หลังจากร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมาระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุด OnePlus และ Oppo ก็กำลังควบรวมกิจการ โดย OnePlus กลายเป็นแบรนด์ย่อยของ Oppo โดยการควบรวมครั้งนี้จะเน้นไปที่การรวบรวมทรัพยากรมากขึ้น และเพื่อให้การดำเนินการบางอย่างราบรื่นและดีขึ้น

แม้ OnePlus จะกลายเป็น Sub-brand ของ Oppo แต่ในด้านการทำงาน OnePlus ยังคงดำเนินการได้อย่างอิสระ แม้จะอยู่ภายใต้การดูแลของ Oppo ก็ตาม ซึ่ง OnePlus จะยังคงมีผลิตภัณฑ์และการจัดงานอีเวนต์ของตัวเองเหมือนเดิม และจะยังคงมีส่วนร่วมกับลูกค้าโดยตรง

“การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ OnePlus มีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ช่วยให้สินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น นำการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ OnePlus” Pete Lau ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus ระบุ

ในอดีต Pete Lau และ Carl Pei ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus เคยเป็นอดีตรองประธานกรรมการบริษัท Oppo ก่อนจะออกมาทำแบรนด์ OnePlus ของตัวเอง และในเดือนพฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา Lau ซึ่งเป็น CEO ของ OnePlus ได้เข้ารับตำแหน่ง Chief Product Officer ของ Oppo

ตั้งแต่นั้นมา ทีมของ OnePlus ก็ได้ร่วมกับ Oppo เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของแบรนด์ให้ดีขึ้นและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีร่วมกัน โดยหลังจากที่เห็นผลกระทบเชิงบวกจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น จึงได้ตัดสินใจที่จะควบรวมกับ Oppo

สำหรับ OnePlus เปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 โดยมี Oppo เป็นผู้ถือหุ้น โดยจุดเด่นของ OnePlus คือ สมาร์ทโฟนสเปกเทพแต่ราคาถูกจนเคยได้ฉายา ‘นักฆ่าเรือธง’ โดย OnePlus จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนปีละ 1 รุ่นเหมือนกับ Apple สำหรับประเทศไทย OnePlus เข้าทำตลาดในปี 2018

Source

OnePlus เปิดตัวคอนเซ็ปต์สมาร์ทโฟน “Concept One” ในงาน CES 2020 ที่ลาส เวกัส โดยโชว์ศักยภาพงานออกแบบด้านหลังของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ ใช้เทคโนโลยีกระจกพิเศษจาก McLaren มาบดบังเลนส์กล้องเพื่อให้ไม่ดูรกตา

คอนเซ็ปต์การใช้งานคือ เวลาที่ไม่ได้ใช้งานกล้อง ผู้ใช้จะมองเห็นด้านหลังมือถือเป็นแผ่นกระจกสีดำทึบแสง แต่เมื่อเปิดใช้งานกล้อง กระจกจะกลายสภาพเป็นโปร่งแสง ทำให้เลนส์ทั้ง 3 ตัวและแฟลชปรากฏขึ้นมาภายใน 0.7 วินาที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังเป็นคอนเซ็ปต์อยู่ ทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้มีจุดติดขัด นั่นคือแม้ว่าจะเปิดกล้องแล้วแต่ด้วยตัวกระจกยังเป็นเงาสีดำเหมือนติดฟิลเตอร์ ND ลดแสง ภาพที่ได้จึงดูมืดกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย ดังนั้นถ้าหากต้องการถ่ายรูปให้มีความสว่างมากขึ้นจะต้องกดเข้าโหมด Pro และกดฟิลเตอร์เพิ่มความสว่าง

คอนเซ็ปต์สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ถูกพัฒนาต่อเนื่องนานถึง 18 เดือน เพียงเพื่อแก้ปัญหาการออกแบบเรื่องช่องเลนส์ด้านหลังมือถือ และยังคงต้องแก้โจทย์อีกมากกว่าที่ฟีเจอร์นี้จะถูกนำไปใช้จริง แต่ OnePlus ลงทุนพัฒนาเพราะมองว่าต่อไปเลนส์กล้องมือถืออาจจะเพิ่มจำนวนไปมากกว่านี้ อนาคตอาจจะมีมือถือติดตั้งเลนส์ถึง 5-6 เลนส์ก็ได้ ซึ่งทำให้การออกแบบด้านหลังดูแปลกประหลาดยิ่งขึ้นไปอีกถ้าหากไม่มีการปกปิดเลนส์

สำหรับเทคโนโลยีนี้เรียกว่า “กระจกอิเลคโทรโครมิคส์” กระจกที่ว่านี้จะถูกประกบอยู่ระหว่างกระจกธรรมดา 2 ชิ้น ตัวกระจกอิเลคโทรโครมิคส์จะทึบแสงเมื่อมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าไหลเวียนเข้าไป และกลายเป็นโปร่งแสงเมื่อดับกระแสไฟฟ้า

เทคโนโลยีนี้วงการวิทยาศาสตร์รู้จักมานานนับสิบปีแล้ว และเคยถูกใช้ในรถยนต์ของ McLaren บริเวณหลังคาซันรูฟของรถ แต่เมื่อจะนำมาใช้ในมือถือ กระจกนี้ต้องออกแบบใหม่ให้อยู่ในพื้นที่ขนาดเล็กเพียงไม่กี่เซนติเมตร ต้องบางลงกว่าเดิมโดยลดความหนาให้เหลือ 0.35 มิลลิเมตร (รวมกระจก 3 ชิ้น) รวมถึงสามารถเปลี่ยนสภาพจากทึบแสงเป็นโปร่งแสงได้ในเวลาที่รวดเร็วซึ่งปัจจุบันทำได้ด้วยความเร็ว 0.7 วินาที ทั้งความบางและความเร็วนี้ OnePlus อ้างว่าบริษัทสามารถทำได้บางและเร็วที่สุดในโลกขณะนี้

นอกจากการใช้เทคโนโลยีจาก McLaren แล้ว OnePlus ยังนำการออกแบบรถยนต์แบรนด์นี้ถ่ายทอดลงบนมือถือด้วย โดยใช้สีส้มมะละกอ อันเป็นเอกลักษณ์ ออกแบบด้วยหนังแท้ปักด้ายสีขาว ซึ่งทำให้รูปลักษณ์มือถือทั้งเครื่องดูดีและไฮเอนด์ขึ้นมาเหมือนกับรถสปอร์ตนั่นเอง

Source: The Verge

อ่านเพิ่มเติม

• ส่อง 10 ผลิตภัณฑ์ “อิเล็กทรอนิกส์” สุดล้ำจากงานแสดงสินค้า CES 2020
• ตะลึงทั้งงาน! Sony เผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้า Vision S คันแรกในงาน CES2020