วยงานรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ, เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและสำนักงานโรงพยาบาล, ค้าปลีก, ประกัน, แม่และเด็ก, สินค้าของใช้ส่วนตัว, อสังหาริมทรัพย์, ห้างสรรพสินค้า, สินค้าขนมและของหวาน, โทรคมนาคม รางวัลแบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยมโดยแพลตฟอร์ม (Best Brand Performances by  Social Media Platform) 8 รางวัล แบ่งตามประเภทของแพลตฟอร์ม ได้แก่ เฟซบุ๊ค, อินสตาแกรม, ไลน์, พันทิป, ทวิตเตอร์  และยูทูป(YouTube) รางวัลคนบันเทิงบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม (Best Entertainment on Social Media) 11 รางวัล รางวัลผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม (Best Social Media Influencers) 11 รางวัล และรางวัลพิเศษที่เชิดชูบุคคลหรือหน่วยงานที่ใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ (Special Award)   1 รางวัล รวมถึงรางวัลโซเชียลมีเดียแคมเปญยอดเยี่ยม (Best social media campaigns) รางวัลสำหรับแบรนด์ และเอเจนซี่ ที่สร้างสรรค์ผลงานบนโซเชียลมีเดียได้ดีเยี่ยมประจำปี จำนวนสูงสุด 5 รางวัล 
ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวด ได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 มกราคม พ.ศ.2562 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม และส่งผลงานได้ที่ thailandzocialawards.com

Thailand Zocial Awards 2019 งานประกาศผลรางวัลโซเชียลครั้งที่ 7 ภายใต้คอนเซ็ปต์ PLAY: Rolling your data จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 13.00-19:00 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน ติดตามรายละเอียดของและซื้อบัตรเข้างานได้ที่ www.thailandzocialawards.com Facebook: @thailandzocialawards และ Twitter @zocialawards

 ส่วนที่เหลือมีใครบ้างที่ฮอตติดท็อปทวิตเตอร์ไทยในปีที่ผ่านมา จาการจัดอันดับ #WhatshappeningTH ที่จัดโดยทวิตเตอร์ไทยร่วมกับมีเดียโดนัท (MediaDonuts)ในฐานะผู้นำเสนอสถิติ และเป็นงานแรกของทวิตเตอร์ไทยที่จัดโชว์อันดับเป็นทางการในลักษณะนี้

ส่วนที่เหลือมีใครบ้างที่ฮอตติดท็อปทวิตเตอร์ไทยในปีที่ผ่านมา จาการจัดอันดับ #WhatshappeningTH ที่จัดโดยทวิตเตอร์ไทยร่วมกับมีเดียโดนัท (MediaDonuts)ในฐานะผู้นำเสนอสถิติ และเป็นงานแรกของทวิตเตอร์ไทยที่จัดโชว์อันดับเป็นทางการในลักษณะนี้

จากจำนวนคนไทยที่ใช้ทวิตเตอร์ในปัจจุบัน 7.5 ล้านคน  แบ่งเป็นหญิงและชายประมาณครึ่งๆ

65% อยู่ในช่วงอายุ 18-34 ปี ในจำนวนนี้สามารถแยกย่อยลงไปอีกตามนี้

• 16-24 ปี 35%
• 25-34 ปี 30%
• 35-44 ปี 18%
• 45-54 ปี 11% และ
• 55-64 ปี 7%

ประโยชน์สุด ๆ ของทวิตเตอร์คือ การที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียเลือกใช้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ณ ขณะนั้น ทำให้ผู้ใช้พอใจที่รู้ความเคลื่อนไหวในสังคมได้อย่างรวดเร็ว

โดยทวิตเตอร์มีสัดส่วนที่ผู้บริโภคเลือกใช้สำหรับคอยติดตามว่าเกิดอะไรขึ้นถึง 58% ตามมาด้วย เฟซบุ๊ค (Facebook) 47% อินสตาแกรม (Instagram) 44% สแนปแชต (Snapchat) 24% และยูทูบ (Youtube) 36%

นอกจากทวิตเตอร์ ผู้ใช้ใช้โซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์มด้วยเป้าหมายที่ต่างกัน

กลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มเจนเอ็ม หรือมิลเลนเนียมนั้น พบว่า 80% ใช้ทวิตเตอร์ผ่านมือถือ 82%ใช้เพื่อติดตามแบรนด์และองค์กรต่าง ๆ 64% ติดตามคนดัง ซึ่งในจำนวนนี้ 73% อยู่ในวงการหนังและอีก 63% อยู่ในโลกดนตรี และมีจำนวนถึง 51% ของผู้ใช้ที่ติดตามแบรนด์เพราะโปรโมชั่นและเซล

นี่คือหนึ่งในเหตุว่า ทำให้ทวิตเตอร์เป็นที่รวมของผู้มีอิทธิพล (Influencer) จำนวนมาก เมื่อนำมารวมกับรูปแบบการตัดสินใจสำหรับการค้นพบและการทำงานร่วมกัน หรือ Discover Mindset ของกลุ่มผู้ใช้ ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์มหรือที่ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างแบรนด์   

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทวิตเตอร์ ด้วยฐานผู้ใช้ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลายถึงคนหนุ่มสาว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า กระแสฮิตหรือเทรนด์ในทวิตเตอร์ (Twitter Trend) มักจะเกาะกลุ่มอยู่ในกลุ่มสินค้า บริการ หรือในหลาย ๆ สิ่ง เช่น ไอดอล รายการบันเทิง งานอีเวนท์ ฯลฯ ที่มีเป้าหมายในกลุ่มนี้ เหมือนเช่นที่พบว่า แฮชแท็คของทวิตเตอร์ในไทย ปี 2017 (TH- Top Hashtags in 2017) 10 อันดับแรก จะเป็นเรื่องที่เป็นที่สนใจของกลุ่มวัยรุ่นล้วน ๆ

สถิติที่เก็บมานี้เป็นของปี 2017 ฉะนั้นถ้าใครสงสัยว่า แล้วทำบุพเพสันนิวาส ฮิตถล่มเมือง พูดถึงกันทุกรุ่นทุกวัยถึงไม่ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในครั้งนี้  ก็เพราะละครบุพเพสันนิวาสเพิ่งออกอากาศในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และนั่นก็ทำให้ทวิตเตอร์ต้องหยิบกระแสของบุพเพสันนิวาสมาพูดคุยในงาน โดยเชิญทั้ง หน่อง – อรุโณชา ภาณุพันธุ์ เจ้าของค่ายบรอดคาซ์ทและตัวแสดงไอ้จ้อยในเรื่อง โมสต์ – วิศรุต หิมรัตน์มาร่วมพูดคุยในงานครั้งนี้ด้วย

ทั้งคู่ยังเป็นตัวแทนมารับรางวัลท็อปเท็นในฐานะที่ละครบุพเพสันนิวาสติดเทรนด์ความนิยมที่มีคนทวีตสูงสุดในครั้งนี้ด้วย โดยขึ้น Top Trending แบบออร์กานิค (#Trend Organically) ทุกครั้งในช่วงที่ละครออกอากาศทุกสัปดาห์ เคยทำสถิติสูงขนาดมีคนทวีตมากกว่า 2 ล้านเกือบแตะ 3 ล้านข้อความ (2.9ล้านกว่า) ต่อคืนในบางวันที่ออกอากาศ  และทำสถิติข้อความทวีตที่มีคนอ่าน (Impressions) รวม 8.3 ล้าน

นอกจาก #บุพเพสันนิวาส ยังมีแฮชแท็คที่เกี่ยวข้องกับละครที่ติดเทรนด์ในทวิตเตอร์อีกหลายคำ เช่น #โป๊ปธนวรรธน์ #เบลล่าราณี #แม่หญิงจันทร์วาด #โป๊ปเบลล่า #เบลล่า555555 หรือแม้แต่ #สงสารอยุธยา ฯลฯ

การทวีตแต่ละครั้ง นับจากเริ่มทวีต 88% ของเรื่องราวที่ทวีตจะอยู่ในกระแสได้นานถึง 48 ชั่วโมง โดยหลังจากทวีตแล้ว ในช่วงที่สองก็จะมีผู้หยิบเรื่องราวไปรีทวีตต่อ  และทำให้เรื่องค่อย ๆ กระจายไปในวงกว้างยิ่งขึ้น และกระแสก็ไหลไปเรื่อย ๆ

สำหรับท็อปทวิตเตอร์ ที่ GOT7 มีอิทธิพลต่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ไทยสูงสุด นอกจากความดังและความนิยมของสมาชิกทั้ง 7 ของวงแล้ว ยังเป็นผลจากที่ GOT7 เข้ามามีผลงานในไทยทั้งการทัวร์คอนเสิร์ต และเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าหลายแบรนด์

ความชื่นชอบส่วนตัวของกลุ่มแฟนคลับ บวกกับอีเวนท์ต่าง ๆ ของวงและแบรนด์สินค้าที่เลือกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็เลยทำให้กระแส GOT7 ติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ด้วยส่วนแบ่งสูงมากใน 10 อันดับแรก ทั้งแฮชแท็ก GOT7 และชื่อภาษาเกาหลี รวมทั้งแบมแบม สมาชิกชาวไทยของวง ก็มาแรงติดเทรนด์อันดับ 10

ทั้งนี้เชื่อว่ากระแสของ GOT7 โดยเฉพาะแบมแบม น่าจะยังไม่หลุดเทรนด์ทวิตเตอร์ของปีนี้ด้วยเช่นกัน เพราะความนิยมยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

แล้วถ้ารวมกระแสเกาหลีอื่น เข้ามาอีก ก็เรียกว่ากวาดเทรนด์ทวิตเตอร์ไทยไปเกือบหมด เพราะยังมีทั้ง #BTSBBMAs#PRODUCE101 รวมถึง #themasksinger ซึ่งเป็นรายการที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากเกาหลีด้วย

BTSBBMAs หมายถึง วง BTS หรือ บังทันโซยอนดัน ที่ได้รับรางวัลบิลบอร์ดมิวสิคอวอร์ด (BBMAs) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ขณะที่ PRODUCE101 เป็นรายการค้นหาไอดอลในเกาหลี ซึ่งปัจจุบันมีการซื้อลิขสิทธิ์เข้าไปทำรายการในจีน และมีข่าวว่าจะมาเปิดในไทยด้วย แต่จนขณะนี้แม้รายการจะยังไม่สรุปและยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่แฮชแท็คก็ติดท็อปเทรนด์ทวิตเตอร์แล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพราะมีทั้งกลุ่มคนที่ติดตามดูรายการในเกาหลี และตามเชียร์สาวไทยที่ร่วมแข่งรายการนี้ในจีน

กระแสเกาหลียังมีผลต่อ Top 10 ทวิตเตอร์แอคเคาน์ของไทยอีกด้วย เพราะนิชคุณ @Khunnie0624 นักร้องไทยสังกัดวง 2PM แห่งค่าย JYP ค่ายเดียวกับ GOT7 ติดอันดับ 1 ท็อปแอคเคาน์ทวิตเตอร์ในปี 2018 นี้

ความเคลื่อนไหวของ นิชคุณ หรเวชกุล ช่วงนี้ในไทยค่อยข้างถี่ เพราะเป็นช่วงที่ยุคพักจากวง เพราะสมาชิกเข้าไปเกณฑ์ทหารกันหลายคน ทำให้ได้มาพักและมีผลงานในไทยออกมาให้ติดตามมากมาย ที่สร้างกระแสเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ล่าสุดก็คือ การร่วมแสดงนำในเรื่อง น้องพี่ที่รัก ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ และซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ของค่ายจีดีเอช

ส่วนลำดับจาก 2-9 ของท็อปแอคเคาน์ในปี 2018 ที่เหลือ ได้แก่ @cuttolipta ผู้ติดตาม 4.5 ล้าน @Woodytalk 3.1 ล้าน @StampApiwat 3.1 ล้าน @Terchantwist 3.1 ล้าน @js100radio 3 ล้าน @vajiramedhi 3 ล้าน @pantip_kratoo 2,7 ล้าน และ @suthichai 2.17 ล้าน

ขณะที่สถิติของปีที่ผ่านมา แอคเคาน์ที่มียอดเติบโตสูงสุด คือ @PromotePrathan ของโอ๊ต ปราโมทย์ ซึ่งเริ่มเล่นทวิตเตอร์เมื่อเดือนเมษยน 2017 ที่เปิดปุ๊บมีคนกดติดตามในวันแรกถึง 1 แสนคนและปัจจุบันมียอดผู้ติดตามกว่า 1 ล้าน

เรื่องควรรู้ก่อนฟุตบอลโลก 2018: ทวิตเตอร์เหมือนสนามเชียร์บอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

อีกประเด็นสำคัญมากที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาดที่ไม่ใช่คอบอล ถ้าสนใจใช้ทวิตเตอร์เข้าหาคนกลุ่มนี้ ควรรู้ไว้เลยว่า ทวิตเตอร์มีสถานะไม่ต่างจากสเตเดี้ยมที่ใหญ่ที่สุดในโลก แฟนบอลชาวไทยผู้คลั่งไคล้กีฬานี้ก็ไม่ต่างกันบางคนดูไปทวีตไปทุก ๆ 2 นาที

จากสถิติพบว่า ฟุตบอล คือกีฬาที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ไทยติดตามมากที่สุด ที่ผ่านมามีการทวีตเกี่ยวกับฟุตบอลโลก 2014 มากกว่า 672 ล้านข้อความ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า เทรนด์ที่จะมาเร็ว ๆ นี้กับเทศกาลฟุตบอลโลก 2018 ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนทวิตเตอร์มีแนวโน้มว่าคงถูกถล่มด้วยแฮชแท็คฟุตบอลโลก2018 เป็นแน่

สรุปสถิติจากทวิตเตอร์ในปี 2017 ที่ผ่านมา และแนวโน้มที่เกิดขึ้นและกำลังจะมาในปีนี้ ล้วนเป็นดาต้าสำคัญที่มีมูลค่าต่อนักการตลาดและแบรนด์ ที่สามารถหยิบจับนำไปคิดกลยุทธ์การตลาดได้อย่างจับต้องและเห็นชัดมาก ๆ แพลตฟอร์มหนึ่งจริงๆ.

โดยผู้ที่สังเกตพบความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ ที่ปรึกษาด้านโซเชียลมีเดียชื่อ Pippa Akram ที่โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ (Twitter) ของเธอ และมีสื่ออย่าง TheNextWeb นำมาขยายความต่อ โดยระบุว่า หากเป็นการทดสอบจริงของอินสตาแกรม จะถือเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากในแง่ของการค้นหา ที่หลายคนอาจมีหัวข้อที่สนใจอยู่ แต่ไม่ทราบว่าจะต้องฟอลโลว์ผู้ใช้งานรายใด จึงจะสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ที่ต้องการได้

อย่างไรก็ดี อินสตาแกรมไม่มีการออกมายืนยันใด ๆ เกี่ยวกับฟีเจอร์ดังกล่าว รวมถึงทางผู้โพสต์ได้ระบุว่ามีการจำกัดการทดสอบแล้ว

สำหรับอินสตาแกรมนั้น ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มีรายงานว่าไม่สามารถให้บริการได้ โดยมีผู้ใช้งานอินสตาแกรมเข้ามาใช้ทวิตเตอร์ เพื่อสื่อสารถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมากในอังกฤษ ซึ่งดาวน์ดีเทคเตอร์ (Down Detector) เว็บไซต์อิสระผู้ทำการมอนิเตอร์เผยว่า มีการใช้ทวิตเตอร์เพื่อบอกเล่าปัญหาไม่สามารถล็อกอินเข้าอินสตาแกรมได้ประมาณ 33 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อีก 66 เปอร์เซ็นต์ระบุว่ามีปัญหากับนิวส์ฟีดของระบบ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้กลับสู่สภาพปกติแล้ว

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจนอกจากเรื่องของอินสตาแกรมในวันนี้ก็คือ บ่อยครั้งที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใดมีปัญหา ทวิตเตอร์มักเป็นระบบที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปรายงาน หรือระบายความไม่สบายใจได้เสมอ.

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000113668