Megabangna – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 04 May 2024 03:53:24 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดตัว ‘มาริส อโบลตินส์’ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ‘เมกาบางนา’ ลั่นกลองพร้อมเดินหน้าสานต่อโครงการเมกาซิตี้ https://positioningmag.com/1472131 Sat, 04 May 2024 03:48:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1472131

ต้องยอมรับว่ายุคนี้การทำ ศูนย์การค้า ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องแข่งขันกันเองแล้ว ยังต้องแข่งขันกับออนไลน์ด้วย อย่างไรก็ตาม เมกาบางนา (Megabangna) กลับเป็นศูนย์การค้าที่สามารถเติบโตทุกปี มีผลงานโดดเด่นจนเป็นที่จับตา และปีนี้ที่เมกาบางนาให้บริการเข้าสู่ปีที่ 12 ก็มี MD คนใหม่ โดย Positioning จะพาไปทำความรู้จัก พร้อมเจาะลึกถึงกลยุทธ์ของเมกาบางนาในปีนี้


ประสบการณ์ครบลูปในรีเทลและเรียลเอสเตส

ไม่ใช่แค่การบริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา แต่ยังมี โครงการเมกาซิตี้ ดังนั้น มาริส อโบลตินส์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ หรือ MD (Managing Director) คนใหม่นี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดการอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นไปที่การพัฒนาและการขยายพื้นที่ของธุรกิจค้าปลีก ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในอุตสาหกรรมค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ในยุโรป ผ่านการทำงานทั้งกับเชนห้างสรรพสินค้าดังหลายแห่ง รวมไปถึงมีประสบการณ์การทำงานร่วมกับ IKEA อีกด้วย

“ผมมีประสบการณ์ในต่างประเทศหลายที่  เช่น เยอรมนี, รัสเซีย, ยูเครน และออสเตรีย ซึ่งผมโชคดีที่มีประสบการณ์ครบลูปตั้งแต่งานก่อสร้าง วิศวกรรม ไปจนถึงงานด้านกลยุทธ์ ที่สำคัญผมเคยทำงานอยู่ในฝั่งลูกค้า หรือผู้เช่า  นั่นทำให้มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างดี” มาริส เล่า


รีเทลยุโรปกับไทยเหมือนมากกว่าต่าง

มาริส เล่าต่อว่า จริง ๆ แล้วอุตสาหกรรมรีเทลของยุโรปกับไทยค่อนข้างมีความเหมือนมากกว่าแตกต่าง ที่เห็น ณ ตอนนี้อาจจะมีบางจุดแตกต่างกันชัดเจนอาจเป็นเรื่องการจำนวนทีมงานที่บริหารศูนย์การค้า ซึ่งที่ไทยมีจำนวนทีมงานค่อนข้างเยอะ ขณะที่ของยุโรปจะใช้เอ้าท์ซอร์สเป็นส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายปลายทาง รีเทลทุกแห่งต้อง แข่งขันกันตอบสนองความต้องการลูกค้า ดังนั้น ขึ้นอยู่กับทีมบริหารแล้วว่าจะวางกลยุทธ์อย่างไรให้ลูกค้ามาที่ศูนย์การค้า และต้องมาซ้ำ

“ทุกประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน คือเจอการแข่งขันทั้งจากศูนย์การค้าด้วยกัน และจากอีคอมเมิร์ซ ดังนั้น เราต้องเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภค และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริง รวมถึงมอบความคุ้มค่าให้กับทุกๆ การมา Visit ให้ได้”

อย่างไรก็ตาม เมกาบางนาถือเป็นศูนย์การค้าที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และอยู่บนโลเคชั่นย่านบางนา-ตราดที่กลุ่มผู้อาศัยโดยรอบเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ โดยตลอด 12 ปีที่ผ่านมาเมกาบางนาต้อนรับลูกค้ามาแล้วกว่า 550 ล้านคน และปี 2023 เป็นปีที่มียอดคนมาเยี่ยมศูนย์ฯ สูงสุดถึง 53 ล้านคน  สะท้อนให้เห็นว่าการเป็นศูนย์การค้าระดับภูมิภาคอาเซียน และด้วยลักษณะที่เป็นหน้ากว้าง ทำให้ลูกค้าสะดวกกว่าไม่ต้องเดินหาหลายชั้น เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า รวมถึงเมกาบางนามีที่จอดรถกว่า 12,000 คัน รวมทั้งใกล้ฮับของรถสาธารณะจากหลายทาง จึงเชื่อว่าเมกาบางนาจะสามารถพัฒนาและเติบโตไปได้อีกใกล้


TENANT MIX ที่ตรงใจ ทันสมัย และตอบโจทย์ทุกเจเนเรชัน

ในปีนี้ เมกาบางนาจะนำร้านใหม่ ๆ หลายร้าน โดยศูนย์ฯ พยายามจะศึกษาความต้องการของลูกค้า และมองหาพาร์ทเนอร์ที่จะมาช่วยเสริมให้เมกาบางนาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น  ปัจจุบัน เมกาบางนามีพื้นที่ขายรวมกว่า 240,000 ตารางเมตร มีอัตราการเช่า 100% มีร้านค้าแฟชั่น ร้านอาหาร ศูนย์บริการต่าง ๆ รวมกว่า 900 ร้านค้า โดยผู้เช่าหลักที่เป็นแม็กเน็ตสำคัญ ได้แก่ IKEA, CENTRAL@MEGABANGNA, HOMEPRO, BIG C Extra, MEGA CINEPLEX

“ตอนนี้รีเทลเปลี่ยนเเปลงไปมาก ความต้องการลูกค้าก็เปลี่ยนไปเร็ว โจทย์คือจะต้องตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างไรให้ได้มากที่สุด”

ในส่วนของ Mega City อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดเพิ่มเติม รวมถึงมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะมาตอบโจทย์คนในย่านนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายโครงการที่เปิดตัวในเมกาซิตี้  โดยมองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีก อย่างคอนโดที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วก็ได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะยอดขายโครงการไปได้ดี แม้ว่าอัตราการเกิดจะลดลงก็ตาม นอกจากนี้ มาริส มองว่า เขาต้องการจะดันให้  ท็อปกอล์ฟ กลายเป็นอีก Destination ที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและลูกค้า Local ในย่านนี้และพื้นที่ใกล้เคียง

ในส่วนของกลยุทธ์ด้าน ความยั่งยืน (ESG) เมกาบางนายังคงทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือ SOLAR ROOFTOP บนพื้นที่กว่า 62,000 ตรม. สามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 12 ล้านหน่วย (KWH) ต่อปี ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ 8,000 ตัน การประหยัดการใช้ไฟการควบคุมอากาศในศูนย์ 20% และการนำน้ำที่ใช้แล้วมาบำบัดเพื่อใช้ได้ใหม่ เช่น รถน้ำต้นไม้ หรือทำความสะอาดศูนย์การค้า เป็นต้น


ทุ่ม 200 ล้าน อัดอีเวนต์แน่นตลอดปี

ในส่วนของ งานอีเวนต์ ก็ถือเป็นจุดเด่นของเมกาบางนา อาทิ เคาท์ดาวน์ ที่เมกาบางนาติด 1 ใน 5 สถานที่ที่คนอยากมาเคาท์ดาวน์ของกรุงเทพฯ และเป็นอีเวนท์ที่ลูกค้ารอคอยตลอดปี โดยปีนี้เมกาบางนาได้วางงบเกี่ยวกับงานกิจกรรมต่างๆ ไว้ประมาณ 200 ล้านบาท โดยจะมีเฉลี่ยทุกเดือน โดยในไตรมาสแรกได้จัดแคมเปญทั้ง Seasonal Campaign และ Monthly Campaign มาตั้งแต่เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ รวมถึงการจัดกิจกรรมสำหรับคอมมูนิตี้ต่าง ๆ เช่น Mega Pet Day

“เราอยากทำให้ทุกอีเวนต์สร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้า อยากทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รีวอร์ดสทุกครั้งที่มาเมกาบางนา”

ส่วนของลอยัลตี้โปรแกรม เมกา สไมล์ รีวอร์ดส (MEGA SMILE REWARDS) ในช่วงไตรมาส 3 นี้จะมีการยกระดับ Privilege ต่างๆ ให้ดีขึ้น  ภายใต้แนวคิด THE ULTIMATE EXPERIENCE โดยจะให้สิทธิพิเศษที่มากยิ่งขึ้น อาทิ ที่จอดรถพิเศษสำหรับสมาชิก ส่วนลดและบัตรกำนัลที่มากกว่าเดิม รวมถึงการรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ตรงกับความต้องการ ความชอบ ไลฟ์สไตล์ ของสมาชิก


ครบรอบ 12 ปี ด้วยแคมเปญ 12th ANNIVERSARY 365 MEGA MOMENTS

ในเดือนพฤษภาคมนี้จะครบรอบ 12 ปี ของเมกาบางนา ทางศูนย์ฯ ได้จัดกิจกรรม 12th ANNIVERSARY 365 MEGA MOMENTS โดยดึงเอาศิลปินนักวาดภาพอย่าง Jirayu Koo (จิรายุ คู) ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อนำมาต่อยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้า เช่น การตกแต่งบรรยากาศของศูนย์การค้าให้ลูกค้าได้มาถ่ายรูป, การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดทำของสมนาคุณเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลคชั่น เป็นต้น

มาริส ทิ้งท้ายว่า แม้เขาเป็น MD คนใหม่ แต่วิสัยทัศน์ของเมกาบางนายังเป็นเหมือนเดิมมาตลอด 12 ปี คือ การเป็นมากกว่าสถานที่สำหรับการช้อปปิ้ง แต่เราจะเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ให้ทุกๆ คนได้มาใช้เวลาร่วมกันได้ที่เมกาบางนา ครบทั้งช้อป กิน และทำกิจกรรม ดังนั้น ภารกิจเราก็จะสอดคล้องกับวิชั่นส์ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าให้ได้ทั้งหมด และอยู่ในทุกๆ ช่วงเวลาของลูกค้าได้อย่างแท้จริง!

]]>
1472131
“เมกาบางนา” ผู้บุกเบิกศูนย์การค้า Low Rise กับการสยายปีกสู่อาณาจักร “เมกาซิตี้” https://positioningmag.com/1384893 Wed, 11 May 2022 08:44:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1384893 เมกาบางนากับการทำตลาดมาแล้ว 10 ปี ยึดครองหัวหาดศูนย์การค้าย่านบางนา-ตราด ผู้บุกเบิกศูนย์การค้าโมเดล Low Rise มีแค่ 2 ชั้น พร้อมอัปเดตแผนการพัฒนาสู่อาณาจักร “เมกาซิตี้” ภายใต้ผู้ถือหุ้นใหญ่คนใหม่ “เซ็นทรัลพัฒนา” ยืนยันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอะไร ปรับตามเทรนด์ของตลาด

เปิดตำนาน 10 ปี เมกาบางนา

ถ้าพูดถึงภาพจำของศูนย์การค้าในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นตึกใหญ่ มีจำนวนหลายชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เพื่อเดินทางได้สะดวก มีร้านค้า และบริการที่ครบครัน จะเห็นว่าเจ้าของโครงการใหญ่ล้วนมีรูปแบบนี้ทั้งสิ้น หลังจากนั้นก็เริ่มมีเทรนด์ของ “คอมมูนิตี้ มอลล์” เป็นเหมือนไลฟ์สไตล์มอลล์ มีร้านอาหาร และบริการ เน้นโลเคชั่นในชุมชน ส่วนใหญ่มีรูปแบบเอาต์ดอร์ มีจำนวนชั้นไม่เยอะ และมีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก

จนเมื่อโครงการ “เมกาบางนา” ได้เกิดขึ้นในปี 2555 ถือว่าเป็นศูนย์การค้าในโมเดล Low Rise แห่งแรกในไทย หรือเป็นศูนย์การค้าแนวราบ มีแค่ 2 ชั้น จากปกติศูนย์การค้าในไทยส่วนใหญ่จะเป็นแบบ High Rise มีจำนวนชั้นเฉลี่ย 4-7 ชั้น เพื่อให้มีบริการ และร้านค้าครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังก่อสร้างให้คุ้มทุนกับค่าที่อีกด้วย

megabangna

เมกาบางนาบริหารงานโดย บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด มี 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็คือ บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ในเครือ เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN, บริษัท อิคาโน่ รีเทล เอเชีย จำกัด ผู้ถือสิทธิ์ IKEA ประเทศไทย และบริษัท เอส.พี.เอส. โกลเบิลเทรด จำกัด

โดยที่เมกาบางนามีพาร์ตเนอร์หลักที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่ร่วมเปิดศูนย์ ได้แก่ อิเกีย, เซ็นทรัล, โฮมโปร, บิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า และเมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ ล้วนเป็นผู้เล่นค้าปลีกรายใหญ่ในไทย

ตอนแรก IKEA ได้เปิดให้บริการก่อนในเดือน พ.ย. 2554 และเมกาบางนาเปิดให้บริการในเดือน พ.ย. 2555 สร้างความฮือฮาด้วยความเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แต่เดิมมีพื้นที่รวม 400,000 ตารางเมตร ปัจจุบันได้เพิ่มเป็น 577,000 ตารางเมตร แต่ได้สร้างเป็นโมเดล Low Rise เพราะมีพื้นที่ใหญ่

พลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด

พลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เริ่มเล่าให้ฟังว่า

“รูปแบบศูนย์การค้าแบบ Low Rise เริ่มมาจากทางยุโรป ส่วนใหญ่จะสร้างในโซนนอกเมือง ค่าที่ไม่แพงมาก เราก็เห็นว่าศูนย์การค้าในไทยมีแต่สูงๆ เดินขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ค่อยสนุก แรกๆ ที่เริ่มเปิดหลายคนก็เดินแบบ Low Rise ไม่เป็น เพราะต้องเดินรอบๆ แต่เทรนด์ก็เริ่มเปลี่ยน การเดินรอบสนุกกว่า ไม่มีหลง และไม่มี Dead End ศูนย์การค้าตึกสูงๆ จะมีจุดที่ชั้นบนๆ คนจะเดินขึ้นไม่ถึง แต่เมกาบางนาสามารถเดินถึงทุกมุม”

ทิศทาง “เมกาซิตี้” หลัง CPN เข้าถือหุ้นใหญ่

การเปิดของเมกาบางนาเรียกว่าสร้างแรงกระเพื่อมในวงการค้าปลีกไม่น้อย ว้าวแรกคือการได้พาร์ตเนอร์ใหม่อย่าง IKEA ที่เปิดสาขาแรกในไทย ว้าวที่สองคือ ศูนย์ฯ นี้ตั้งอยู่ในทำเลที่รายล้อมด้วยหมู่บ้านจัดสรรมากมาย จับกลุ่มเป้าหมายที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ได้อย่างดี เพราะในโซนนี้ยังไม่มีศูนย์การค้าใหญ่ขนาดนี้ มีเพียงแค่เซ็นทรัล บางนา ก็ต้องยอมรับว่ายังยิ่งใหญ่ไม่พอที่จะดึงดูดผู้บริโภคได้

แต่แค่เมกาบางนายังไม่อลังการมากพอ อีกทั้งยังมีพื้นที่เหลืออยู่ถมเถ พร้อมกับแผนการลงทุนของแบงค็อก มอลล์ (Bangkok Mall) ของเดอะมอลล์กรุ๊ป ที่จะมาตอกเสาเข็มย่านบางนา-ตราดเช่นกัน เตรียมสร้างเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในไทย ด้วยพื้นที่ 100 ไร่ งบลงทุนระดับ 50,000 ล้านบาท เป็นการหายใจรดต้นคอไม่น้อย

Megabangna foodwalk
Photo : Shutterstock

ทำให้เมกาบางนาอยู่นิ่งไม่ได้ จึงต้องขยายจากแค่ศูนย์การค้าอย่างเดียว เป็นบิ๊กโปรเจกต์ Mixed-use ด้วยชื่อ “เมกาซิตี้” ได้เริ่มเปิดตัวตั้งแต่ปี 2560 ด้วยงบลงทุน 67,000 ล้านบาท พร้อมกับลงทุนขยาย “เมกา ฟู้ดวอล์ค ศูนย์รวมร้านอาหารดัง มีพื้นที่รวม 10,000 ตารางเมตร ตึกสูง 4 ชั้น ใช้งบลงทุน 2,000 ล้านบาท

เมกาซิตี้มีเนื้อที่รวม 400 ไร่ เป็นโครงการระยะยาวแบ่งการพัฒนาเป็นหลายเฟส ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 300 ไร่ เปิดให้บริการไปแล้วราว 40% เหลือพื้นที่อีก 100 ไร่ ตามแผนโครงการจะประกอบไปด้วย พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย โรงแรม สำนักงาน แหล่งช้อปปิ้ง โรงเรียน และพื้นที่ไลฟ์สไตล์ โดยมีเมกาบางนาเป็นศูนย์กลาง

คาดว่าหากโครงการเสร็จสมบูรณ์จะทำให้มีผู้เข้ามาใช้บริการในโครงการเมกาซิตี้ และเมกาบางนาถึงวันละ 250,000 คน จากปกติมีทราฟฟิกเฉลี่ยวันละ 150,000 คน

ปัจจุบันเมกาซิตี้มีการพัฒนาไปแล้วกว่า 40% ได้แก่

  • ส่วนต่อขยายเมกา ฟู้ดวอล์ค มาพร้อมกับที่จอดรถ 1,200 คัน และร้านอาหารเพิ่มกว่า 30 ร้าน
  • อาคารจอดรถอิเกีย 8 ชั้น เชื่อมต่อกับตึกเดิมของอิเกียที่รองรับรถได้เพิ่มถึง 2,000 คัน ซึ่งทำให้ปัจจุบันเมกาบางนาสามารถรองรับรถได้ครั้งละถึง 12,000 คัน
  • ส่วนต่อขยายโซนเมกา สมาร์ท คิดส์ แหล่งรวมสถาบันสอนเสริมทักษะกว่า 20 แห่ง
  • Mega Harborland สนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่
  • สวนสาธารณะเมกาพาร์ค, โรงเรียนประถมศึกษานานาชาติ ดิษยะศริน กรุงเทพ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ
  • TOPGOLF (ท็อปกอล์ฟ) โครงการที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2565

ท็อปกอล์ฟ

หลายคนก็สงสัยว่า หลังจากที่ทาง “เซ็นทรัลพัฒนา” หรือ CPN ได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ หรือ SF ในสัดส่วนถึง 96.24% ซึ่งได้เพิ่งปิดดีลไปเมื่อเดือน ต.ค. 2564 จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างกับเมกาบางนา หรือเมกาซิตี้หรือไม่

พลินี บอกว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ทำให้รู้สึกกังวล CPN เข้ามาซัพพอร์ตไอเดีย เพื่อทำให้สำเร็จเร็วขึ้นด้วยซ้ำ ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงคงจะเป็นเรื่องของแผนการพัฒนาโครงการในเมกาซิตี้ จากเดิมจะมีสำนักงาน 2 ตึก แต่เทรนด์ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไป หลายที่ Work from Home ไม่มาเช่าออฟฟิศ อาจจะมีการเปลี่ยนแผน หรือเปลี่ยนเป็นโครงการอื่นๆ แทน

Photo : Shutterstock

พลินี เสริมอีกว่า เมกาซิตี้ยังเหลือพื้นที่อีก 100 ไร่ คาดว่าจะเพิ่มโรงแรมได้ 3 โรงแรม จะเป็นอินเตอร์เชนทั้งหมด เป็น 3 เทียร์ เพื่อจับลูกค้าหลายกลุ่ม อาจจะเพิ่มพื้นที่รีเทลได้อีก จากที่มีอยู่ 200,000 ตารางเมตร

“สถานการณ์ COVID-19 ทำให้เมกาซิตี้ชะงักไปบ้าง เพราะพาร์ตเนอร์ต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาดูโครงการได้ ตอนนี้คุยเรื่องโรงแรมเป็นหลัก คาดจะเพิ่มอีก 3 โรงแรม แตกต่างกันหลายกลุ่ม ตอนนี้ก็ศึกษากลุ่มลักชัวรี่เพิ่มเติม เพราะยังเป็นส่วนที่ขาดในโครงการ แต่ต้องดูว่ามีโอกาสอย่างไร พร้อมหรือไม่ด้วย”

ขอเทียบเท่า “เซ็นทรัลเวิลด์” ดึงคนไม่ต้องเข้าเมือง

แม้ว่าการเป็นศูนย์การค้านอกเมืองของเมกาบางนา จะไม่ได้กลุ่มลูกค้าที่อยู่ในเมืองมากนัก เพราะกลุ่มเป้าหมายหลักก็คือชุมชนในละแวกบางนา-ตราด แต่ด้วยเทรนด์ของการขยายเมือง ทำให้ประชากรออกมาอยู่อาศัยนอกเมืองมากขึ้น ผู้คนในละแวกนี้จึงมีกำลังซื้อสูง

และด้วยความที่มีพื้นที่ใหญ่ ทำให้เป็นตัวเลือกเบอร์ต้นๆ ของการขยายสาขาในโมเดล “แฟลกชิพสโตร์” จะสังเกตได้ว่า ร้านอาหาร หรือสินค้าแฟชั่น บริการต่างๆ จะเลือกเปิดสาขาแฟลกชิพสโตร์ที่มีพื้นที่ใหญ่ ไปกับศูนย์การค้าใหญ่ๆ นอกเมืองทั้งสิ้น นอกจากจะได้พื้นที่เยอะแล้ว ยังจับกลุ่มลูกค้าละแวกนั้นด้วย

ikea megabangna
Photo : Shutterstock

“ย้อนไป 10 ปีก่อน เมกาบางนาคือศูนย์การค้าระดับแมส มีร้านอาหารแบบที่ทุกคนมี แต่ตอนนี้เป็นมอลล์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น มีร้านอาหารใหม่ๆ แฟชั่น ความงามใหม่ๆ เพื่อดึงคนไม่ต้องเข้าเมืองแล้ว มีทุกอย่างให้ครบ เรามองโมเดลเทียบเท่าเซ็นทรัลเวิลด์ ลูกค้ามีกำลังซื้อ และอยากทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ต่างๆ เหมือนกับที่เซ็นทรัลเวิลด์มี”  

ทางศูนย์ได้ทำผลสำรวจ พบว่าค่าเฉลี่ยรายได้ของคนละแวกนี้อยู่ที่ 150,000 บาท เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยในการมาศูนย์ฯ แต่ละครั้ง มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 3,500-4,000 บาท รวมทั้งร้านแฟชั่น และร้านอาหาร

ส่วนในช่วง COVID-19 มีรายได้ลดลงไป 30% มีทราฟฟิกผู้ใช้บริการลดลงนิดหน่อย แต่ยังดีที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย 90% จึงไม่ได้กระทบมากนัก ปัจจุบันเมกาบางนามีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 150,000-160,000 คน มีทราฟฟิกรถยนต์วันละ 35,000 คัน

]]>
1384893
ปลดล็อกสัปดาห์แรก ‘เมกาบางนา’ ดึงลูกค้า Come back 80% มั่นใจภาพรวมยังกำไร แม้รายได้หาย 20% https://positioningmag.com/1280898 Wed, 27 May 2020 14:14:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1280898 หลังจากต้องปิดศูนย์การค้าตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมจนถึง 16 พฤษภาคมหรือประมาณ 2 เดือน ‘เมกาบางนา’ (Mega Bangna) ก็ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่ามีคนมาอย่างล้นหลามมาก ดังนั้นเราจะไปพูดคุยกับ นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า เมกาบางนา ว่าปัจจัยไหนที่ทำให้ผู้บริโภคถึงมุ่งหน้าสู่เมกาบางนาได้ตั้งแต่วันแรก

นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า เมกาบางนา

ลูกค้ากลับมา 80% หลังปิดไป 2 เดือน 100% เป็นลูกค้าเก่า

หลังจากที่เมกาบางนาเปิดให้บริการมาได้ 1 สัปดาห์เต็ม พบว่าจำนวน Visitation กลับมาประมาณ 80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติก่อนจะมีวิกฤติ COVID-19 ที่เคยเฉลี่ยวันละประมาณ 130,000-150,000 คน หรือราวปีละลูกค้า 50 ล้านคน และในส่วนของร้านค้าทั้ง 652 แบรนด์ ตอนนี้กลับมาเปิดได้ประมาณ 97% โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือนจะกลับมาเปิดได้ 100%

และปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการเร็ว เป็นเพราะลูกค้าคุ้นเคยกับเมกาบางนา โดย 100% ของลูกค้าที่มาเป็นลูกค้าเก่า อีกทั้งลูกค้าหลักของศูนย์การค้าเป็นคนไทยเกือบ 100% ลูกค้าจึงไม่มีความกังวลถึงลูกค้าชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นเพราะมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทางเมกาบางนาลงทุนเพิ่มเป็นหลักล้านบาท ซึ่งเสริมความมั่นใจ

“จากที่ลูกค้าหายไป 80% ตอนนี้กลับมา 80% ที่เหลืออีก 20% เชื่อว่าจะกลับมาหลังจากที่ธุรกิจกลุ่มเอนเตอร์เทนเมนต์ เช่น โรงหนัง, ลานโบว์ลิ่ง และธุรกิจฟิตเนส, เวลล์เนส, โรงเรียน, ลานเด็กเล่น กลับมาเปิดอีกครั้ง ส่วนระยะเวลาที่ต้องปิดเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง จาก 4 ทุ่ม เป็น 2 ทุ่ม ก็ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าลดลง”

ลูกค้าใช้จ่าย สูง กว่าตอนไม่มี COVID-19

อีกสิ่งหนึ่งแตกต่างจากช่วงก่อนมี COVID-19 คือ ลูกค้ามาใช้บริการวันธรรมดามากขึ้น จากปกติวันเสาร์-อาทิตย์จะมีลูกค้ามากกว่าวันธรรมดา 40% แต่ปัจจุบันเหลือ 10-20% ซึ่งอาจเป็นเพราะลูกค้าบางคนยัง Work from Home ขณะที่ส่วนของมูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนยังสูงขึ้นอีกด้วย โดยเฉลี่ย 3,000 บาท/คน ซึ่งมองว่า ปัจจัยมากจาก ‘อั้น’ จากช่วงกักตัว เพราะคนกังวลเรื่องรายได้ ไม่กล้าจับจ่าย และต้องยอมรับว่ากลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่แถบบางนาเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ

ดังนั้น มีทั้งร้านที่มียอดขายกลับมา 100% หรือขายได้มากกว่าเดิม แต่ต้องยอมรับว่าบางร้านก็ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร ที่ยังได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการ Social Distancing ทำให้ร้านอาหารที่มี 165 ร้านยังไม่สามารถรองรับลูกค้าได้เต็มที่ บางรายรองรับได้เพียง 50%

“ด้วยความที่กลุ่มลูกค้าย่านบางนาค่อนข้างมีกำลังซื้อ ขณะที่ร้านค้าที่อยู่กับเมกาบางนาไม่ได้เป็นแบรนด์ลักชัวรี่ ดังนั้นจึงจับต้องได้ โดยบางร้านก็ขายได้มากกว่าเดิม เช่น อีเกีย ที่สินค้าเหมาะกับช่วงนี้ที่ต้องทำงานที่บ้าน แต่เขาไม่ได้หวังว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ถ้าสถานการณ์กลับเป็นปกติ ยอดขายอาจจะกลับไปเหมือนปกติ”

เพิ่มช่องทาง ‘ออนไลน์’ รับ ‘New Normal’ ในอนาคต

ที่ผ่านมา ทางเมกาบางนาได้ความร่วมมือกับฟู้ดออนไลน์ดีลิเวอรีแพลตฟอร์ม เพื่อให้บริการตั้งแต่ในช่วงที่ศูนย์ปิดชั่วคราว พร้อมทำแคมเปญร่วมกับแกร็บฟู้ด ใช้คะแนนเมกา สไมล์ รีวอร์ดส แลกรับส่วนลด และร่วมกับไลน์แมนทำโปรเจกต์ ‘Mega Eat At Home’ ให้ลูกค้าเลือกสั่งเมนูได้มากกว่า 1 ร้านต่อการสั่งซื้อ 1 ครั้ง นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับฟู้ดออนไลน์ดีลิเวอรีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางขายและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

นอกจากอาหารแล้ว เมกาบางนายังช่วยโปรโมตช่องทางออนไลน์ให้กับร้านค้า อีกทั้งยังมีกลยุทธ์ออมนิแชนแนล โดยมีบริการ Click &Collect โดยลูกค้าเลือกดูและสั่งสินค้าทางออนไลน์ และมารับสินค้าได้ที่จุด Drive Thru เพื่อลดความแออัดภายในร้านค้าได้ด้วย

“รายได้เรามาจากค่าเช่า แต่ถ้าลูกค้าขายของไม่ได้ มันก็กระทบกับเรา ดังนั้นถ้ามีไรที่ช่วยได้เราก็ช่วย เรามีการคุยกัน และในช่วง 2 เดือนที่ห้างปิด เราก็งดเว้นค่าเช่าให้ร้านค้าในศูนย์”

 

รายได้หาย 20% แต่มั่นใจปีนี้ยังกำไร

เพราะต้องปิดศูนย์การค้าไปเป็นเวลา 2 เดือน รวมถึงได้งดเว้นค่าเช่าร้านค้า แต่ในส่วนของเงินเดือนพนักงาน เมกาบางนายังจ่ายตามปกติ ดังนั้นไม่มีรายได้ แต่ต้นทุนยังอยู่ ส่งผลให้รายได้ทั้งปีของเมกาบางนาอาจหายไปถึง 15-20% แต่มั่นใจว่าภาพรวมทั้งปียังสามารถทำกำไรได้ เพราะตอนนี้ธุรกิจเริ่มกลับมาในสภาวะปกติ แต่จะ 100% เมื่อไหร่คงต้องขึ้นอยู่กับวัคซีน

“เราต้องขอบคุณลูกค้าที่มากันมากมายตั้งแต่วันแรก ซึ่งในกรณีที่เลวร้ายสุดคือมีลูกค้ากลับมาแค่ 50% แต่นี่ดีกว่าที่คาดมาก แต่ลูกค้าจะมั่นใจ มาช้อปปกติ อาจต้องรอรัฐบาลประกาศเฟส 3 และคงขึ้นอยู่กับว่าจะควบคุมโรคและมีวัคซีนเมื่อไหร่ เราถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง”

แผน ‘เมกาซิตี้’ ยังเดินหน้าไม่มีสะดุด

โครงการ ‘เมกาซิตี้’ โปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์รูปแบบ ‘มิกซ์ ยูส’ ครบวงจร ทั้งพื้นที่อยู่อาศัย สำนักงาน โรงเรียน และสวนสาธารณะยังคงเดินหน้า โดยในช่วงที่ต้องปิดศูนย์ 2 เดือนศูนย์การค้าได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในอาคารแล้วเสร็จในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังได้เดินหน้าปรับปรุงภูมิทัศน์ของโซนเมกา ฟู้ดวอล์ค ภายใต้คอนเซ็ปต์ Scandinavian Playground โดยดำเนินการแล้วกว่า 50% คาดเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยรวมทั้ง 2 โครงการใช้เงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้สร้างอาคารจอดรถใหม่จำนวน 8 ชั้น เพิ่มที่จอดรถมากกว่า 2,000 คัน โดยใช้งบกว่า 1 พันล้านบาท คาดว่าจะเสร็จต้นปี 2564 ซึ่งจะทำให้เมกาบางนามีที่จอดรถรวมกว่า 12,000 คัน

“ในวิกฤตินี้ เราได้เรียนรู้ว่า เรามีหน้าที่เดียวคือ ทำให้ธุรกิจทนต่อการช็อกของเศรษฐกิจได้นานที่สุด เราเองก็ได้ผลกระทบ ในช่วง 2 เดือนที่เราขาดทุน ดังนั้นเราจะทำยังไงให้เราอยู่ในสถานการณ์นี้ได้นานที่สุด”

]]>
1280898
ศูนย์การค้าเอาไม่อยู่ ! เมกาบางนา ต้องสร้างเมืองตรึงขาช้อป ยกธีมปาร์คฮีโร่มาร์เวล ผุด รร.นานาชาติ-คอนโด มาไว้ในที่เดียว https://positioningmag.com/1156762 Tue, 13 Feb 2018 13:41:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1156762 ยึดทำเลในย่านบางนามา 6 ปีเต็ม เป้าหมายต่อไปของ “เมกา บางนา” ต้องยกเครื่องจาก “ศูนย์การค้า” ให้เป็นอาณาจักร มิกซ์ยูส ภายใต้ชื่อ เมกกาซิตี้ ที่มีทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน โรงเรียน และความบันเทิง เรียกว่า เป็นเมืองขนาดย่อมๆ บนเนื้อที่ 400 ไร่ ใช้เงินลงทุน 67,000 ล้านบาท เพื่อทำโปรเจกต์เมืองให้เกิดขึ้นจริงๆ ในระยะเวลา 14 ปี  

การขยับขยายครั้งนี้ ยังเป็นการรับมือกับสมรภูมิค้าปลีกบนถนนบางนาตราดที่กำลังจ่อคิวผุดโปรเจกต์กันคึกคัก เช่น ศูนย์การค้าแบงค็อกมอลล์ ของกลุ่มเดอะมอลล์ทรัส ซิตี้ เมืองการค้าและศูนย์การแสดงสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ของกลุ่มไฮดูเบสท์กรุ๊ป และเจ้าตลาดในพื้นที่อย่างเซ็นทรัลพลาซา

เมกาบางนาตั้งอยู่ทำเลที่มีศักยภาพสูง จึงมีคู่แข่งมากมายรายล้อม ในฐานะที่เราให้บริการแก่ลูกค้ามานาน จึงรู้ว่าลูกค้ามีความต้องการเพิ่มขึ้น คนออกจากบ้านไม่อยากมาห้างอย่างเดียวแล้ว แต่ต้องการประสบการณ์ที่ดี ทำกิจกรรมอื่น เราจึงเริ่มพัฒนาส่วนต่อขยายศูนย์การค้าส่วนต่างๆ เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้นคริสเตียน โอลอฟสัน ผู้อำนวยการศูนย์การค้าและโครงการมิกซ์ยูสอิเกียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว

“ศูนย์การค้า” ยุคนี้จะมีแค่แหล่งช้อป ชิม ใช้ชีวิตชิลล์ๆ คงไม่พออีกแล้ว เพราะไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคต้องการมากกว่านั้น คือไปที่เดียวต้องได้ประสบการณ์ครบทุกอย่าง เลยทำให้ “เมกาบางนา” ซึ่งยึดทำเลยุทธศาสตร์บนถนนเทพรัตน หรือเดิมบางนา-ตราด เข้าปีที่ ต้องยกเครื่องศูนย์การค้าบนเนื้อที่ใหญ่โต 400 ไร่ใหม่ ให้เป็น “อาณาจักรมิกซ์ยูส” มีครบทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน โรงเรียน และความบันเทิงแบบใหม่ให้เป็นเมืองขนาดย่อมๆ และปีที่ผ่านมา บริษัทก็ได้ประกาศลงทุน 67,000 ล้านบาท เพื่อทำโปรเจกต์เมืองให้เกิดขึ้นจริงๆในระยะเวลา 14 ปี

เมกกาบางนาได้ทยอยปรับโฉมศูนย์การค้าเพิ่มแบรนด์แฟชั่น เครื่องสำอาง ร้านอาหาร สวนน้ำ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเป้าหมายไม่ให้ไปช้อป ชิมที่อื่น

หลังจากทุ่มเม็ดเงิน 2,000 ล้านบาท ขยายเมกา ฟู้ดวอล์คเนื้อที่ 10,000 ตารางมตร (ตร..) ดึงร้านอาหาร 29 แบรนด์ดัง คอนเซ็ปต์ใหม่ๆ มาให้บริการ เช่นสตาร์บัคส์สูง 3 ชั้น และเป็นร้านแรกที่มีการใช้กลยุทธ์ Co-Creation กับแบรนด์อาฟเตอร์ยูนำเมนูฮิตมาเสิร์ฟที่ร้านกาแฟ ร้านอาหารญี่ปุ่นมากุโระ โออิชิ อีทเทอเรียม ปัจจุบันศูนย์มีร้านอาหารให้บริการทั้งสิ้น 166 ร้าน

แม่เหล็กของปีนี้ คือ ธีมปาร์ค เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์ (The Marvel Experience Thailand) เป็นของ บริษัท ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เช่าพื้นที่สร้างโดม 7 อาคาร เนื้อที่ 8,000 ตร.. เพื่อยกทัพฮีโร่จากจอเงินกว่า 20 ตัว ไม่ว่าจะเป็น Spider-Man, Iron Man, Hulk, Thor, Captain America ฯลฯ  เป็นรูปแบบบันเทิงแบบอินเตอร์แอคทีฟในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่มาร์เวลยักษ์ใหญ่ของโลกการ์ตูนคอมิคยอมจัดการแสดงดังกล่าวนอกสหรัฐฯ ด้วย

งานนี้คาดว่าจะดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าเมกาบางนาเพิ่มขึ้น 5% เพราะผู้จัดได้เดินสายโรดโชว์และทำตลาดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ 70% จากที่คาดการณ์ตัวเลขจะมีคนเข้ามาชมการแสดงกว่า 1 ล้านคน

โปรเจกต์ที่จะเปิดไล่เลี่ยกันเดือนพฤษภาคมนี้คือ โรงเรียนนานาชาติดิษยะศรินกรุงเทพ เนื้อที่ 2,000 ตร.. เพื่อรองรับผู้อาศัยในอนาคต

ก่อนหน้านี้ ก็ได้พันธมิตรอารียา พร็อพเพอร์ตี้มาสร้างคอนโดมิเนียมไฮไรซ์แบรนด์ “A SPACE MEGA” 2 อาคาร จำนวน 1,300 ยูนิต ราคาขาย 1 ล้านบาทต้นๆ เพื่อจับกลุ่มกลุ่มเป้าหมายที่ทำงานและอาศัยอยู่บริเวณรอบศูนย์การค้า

เราเลือกอารียาฯ เพราะมองในเรื่องของแบรนด์ และราคาของที่อยู่อาศัย (Price Point) มีความเหมาะสมกับกำลังซื้อของลูกค้า แต่ในอนาคตก็จะมองหาแบรนด์ที่พักอาศัยที่มี Positioning ระดับสูงขึ้น

คอนโด A SPACE MEGA

ในอนาคตยังมีโปรเจกต์ใหม่ที่เตรียมเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ขยายพื้นที่กิจกรรมให้ความบันเทิงกึ่งการเรียนรู้ (Indoor Family Entertainment Complex) เนื้อที่ 10,000 ตร.เชื่อมต่อกับเมกาคิดส์ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายเด็กและครอบครัวเพิ่ม โดยโครงการดังกล่าวบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนเองและหาพันธมิตรมาเช่าพื้นที่จัดกิจกรรม ซึ่งจะเปิดให้บริการไตรมาส 2 ปีหน้า

สำหรับการยกระดับห้างค้าปลีก สู่อาณาจักรเมืองย่อมๆเมกาซิตี้จะใช้เวลาทั้งโปรเจกต์ 14 ปี จึงจะมีครบทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน เพราะต้องรอความพร้อมการคมนาคมขนส่ง ทั้งรถไฟ MRT รถโมโนเรล ให้เป็นรูปธรรมก่อน รวมถึงจับทิศทางเศรษฐกิจว่าจะเอื้อต่อการลงทุนหรือไม่

แต่จากบันไดขั้นแรกของการขยายอาณาจักร ก็คาดว่าจะดึงคนเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเติบโตขึ้น 10% จากปัจจุบันคนเข้ามาช้อปปิ้ง ชิม ชิลล์ 42 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นคนไทย 95% และต่างชาติ 5% ช่วยสร้างการเติบโตรายได้และกำไร 30%

]]>
1156762
ทุกช่วงเวลาแห่งความสุข เติมเต็มได้ ที่เมกาบางนา https://positioningmag.com/1095465 Thu, 23 Jun 2016 12:55:46 +0000 http://positioningmag.com/?p=1095465 หลายเหตุผลที่ผู้คนนิยมเดินทางมายังศูนย์การค้า อาจเป็นเพราะตั้งอยู่ใกล้บ้าน มีความครบครัน เดินทางสะดวก ตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลาย ไม่ว่าจะทำธุรกรรมการเงิน จ่ายบิล กินข้าว ดูหนัง ชอปปิ้ง ฯลฯ หรือจริงๆ ก็แค่ต้องการ สถานที่หลบร้อน มาเดินตากแอร์เย็นๆ แก้เบื่อก็เท่านั้นเอง

“เมกาบางนา” ศูนย์การค้าแนวราบระดับภูมิภาคแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศูนย์รวมสินค้า การบริการ และความบันเทิงสำหรับทุกคนในครอบครัว นอกจากจะเป็นศูนย์การค้าที่ ตอบโจทย์ในเรื่องของ “One Stop Shopping” แล้ว ยังได้นิยามตัวเองให้เป็นมากกว่านั้น ด้วยการวาง Positioning ของห้างให้เป็นสถานที่ที่ทุกคนในครอบครัวสามารถใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกันได้ โดย Message ที่ต้องการสื่อไปยังกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการก็คือเรื่อง “Quality Time” หรือ “ช่วงเวลาดีๆ ที่คุณเติมเต็มได้ที่เมกาบางนา”

แคมเปญนี้เปิดตัวด้วยคลิปวิดีโอที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวผ่านทางคุณพ่อที่เห็น ความสำคัญ ของความสุขและโมเมนต์เล็กๆ ที่ได้ทำอะไรด้วยกันกับลูกน้อยและภรรยา ซึ่งช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นสามารถสร้างได้ที่เมกาบางนา แคมเปญนี้เน้นการวางโฆษณาผ่านสื่อ Social Network อย่างเฟซบุ๊ก และ Youtube ทั้งยังมีโฆษณาผ่านสื่อที่เป็น Above the line เสริม เช่น หนังสือพิมพ์ และ out of home กลยุทธ์ครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ Positioning ของเมกาบางนา โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันแล้ว ยังเป็นการสร้าง brand loyalty ให้แก่กลุ่ม family ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่เข้ามาใช้บริการ ทั้งยังช่วยให้เกิด brand awareness ในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

โดยสิ่งที่ทางเมกาบางนาตั้งใจให้สถานที่นี้เป็นแหล่งที่ทุกคนมาใช้เวลาสร้างโมเมนต์แห่งความ สุขร่วมกันนั้น ก็เห็นได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางศูนย์ฯได้จัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี เช่น

20160623-mega-02

MOM & BABY… HAPPY TOGETHER

  • Mom & Baby room มุมพิเศษเพื่อคุณแม่และเจ้าตัวน้อย สำหรับช่วงเวลาที่คุณแม่และคุณลูก ต้องการเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือให้นมแบบเป็นส่วนตัว โดยภายในบริเวณนี้ จะมีมุมนั่งเล่นสำหรับคุณพ่อที่จะมานั่งรอระหว่างคุณแม่คุณลูกทำธุระในห้องนี้อีกด้วย

20160623-mega-03-BabyNursing area

  • Playground บริการสนามเด็กเล่น ในส่วนนี้เมกาบางนาได้จัดเตรียมไว้ให้ตามจุดต่างๆ ทั่วบริเวณห้าง โดยคุณพ่อคุณแม่คุณลูกสามารถเข้าไปเล่นสนุกกันได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

20160623-mega-04-SF-MegaBangna-51

  • Baby Stroller จุดบริการรถเข็นเด็ก สำหรับกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เตรียมรถเข็นส่วนตัวมา ก็สามารถมาใช้บริการได้ที่นี่

20160623-mega-05-Service2

20160623-mega-06-BabyNursing area

อำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง

  • Transport Hub จุดจอดรถโดยสารประจำทาง และรถ Shuttle Bus บริการรับ-ส่งฟรีเส้นทาง BTS อุดมสุข – เมกาบางนา รวมทั้งจุดจอดรถบัสขนาดใหญ่สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยว
  • Golf Car บริการรถกอล์ฟ เพื่ออำนวยความสะดวก นำส่งคุณไปยังจุดหมายต่างๆ ภายในเมกาบางนา
  • Lady Parking ที่จอดรถสำหรับสุภาพสตรี บริเวณลานจอดรถใต้อาคารโซนสีชมพู
  • Valet Parking บริการรับจอดรถ ค่าบริการ 40 บาทตลอดวัน
  • Parking Shuttle Service บริการรับ-ส่งฟรี!! จากที่จอดรถนอกอาคารมายังภายในอาคาร
  • Parking Service ลูกค้าเมกาบางนา จอดรถฟรี 8 ชม.แรก และพิเศษ! เมื่อช้อป 800 บาทขึ้นไป เพียงนำใบเสร็จมารับ E-Stamp ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์หรือจุดแลกรับของสมนาคุณชั้น 1 รับสิทธิ์จอดฟรี ถึงตีสาม!

20160623-mega-07-BabyNursing-area

ความใส่ใจด้านการบริการเพื่อประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า

  • Interactive Information Point จุดบริการข้อมูลแบบ Touch Screen ให้คุณค้นหาข้อมูลร้านค้า และบริการที่ต้องการได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง
  • Baby Stroller & Wheelchair จุดบริการรถเข็นเด็ก และรถเข็นสำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุ
  • First-AID Room ห้องปฐมพยาบาล ที่พร้อมรองรับ และให้ความช่วยเหลือสำหรับเรื่องฉุกเฉิน
  • Prayer Room (Salah) “ห้องละหมาด” สำหรับลูกค้าที่นับถือศาสนาอิสลาม

สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงถึงความใส่ใจของเมกาบางนา ในการให้ความสำคัญต่อ “Quality time” ที่ทางศูนย์ฯ ต้องการให้ผู้ใช้บริการ ได้มีโมเมนต์แห่งความสุข เติมเต็มช่วงเวลาของครอบครัว

]]>
1095465
เมกาบางนาชูภาพลักษณ์ “แฟมิลี่ เดสติเนชั่น” ดันยอดผู้ใช้บริการปี 58 โต 6% https://positioningmag.com/59438 Thu, 12 Feb 2015 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=59438

เมกาบางนา ศูนย์การค้าแนวราบชั้นนำระดับภูมิภาคที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็น “สุดยอดศูนย์การค้าสำหรับทุกคนในครอบครัว” (Family Destination) เตรียมผุดแคมเปญสร้างสรรค์ประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้แก่ลูกค้า พร้อมทุ่มงบกว่า กว่า 15 ล้านบาทจัดกิจกรรมทางการตลาดช่วงตรุษจีน ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้เข้าใช้บริการตลอดปี 2558 ขึ้นจากเดิม 4-6%

สโรชา ลายสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดเผยว่า “ด้วยพื้นที่ค้าปลีกรวมกว่า 400,000 ตร.ม. ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้ากว่า 800 ร้าน ใน 10 โซน ครอบคลุมสินค้าและบริการครบครันตั้งแต่แฟชั่นแบรนด์ดังทั้งจากในและต่างประเทศ ร้านอาหารนานาชาติ ของแต่งบ้าน ไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา ไปจนถึงสุขภาพและความงาม ธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทประกัน นอกจากนี้ยังเป็นเมกามอลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่รวมเอา 5 เมกาสโตร์ชั้นนำ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า โฮมโปร เมกาซีนีเพล็กซ์ในเครือเมเจอร์ และอิเกียสโตร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านระดับโลกแห่งแรกในเมืองไทยและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไว้รวมกันในที่เดียว พร้อมที่จอดรถฟรีที่รองรับได้ถึง 9,000 คัน เมกาบางนาจึงมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเป็นศูนย์การค้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัวได้อย่างแท้จริง”

“เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ดังกล่าวให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสินค้าและบริการด้านแฟชั่นและอาหาร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนผู้เช่าพื้นที่ที่มากที่สุดในศูนย์ฯ ในปี 2558 เมกาบางนาจึงเน้นการสร้างสรรค์ประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้สัมผัสผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่มีคุณภาพ โดดเด่น และตอบสนองความเฉพาะของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ คาดว่าจะช่วยสร้างความประทับใจและการจดจำ ตลอดจนช่วยเพิ่มอัตราการเข้าใช้บริการซ้ำ (re-visit) ของลูกค้าทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่มากขึ้น

“เมกา วันเดอร์ฟูล ไชนิส” แจกโชคใหญ่รับตรุษจีน

นอกจากนี้ เมกาบางนายังได้ทุ่มงบส่งเสริมการตลาดสำหรับช่วงตรุษจีนกว่า 15 ล้านบาท เพื่อจัดแคมเปญ “เมกา วันเดอร์ฟูล ไชนิส” (Mega Wonderful Chinese) ให้ผู้มาใช้บริการได้เพลิดเพลินกับการจับจ่ายสุดคุ้ม พร้อมลุ้นรับโชคตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยผู้ที่จับจ่ายภายในศูนย์การค้าเมกาบางนา ครบทุก 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2558 จะได้รับคูปองชิงโชคเพื่อลุ้นรับของรางวัลรถยนต์ Honda CR-Z มูลค่า 1,975,000 บาท นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นจากร้านค้า ของกำนัล และสิทธิพิเศษอีกมากมายจากบัตรเครดิตชั้นนำเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ร่วมรายการ ได้แก่ บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ บัตรเครดิตStandard Charters บัตรเครดิตกรุงศรีฯ บัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิต ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และบัตรเครดิต KTC บัตรเครดิตUOB เป็นต้น

ต่อยอดความสำเร็จนับแต่ก้าวแรก

“เมกาบางนาพัฒนาขึ้นจากรูปแบบของเมกามอลล์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยนั้นนับเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศูนย์การค้าแนวราบ ที่มีขนาดใหญ่และครบครันมากเช่นนี้ จากความสำเร็จในปัจจุบันที่มีผู้เข้าใช้บริการในศูนย์ฯ เฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านคน เมกาบางนายังคงเดินหน้าปรับปรุงและพัฒนาองค์ประกอบและรายละเอียดต่างๆ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้มากยิ่งขึ้น  โดยเฉพาะด้านความทันสมัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

การออกแบบและการจัดวางพื้นที่ของทุกๆ ร้านค้าให้มีชีวิตชีวา ตลอดจนการออกแบบภูมิทัศน์ พื้นที่สีเขียว พื้นที่เปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง” สโรชากล่าว

 

 

]]>
59438
เมกาบางนา จับมือ อิเกีย เพิ่มเส้นทางเดินรถ รับ-ส่ง ทุกประเภท อำนวยความสะดวก “นักช้อป” ภายใต้แนวคิด “อยู่ที่ไหนก็มา เมกาบางนาได้ง่ายๆ” https://positioningmag.com/56316 Thu, 11 Apr 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56316

“เมกาบางนา” จับมือ “อิเกีย” เพิ่มเส้นทางบริการรถรับ-ส่ง ได้แก่ รถเวียนบริการรับ-ส่ง, รถประจำทาง, รถมินิบัส, รถตู้ และแท็กซี่ในย่านชุมชนขนาดใหญ่ มุ่งอำนวยความสะดวกแก่นักช้อปจากทุกสารทิศ ภายใต้แนวคิด “อยู่ที่ไหนก็มาเมกาบางนาได้ง่ายๆ”

มร.คริสเตียน โอลอฟสัน ประธานกรรมการบริหารและผู้จัดการศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเมกาบางนา ศูนย์การค้าแนวราบใหญ่ระดับภูมิภาคแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเหล่านักช้อปและประสบความสำเร็จอย่างดี โดยมีประชาชนในย่านบางนาและ ย่านอื่นๆ ให้ความสนใจเดินทางเข้ามาช้อปปิ้งเป็นจำนวนมาก เพื่อสัมผัสกับโปรเจ็กยักษ์ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงถึงกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมี 5 สโตร์ระดับชั้นนำของประเทศ ได้แก่ อิเกีย (IKEA) ศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านระดับโลกจากสวีเดน ที่เปิดสาขาแรกในประเทศไทย, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, โฮมโปร และเมกาซีนีเพล็กซ์ ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูด ทั้งนี้ ในปี 2556 เมกาบางนา จึงความอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ประสงค์จะเดินทางมาช้อปปิ้งที่ เมกาบางนา ด้วยการเพิ่มบริการรถสาธารณะต่างๆ ภายใต้แนวคิด “อยู่ที่ไหนก็มาเมกาบางนาได้ง่ายๆ” อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดปริมาณรถบนท้องถนน และลดปริมาณมลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ รวมทั้งช่วยลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด

เมกาบางนา จึงได้เพิ่มบริการรถสาธารณะต่างๆ ได้แก่ รถเวียนบริการรับ-ส่ง (Shuttle Bus), รถประจำทาง, รถมินิบัส, รถตู้ และแท็กซี่ ในย่านชุมชนขนาดใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่มีความประสงค์จะเดินทางมาช้อปปิ้งในเส้นทางที่เป็นย่านชุมชนใหญ่ๆ ประกอบด้วย
• รถเวียนบริการรับ-ส่ง (Shuttle Bus) เพิ่มจากจำนวนเดิมอีก 1 สาย รวมเป็น 2 สาย ได้แก่
1. เมกาบางนา – สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข ให้บริการทุกๆ 20 -30 นาทีโดยประมาณ รอบแรกเวลา 07.00 น. จาก สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข (ทางออก 5) และรอบสุดท้าย 23.00 น. จากเมกาบางนา 2. เมกาบางนา – แยกอ่อนนุช – บางกะปิ ให้บริการทุกๆ 30 – 35 นาทีโดยประมาณ รอบแรกเวลา 07.00 น. จาก บางกะปิ (จุดจอดรถแฮปปี้แลนด์สาย 1 และจุดจอดรถสี่แยกสวนหลวง) และรอบสุดท้าย 23.00 น. จากเมกาบางนา
ลูกค้าสามารถสอบถามเส้นทางและตำแหน่งรถเวียนบริการ รับ-ส่ง (Shuttle Bus), ได้ทันทีที่เมโทรแคร์ เซ็นเตอร์ โทร. 1731 เวลา 05.30 – 22.30 น. ทุกวัน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่บริการให้ข้อมูลการบริการรถชัทเทิลบัสทุกเส้นทาง เพื่อสะดวกในการวางแผนการเดินทาง รวมทั้งหากลูกค้าลืมสิ่งของบนรถสามารถแจ้งได้เช่นกัน หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mega-bangna.com
• รถประจำทาง จากเดิมที่มีจำนวน 4 สาย ที่วิ่งเข้าใน เมกาบางนา และจำนวน 7 สาย วิ่งผ่านหน้าเมกาบางนา โดยปี 2556 นี้ได้เพิ่มจากจำนวนเดิมอีก 7 สาย ที่วิ่งเข้ามาใน เมกาบางนา ได้แก่ สาย 2 เมกาบางนา – ปากคลองตลาด, สาย 2 (พิเศษ) ทางด่วน – เมกาบางนา – ปากคลองตลาด, สาย 23 เมกาบางนา – เทเวศน์ (สุขุมวิท), สาย 23 (พิเศษ) ทางด่วน – เมกาบางนา – เทเวศน์, สาย 45 เมกาบางนา – สี่พระยา (คลองเตย),สาย 45 (พิเศษ) ทางด่วน – เมกาบางนา – สี่พระยา และ สาย 508 เมกาบางนา – ท่าราช – สีลม
• รถมินิบัส เปิดให้บริการ 3 เส้นทาง ได้แก่ Big C เทพารักษ์ – เมกาบางนา, ราชภัฏธนบุรี – เมกาบางนา และ บ้านเอื้ออาทร หัวเฉียว – เมกาบางนา
• รถตู้ จากเดิมสายปริมณฑล (ไป-กลับ) จำนวน 6 สาย ให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00-23.00 น. ได้แก่ เมกาบางนา – หมอชิตใหม่, เมกาบางนา – บางบ่อ (บางนา-ตราด), เมกาบางนา – เดอะมอลล์บางกะปิ, เมกาบางนา – ราม 2, เมกาบางนา – ปากน้ำ และ เมกาบางนา – ลาดกระบัง ส่วนสายต่างจังหวัด (ไป – กลับ) จำนวน 1 สาย ได้แก่ เมกาบางนา – ฉะเชิงเทรา ซึ่งในปี 2556 นี้ เมกาบางนาได้เพิ่มจากจำนวนเดิมอีก 4 สาย ได้แก่ เมกาบางนา – ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เมกาบางนา – มหาวิทยาลัยรามคำแหง 1, เมกาบางนา – ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ และ เมกาบางนา – บางโฉลง
• รถแท็กซี่ จากเดิมที่มีให้บริการ 100 คัน ต่อวัน และนักขัตฤกษ์ วันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มเป็น 170 คัน นอกจากนี้ เมกาบางนายังได้ประสานกับสหกรณ์แท็กซี่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเพิ่มจำนวนรถบริการให้มากขึ้น

“นอกจากแผนการเพิ่มจำนวนรถบริการสาธารณะต่างๆ ในปี 2556 ภายใต้แนวคิด “อยู่ที่ไหนก็มาได้ง่ายๆเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางมายัง เมกาบางนาแล้ว ยังมีแผนขยายโครงการอีกมากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น อาทิ โครงการอู่รถประจำทาง (Bus Depot) และศูนย์กลางการขนส่งย่านบางนา (Megabangna Transportation Hub) ที่พร้อมจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคมนี้ รวมทั้งโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินงาน อาทิ การสร้างสะพานลอยคนข้าม ถ.บางนา-ตราด โดยมีทางเชื่อมเข้าสู่ในตัวศูนย์การค้า, การทำถนนเชื่อมต่อชุมชนและโครงการที่อยู่อาศัยบริเวณโดยรอบสู่เมกาบางนา และโครงการระยะยาว คือการเชื่อมต่อทางเดินจากศูนย์การค้าเมกาบางนากับโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นเส้นทางรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (Light Rail Transit : LRT) ซึ่งเชื่อมต่อมาจาก BTS บางนา” มร.คริสเตียน กล่าวทิ้งท้าย

ศูนย์การค้าเมกาบางนานำเสนอปรากฎการณ์ความสะดวกสบายสูงสุดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Everything Under One Roof” พัฒนาขึ้นจากรูปแบบของ “เมกามอลล์” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วในหลายๆ ประเทศทั่วโลก และเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มเติมองค์ประกอบและรายละเอียดของความเป็นช้อปปิ้งมอลล์ที่เทรนดี้ ทันสมัยเพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว การออกแบบตัวอาคาร และการจัดวางพื้นที่มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความโดดเด่นให้กับหน้าร้านของทุกๆ ร้านค้า ให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศในศูนย์ฯ ให้มีชีวิตชีวา และสะดวกต่อการเดิน ช้อปปิ้ง จึงส่งผลดีต่อทั้งร้านค้าในการดึงดูดลูกค้า และผู้เข้าใช้บริการ ที่สามารถมองหาร้านค้าที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้น เรายังให้ความสำคัญกับการออกแบบภูมิทัศน์ พื้นที่สีเขียว และการเปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย” คริสเตียนกล่าวเพิ่ม

ด้วยพื้นที่ค้าปลีกรวมที่กว้างใหญ่กว่า 400,000 ตร.ม. เมกาบางนาประกอบด้วยร้านค้าต่างๆ จำนวนร่วม 800 ร้าน ใน 10 เมกาโซน พื้นที่ทุกจุดได้รับการออกแบบให้ง่ายต่อการเดินช้อปปิ้งและมองหาร้านค้าต่างๆ
• เมกา แฟชั่น ประกอบด้วย 200 ร้านแฟชั่นชั้นนำ
• เมกา ฟู๊ด ประกอบด้วย 100 ร้านอาหารนานาชาติ และคาเฟ่
• เมกา คิดส์ ประกอบด้วย 30 ร้านถูกใจเด็ก ๆ
• เมกา โฮม ประกอบด้วย 10 ร้านแต่งบ้านสุดเก๋
• เมกา เทค ประกอบด้วย 30 ร้านไอที แกดเจ็ท คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าสุดล้ำ
• เมกา สปอร์ต ประกอบด้วย 20 ร้านอุปกรณ์ เสื้อผ้ากีฬา
• เมกา เวลเนส ประกอบด้วย 30 ร้านเพื่อสุขภาพและความงาม
• เมกา แบงค์กิ้ง ประกอบด้วย 11 ธนาคารชั้นนำ 5 สถาบันการเงินและประกันชีวิตประกันภัย
• เมกา ไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วย 35 ร้านค้าเพื่อเติมเต็มความสุขให้วันสบาย ๆ
• เมกา เจมส์ ประกอบด้วย 19 ร้านค้า กับจิวเวลรี่หลากดีไซน์สวยภายใต้คอนเซ็ปต์“Your Everyday Jewelry”

เมกาบางนาพร้อมสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่นักช้อปไม่ควรพลาด และมุ่งมั่นที่จะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่สำหรับการช้อปปิ้งและทุกไลฟ์สไตล์ที่ตรงใจทุกๆ คน

]]>
56316
กสิกรไทยเปิด K Home Smiles Club แห่งใหม่ ชูนวัตกรรมล้ำสมัย@เมกาบางนา https://positioningmag.com/55528 Sun, 12 Aug 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=55528

กสิกรไทยเปิด K Home Smiles Club แห่งใหม่ที่เมกาบางนา พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำนวัตกรรมสินเชื่อบ้านที่ให้บริการครบวงจรด้วยเทคโนโลยีทันสมัย หวังดันยอดสินเชื่อบ้านปีนี้เป็น 50,000 ล้านบาท

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ธนาคารมีฐานลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ราว 140,000 ราย โดยมีลูกค้าที่มีความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้นเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม จึงได้เปิด K Home Smiles Club เพื่อให้บริการและให้คำปรึกษาเรื่องบ้านและสินเชื่อที่อยู่อาศัยครบวงจรแห่งแรกเมื่อ 7 ปีที่แล้วที่สาขาสำนักสีลมและตามด้วยที่คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์เมื่อปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ K Home Smiles Club ถึงกว่าล้านเพจวิว (Page View) ต่อปี ทำให้มียอดอนุมัติสินเชื่อบ้านจาก K Home Smiles Club สำหรับที่สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ในระยะเวลา 1 ปี ไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าสาขาปกติถึง 10 เท่า ล่าสุดจึงได้เปิด K Home Smiles Club แห่งใหม่ที่เมกา บางนา ซึ่งเป็นศูนย์การค้าครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยังเป็นที่ตั้งของศูนย์เฟอร์นิเจอร์และศูนย์ตกแต่งบ้านชั้นนำ  

K Home Smiles Club แห่งใหม่ได้ขยายรูปแบบการบริการเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่แล้วหลากหลายนวัตกรรมเพื่อให้คำปรึกษาในทุกแง่มุมของการอยู่อาศัย ภายใต้คอนเซ็ปท์ Life Innovation by K Home Smiles Club  บริการปรึกษาทุกเรื่องบ้านด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย 2 เรื่อง คือ  K-Home Feng Shui เทคโนโลยีการนำเสนอข้อมูลการเสริมฮวงจุ้ยบ้านรูปแบบใหม่ด้วยรูปแบบที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย ผ่านจอสัมผัส (Multi-touch Screen) โดยได้ร่วมมือกับสถาบันค้นคว้าวิชาการฮวงจุ้ยแห่งประเทศไทย จัดข้อมูลความรู้เรื่องฮวงจุ้ยในรูปแบบน่าสนใจรวม 5 หมวด ได้แก่ ตรวจสอบฮวงจุ้ยบ้าน เสริมฮวงจุ้ยรับโชค ฮวงจุ้ยเสริมบุคคล ฤกษ์มงคลประจำปี และเกมตกแต่งห้อง 3 มิติ

นวัตกรรมอีกเรื่องคือ K-eBook Gallery นำเสนอไอเดียแบบบ้าน และการแต่งบ้านด้วยรูปภาพ และนำเสนอในรูปแบบ e-Magazine เรื่องบ้านผ่านจอสัมผัส (Multi-touch Screen) โดยนำเสนอข้อมูลความรู้และทางเลือกหลากหลายสไตล์ จำนวนกว่า 2,000 ภาพ

สำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อบ้านกสิกรไทยที่ธนาคารกสิกรไทยสาขาเมกาบางนา หรือ สาขา CDC  เพียงดาวน์โหลดแอพพลิชั่น iButterfly  ที่ App Store หรือ Google Play  และจับ K Home Smiles Club Butterfly 1 ตัว รับฟรี กระเป๋า K Home Smiles Club และหากได้รับอนุมัติวงเงิน ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป รับเครื่องเสียง PHILIPS มูลค่า 2,990 บาท ตั้งแต่ 1 ส.ค.-30 ต.ค. 55 นอกจากนี้ ลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทยที่ถือบัตรเครดิตหรือบัตรสมาชิก K Home Smiles Club  จะได้รับส่วนลดร้านค้าสูงสุด 60 % พร้อมของแถมมากมาย เมื่อช้อปที่ร้านค้าที่ร่วมรายการในศูนย์การค้าเมกา บางนา ตั้งแต่ 1 ส.ค.-31 ต.ค. 55 

นายชาติชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ฯ แห่งนี้ จะรู้สึกถึงความแปลกใหม่ของการให้บริการสินเชื่อบ้านกสิกรไทยกับบริการที่สะดวกสบาย รวดเร็ว และทันสมัย ซึ่งสามารถตอบโจทย์เรื่องบ้านให้ลูกค้าได้ ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบ้านกสิกรไทยในปี 2555 ไว้ที่ 50,000 ล้านบาท ผู้สนใจสามารถติดต่อ K Home Smiles Club ศูนย์บริการปรึกษาเรื่องบ้านครบวงจร ที่เมกาบางนา ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น. ทุกวัน หรือโทร.02 888 8888 กด 5 หรือที่เว็บไซต์ www.khomesmilesclub.com

]]>
55528
เมกาบางนา ต้องแสนคนต่อวัน https://positioningmag.com/14718 Wed, 30 May 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14718

เมื่อขายที่ความบิ๊ก ความอลังการของการศูนย์การค้าแนวราบครบวงจรขนาด 2 ชั้น บนเนื้อที่ 254 ไร่ แห่งถนนบางนา-ตราด งบลงทุนระดับหมื่นล้านบาท และแม่เหล็กจาก 5 สโตร์ ได้แก่ โรบินสัน บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า โฮมโปร เมกะ ซีนีเพล็กซ์ และอิเกีย งานนี้ก็ต้องมีนักช้อปไทยและต่างชาติ 110,000 คนต่อวัน หรือราว 40 ล้านคนต่อปีเป็นอย่างน้อย 

คริสเตียน โอลอฟเซน ประธานกรรมการฝ่ายจัดการศูนย์การค้าบริษัทเอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา บอกว่า ตลาดค้าปลีกเมืองไทยมีศักยภาพสูงมาก การเติบโตเฉลี่ย 7-10% ทุกปี มีฐานะกำลังซื้อของศูนย์เฉพาะย่านบางนา-ตราดแห่งนี้ พบว่า ในรัศมี 30 กิโลเมตรโดยรอบโครงการฯ มีบ้านจัดสรร ชุมชนขนาดใหญ่ และอาคารสำนักงาน รวมทั้งใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัทจึงวางกลยุทธ์การตลาดเป็น 2 แนวทางด้วยงบประมาณ 200 ล้านบาท

แนวทางแรก จัดอีเวนต์แบบบิ๊กๆ 1 ครั้งต่อเดือน หรือ 15–20 ครั้งต่อปี และจับมือกับ 5 สโตร์จัดอีเวนต์ทุกสัปดาห์ สร้างแรงดึงดูดให้นักช้อปคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ตลอดจนการจัดรถบริการรับส่งฟรี 4คันทุก 15 นาที เพื่อหมุนเวียนรับส่งลูกค้าจากสถานีรถไฟฟ้าแบริ่งมายังโครงการ รวมถึงการบริการรับลูกค้าตามอาคารสำนักงานต่างๆ ภายในรัศมี 6กิโลเมตร

ส่วนแนวทางที่ 2 การทำCo-Brandingกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยใส่ชื่อ เมกาบางนา อยู่ในคู่มือนักท่องเที่ยวของ ททท. ว่าเป็นแหล่งช้อปติดอันดับ 1 ใน 3 ของแหล่งช้อปปิ้งเมืองไทย ซึ่งจะมีการแจกคู่มือที่สนามบินสุวรรณภูมิ และโปรโมชั่นพิเศษเป็นระยะๆ ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในสัดส่วน 20% จากลูกค้าทั้งหมด

“เมกาบางนา มีจุดแข็งตรงที่ ความแปลกใหม่ ความใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในแนวราบ ขนาดความสูงเพียง 2 ชั้น ซึ่งดูแล้วจะอลังการ เต็มพื้นที่ ทำให้ลูกค้าคนไทยเลือกที่จะเข้ามาใช้บริการในความไม่เหมือนใคร และเป็นทางเลือกใหม่ของนักช้อป” คริสเตียนกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ พร้อมกับบอกอีกว่า

ข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่ง คือ 5 สโตร์ที่แม่เหล็กที่เปิดที่เมกาบางนา จะมีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากทุกที่ที่เคยเปิด และมีร้านค้าย่อยอีกกว่า800ร้านทั้งอาหาร เครื่อง แฟชั่น ฯลฯ ให้เลือก

คริสเตียนยังแย้มถึงแผนอนาคตเมกาบางนา ว่า เตรียมผุดเมกาบางนาแห่งที่ 2 และ 3ในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกโซนทิศเหนือและติดกับถนนวงแหวนต่างๆ เพื่อรองรับลูกค้าให้เดินทางเข้ามาใช้บริการได้อย่างสะดวกในอีก3–5ปีข้างหน้า และสาขาที่ 3 จะใช้เวลาประมาณ7–10 ปี เพราะเชื่อมั่นธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเยี่ยม เป็นอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านกำลังซื้อ

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

ตัวเลข
เมกาบางนา 254 ไร่ คือขนาดของพื้นที่ 1 แสนคน คือ ลูกค้าเป้าหมายในแต่ละวัน 120 กิโลเมตร คือ ขอบเขตลูกค้า 4 แสนตารางเมตร คือ พื้นที่อาคารรวม 185,000
แสนตารางเมตร คือ คือ ขนาดพื้นที่ให้เช่า 4
แสนตารางเมตร คือ พื้นที่อาคารรวม 8,000 
คัน คือ คือ ขนาดของที่จอดรถ

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

34 % แฟชั่น 24% ร้านอาหาร 43% บริการการเงิน สุขภาพความงาม
แต่งบ้านไอที ตกแต่งบ้าน

]]>
14718