Nokia – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 18 Jul 2024 13:46:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘Nokia’ ทำรายได้ต่ำสุดในรอบ 10 ปี หลัง 5G ไม่เติบโต ฉุดหุ้นร่วง 8% https://positioningmag.com/1483294 Thu, 18 Jul 2024 13:31:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1483294 แม้ว่า โนเกีย (Nokia) จะไม่ได้ทำธุรกิจมือถือแล้ว เพราะขายสิทธิในการผลิตและจัดจำหน่ายให้กับ HMD Global ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่โนเกียก็ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานโทรศัพท์มือถืออยู่

อย่างไรก็ตาม หุ้นของ Nokia ก็ร่วงลง 8% หลังจากบริษัทได้รายงานกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/2024 ที่ลดลงมากถึง 32% เหลือ 423 ล้านยูโร ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่ทำกำไร 619 ล้านยูโร หรือลดลงเกือบ 1 ใน 3 โดยปัจจัยที่ทำให้กำไรของ Nokia ลดลงเนื่องมาจากความต้องการอุปกรณ์ 5G ที่ลดลง โดยยอดขายสุทธิของบริษัท ลดลง 18% เหลือ 4.47 พันล้านยูโร ซึ่งเป็นระดับ ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2015

“ผลกระทบที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อปีที่แล้วเราเห็นถึงจุดสูงสุดของการใช้งาน 5G อย่างรวดเร็วในอินเดีย โดยอินเดียคิดเป็น 3 ใน 4 ของการลดลง” Pekka Lundmark ซีอีโอของ Nokia กล่าว

โดยภาพรวมของตลาดจะยังคง ท้าทาย เนื่องจากผู้ให้บริการยังคงระมัดระวังในการลงทุนภาคส่วนเครือข่ายมือถือ แต่ Nokia คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมจะ มีเสถียรภาพ และ ยอดขายจะเติบโตขึ้น อย่างมีนัยสำคัญในช่วง ครึ่งหลังของปีนี้ โดยอิงจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เกิดขึ้นในไตรมาสล่าสุด

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเป้าผลการดำเนินงานทั้งปีให้ใกล้เคียงกับคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งอยู่ที่ 2.3-2.9 พันล้านยูโร 

“แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่การฟื้นตัวของยอดขายกลับเกิดขึ้นช้ากว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เราก็ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคงเพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งปี โดยได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินการอย่างรวดเร็วของเราในเรื่องต้นทุน”

ทั้งนี้ Nokia ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการสูญเสียสัญญาหลักในอเมริกาเหนือเมื่อปลายปีที่แล้ว เมื่อบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง AT&T เลือก Ericsson เป็นซัพพลายเออร์เพื่อสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมที่เรียกว่า ORAN เท่านั้น

บริษัทสัญชาติฟินแลนด์และคู่แข่งสัญชาติสวีเดนอย่าง Ericsson ได้เริ่มดำเนินโครงการลดต้นทุนอย่างหนักท่ามกลางการต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการลดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม Nokia ประกาศว่าจะเลิกจ้างพนักงานมากถึง 14,000 คน หลังจากรายได้ในไตรมาสที่ 3/2023 ลดลง โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนรวมลงระหว่าง 800-1,200 ล้านยูโร ภายในปี 2026 โดยปัจจุบันบริษัทได้ลดต้นทุนลงแล้วประมาณ 400 ล้านยูโร

Source

]]>
1483294
‘โนเกีย’ เล็งโละพนักงานถึง 14,000 ตำแหน่งเพื่อลดต้นทุน หลังผลประกอบการ Q3 ดิ่งฮวบ! https://positioningmag.com/1448702 Thu, 19 Oct 2023 07:22:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1448702 โนเกีย (Nokia) ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของฟินแลนด์ เตรียมปลดพนักงานมากถึง 14,000 คน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เนื่องจากบริษัทกำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่ท้าทาย

ปัจจุบัน โนเกีย ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่บริษัทเผชิญกับอุปสรรคจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และจากการลดการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานโดยผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ โดยไตรมาส 3 โนเกียรายงานรายได้สุทธิ ลดลง 20% เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาเหลือ 4.98 พันล้านยูโร กำไรลดลง 69% เหลือ 133 ล้านยูโร

ขณะที่รายได้หลักจาก ธุรกิจเครือข่ายมือถือ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ลดลง 24% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยกำไรจากการดำเนินงาน ลดลง 64% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากผู้ให้บริการในสหรัฐฯ และยุโรปลดการลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G ลง

จากผลประกอบการที่ไม่ดี ส่งผลให้โนเกียต้อง ลดพนักงานมากถึง 14,000 ตำแหน่ง เพื่อจะ ลดต้นทุน โดยคาดว่าการลดพนักงานครั้งนี้อาจช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรได้ 10-15% ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนรวมระหว่างปี 2566-2569 ให้ได้ 800-1.2 พันล้านยูโร ปัจจุบัน โนเกียมีพนักงานทั่วโลกประมาณ 86,000 คน

Source

]]>
1448702
สมาร์ทโฟนไม่ปัง ‘โนเกีย’ ขอขุดอดีตดัน ‘ฟีเจอร์โฟน’ ปลุกกระแส Retro จับกลุ่มวัยเก๋า! https://positioningmag.com/1397180 Tue, 23 Aug 2022 05:15:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397180 หากพูดถึงตลาดมือถือเมื่อช่วง 15-20 ปีที่แล้ว แบรนด์ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดนั้นหนีไม่พ้น ‘Nokia’ (โนเกีย) ที่นอกจากจะแข็งแกร่งในแง่การเป็นผู้นำตลาดแล้ว ตัวมือถือที่มีจุดเด่นด้านความ ‘อึด ถึก ทน’ และแม้จะมาในยุคสมาร์ทโฟน โนเกียก็ยังคงทำตลาดมือถือ ‘ฟีเจอร์โฟน’ หรือมือถือ ‘ปุ่มกด’ มาอย่างต่อเนื่อง

นับตั้งแต่ปี 2017 ที่ โนเกีย ได้เริ่มกลับมาทำตลาดอีกครั้ง ภายใต้การดำเนินงานของ HMD Global ก็ได้ส่งทั้ง สมาร์ทโฟน, ฟีเจอร์โฟน และ แท็บเล็ต ทำตลาดในไทยแล้วนับสิบรุ่น อย่างสมาร์ทโฟนทางโนเกียก็พยายามทำตลาดครอบคลุมทุกระดับ อาทิ Nokia 3, Nokia 5, Nokia 7 Plus ที่เน้นตลาดเริ่มต้นจนถึงระดับกลาง ส่วนกลุ่มเรือธงก็มี Nokia 8

ขณะที่กลุ่มฟีเจอร์โฟนที่ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการหยิบ มือถือรุ่นคลาสสิกมาอัปเกรดใหม่ให้ทันสมัยขึ้น อาทิ ไม่ว่าจะเป็น Nokia 3310 เวอร์ชั่นปี 2017 หรือ Nokia 8110 รุ่นกล้วยหอมในตำนาน และเกาะกระแสฝาพับของสมาร์ทโฟนยุคนี้ด้วย Nokia 2720 และปลายปีนี้โนเกียได้ส่งฟีเจอร์โฟนใหม่อีก 3 รุ่นเพื่อทำตลาด โดยจะเริ่มวางจำหน่าย 1 ก.ย. นี้ ได้แก่

  • Nokia 8210 รุ่นปี 1999 ที่มีชื่อเล่นว่ารุ่น นางฟ้าชาร์ลี จากที่ปรากฏในภาพยนตร์ Charlie’s Angels โดยออกมา 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงินเข้ม และสีแดง ราคา 2,290 บาท
  • Nokia 5710 XpressAudio โดยมีลูกเล่นที่หูฟัง TWS ติดมากับตัวเครื่อง และฝาหลังสามารถสไลด์ขึ้น-ลง วางจำหน่ายสีดำแดง ราคา 2,690 บาท
  • Nokia 2660 Flip ฟีเจอร์โฟนฝาพับ มีขนาดหน้าจอหลักขนาด 2.8 นิ้ว QVGA กับจอบนฝาพับขนาด 1.77 นิ้ว ราคา 2,490 บาท

ภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล (HMD) ระบุว่า สาเหตุที่โนเกียยังปลุกชีพตำนานโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะ ยังคงเป็นที่ต้องการ โดยคาดว่าภาพรวมตลาดทั่วโลกในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีความต้องการถึง 157 ล้านเครื่อง มีมูลค่าราว 1.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนตลาดไทยก็ยังมีความต้องการเป็นหลัก ล้านเครื่อง

แม้ตลาดฟีเจอร์โฟนไทยไม่ได้เติบโตมาก แต่ยังมีโอกาสอยู่ในกลุ่มของ ผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่ต้องมือถือสำรองเครื่องที่สอง รวมถึง ลูกค้าองค์กร ที่อาจต้องการมือถือที่ใช้โทรออกรับสายอย่างเดียว ไม่ได้ต้องการใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม เด็ก ที่ผู้ปกครองซื้อมือถือเครื่องแรกให้พกติดตัว แต่ไม่อยากซื้อสมาร์ทโฟน

“ผู้บริโภคไม่ได้ต้องเลือกว่าจะใช้สมาร์ทโฟนแล้วซื้อฟีเจอร์โฟนไม่ได้ บางคนมีหาฟีเจอร์โฟนเป็นเครื่องสำรอง หรือกลุ่มที่ไม่อยากใช้สมาร์ทโฟนอย่างผู้สูงอายุที่ต้องการฟังก์ชันพื้นฐาน อย่างเสียงชัด แบตอึด และความคงทนของสินค้า”

หากดูจากกลุ่มเป้าหมายก็ไม่น่าแปลกใจที่ฟีเจอร์โฟนจะยังไปต่อได้ เพราะต้องยอมรับว่าผู้สูงอายุเองอาจไม่ถนัดใช้สินค้าเทคโนโลยี อีกทั้งยังต้องการใช้แค่ฟีเจอร์พื้นฐาน ดังนั้น แม้จะราคาใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนตัวล่าง ๆ แต่ก็สะดวกใจจะใช้มากกว่า

แต่ถ้ามองลึกลงไปอีก การที่โนเกียเข็นฟีเจอร์โฟนออกมา อาจเป็นเพราะว่าดันยอดขายง่ายกว่าสมาร์ทโฟน เพราะต้องยอมรับว่าในตลาดตอนนี้มีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะจากแบรนด์จีน ซึ่งในตลาดไทยแม้ว่าโนเกียจะมี สมาร์ทโฟน จำหน่ายถึง 9 รุ่น ส่วน ฟีเจอร์โฟน มีแค่ 7 รุ่น แต่กลับกลายเป็นว่าสัดส่วนยอดขาย 70% มาจากฟีเจอร์โฟน ส่วนสมาร์ทโฟน 30% และเชิงมูลค่าฟีเจอร์โฟนคิดเป็น 60% สมาร์ทโฟน 40%

3310 รุ่นปี 2017

จากตัวเลขสัดส่วนยอดขายฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟนของโนเกีย ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนอาจไม่ใช่แบรนด์แรกที่ผู้บริโภคนึกถึงอีกต่อไป แต่กับฟีเจอร์โฟนยังคงเป็นจุดแข็งและเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้บริโภค ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ภาพจำ ของแบรนด์ บวกกับเทรนด์ Nostalgia Marketing ที่คนโหยหาอดีต ดังนั้น การเลือกมือถือเครื่องที่สองจึงอยากได้แบรนด์ที่คุ้นเคยในอดีต

ปัจจุบัน โนเกียถือเป็นผู้นำในตลาดของฟีเจอร์โฟนในหลายประเทศ สำหรับประเทศไทยก็เป็น เบอร์ 1 มีสัดส่วนเกิน 50% ของตลาด และการเปิดตัวฟีเจอร์โฟน 3 รุ่นใหม่นี้ คาดว่าจะสร้างการเติบโตได้ 40% ผ่านช่องทางการขายกว่า 4,000 แห่งทั่วไทย รวมถึงช่องทางออนไลน์ อาทิ Shopee, Lazada และ JD.Central โดยโนเกียจะเน้นทำการตลาดออนไลน์เพื่อสร้างการรับรู้ และมีกิจกรรม ณ จุดขายหน้าร้านเป็นหลัก

]]>
1397180
“โนเกีย” เดินหน้าพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 https://positioningmag.com/1391359 Tue, 05 Jul 2022 07:55:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1391359 ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดบนเส้นทางสู่อุตสาหกรรม 4.0 นับตั้งแต่การประกาศแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของรัฐบาลเพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านหุ่นยนต์, การใช้ระบบออโตเมชันในโรงงาน, การบิน, โลจิสติกส์และการเกษตร

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะในภูมิภาคด้วยการนําเทคโนโลยี 5G มาใช้ครั้งแรกในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และยังพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากโซลูชันเพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล

ในฐานะที่โนเกียเป็นผู้นําในด้านอินเทอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่งสำหรับภาคอุตสาหกรรม (IIoT) และเครือข่ายสําหรับอุตสาหกรรม 4.0 บริษัทจึงได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบโซลูชันสำหรับองค์กรและส่งเสริมเมืองอัจฉริยะและระบบนิเวศอุตสาหกรรมของประเทศไทยตามที่ได้บรรยายในงานสัมมนาครั้งนี้

โนเกียให้คำมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่ออกแบบตามวัตถุประสงค์สําหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในอุตสาหกรรม 4.0 และเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตั้งแต่โซลูชัน Nokia Digital Automation Cloud (DAC) ไปจนถึง Routing Silicon รุ่นที่ห้าบริษัทนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมไปสู่ระบบปฏิบัติการ Ready 4.0 Anything operations ซึ่งสนับสนุนโดยภารกิจ ธุรกิจ และเครือข่ายที่สำคัญทางสังคมของโนเกีย

โนเกียยังเผยด้วยว่าการเชื่อมต่อไร้สายในเครือข่ายแบบส่วนตัวได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งสําคัญในการขับเคลื่อนเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ทั้งยังช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถหลอมรวมเข้ากับกระบวนการดิจิทัลโดยการเชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งเครื่องจักรเซ็นเซอร์และพนักงานเคลื่อนที่ด้วยวิธีที่มีความยืดหยุ่น เข้าถึงได้ ปลอดภัยและน่าเชื่อถือที่สุด ด้วยการให้บริการโซลูชันสำหรับภารกิจสำคัญให้แก่ลูกค้าองค์กร

ฐิติพันธุ์ วรกุลลัฎฐานีย์ ผู้บริหารฝ่ายขายองค์กร (Enterprise Sales Leader) บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทย กล่าวว่า

“เทคโนโลยีที่มีความแข็งแกร่งที่พิสูจน์แล้วอย่าง 5G และการเชื่อมต่อในเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวช่วยในการสร้างระบบต้นแบบเมืองที่มีความอัจฉริยะ และมีบูรณาการที่ช่วยวางรากฐานสำหรับเมืองแห่งอนาคตได้ เมื่อประเทศไทยยังคงเดินหน้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่องค์กรในประเทศไทยจะเร่งผลักดันการยอมรับเทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึงการเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นดิจิทัลและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย”

โนเกียได้ดำเนินการจัดการเครือข่ายสำหรับภารกิจสำคัญให้แก่ลูกค้าองค์กรกว่า 2,000 ราย ที่อยู่ในธุรกิจการขนส่ง, พลังงาน, องค์กรขนาดใหญ่, ภาคการผลิต, ระบบ Webscale และหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้เผยแพร่ความเชี่ยวชาญไปสู่ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ด้านการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวอีกกว่า 450 แห่งทั่วโลกในหลากหลายภาคส่วน และได้รับการอ้างอิงโดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมจํานวนมากในฐานะผู้ให้บริการการเชื่อมต่อไร้สายแบบส่วนตัว ชั้นนําของโลก

ระบบขนส่งรางกับระบบ 5G

GSM-R คือระบบเครือข่าย 2G เดิม ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้นเหตุที่ 5G คืออนาคตของอุตสาหกรรมนี้เป็นเพราะมันจะช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของการนำไปใช้งาน อุปสงค์ที่ต้องการใช้งานในอุตสาหกรรมการขนส่งทางราง อาทิ เทคโนโลยีออโตเมชั่นโรโบติกส์ และปัญญาประดิษฐ์ ที่จำเป็นต้องอาศัยแบนด์วิดท์ที่เร็วขึ้น และกว้างขึ้นเพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล

โนเกียได้ให้การสนับสนุนลูกค้าเสมอด้วยการให้ข้อมูล องค์ความรู้ และการสนับสนุนด้านเทคนิค สนับสนุนด้วยการเป็นที่ปรึกษาในการวางแผนเครือข่ายการขนส่งทางรางที่สอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับของภาครัฐและยังเป็นมาตรฐานสากล

ในประเทศไทยการสนับสนุน และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางส่วนใหญ่จะมาจากรัฐบาล ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลมีการลงทุนมากกว่า 4 ล้านล้านบาทในโครงการระบบขนส่งทางราง อากาศ และทะเล นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนที่จะพัฒนาการเดินรถไฟในจังหวัดหนองคายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างประเทศไทย และลาวที่สามารถต่อขยายไปสู่ประเทศจีนได้เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพทางการค้าให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนยังร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางในประเทศไทยอีกด้วย

ความท้าทายส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่โนเกียก็พร้อมที่จะนำเสนอเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีใช้สำหรับระบบขนส่งทางรางเท่านั้น แต่ยังสามารถให้บริการระบบขนส่งอื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นใน สนามบิน ท่าเรือ โรงงานอัจฉริยะ ที่รวมถึงการทำเหมืองแร่ และหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ มีโซลูชันที่รองรับการใช้งานที่หลากหลายไม่ว่าธุรกิจใดก็ตาม

ยกตัวอย่างเช่น รถไฟความเร็วสูง เพราะเป็นระบบขนส่งที่มีความรวดเร็ว สะดวกสบาย และมีความปลอดภัย หากประเทศไทยมีโครงข่ายระบบขนส่งทางรางความเร็วสูง คนก็จะขับรถยนต์ส่วนตัวน้อยลงซึ่งจะช่วยลดการปล่อยพลังงานได้ด้วย มีหลายแง่มุมทีเดียวที่โนเกียยินดีจะให้การสนับสนุนรัฐบาล

]]>
1391359
‘โนเกีย’ ส่ง ‘Nokia T20’ แท็บเล็ตรุ่นแรกเติมพอร์ตตลาดไทย ปักเป้าโต 100% ในสิ้นปี https://positioningmag.com/1373078 Mon, 07 Feb 2022 10:49:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373078 หลังจากที่เคยถูกลบหายไปจากตลาดมือถือเนื่องจากการมาของสมาร์ทโฟน ‘โนเกีย’ (Nokia) ก็พยายามจะกลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง โดยในปีที่ผ่านมา โนเกียภายใต้การดำเนินงานของ ‘HMD Global’ ก็ได้ส่งสมาร์ทโฟนสู่ตลาดไทยแล้วกว่า 12 รุ่น และมี Nokia G50 สมาร์ทโฟน 5G รุ่นแรกทำตลาดด้วย ล่าสุด ก็ได้เปิดตัว ‘Nokia T20’ แท็บเล็ตรุ่นแรกมาเติมพอร์ตสินค้า พร้อมปักเป้าเติบโต 100%

ปล่อยแท็บเล็ตรุ่นแรกจับคนทำงานนักเรียน

หากพูดถึงตลาดแท็บเล็ตแม้จะไม่ใช่ตลาดที่ใหญ่เท่ากับสมาร์ทโฟนเพราะไม่ใช่อุปกรณ์หลักในการใช้งาน แต่ในปี 2020 ตลาดแท็บเล็ตก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมามียอดขายรวมกว่า 170 ล้านเครื่องทั่วโลก เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานแท็บเล็ตเพิ่มขึ้น 53% โดย 27% เห็นว่ามีส่วนสำคัญในการใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อการทำงานหรือเรียนออนไลน์

“แม้ว่าปีนี้ตลาดแท็บเล็ตอาจจะไม่เติบโตมากเท่าปีก่อน แต่เราเชื่อว่าตลาดยังมีความต้องการที่คงที่ ขณะที่การแข่งขันก็ไม่ได้สูงเหมือนกับตลาดสมาร์ทโฟน เราจึงมองว่ามีช่องให้ทำตลาดได้อยู่” ภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล (HMD) กล่าว

ภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล (HMD)

ภราดร กล่าวต่อว่า ในตลาดมีแท็บเล็ตที่ไม่มีแบรนด์ชัดเจนในตลาดมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,000-3,000 บาท แต่ที่มีแบรนด์ชัดเจนจะมีราคาเริ่มต้นที่ 7,000-30,000 บาท ซึ่ง Nokia T20 แท็บเล็ตรุ่นแรกของแบรนด์นั้นมีราคาที่ 8,590 บาท เน้นนำเสนอถึงความคุ้มค่าสามารถใช้ได้ยาว ๆ ที่สอดคล้องกับอายุการใช้งานที่ 2-3 ปี โดยกลุ่มเป้าหมายของ Nokia T20 จะเน้นไปที่กลุ่มคนทำงานและนักเรียนเป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งาน

“เราเห็นว่ากลุ่มคนทำงานมักใช้แท็บเล็ตเพื่อวิดีโอคอล ส่วนเยาวชนก็ใช้แท็บเล็ตเพื่อเรียนออนไลน์ เนื่องจากหน้าจอที่ใหญ่ ลำโพงเสียงดัง นอกจากนี้เรายังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ผู้ปกครองสามารถควบคุมได้”

ทั้งนี้ จุดเด่นของ Nokia T20 คือ ความทนทานและความปลอดภัย โดยมีหน้าจอ 10.4 นิ้ว ความละเอียด 2K รองรับการเชื่อมต่อ 4G (นาโนซิมการ์ด) ตัวเครื่องให้แบตเตอรี่ใหญ่ถึง 8200 mAh ใช้งานออนไลน์ได้กว่า 15 ชั่วโมง ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 โดยจะอัปเดตความปลอดภัยรายเดือนตลอด 3 ปี

ปักเป้าโต 100% ในสิ้นปี

หลังจากเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นแรกแล้ว แผนปีนี้ของบริษัทคือการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง G ซีรีส์ และ C ซีรีส์ นอกจากนี้ ยังมีสมาร์ทโฟน X Series ในโรดแมปเพื่อเจาะตลาดสมาร์ทโฟนระดับบน เพื่อให้ครอบคลุมทุกระดับราคา เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น โดยปีนี้โนเกียตั้งเป้าที่จะเติบโตให้ได้ 100% จากปีที่ผ่านมาเติบโต 50%

“เป้าหมายของโนเกียในปีนี้คือ การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุม และตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานมากขึ้น เริ่มต้นปีด้วย T20 แท็บเล็ตรุ่นแรก”

‘โนเกีย’ สู้ไม่ถอย ส่งสมาร์ทโฟน 5G รุ่นแรกลงสนาม หวังกระแสช่วยพา Come Back!

คนรู้จักโนเกียแต่มองข้ามจุดแข็ง

ภราดร ยอมรับว่า ในเรื่องของการรับรู้ของแบรนด์โนเกียไม่ใช่ปัญหา เพราะเป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน โดยจากการตอบรับในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ก็เห็นแนวโน้มที่ดี อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของโนเกียในปัจจุบันคือ การเป็นตัวเลือกที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ (Decision Making) ที่โนเกียต้องพัฒนาตรงนี้ โดยนอกจากการทำราคาและสเปกที่คุ้มค่าแล้ว โนเกียก็พยายามจะสื่อสารถึงเรื่อง ความทนทาน ความปลอดภัย การอัปเดตระบบปฏิบัติการที่สม่ำเสมอ เพื่อสร้างจุดแตกต่างกับคู่แข่ง แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคมักมองข้าม

“ในสมัยของฟีเจอร์โฟนทุกคนรู้ว่าโนเกียมีจุดเด่นเรื่องความทนทาน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของฮาร์ดแวร์ เราเองก็พยายามจะสื่อสารให้ผู้บริโภคเห็นโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยให้เป็น DNA ของแบรนด์ว่าทนทาน ปลอดภัย ซึ่งเรายังต้องพยายามสร้างต่อไป”

]]>
1373078
มือถือไม่ปัง ‘Nokia’ ขอดัน ‘แท็บเล็ต’ รุ่นแรกแทน พร้อมแบตโหดใช้ได้นาน 15 ชั่วโมง ราคาไม่ถึงหมื่น https://positioningmag.com/1356283 Tue, 12 Oct 2021 08:43:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356283
หลังจากที่บริษัท ‘HMD Global’ ที่เกิดจากเหล่าอดีตพนักงาน ‘Nokia’ ได้ซื้อลิขสิทธิ์ชื่อแบรนด์เพื่อพยายามจะคืนชีพให้กับแบรนด์อีกครั้ง แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายยังไม่ใกล้กับ ‘ความสำเร็จ’ ในอดีต แต่ ‘ฟีเจอร์โฟน’ กลับได้รับการตอบรับดีกว่าเสียอีก แต่บริษัทก็ไม่ยอมแพ้ขอจับกระแส Work and Learn from Home ออก ‘แท็บเล็ตรุ่นแรก’ ลุยตลาด

ไม่รู้ว่าไม่มีโชคหรือหมดยุคของ Nokia ไปแล้ว เพราะตลอดเวลาที่ทำตลาดสมาร์ทโฟนกลับไม่ปังอย่างที่คิด โดยปีที่ผ่านมา โนเกียมีส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ในตลาดสมาร์ทโฟนไม่ถึง 1% กลับกลายเป็นว่าการเปิดตัวสินค้าที่โดดเด่นที่สุดเป็นฟีเจอร์โฟนอย่าง Nokia 3310 และ Nokia 8110 ‘บานาน่าโฟน’ ที่มีอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Matrix’

อ่าน >>> ‘โนเกีย’ สู้ไม่ถอย ส่งสมาร์ทโฟน 5G รุ่นแรกลงสนาม หวังกระแสช่วยพา Come Back!

HMD มองว่า ในปัจจุบันความต้องการของแท็บเล็ตมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากการ Work from Home และการ Learn from Home ของเด็ก ๆ โดยจากข้อมูลของ Strategy Analytics ยอดขายแท็บเล็ตทั่วโลกในปี 2020 มีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น นับเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้น HMD จึงเปิดตัว ‘Nokia T20’ แท็บเล็ตรุ่นแรกของแบรนด์ ออกมาทำตลาด โดยจะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android ของ Google มีขนาดหน้าจอ 10.4 นิ้ว แสดงผลระดับ 2K มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 8,200 มิลลิแอมป์ สามารถใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมง สามารถดูวิดีโอสตรีมมิ่งนาน 10 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับครอบครัว เช่น Google Kids Space การตั้งค่า ‘โหมดสำหรับเด็ก’ ที่แสดงเฉพาะเนื้อหาที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ และ Family Link ซึ่งเป็นระบบที่แนะนำการควบคุมโดยผู้ปกครอง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับการอัปเดตความปลอดภัยรายเดือนตลอด 4 ปีและการอัพเกรดเวอร์ชัน Android อีก 3 ปี

อย่างไรก็ตาม Adam Ferguson หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ HMD กล่าวว่า แท็บเล็ตของ Nokia ไม่ได้ตั้งใจทำออกมาเพื่อแข่งกับ iPad ของ Apple แต่จะเป็นตัวเลือกของแท็บเล็ต Android ด้วยกัน รวมถึงเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรด้วย

“เราไม่มีแผนในการมุ่งเน้นจะกินส่วนแบ่งของใคร แต่เราเชื่อว่า Nokia T20 มีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้ใช้ Android มากกว่าลูกค้าของ Apple”

สำหรับ Nokia T20 เริ่มต้นที่ราคา 199 ยูโร (ราว 7,700 บาท) มีให้เลือกสองรุ่น ได้แก่ รุ่นรองรับ Wi-Fi และรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ 4G ราคาอยู่ที่ 239 ยูโร (ราว 9,300 บาท) โดยเฟอร์กูสันกล่าวว่า ในอนาคต บริษัทมีแผนจะเปิดตัวแท็บเล็ตอีก และจะรองรับ 5G อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวันวางจำหน่ายของ Nokia T20

Source

]]>
1356283
‘โนเกีย’ สู้ไม่ถอย ส่งสมาร์ทโฟน 5G รุ่นแรกลงสนาม หวังกระแสช่วยพา Come Back! https://positioningmag.com/1353585 Mon, 27 Sep 2021 11:15:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353585 หากพูดยุคสมาร์ทโฟน ชื่อแบรนด์โทรศัพท์มือถือที่คนส่วนใหญ่คุ้นคงหนีไม่พ้น iPhone, Samsung, Xiaomi, Huawei, Oppo ฯลฯ แต่หากย้อนกลับไปช่วง 15-20 ปีที่แล้ว แบรนด์มือถือที่ใคร ๆ ต้องรู้จักคงหนีไม่พ้น ‘Nokia’ (โนเกีย) มือถือที่มีจุดเด่นด้านความ ‘อึด ถึก ทน’ ซึ่งในปัจจุบันนี้โนเกียยังคงอยู่ในตลาดสมาร์ทโฟนภายใต้บริษัท HMD Global

ย้อนตำนานโนเกีย

หากพูดถึงแบรนด์โนเกียคน Gen X, GenY น่าจะรู้จักและเคยได้สัมผัสกันอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็น Gen Z ที่เกิดระหว่างปี 2540 – 2555 และมีอายุระหว่าง 9 – 24 ปี อาจจะพอเคยได้สัมผัสมาบ้าง แต่น่าจะคุ้นเคยกับสมาร์ทโฟนมากกว่า ซึ่งในช่วง 15-20 ปีที่แล้ว โนเกียแบรนด์มือถือสัญชาติฟินแลนด์ถือเป็นแบรนด์มือถืออันดับ 1 ของโลก โดยเฉพาะปี 2000-2007 ที่ถือเป็นยุคทองเลยก็ว่าได้ ก่อนที่จะมีการมาของสมาร์ทโฟน

ด้วยจุดเด่นด้านความทนทาน โดยเฉพาะรุ่น 3310 ที่เรียกได้ว่าตำนาน ตลอดจนมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่มีฟีเจอร์เด่น ๆ ตามออกมา ไม่ว่าจะเป็น Nokia N-Gage หรือ Nokia 7610 หรือ รุ่นใบไม้ เพราะด้วยดีไซน์ที่เหมือนใบไม้นั่นเอง แต่หลังจากการมาของโทรศัพท์หน้าจอสัมผัส หรือสมาร์ทโฟน ชื่อเสียงของโนเกียก็ค่อย ๆ หายไปกับกาลเวลา

Nokia 7610

โลกของสมาร์ทโฟนจะมี 2 ระบบปฏิบัติการที่คนคุ้นเคยก็คือ iOS ของ Apple และ Android แต่หลายคนอาจจะลืม (หรือไม่รู้ด้วยซ้ำ) ว่ามีระบบ ‘Windows Phone’ ด้วย โดยในปี 2014 Microsoft ทุ่ม 7,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อกลุ่มธุรกิจ Mobile Device ของโนเกีย ก่อเกิดเป็น Windows Phone แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

จนมาปี 2016 บริษัท HMD Global ที่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติฟินแลนด์ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของผู้บริหาร และพนักงานเก่าโนเกีย ได้ซื้อธุรกิจ Mobile Device คืนจาก Microsoft เพื่อคืนชีพโนเกียกลับมาสู่ตลาดมือถืออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android แทน โดยได้เปิดตัว Nokia 6 ในช่วงต้นปี 2017 เป็นรุ่นแรก และภายในงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2017 ครั้งที่ 27 แบรนด์โนเกียภายใต้บริษัท HMD Global ก็มาเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรก

นับตั้งแต่ปี 2017 ที่ได้เริ่มกลับมาทำตลาดอีกครั้ง โนเกียก็ส่งสมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟน ลุยตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Nokia 3310 เวอร์ชั่นปี 2017 หรือในฝั่งของสมาร์ทโฟนก็พยายามทำตลาดครอบคลุมทุกระดับ อาทิ Nokia 3, Nokia 5, Nokia 7 Plus ที่เน้นตลาดเริ่มต้นจนถึงระดับกลาง ส่วนกลุ่มเรือธงก็มี Nokia 8

อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 โนเกียไม่ได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้ตลาดได้เท่าที่ควรเพราะเรือธงอย่าง Nokia 9 PureView นั้นมีสเปกในระดับเรือธงปี 2018 นอกเหนือจากจะเปิดตัวล่าช้าแล้ว กำหนดการวางจำหน่ายก็ค่อนข้างช้าเช่นเดียวกัน เพราะในไทยกว่าจะวางขายก็ล่วงเลยมาถึงช่วงกลางปี 2019 และมาปี 2020 ที่เกิดวิกฤต COVID-19 ทางโนเกียก็กลับไม่มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงในตลาด

Nokia Lumia with the Windows Phone operating system

เปิดตัว Nokia G50 สมาร์ทโฟน 5G รุ่นแรก

มาปี 2021 ในช่วงครึ่งปีแรก ทางโนเกียได้เปิดตัวทั้งหมด 8 รุ่น แบ่งเป็นสมาร์ทโฟน 6 รุ่น และฟีเจอร์โฟน 2 รุ่น โดยมีอัตราการเติบโต 40% โดยมีปัจจัยบวกจากช่วงมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เกิดการปรับตัวของธุรกิจ และการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว ทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน และเพื่อใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น เป๋าตัง หมอพร้อม และแอปฯ ธนาคาร

ล่าสุด โนเกียก็เปิดตัว Nokia G50 สมาร์ทโฟน 5G รุ่นแรกจากโนเกียที่รองรับทุกความถี่ 5G ในประเทศไทย โดยวางราคาในไทยเป็นทางการที่ 8,590 บาท (เครื่องเปล่า) แม้จะถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ในกลุ่มกลางราคาไม่ถึงหมื่นบาท แต่โนเกียก็ได้ ทรูมูฟเอช เป็นพันธมิตรในการบันเดิลแพ็กเกจ (สัญญา 1 ปี) ทำให้ราคาเครื่องเริ่มต้นเพียง 1,590 บาทเท่านั้น

ทั้งนี้ จุดเด่นของสมาร์ทโฟนของโนเกียคือ ความทนทาน อีกทั้งยังการันตีการอัปเดตความปลอดภัยรายเดือนเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี พร้อมกับ Android เวอร์ชั่นล่าสุด ที่รองรับการอัพเกรด Android 12 และเวอร์ชั่นใหม่ในอนาคต ทำให้สมาร์ทโฟนของโนเกียจะปลอดภัยและยังใหม่ตลอดด้วยการอัพเกรดแอนดรอยด์เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

ตั้งเป้าโต 50% ในสิ้นปี

อย่างไรก็ตาม คำถามที่ตามมาคือ ทำไมต้องเป็น Nokia G50 เพราะนอกจากรุ่นดังกล่าว โนเกียยังมี Nokia 8.3 5G แต่ไม่ได้นำมาทำตลาด ซึ่งทางผู้บริหารอย่าง นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ก็ให้คำตอบว่า “ต้องการนำรุ่นที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย ในสเปกที่ดีแต่มีราคาที่จับต้องได้ และมาในเวลาที่เหมาะสม”

นอกจากจะเป็นพันธมิตรกับทรูมูฟเอชแล้ว ทางโนเกียยังมีบริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ YAS ผู้จัดจำหน่ายและจัดส่งสินค้าโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน อุปกรณ์เสริม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นพาร์ตเนอร์ในการจัดจำหน่าย ทำให้ครอบคลุมร้านรายย่อยกว่า 3,000 ราย ดังนั้น จากทิศทางดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าโนเกียจะเน้นในตลาดกลุ่มเริ่มต้นและกลุ่มกลางเป็นหลัก

ด้วยการเติบโตของ 5G ที่โนเกียคาดว่าจะขยายตัวขึ้น 42% รวมถึงหลังจากการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในไตรมาส 4 ชัดจะช่วยให้โนเกียสามารถเติบโตได้ 50% ภายในปีนี้

“สัดส่วนสมาร์ทโฟน 5G ยังไม่มีตัวเลขชัดเจนแน่นอน แต่มีการเติบโตอย่างมาก เราหวังว่า 5G จะเป็นการนำสิ่งที่ดีทั้งการนำโนเกียเข้าสู่ตลาด และปูทางเข้าหาพาร์ตเนอร์ได้มากขึ้น”

ด้วยความที่ HMD Global มีใบอนุญาตในการผลิตสมาร์ทโฟน รวมถึงแท็บเล็ตภายใต้ชื่อแบรนด์โนเกียเป็นระยะเวลา 10 ปีเต็ม ดังนั้น ยังพอมีเวลาให้โนเกียได้ทำตลาดอยู่ แต่คงต้องยอมรับว่าเส้นทางนี้ไม่ง่ายแน่นอน เพราะ 5 อันดับของสมาร์ทโฟนทั่วโลกล้วนแล้วแต่แข็งแรงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ Samsung, Xiaomi, Apple, Oppo และ Vivo ส่วนอันดับอื่น ๆ ก็ยังมีแบรนด์จีนในสนามอีกเพียบ ก็ต้องรอดูว่าการพยายามกลับมาในตลาดของโนเกียจากนี้ไปจนถึงปี 2026 จะเป็นอย่างไรต่อไป

]]>
1353585
‘Nokia’ ประกาศลดพนักงาน ’10,000 ตำแหน่ง’ หวังนำงบมาทุ่มพัฒนา ‘5G’ https://positioningmag.com/1323761 Wed, 17 Mar 2021 07:08:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323761 แม้ว่า ‘หัวเว่ย’ (Huawei) บริษัทโทรคมนาคมจากจีนจะเจอปัญหาจากการถูกสหรัฐฯ แบน จนทำให้หัวเว่ยเสียลูกค้าไปพอสมควร ถ้าจำกัดได้ก็คือการวางโครงข่าย 5G ในสหราชอาณาจักรที่ได้ ‘Nokia’ (โนเกีย) บริษัทโทรคมนาคมสัญชาติฟินแลนด์เสียบแทน และจากนั้นก็ไม่ค่อยเห็นความเคลื่อนไหวมากนัก อย่างไรก็ตาม แม้ Nokia จะได้แทนที่หัวเว่ย แต่ตลาด 5G ก็ยังมีคู่แข่งอยู่ อาทิ ‘Ericson’ (อีริคสัน) ดังนั้น Nokia จึงประกาศว่าจะทุ่มทรัพยากรทั้งหมดให้กับ 5G

‘Nokia’ พิ่งออกมาประกาศแผนการที่จะลดจำนวนพนักงานลงถึง 10,000 ตำแหน่งภายในสองปี หรือราว 10% ของพนักงาน โดยมีเป้าหมายในการลดค่าใช้จ่ายให้ได้ 600 ล้านยูโร (2.2 หมื่นล้านบาท) จากฐานต้นทุนภายในสิ้นปี 2566 โดยคาดว่าจะลดต้นทุนได้ครึ่งหนึ่งหรือ 300 ล้านยูโรภายในปี 2565

โดย Nokia ได้วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยเพิ่มเติมในเรื่องของ ‘5G’ ‘คลาวด์’ และ ‘ดิจิทัล’ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง ‘Ericsson’ ของสวีเดนและ ‘Huawei’ ของจีน อย่างไรก็ตาม การลดตำแหน่งงานในครั้งนี้อาจทำให้ Nokia ต้องสูญเสียเงินมากถึง 700 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 2 ปี

Pekka Lundmark CEO คนใหม่ของ Nokia ที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อปีที่ผ่านมาได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในเดือนตุลาคมว่า จะ “ทำทุกวิถีทาง” เพื่อเป็นผู้นำใน 5G

“แผนเหล่านี้เป็นแผนทั่วโลกและมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศส่วนใหญ่ โดยบริษัทกำลังเปลี่ยนโฟกัสจากต้นทุนทั่วไปไปสู่การวิจัยและพัฒนาซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการเติบโตและอัตรากำไรที่ดีขึ้นในอนาคต” ตัวแทนของ Nokia กล่าว

ปัจจุบัน Nokia มีพนักงาน 90,000 คน โดย Nokia ได้ลดตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งหลังจากการเข้าซื้อกิจการ Alcatel-Lucent ในปี 2559 โดย Nokia ในฝรั่งเศสได้ปรับลดพนักงานมากกว่า 1,000 ตำแหน่งในปีที่แล้ว ซึ่งไม่รวมอยู่ในแผนการปรับโครงสร้างปัจจุบัน

ในเดือนกุมภาพันธ์ Nokia คาดการณ์รายรับในปี 2564 จะลดลงอยู่ระหว่าง 20.6-21.8 พันล้านยูโร (7.6-8 แสนล้านบาท) จาก 2.19 พันล้านยูโร (8.03 แสนล้านบาท) ในปี 2563 โดยที่ผ่านมาทั้ง Nokia และ Ericsson ได้รับลูกค้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มเปิดตัวเครือข่าย 5G มากขึ้น แต่ Nokia ไม่ได้รับสัญญา 5G ใด ๆ ในประเทศจีนและยังแพ้ Samsung Electronics ในการจัดหาอุปกรณ์ 5G ให้กับ Verizon

Source

]]>
1323761
ส่งสัญญาณนอกโลก! นาซ่า เลือก “Nokia” ลุยติดตั้งเครือข่ายมือถือบน “ดวงจันทร์” https://positioningmag.com/1302354 Tue, 20 Oct 2020 08:35:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1302354 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างโนเกีย (Nokia) เตรียมส่งสัญญาณนอกโลก หลังได้รับเลือกจากองค์การนาซ่า ให้ติดตั้งเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บน “ดวงจันทร์” เป็นครั้งแรก

โดยการสร้างเครือข่ายมือมือบนดวงจันทร์ครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความพยายามขององค์การอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซ่า (NASA) ที่จะส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์อีกครั้งให้ได้ ภายในปี 2024 รวมทั้งการสร้างอาณานิคมของมนุษย์บนดวงจันทร์ในระยะยาว ภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า Artemis ซึ่งใช้งบประมาณสูงกว่า 370 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1 หมื่นล้านบาท) กระจายงานไปตามบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ อย่าง United Launch Alliance เเละ SpaceX 

โนเกีย ระบุว่า บริษัทจะเริ่มก่อสร้างและติดตั้งระบบสื่อสารบรอดแบนด์แบบไร้สายชุดแรกในอวกาศบนพื้นผิวของดวงจันทร์ ภายในปี 2022 นี้ ด้วยเงินลงทุนราว 14.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 400 ล้านบาท)โดยอุปกรณ์ของเครือข่ายที่จะนำไปใช้ จะมีออกเเบบให้เเข็งเเรงทนทานต่อสภาพเเวดล้อม เเละการลงจอดของยานอวกาศ รวมถึงมีขนาดเล็กกะทัดรัด มีน้ำหนักตามข้อกำหนดอย่างเข้มงวด

โดยโนเกีย โทรคมนาคมจากฟินเเลนด์ จะจับมือเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทออกเเบบยานอวกาศเอกชน Intuitive Machines ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ เพื่อจัดส่งอุปกรณ์สำหรับติดตั้งเครือข่ายการสื่อสารไปยังดวงจันทร์ จากนั้นเครือข่ายนี้ จะประมวลผลด้วยตัวเองเพื่อติดตั้งระบบการสื่อสารแบบ 4G LTE บนดวงจันทร์ เเละจะมีการอัพเกรดเป็น 5G ในที่สุด

สำหรับภารกิจสร้างเครือข่ายการสื่อสารชุดแรกบนดวงจันทร์ครั้งนี้ ทางโนเกียมองว่า จะเป็นประโยชน์กับภารกิจสำรวจดวงจันทร์ในอนาคต ทั้งเรื่องการสื่อสารเเละส่งข้อมูลจำนวนมากกลับมายังโลก ระบบสั่งการเเละควบคุมจากระยะไกล ระบบนำทางเรียลไทม์ การควบคุมยานพาหนะที่ใช้สำรวจดวงจันทร์ รวมไปถึงการถ่ายทอดวิดีโอเเบบสตรีมมิ่งความคมชัดสูงจากดวงจันทร์ด้วย

 

ที่มา : Reuter , CNN

]]>
1302354
ขอเสียบแทน! ‘Nokia’ ปิดดีล 5G ในสหราชอาณาจักรหลัง ‘Huawei’ ถูกแบน https://positioningmag.com/1299294 Wed, 30 Sep 2020 04:50:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1299294 เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ‘โนเกีย’ (Nokia) บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก ได้ลงนามข้อตกลงในการวางอุปกรณ์ 5G กับ BT ซึ่งเป็นกลุ่มโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ขณะที่ความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สหราชอาณาจักรได้ประกาศแบนอุปกรณ์ ‘หัวเว่ย’ (Huawei) จากเครือข่าย 5G ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งดีลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า Nokia กำลังแทนที่ส่วนแบ่งโครงสร้างพื้นฐานที่เหลือของ Huawei ในเครือข่าย 5G ของ BT

ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคม ‘สหราชอาณาจักร’ ด้อนุมัติให้ ‘หัวเว่ย’ เข้ามาวางเครือข่าย 5G โดยจำกัดการมีส่วนร่วมที่ 35% ของโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด แต่ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลก็กลับลำสั่งห้ามบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศซื้ออุปกรณ์เครือข่าย 5G จากหัวเว่ยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2021

นอกจากนี้ ยังสั่งให้บริษัทเหล่านี้ถอดอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยที่ติดตั้งไปแล้วทั้งหมดออกจากเครือข่ายภายในปี 2027 ด้วยสาเหตุที่หลายคนคงเดาออกก็คือ ‘ความปลอดภัยของข้อมูล’ แม้ว่าจะทำให้การเริ่มใช้ระบบการสื่อสาร 5G ของประเทศต้องล่าช้าออกไปอีก 1 ปี อีกทั้งจะส่งผลให้เกิด ‘ความล่าช้าสะสม’ นานถึง 3 ปีซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่า 2 พันล้านปอนด์ หรือราว 8 หมื่นล้านบาทก็ตาม

Philip Jansen ซีอีโอของ BT Group กล่าวในแถลงการณ์ว่า ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว โนเกียจะจัดหาอุปกรณ์และบริการ 5G ที่ไซต์คลื่นวิทยุ 11,600 BT ทั่วสหราชอาณาจักร โดย BT จะใช้อุปกรณ์ AirScale Single Ran (S-RAN) ของโนเกียเพื่อให้บริการครอบคลุมทั้งในร่มและกลางแจ้งแก่ลูกค้า อุปกรณ์ดังกล่าวประกอบด้วยสถานีฐานและผลิตภัณฑ์โครงข่ายการเข้าถึงผ่านการรับส่งทางคลื่นวิทยุ

“ในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีการแข่งขันสูงเราจึงต้องตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม”

ปัจจุบัน โนเกียมีส่วนขับเคลื่อนเครือข่ายของ BT ในลอนดอนมิดแลนด์ของอังกฤษและพื้นที่ชนบทบางแห่ง แต่ตอนนี้โนเกียพร้อมที่จะขยาย footprint เพราะผลจากข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้โนเกียการกลายเป็นพันธมิตรโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของ BT โดยคาดว่าจะมีสัดส่วน 63% ของเครือข่ายทั้งหมดของ BT อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงินของข้อตกลงดังกล่าว

Pekka Lundmark ประธานและซีอีโอของ Nokia กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนวิวัฒนาการเครือข่าย 5G ของ BT และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า”

ด้านโฆษกของหัวเว่ย กล่าวว่า “เรายอมรับการแข่งขันที่เป็นธรรม เนื่องจากนำเสนอนวัตกรรมสำหรับผู้บริโภคและยิ่งซัพพลายเชนมีความหลากหลายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข่งขันได้มากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เครือข่ายในสหราชอาณาจักรต้องพึ่งพาผู้ขายสำหรับ 5G เพียง 2 ราย ทำให้การเปิดตัว 5G ล่าช้าและทำลายความหลากหลายของอุปทานซึ่งจำเป็นต่อความปลอดภัยของเครือข่าย”

Source

]]>
1299294