Tmall – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 12 Nov 2021 10:17:54 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘อาลีบาบา’ ทุบสถิติ 11.11 กวาดยอดขาย 2.8 ล้านล้านบาท เติบโต 8% https://positioningmag.com/1361707 Fri, 12 Nov 2021 10:00:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361707 หลายคนน่าจะเสียทรัพย์ให้กับวัน 11.11 ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอีคอมเมิร์ซชั้นนำในไทยต่างก็ออกมาพูดถึงความสำเร็จกับแคมเปญดังกล่าว อย่าง Lazada ในช่วง 2 ชั่วโมงแรกยอดสั่งซื้อโต 200% จำนวนผู้ใช้โต 120% ส่วน Shopee  5 นาทีแรกของวัน ช้อปปี้โกยยอดขายได้ 11 ล้านชิ้น และในช่วง 2 ชั่วโมงแรกมียอดผู้เข้าแพลตฟอร์มพุ่ง 5.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับวันปกติ ดังนั้น ไปดูในฝั่งของต้นกำเนิดอย่าง ‘อาลีบาบา’ กันบ้าง

ในส่วนของ ‘อาลีบาบา’ ต้นกำเนิดของ ‘วันคนโสด’ หรือ ‘11.11’ ที่ปังแซง Black Friday ของฝั่งยุโรปกลายเป็นมหกรรมการช้อปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถิติของแคมเปญเช่นกัน แม้ว่าตอนนี้บริษัทจะถูกรัฐบาลจีนจับตาอยู่ก็ตาม

โดยยอดขายใน ‘Tmall’ พุ่งขึ้นแตะระดับ 5.403 แสนล้านหยวน (8.454 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือราว 2.8 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเติบโตจากปีที่ผ่านมา 8% ส่วน ‘JD.com’ เบอร์ 2 อีคอมเมิร์ซจีนมียอดที่ 3.114 แสนล้านหยวน (4.86 หมื่นล้านดอลลาร์) เติบโตขึ้น 28%

ภาพรวมของยอดขายที่ถล่มทลายนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความกระหายของผู้บริโภคชาวจีนในการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีน รวมถึงผลกระทบของการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ยกเว้นว่าการโหมกระแสแคมเปญในปีนี้จะดูเงียบ ๆ

ในส่วนของสินค้าขายดี ทางฝั่งของเจดีเปิดเผยว่า ‘สินค้าฟุ่มเฟือย’ และ ‘สัตว์เลี้ยง’ มียอดขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ทั้งอาลีบาบาและเจดีเห็นการเติบโตในเมืองเล็ก ๆ ของจีน ซึ่งเป็นจุดสนใจหลักสำหรับบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ต้องการขยายฐานผู้ใช้ นอกจากนี้ ผู้ใช้จากตลาดระดับล่างคิดเป็น 77% ของผู้ซื้อทั้งหมด โดยเน้นซื้อเครื่องใช้ในบ้าน ยา และของตกแต่งบ้าน

ทั้งนี้ อาลีบาบาและเจดี ได้กล่าวถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระหว่างงาน โดยเจดีระบุว่าได้ลดการปล่อยคาร์บอนลง 26,000 ตันในช่วงแคมเปญนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเน้นย้ำถึงการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม

หลังจากจบวัน 11.11 หุ้นของเจดีเพิ่มขึ้นประมาณ 4.6% ในการซื้อขายช่วงบ่ายในฮ่องกงในวันศุกร์ ขณะที่อาลีบาบาลดลงประมาณ -1.8%

Source

]]>
1361707
คุยกับ “กำธน ลีเลิศพันธ์” ผู้พารังนก “ดอกบัวคู่” ตีตลาดจีนจนเป็นเบอร์ 1 https://positioningmag.com/1346090 Tue, 10 Aug 2021 14:32:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1346090 พาไปพูดคุยกับ “กำธน ลีเลิศพันธ์” กรรมการ บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด ทายาท “ดอกบัวคู่” ผู้รับบทบาทขยายธุรกิจดอกบัวคู่ในประเทศจีน แม้คนไทยจะเป็นที่รู้จักในแบรนด์ยาสีฟัน แต่สินค้า “รังนก” สามารถโด่งดังในประเทศจีน และสามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้ ทำตลาดออนไลน์ ควบคู่กับในอินฟลูเอนเซอร์

เข้าถึงคนจีน ด้วยแพลตฟอร์มจีน

กำธน ลีเลิศพันธ์ กรรมการ บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของแบรนด์ดอกบัวคู่ เป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่พาดอกบัวคู๋ไปตีตลาดที่ประเทศจีน กำธนได้ศึกษาต่อทั้งที่ประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา จากนั้นได้มาเรียนภาษาจีนที่ประเทศจีน ได้อาศัยอยู่ที่ในเมืองใหญ่ของจีนเพื่อหาข้อมูล เช่น เซิ่นเจิ้น, ปักกิ่ง, หางโจว และเซียงไฮ้

จนในปี 2549 ได้เปิดบริษัท Bua Siam Trading หรือ บริษัท บัวสยาม จำกัด ที่เมืองเซียงไฮ้ เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของดอกบัวคู่

ดอกบัวคู่ใช้กลยุทธ์หลักในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนด้วยการขายในแพลตฟอร์มใหญ่ของจีนอย่าง ทีมอลล์ โกบอล (Tmall Global) รวมถึงได้เข้าร่วมมหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ของอาลี​บา​บา ช่วยสร้างการจดจำ และเป็นการบุกตลาดในประเทศจีนได้อย่างดี

twin lotus

กำธน เริ่มเล่าว่า ดอกบัวคู่เริ่มทำตลาดในประเทศจีนในช่องทางออฟไลน์ตั้งแต่ปี 2506 ใช้ชื่อแบรนด์ว่า Twin Lotus ต่อมาช่วงปี 2559 ตลาดออนไลน์ในประเทศจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นโอกาสการทำการตลาดในช่องทาง Website Global ซึ่งเป็นเว็บไซต์ใหม่ของ Tmall ตอนนั้นมองว่าช่องทางนี้เป็นช่องทางใหม่ที่น่าจะมีโอกาสเติบโต เพราะเว็บไซต์นี้ใหญ่มาก มีกลุ่มผู้บริโภคเข้ามาใช้เยอะ เลยเป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดร้านค้าในนี้ เป็นช่องทางการนำเข้าสินค้าต่างๆ ภายใต้แบรนด์ดอกบัวคู่ เข้ามาจำหน่าย เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคชาวจีนได้รู้จักแบรนด์ดอกบัวคู่มากขึ้น

สินค้าที่วางจำหน่ายในประเทศจีนมี 2 กลุ่มหลักๆ คือ อาหารเสริม ซึ่งเป็นรังนก ส่วนสินค้า Personal Care ในปีนี้มีการจัดระเบียบสินค้าใหม่ โดยการลดการวางตลาดของสินค้าเก่า เช่น ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ และออกสินค้าใหม่ที่มีจุดขายให้ตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้น

ตีตลาดรังนกประเทศจีน

แม้ชื่อแบรนด์ดอกบัวคู่จะเป็นที่รู้จักในไทยในแบรนด์ยาสีฟัน แต่สำหรับในประเทศจีนนั้น สินค้าที่ขายดีที่สุดก็คือ “รังนก” กำธนบอกว่า ได้แต้มต่อจากการที่คนจีนไว้ใจสินค้าจากไทยด้วย และเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ ทำให้มียอดขายเติบโตสูง

twin lotus

“เมื่อก่อนในตลาดจีน รังนกเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมาก แบรนด์สินค้ารังนกของประเทศจีนเองนั้น เป็นสินค้าที่มีความคุ้มค่าราคาต่ำ แต่แบรนด์ได้นำเข้ารังนกไปที่ประเทศจีน ทำตลาดให้มีราคาคุ้มค่า เข้าถึงได้ มีคุณภาพ ทำให้สามารถครองใจผู้บริโภครังนกได้เป็นจำนวนมาก โดยตลาดจีนปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความสนใจในเรื่องสุขภาพสูง เลยคำนึงถึงปริมาณน้ำตาลในสินค้าที่บริโภคมากขึ้น รังนกดอกบัวคู่ สูตรไซลิทอล ทั้งสูตร 2.8%และ 4.0% จึงมีอัตราการเติบโตสูงมาก”

ประกอบกับการทำการเปิดตลาด ใน Tmall Global ช่วงแรกๆ ไม่มีสินค้ารังนกสำเร็จรูปขายในช่องทางนี้มาก่อน เลยทำให้เป็นโอกาสของดอกบัวคู่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่สามารถดื่มได้ง่าย สะดวก พกพาไปไหนก็ได้ ทำให้เป็นที่ยอมรับของคนจีน ทำให้ตอนนี้รังนกดอกบัวคู่มียอดขายอันดับ 1 ในกลุ่ม Ready to drink

ยอดขายโต 100-200%

ในตอนแรกช่องทาง Tmall Global เปิดรับสินค้าใหม่ๆ ที่ไม่มีขายในเมืองจีน และรังนกพร้อมดื่มก็ยังไม่มีจำหน่ายในช่องทางนี้มากนัก จึงเป็นโอกาสสร้างการเติบโต ให้ยอดขายเติบโตขึ้นมากกว่า 100% ในทุกปี ในบางปียอดขายโตขึ้นถึง 150%

twin lotus

“ปกติยอดขายออฟไลน์เรามียอดขายต่อเดือนก็ประมาณหลายร้อยล้าน เมื่อเทียบกับ Tmall ตอนเปิดปีแรกขายได้ประมาณ 5 ล้านหยวน แต่ปีต่อๆ มา เติบโตอย่างรวดเร็ว 100-200% จึงทำให้การเปิดตลาดนำสินค้าใหม่เข้าไปขาย มีการยอมรับจากผู้บริโภคค่อนข้างสูง และง่ายขึ้น”

แต่ตลาดจีนต้องยอมรับว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้แบรนด์อื่นๆ ทั้งของจีนเอง มาเลเซีย และฮ่องกง ก็อยากที่จะผลิตสินค้าประเภทเดียวกันเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ทำให้การสร้างแบรนด์เพื่อเป็นที่จดจำจึงต้องสำคัญเช่นกัน

ไม่พลาดที่จะใช้ Influencer

ในประเทศไทยดอกบัวคู่ได้เลือกใช้ “ใบเฟิร์น พิมชนก” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ส่วนในประเทศจีนทีเรียกว่าการแข่งขันสูงมาก จำเป็นต้องใช้พรีเซ็นเตอร์ และ Influencer ในประเทศด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ และสร้างการรับรู้

ได้เลือกใช้ “โฮ่วหมิง ห้าว (Hou Ming Hao)” พระเอกดาวรุ่งจีนที่กำลังมาแรงในขณะนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์ และยังมี Influencer อย่าง VIYA, KIKI และมีอีกหลายคน ที่เลือกใช้มาทำการตลาดส่งเสริมการขายในปีนี้

ผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว แต่สนใจสุขภาพมากขึ้น

ถ้าพูดถึงรังนก หลายคนอาจจะคิดว่าตลาดใหญ่คือ กลุ่มผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุที่ต้องทานเพื่อเสริมให้ร่างกายแข็งแรง แต่ในประเทศจีนพบว่า คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจรังนกเพิ่มมากขึ้น ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

“ในปีที่ผ่านมา ทางแบรนด์มีการวิจัยฐานข้อมูล และการวิเคราะห์ภาพของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พบว่ากำลังการบริโภคของตลาดจีนมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่กลุ่มวัยรุ่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เราจึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นมากขึ้น

twin lotus

กลุ่มลูกค้าในทุกช่องทาง 40-50% จะเป็นกลุ่มคนอายุ 18-30 ปี เป็นกลุ่มลูกค้าที่สนใจดูแลเรื่องสุขภาพ สรรหาสินค้าที่คุ้มค่าต่อราคา โดยพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนจะมีการตื่นตัวในเรื่องข่าวสารและความเปลี่ยนแปลงของตลาด เช่น สินค้าที่ดาราจีนกำลังใช้ หรือสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งแนวความคิดของผู้บริโภคจีนจะมีหลักการในการคำนวณว่าสินค้านี้เหมาะกับเขาหรือไม่ ต่างจากประเทศไทยที่ผู้บริโภคชาวไทยจะมีความอ่อนไหวเรื่องราคามากกว่า และมุมมองความคิดในสินค้าที่เหมาะสมกับตัวเองที่ค่อนข้างจะแตกต่างกัน”

การเป็นแบรนด์ไทยให้ชนะใจชาวจีน

การทำตลาดในประเทศจีนขึ้นชื่อว่าหินมากๆ จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญ และเข้าใจพฤติกรรมคนจีนที่แท้จริง ถึงจะได้ใจคนจีน การที่ดอกบัวคู่เป็นแบรนด์ไทย แต่เอาชนะใจชาวจีนได้จึงถือว่าเป็นเรื่องราวที่ดี

กำธนบอกว่า “ตลาดจีนมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก สินค้าที่เพิ่งออกมาภายในครึ่งปีก็อาจจะตกเทรนด์ไปแล้วก็ได้ ทำให้ Product life Cycleนั้นสั้นมาก แบรนด์ไทยหลายๆ แบรนด์ ถ้าไม่เข้าใจจุดนี้ก็จะไม่สามารถปรับกลยุทธ์ให้ทันกับตลาดได้ ส่วนเรื่องการยอมรับ เมืองไทยมีจุดแข็งสำหรับตลาดจีนหลายอย่าง ซึ่งบริษัทไทยจะต้องเข้าใจมุมมองของผู้บริโภคจีนให้ชัด

twin lotus

จงคิดไว้ว่า จุดแข็งที่เราคิดไว้ว่าเป็นข้อดีของเรา อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคจีนต้องการก็ได้ ผู้บริโภคจีนจะมีมุมมอง และความเชื่อต่างจากคนไทยมาก สินค้า และจุดขายของแบรนด์ไทยจะต้องพยายามสร้างจุดขาย และกิมมิกให้ชัดเจน และจดจำได้ง่าย ถึงแม้กระนั้นหากไม่สามารถระดมทุนเพื่อลงทุนในการตลาดให้มากขึ้นได้ ก็จะถูกคู่แข่งที่มีทุนและทรัพยากรที่มากกว่าเรามาแย่งตลาดไป”

ทำให้ปัจจุบันดอกบัวคู่รายได้จากต่างประเทศมีสัดส่วนเป็น 50-60% เลยทีเดียว ตลาดจีนเป็นอีกหนึ่งตลาดใหญ่ของแบรนด์

สุดท้ายแล้ว เรื่องภาพลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ในประเทศไทยอาจจะมองว่าว่าดอกบัวคู่เป็นแบรนด์เก่าแก่ แบรนด์สมุนไพร ซึ่งก็เป็นโจทย์ใหญ่ให้กับทางแบรนด์เช่นกัน แม้แต่การทำตลาดในประเทศจีนก็ต้งอมีการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยมากขึ้น จากแบรนด์ที่ค่อนข้างมีภาพลักษณ์เป็นแบรนด์สมุนไพร มาเป็นแบรนด์ที่มีความเป็นผู้หญิงทันสมัย สดใส ใส่ใจสุขภาพนั่นเอง

]]>
1346090
“Gucci” เตรียมเปิดขายบน Tmall Luxury Pavilion อีคอมเมิร์ซตลาดสินค้าหรูของจีน https://positioningmag.com/1311087 Fri, 18 Dec 2020 10:24:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1311087 Gucci แบรนด์แฟชั่นลักชัวรีระดับโลก เตรียมเปิดสโตร์บน Tmall Luxury Pavilion แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเครือ Alibaba ประเทศจีน สะท้อนให้เห็นความสำคัญของตลาดจีนและการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเฉพาะในปีที่โรคระบาด COVID-19 ทำให้กำลังซื้อลูกค้าทั่วโลกต่ำลง

Gucci เป็นแบรนด์สำคัญในพอร์ตของบริษัท Kering ประเทศฝรั่งเศส และเป็นแบรนด์ล่าสุดที่ตอบรับเข้าร่วมเปิดสโตร์ออนไลน์บนแพลตฟอร์มของ Tmall Luxury Pavilion แพลตฟอร์มที่เปิดจำหน่ายเฉพาะแบรนด์สินค้าหรู
และเป็นหนึ่งในเครือบริษัท Alibaba

แบรนด์ดัง Gucci จะแยกสโตร์ออกเป็น 2 ร้าน คือ กลุ่มแฟชั่น-เครื่องหนัง จะเปิดตัววันที่ 21 ธันวาคมนี้ ส่วนอีกร้านหนึ่งจะเป็น กลุ่มสินค้าเครื่องสำอาง เตรียมเปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ 2021 และบริหารโดยพาร์ตเนอร์คือบริษัท Coty ก่อนหน้านี้ Gucci มีเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ของตนเองอยู่แล้วคือ gucci.cn และมีการทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดียคือ Weibo และ WeChat แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดขายผ่านมาร์เก็ตเพลซจีน

Tmall Luxury Pavilion นั้นเพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2017 ลักษณะเป็นเหมือนฟีเจอร์ภายในแอปพลิเคชัน Tmall  ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขายสินค้าแบบ B2C อยู่แล้ว แต่กลุ่ม Luxury Pavilion นั้นจะขายเฉพาะแบรนด์หรู และร้านที่จะได้เปิดขายต้องได้รับเชิญเข้ามาเท่านั้น ปัจจุบันมีทั้งหมดกว่า 200 แบรนด์ที่เปิดสโตร์แล้ว เช่น Coach, Balmain, Salvatore Ferragamo, Burberry, Hugo Boss, De Beers เป็นต้น

Tmall Luxury Pavilion เปิดตัวเมื่อปี 2017

การขายสินค้าหรูบนโลกออนไลน์อาจจะดูเหมือนยังไปด้วยกันไม่ได้ แต่ในประเทศจีนนั้นตลาดมีความแตกต่าง โดยพื้นฐานแล้วลูกค้าจีนจะช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านมือถือเป็นสัดส่วนที่มากยิ่งกว่าสหรัฐฯ หรือยุโรป ทำให้กลายเป็นตลาดที่น่าสนใจมากขึ้นในแง่การขายออนไลน์

โดยเฉพาะปีนี้ที่ COVID-19 ระบาดหนัก ประเทศจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ตลาดของกลุ่มสินค้าหรูที่ยังกลับมาเติบโตได้และช่องทางอีคอมเมิร์ซกลายเป็นช่องทางสำคัญ ทำให้แบรนด์ลักชัวรีต่างถูกบีบให้มุ่งความสนใจไปที่อีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ยังได้เห็นการเจาะกลุ่มลูกค้าที่เด็กลง เพราะเป็นกลุ่มที่คาดการณ์ว่าจะกลับมาใช้จ่ายมากที่สุดหลัง COVID-19

ก่อนหน้าจะเกิด COVID-19 ระบาด ประเทศจีนเป็นตลาดที่ครองมาร์เก็ตแชร์ฝั่งผู้ซื้อสูงถึง 35% ในตลาดสินค้าลักชัวรีอยู่แล้ว โดยบริษัทที่ปรึกษา Bain ประเมินว่า จนถึงปี 2025 ประเทศจีนจะเพิ่มส่วนแบ่งฝั่งผู้ซื้อสินค้าลักชัวรี ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องเพชร มากถึงเกือบ 50% ของทั้งโลก

Source

]]>
1311087
Tmall Innovation Center อาวุธใหม่ ดูดแบรนด์โลกบุกตลาดจีนผ่านเครือข่ายอาลีบาบา เบื้องหลัง Snickers ช็อกโกแลตบาร์รสเผ็ด https://positioningmag.com/1194166 Thu, 25 Oct 2018 03:00:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194166  

Tmall Innovation Center (TMIC) ของ Tmall เดินหน้าผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อการวิจัยและพัฒนาแบรนด์ในจีนแบบครบวงจร จับมือกับบริษัทที่ปรึกษาด้านการวิจัยตลาดชั้นนำของโลกหลายแห่ง เพื่อช่วยให้แบรนด์สร้างนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผู้บริโภคในจีน

TMIC ได้ร่วมมือกับ 10 บริษัทใหญ่ด้านการวิจัยการตลาด อย่าง Nielsen, Ipsos, Kantar TNS, GFK, Euromonitor International และ AdMaster เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคเพื่อการนำไปสู่การใช้งานด้านการตลาดอย่างครบถ้วน เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการทำตลาดของผลิตภัณท์ใหม่ๆ ที่ออกสู่ท้องตลาด

“การพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะอาจหมายถึงการได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และนำไปสู่การเป็นผู้นำในตลาดหากสามารถทำตลาดได้ด้วยกลยุทธ์ที่ตรงจุด และตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด” Liu Bo ประธานฝ่ายการตลาดและการดำเนินงานของ Tmall กล่าว พร้อมกับพูดถึงทีมของบริษัทที่จะเข้าไปมีบทบาทในการทำตลาดให้กับแบรนด์ว่า

“ทีม TMIC จะช่วยให้พันธมิตรของเรา สร้างจุดเด่นในตลาดที่ตรงเป้าหมายและตอบสนองต่อความคาดหวังของพวกเขาสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในอนาคต”

TMIC เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2017 ที่ผ่านมา โดยมีข้อเสนอให้แบรนด์ใน Tmall ด้วยโซลูชั่นแบบ end-to-end ที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นสำหรับตลาดในประเทศจีนโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีบริษัทใหญ่ระดับโลก อาทิ Procter & Gamble, Unilever, Estee Lauder, Shiseido, Mars, Mattel, Johnson & Johnson, L’Oreal และ Samsung เป็นหนึ่งใน 81 บริษัท ที่เป็นพันธมิตรกับ TMIC

พันธมิตรทั้งหมดรวมกัน มีการนำฐานข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการพัฒนาสินค้าตามที่ตลาดต้องการออกสู่ตลาดแล้วกว่า 300 รายการ โดยใช้เวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งลดระยะเวลาลงจากเดิมซึ่งจะต้องใช้เวลาถึง 18-24 เดือนในการพัฒนาสินค้าใหม่ ตัวอย่างเช่น Mars ทำงานร่วมกับ TMIC จนนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Snickers ช็อกโกแลตบาร์ที่เพิ่มความเผ็ดร้อนเพื่อนำมาใช้ดึงดูดผู้บริโภคที่ชื่นชอบรสชาติเครื่องเทศ

Hong Kai รองประธานฝ่ายการวิจัยอีคอมเมิร์ซของ Nielsen เล่าว่า บริษัทกำลังทำงานร่วมกับ TMIC เพื่อทำความเข้าใจตลาดค้าปลีกในประเทศจีนและผู้บริโภค เพื่อช่วยลูกค้าสร้างความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และทำให้ยอดขายเติบโต

“อาลีบาบาเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม B2C และ C2C ที่ใหญ่ที่สุดที่มีผู้ใช้กว่า 600 ล้านคนที่กำลังช้อปปิ้งในเว็บไซต์ รวมทั้งมีการจัดส่งแบบออนดีมานด์และวิเคราะห์ด้านลอจิสติกส์ไปตามทางภูมิศาสตร์ ด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่ขยายตัวซึ่งครอบคลุมประมาณ 70% ของผู้ค้าปลีกในจีน ซึ่งจะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งเก่าและใหม่ นี่เป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา”

TMIC จากแนวคิดสู่ตลาด

หลายแบรนด์มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกจากผู้ใช้กว่า 600 ล้านคนของอาลีบาบา ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนกันยายน L’Oreal และ TMIC เปิดตัวโมเดลทางธุรกิจสำหรับตลาดบิวตี้ของผู้ชาย พร้อมทั้งปล่อยแคมเปญ Super U Carnival แบบออนไลน์กับออฟไลน์ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าผู้ชาย 5 แบบ ซึ่งมีการแจกตัวอย่างทดลองใช้เกือบล้านชุด ทั้งสองช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ที่มหาวิทยาลัยและศูนย์การค้าทั่วประเทศ

โดย Connie Tao ผู้อำนวยการฝ่ายผู้บริโภคและการตลาดของ L’Oreal China กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อ TMIC ที่มีต่อแคมเปญนี้ว่า

“สำหรับแบรนด์แล้ว TMIC เป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญและไม่มีอะไรมาทดแทนได้ เพราะมีเป้าหมายร่วมกันในเรื่องของการใช้ข้อมูลนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค และนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อเพิ่มมูลค่าสูงสุด”

TMIC ยังมีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบในโปรเจกต์อื่นๆ อีก เช่น เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แผนกนาฬิกาของ TMIC และ Tmall ทำการสรุปรายงานตลาดนาฬิกาข้อมือที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในจีน และได้เชิญนักออกแบบรุ่นใหม่ 50 คนที่อยู่ภายใต้ระบบนิเวศของอาลีบาบามาดีไซน์นาฬิกาแบบใหม่กว่า 600 แบบ แล้วคัดเลือก 50 แบบสำหรับนักช้อปปิ้งรายย่อย

โดยผลงานการออกแบบที่ถูกคัดเลือกในขั้นตอนสุดท้ายรวมทั้งหมด 17 ดีไซน์ ได้รับเลือกจากแบรนด์นาฬิกาของจีนทั้งหมด 10 แบรนด์ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ที่รู้จักในจีนอย่าง Wussa, Geya และ Jonas & Verus ที่มีแผนจะเปิดตัวเพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์โลกบน Tmall ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 11 เดือน 11 นี้ มหกรรมใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

ดังนั้น นอกจากการร่วมกับบริษัทวิจัยเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคและการตลาดจากฐานข้อมูลในเชิงลึกเพื่อเจาะตลาดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในอีกด้าน Tmall มีการนำเสนอโซลูชั่นของ TMIC ในการช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ตั้งแต่กระบวนการด้านนวัตกรรมของผลิตภัณท์ และยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีบทบาทในฐานะปลายทางการตลาดที่สำคัญสำหรับเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ที่พัฒนาด้วยตัวเอง

นับตั้งแต่เปิดตัวมารวมถึงสิ้นปีที่แล้ว Tmall เปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้วยกลยุทธ์จาก TMIC ในประเทศจีนไปแล้วประมาณ 12 ล้านรายการ และปลายปี 2018 นี้ คาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีก 20 ล้านรายการ

ตัวอย่างเช่น Tiffany & Co. และ Moncler แบรนด์ที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ใน Tmall เมื่อปลายปีที่แล้ว โดย Tiffany ได้เปิดตัวคอลเลกชั่น “Tiffany Paper Flowers” ในเดือนสิงหาคม และแบรนด์เครื่องแต่งกายชื่อดังของอิตาลี ปล่อยคอลเลกชั่น “Moncler Genius” บน Tmall Luxury Pavilion แพลตฟอร์มช้อปปิ้งสุดหรูบน Tmall ในเดือนกันยายน ได้รับการตอบรับดีโดยมียอดขายเฉลี่ยช่วงเปิดตัวประมาณ 3,000 ชิ้นต่อวัน

นอกจากนี้นักช้อปของ Tmall ยังมักจะเป็นลูกค้ารายแรก เช่น เป็นผู้บริโภคกลุ่มแรกที่ซื้อ iPhone XS และ iPhone XS ของ Apple เมื่อเดือนก่อน โดยภายในช่วง 29 นาทีแรก สามารถทำยอดขายแซงยอดขายในวันคนโสด ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เกิดจาก Tmall ในช่วงเปิดตัวสมาร์ทโฟนก่อนหน้าเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ข้อมูลในการเจาะหากลุ่มเป้าหมายได้ตรงตัวอย่างมีประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์เหล่านี้เอง ที่ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่ายุคนี้ ใครที่อยากได้เงินจากกระเป๋าผู้บริโภคในจีน TMIC น่าจะเป็นอาวุธ และเป็นตัวเลือกที่ทำให้แบรนด์เล็กใหญ่ไม่กล้าปฏิเสธ

]]>
1194166
เจาะตลาดจีนให้ได้ผล บิ๊กดาต้าคือคำตอบ https://positioningmag.com/1182595 Thu, 09 Aug 2018 01:00:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1182595 ในยุคที่อีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างงัดกลยุทธ์เด็ดต่างๆ ในการสร้างยอดขาย ไม่ว่าจะเป็น กลยุทธ์แฟลชเซล การเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดภายในตลาดเดิม การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย หรือขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ

แต่มือถือจีนอย่างวีโว่ (Vivo) กลับล้ำหน้าไปอีกขั้น ด้วยการใช้บิ๊กดาต้าทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าก่อน แล้วค่อยพัฒนา นำเสนอสินค้า และเซอร์วิสที่ตรงใจลูกค้า

โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างองค์กรและแบรนด์ต่างๆ ซึ่งเป็นมุมมองอย่างรอบด้านในฐานะผู้ผลิตและผู้บริโภค ฉีกโมเดลในรูปแบบเดิมที่เน้นแต่ตัวผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเมื่อไม่นานมานี้ วีโว่ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของจีน กับ Tmall Innovation Center (TMIC) ของทีมอลล์ (TMall) ในเครือข่ายอาลีบาบา ร่วมมือออกแบบสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ สำหรับเปิดตัวในไตรมาสสี่ของปี 2018 นี้

แนวคิดของการร่วมกันออกแบบนี้ จะอาศัยข้อมูลด้านการตลาดและข้อเสนอแนะของลูกค้าเป็นหลักในการออกแบบ โดยการใช้ข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์แนวโน้มจากฐานลูกค้า 500 ล้านคนของ Tmall

ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ มีโอกาสในการผลิตสินค้าที่เข้าใจความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค และนำมาวิเคราะห์โดย TMIC ก่อนการออกแบบ ซึ่งต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ และถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตใหม่ (New Manufacturing) ที่คิดค้นโดย แจ็ค หม่า (Jack Ma) เมื่อปี 2016

Wang Yonggang หัวหน้าฝ่ายอิเล็กทรอนิกส์ของวีโว่ กล่าวว่าความตั้งใจที่สำคัญที่สุดของวีโว่ คือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริงและยึดตามความต้องการของพวกเขาเพื่อให้ผู้บริโภคได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจที่สุด โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ได้รับจาก TMIC”

บริการของ TMIC

TMIC ซึ่งเป็นบริษัทนวัตกรรมด้านการค้าปลีกของ Tmall ก่อตั้งเมื่อเดือนเมษายน ปี 2017 ทำหน้าที่ช่วยให้แบรนด์ต่างประเทศและชาวต่างชาติ สามารถเจาะตลาดจีนได้อย่างตรงจุด ถูกกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้บิ๊กดาต้า วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ บริการต่างๆ จะครอบคลุมตั้งแต่ ช่วยแบรนด์หาช่องทางทำตลาดในประเทศจีน ปรับปรุงโฮมเพจของแฟลกชิปสโตร์ วางแผนแคมเปญทางการตลาด และการรีโนเวตร้านค้าแบบดั้งเดิมเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มาช้อปปิ้งให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่วยให้แต่ละธุรกิจสามารถแข่งขันกันได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการปรับปรุงกระบวนการการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และรองรับต่อนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง

ทั้งหมดนี้คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดก็ไม่พ้นลูกค้าที่จะใช้สินค้าและบริการนั่นเอง นอกจากความร่วมมือกับวีโว่ จนถึงปัจจุบัน TMIC เคยร่วมมือกับบริษัทต่างๆ มาแล้ว 62 บริษัท เช่น บริษัท ผู้ผลิตขนมหวาน Mars ผู้ผลิตของเล่น Mattel เครื่องสำอาง Loreal และ Procter & Gamble ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ฯลฯ

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ที่จีนจะก้าวไปอีกขั้นกับการนำบิ๊กดาต้าของอีคอมเมิร์ชมาใช้อย่างจริงจัง เพราะเศรษฐกิจการบริโภคของจีนกำลังเฟื่องฟู ถึงตอนนี้ชนชั้นกลางของประเทศจีนมีขนาดใหญ่กว่าประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมดแล้ว

นอกจากนี้จากสถิติยังพบว่า มีคนจีนเฉลี่ยมากกว่า 500 ล้านคนเป็นลูกค้าของอาลีบาบา ที่เปิดแอปพลิเคชั่นช็อปปิ้งเกือบ 8 ครั้งต่อวัน และใช้เวลาค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ นานถึง 30 นาที ผู้ซื้อที่ฉลาดใช้ ฉลาดเลือก เหล่านี้ กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตน ซึ่งเป็นการยืนยันได้อย่างดีกว่า Big Data Analytics กำลังกลายเป็นหัวใจของการทำตลาดที่มีการแข่งขันอย่างสูงในประเทศจีนยุคนี้.

ที่มา

]]>
1182595