Work – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 20 Sep 2021 13:18:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ความเสี่ยง’ จากการทำงานหนัก เครียด-มลภาวะ คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกเกือบ 2 ล้านคนต่อปี https://positioningmag.com/1352717 Mon, 20 Sep 2021 12:09:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352717 องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เปิดเผยรายงานที่ทำร่วมกันเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำงานของประชากรโลก โดยระบุว่า โรคและการบาดเจ็บจากการทำงาน มีส่วนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1.9 ล้านคน ในปี 2016

โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตจากการทำงาน มีหลายอย่าง ตั้งแต่ความเครียดสะสม มลพิษทางเสียง การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศในสถานที่ทำงาน สารก่อให้เกิดโรคหอบหืดเเละสารก่อมะเร็ง

อีกหนึ่งความเสี่ยงที่สำคัญก็คือชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานเกินไปซึ่งเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตถึง 750,000 ราย ส่วนการสัมผัสมลพิษทางอากาศในสถานที่ทำงาน (เช่น ฝุ่นละออง ก๊าซ และควัน) เชื่อมโยงกับการเสียชีวิตราว 450,000 ราย

ประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิกตะวันตก มีจำนวนผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยสาเหตุเกี่ยวข้องกับการทำงานมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และมีอายุเฉลี่ยที่ 54 ปี

เป็นเรื่องน่าตกใจที่เราได้เห็นคนจำนวนมากต้องถูกฆ่าตายด้วยงานของพวกเขาดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO กล่าว

เราหวังว่ารายงานฉบับนี้ จะกระตุ้นไปยังประเทศและธุรกิจต่างๆ ให้ปรับปรุงและปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของคนงาน

โรคและการบาดเจ็บต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานนั้น ได้ส่งผลให้เกิดประชาชนเกิดความเครียด ประสิทธิภาพเเละคุณภาพชีวิตลดลง และอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อรายได้ครัวเรือนซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ

(photo : Photo by Andrea Piacquadio from Pexels)

เเม้อัตราการเสียชีวิตจากการทำงานต่อประชากรทั่วโลกจะลดลง 14% ในช่วงปี 2000-2016 ซึ่งอาจสะท้อนถึงการปรับปรุงด้านสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงานที่มีมากขึ้น

เเต่อย่างไรก็ตาม อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองที่เกี่ยวข้องกับการมีชั่วโมงทำงานยาวนานเกินไป กลับเพิ่มขึ้นถึง 41% และ 19% ตามลำดับ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของปัจจัยเสี่ยงด้านอาชีพเเละสังคมในยุคใหม่

จากการวิเคราะห์ข้อมูลใน 194 ประเทศ พบว่า การทำงานต่อสัปดาห์ 55 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ได้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองถึง 35% และเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดอีก 17% เมื่อเทียบกับการทำงานเฉลี่ย 35-40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

โดยรายงานฉบับนี้ มีข้อเสนอเเนะเพื่อเป็นแนวทางให้รัฐบาล นายจ้างและลูกจ้าง เช่น ข้อตกลงเกี่ยวกับการจำกัดเวลาทำงานสูงสุดที่เหมาะสม มาตรการลดการสัมผัสมลพิษทางอากาศในสถานที่ทำงาน อย่างการควบคุมฝุ่น การระบายอากาศ และมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เป็นต้น

 

อ่านรายงานฉบับเต็ม : WHO 

 

]]>
1352717
อนาคตเเรงงาน อีก 5 ปี “หุ่นยนต์-ระบบอัตโนมัติ” จะทำงานเเทนมนุษย์กว่า 85 ล้านตำเเหน่ง https://positioningmag.com/1302589 Thu, 22 Oct 2020 03:54:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1302589 การเเพร่ระบาดของ COVID-19  เร่งให้ตลาดแรงงาน เปลี่ยนจากการพึ่งพาแรงงานมนุษย์ ไปพึ่งพาแรงงานหุ่นยนต์เร็วขึ้น

จากรายงาน World Economic Forum ฉบับล่าสุด เปิดเผยว่า การมาของ COVID-19 ที่ระบาดทั่วโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้มีการเปลี่ยนเเปลงทางเทคโนโลยีในสถานที่ทำงาน โดยตำเเหน่งงานของมนุษย์กว่า 85 ล้านตำแหน่งจะถูกทดเเทนด้วยระบบอัตโนมัติภายใน 5 ปีข้างหน้า

“กว่า 2 ใน 5 ของบริษัทขนาดใหญ่ที่ถูกสำรวจ มีแผนจะลดพนักงานลง เนื่องจากการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน”

จากการสำรวจบริษัททั่วโลกเกือบ 300 แห่ง พบว่า 4 ใน 5 ของผู้บริหารระดับสูง กำลังวางเเผนที่จะปรับการทำงานให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น ให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ประชุมงานผ่านวิดีโอคอล เเละจะมีการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง บริการอีคอมเมิร์ซ เเละการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์

World Economic Forum ระบุว่า ภายในปี 2025 งานที่ถูกทำโดยมนุษย์จะถูกทดแทนด้วยระบบอัตโนมัติ มากถึง 85 ล้านตำแหน่ง ทั้งงานผู้ช่วยธุรการ พนักงานบัญชี ฝ่ายจัดการข้อมูล พนักงานบริการลูกค้า ฝ่ายบริการธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ยังมีความต้องการใช้ทักษะความสามารถของมนุษย์ มาช่วยควบคุมเเละดูเเลในงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นอย่าง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ระบบคลาวด์การพัฒนาผลิตภัณฑ์เเละธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนเเละสิ่งเเวดล้อม

การเพิ่มขึ้นของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ก็สามารถสร้างงานให้มนุษย์เพิ่มขึ้น 97 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ภายใน 5 ปีข้างหน้าเช่นกัน

ต่อไปนี้บริษัททั่วโลกจะมีการฝึกอบรมอัพสกิลเเละรีสกิลพนักงานที่มีอยู่มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ยังมีพนักงานกว่าครึ่งหนึ่งที่ยังต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อให้ทำงานกับระบบอัตโนมัติในเร็ววันนี้

โดยบริษัทชั้นนำมองว่า ทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ จะมีความสำคัญกับการทำงานในองค์กรในอนาคต เเละคาดว่าพนักงานจะมีทักษะความอดทน ยืดหยุ่น และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ หลังผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาด COVID-19

 

ที่มา : CNN , weforum

]]>
1302589
จับทิศทางแรงงาน : เอกชนชะลอรับพนักงาน ลูกจ้างไม่กล้าเปลี่ยนงาน 80% หนุน WFH https://positioningmag.com/1291738 Sun, 09 Aug 2020 16:28:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291738 กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย เผยผลสำรวจ Resetting Normal: Defining the New Era of Work พบว่าบริษัทเอกชนในไทยชะลอรับพนักงานใหม่ ลูกจ้างงานประจำก็ยังไม่กล้าเปลี่ยนงาน และ 80% หนุนการทำงานที่บ้าน

เอกชนรัดเข็มขัด

ผลสำรวจนี้ ได้ทำการสำรวจกับกลุ่มคนทำงานในประเทศไทยจำนวน 670 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานประจำ และมีการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป และกว่าครึ่งเป็นพนักงานในระดับหัวหน้างาน/ผู้จัดการ ถึงผลกระทบที่ได้รับจากการระบาดของ COVID-19 และมุมมองต่ออนาคตการทำงาน

ผลการสำรวจพบว่า ภาคเอกชนต่างมีมาตรการที่หลากหลายเพื่อรัดเข็มขัดในช่วง COVID-19 ตั้งแต่

  • 57% การชะลอรับพนักงานใหม่
  • 26% ชะลอขึ้นเงินเดือน/เลื่อนขั้น
  • 18% ลดเงินเดือน
  • 17% ลดกำลังการผลิต
  • 17% ให้พนักงานใช้วันลา
  • 16% เลิกจ้างพนักงาน
  • 14% พักงานพนักงานชั่วคราว
  • 11% ลดการจ้าง supplier
  • 57% ปรับตารางงาน ลดเวลาทำงานที่ออฟฟิศ ผสมผสานการทำงานจากที่บ้าน เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID-19 

พนักงานหนุน Work from Home

สำหรับมุมมองของพนักงานที่มีต่อนโยบาย Work from Home พนักงานส่วนใหญ่กว่า 80% หวังให้มีการสานต่อนโยบายนี้ โดยผสมผสานการทำงานจากที่บ้านในบางวัน เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ COVID-19 และสร้างสมดุลระหว่างชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัว

โดยพนักงานราว 54% ยังเชื่อว่าการมาทำงานที่ออฟฟิศยังจำเป็นอยู่ เพราะจะช่วยให้การประสานงานระหว่างทีมดีขึ้น ในภาพรวมพนักงานส่วนใหญ่ยังคาดหวังให้องค์กรมองที่ผลงานมากกว่าให้ความสำคัญเรื่องชั่วโมงการทำงาน และอยากให้ยืดหยุ่นเรื่องการทำงานมากขึ้น

ทำงานอยู่บ้าน

โดยพนักงานส่วนใหญ่กว่า 51% เชื่อว่าการทำงานจากที่บ้านได้ประสิทธิผลไม่ต่างจากการมาทำงานที่ออฟฟิศ ขณะที่ 37% เชื่อว่าพวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าตอนทำงานที่ออฟฟิศ มีเพียง 12% ที่คิดว่าคุณภาพการทำงานของพวกเขาลดลงเมื่อทำงานจากที่บ้าน

ต้องการให้องค์กร และรัฐช่วยเหลือ

ด้านผลกระทบจาก COVID-19 ที่เกิดขึ้นกับพนักงาน พนักงานส่วนใหญ่คิดว่าเป็นหน้าที่ขององค์กรและรัฐบาลที่ต้องยื่นมือช่วยเหลือพนักงานให้ก้าวข้ามวิกฤตนี้ ขณะเดียวกันก็มองว่าตนต้องพึ่งพาตัวเองด้วย

สิ่งที่พนักงานคาดหวังจากองค์กร ได้แก่

  • 84% การสนับสนุนการทำงานที่ยืดหยุ่นและการทำงานจากบ้าน
  • 78% ต้องการความชัดเจนในการรับมือกับวิกฤต
  • 78% การลงทุนด้านเทคโนโลยีและปรับตัวสู่ดิจิทัล
  • 76% การสนับสนุนอุปกรณ์ 
  • 75% ระบบ IT ให้รองรับการทำงานจากที่บ้าน
(Photo by Allison Joyce/Getty Images)

สิ่งที่พนักงานคาดหวังจากหัวหน้ามากที่สุดในช่วงเวลานี้ ได้แก่

  • 58% การช่วยหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
  • 55% การให้ความไว้วางใจในการทำงาน
  • 52% การมีความคิดสร้างสรรค์ และการสื่อสารที่ดี 
  • 51% การสนับสนุนการทำงานที่ยืดหยุ่นให้กับพนักงาน

สำหรับมุมมองที่มีต่อสถานการณ์หลัง COVID-19 พนักงานกว่า 56% เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น และมองว่างานเทคโนโลยีน่าจะมีอนาคตที่สุด แต่แม้ว่าส่วนใหญ่จะมองโลกในแง่ดี พนักงานกว่า 65% ก็ยังไม่มีแผนเปลี่ยนงานในอีก 1 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยังไม่กล้าเสี่ยงย้ายงานใหม่ในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน

Lean-Digital-Work from Anywhere

ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า

เมื่อเทียบผลสำรวจของไทยกับในอีกหลายประเทศที่ Adecco ได้ทำการศึกษา ภาพรวมพบว่าผลที่ออกมาค่อนข้างสอดคล้องกับหลายประเทศ ที่องค์กรมีการปรับตัวให้ lean มากขึ้น ดิจิทัลมากขึ้น ในขณะที่รูปแบบการทำงานก็มีผสมผสานการทำงานจากที่บ้าน เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น New Normal หรือ ความปกติใหม่ที่องค์กรจำเป็นต้องวางแผนปรับตัวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะฝ่าย HR ที่จะต้องปรับกลยุทธ์การสรรหาใหม่ เพราะโจทย์ทุกวันนี้ได้เปลี่ยนไป เราอาจจะต้องการคนที่มีชุดทักษะที่ต่างจากเดิม ไม่สามารถจ้างพนักงานประจำได้มากเท่าที่เคย อาจจะต้องมีการผสมผสานการจ้างงานในรูปแบบฟรีแลนซ์มากขึ้น การสรรหาก็จำเป็นที่จะต้องมีความคล่องตัวและปรับสู่ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่ง Adecco ก็ได้ออกแบบหลักสูตรเพื่อช่วย HR เตรียมพร้อมในจุดนี้

ผลสำรวจครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่าคนไทยต้องการการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น องค์กรอาจจำเป็นต้องฟังเสียงสะท้อนเหล่านี้และนำมาปรับใช้เพื่อรักษาบุคลากรและดึงดูดผู้สมัครหน้าใหม่ ปัจจุบันนี้ Work from Home ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้สมัครใช้คัดเลือกองค์กร เพราะคนสมัยนี้มองว่าการทำงานสามารถทำจากที่ไหนก็ได้ และให้ความสำคัญกับสมดุลการใช้ชีวิตในลำดับต้นๆ

 

ที่สำคัญยังมีแรงงานเก่งๆ อีกมากที่ลาออกจากงานประจำเพราะความจำเป็นส่วนตัวแต่ยังพร้อมที่จะกลับมาทำงานในรูปแบบฟรีแลนซ์ ดังนั้นการที่องค์กรนำนโยบายนี้มาปรับใช้ก็จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อีกด้านหนึ่งนโยบายนี้ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อการรักษาบุคลากร เพราะทำให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรห่วงใยสุขภาพและความปลอดภัยของพวกเขา

นอกจากนี้การคงมาตรการ Work from Home ยังมีประโยชน์ในระยะยาวต่อการลดความเสี่ยงการระบาดของโรค และช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การผสมผสานการทำงานจากที่บ้านก็เป็นอีกความท้าทายหนึ่งที่หลายองค์กรต้องเผชิญ เพราะการทำงานนอกออฟฟิศนั้นองค์กรมักจะมีความกังวลใจในแง่ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการทำงานของพนักงาน และมักให้หัวหน้าฝ่ายใช้ดุลพินิจส่วนบุคคลในการตัดสินว่าพนักงานคนไหนสามารถหรือไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ โดยขาดเกณฑ์การประเมินและมาตรการที่ชัดเจน ในขณะที่พนักงานเองก็เรียกร้องความไว้วางใจในการทำงานจากหัวหน้า ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะการผสมผสานการทำงานแบบ Work from Home ก็ยังเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับหลายๆ องค์กร

]]>
1291738
10 อาชีพในสายงานที่ต้องการมากที่สุดในไทย ปี 2016 https://positioningmag.com/1093946 Tue, 07 Jun 2016 08:15:55 +0000 http://positioningmag.com/?p=1093946 สายงาน งานขาย งานบริการลูกค้า พัฒนาธุรกิจ ธุรการและงานทรัพยากร บุคล งานวิศวกรรม และงานการบัญชี ติดอันดับอาชีพที่ตลาดงานต้องการในทุกระดับตาแหน่งงาน ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2559 ขณะที่งานไอที โตกว่า 83%

บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผย 10 สายงานที่ตลาดต้องการมากที่สุดในไทย โดยสำรวจจากผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 40,000 รายทั่วประเทศ

10 อันดับสายงานที่เป็นที่ต้องการในทุกระดับตำแหน่งงาน

1_job2

สายงานที่ตลาดงานต้องการมากที่สุด ประกอบไปด้วย

ในระดับเจ้าหน้าที่ทั่วไป 3 อันดับแรกคือ 1) งานขาย บริการลูกค้าและพัฒนาธุรกิจ 2) ธุรการและทรัพยากรบุคคล 3) วิศวกรรม

ระดับเจ้าหน้าที่ระดับกลาง คือ 1) วิศวกรรม 2) ไอที 3) บัญชี

ระดับหัวหน้างาน คือ 1) งานขาย งานบริการลูกค้า และพัฒนาธุรกิจ 2) บัญชี 3) วิศวกรรม

ระดับผู้จัดการขึ้นไป คือ 1) งานขาย งานบริการลูกค้า และพัฒนาธุรกิจ 2) บัญชี 3) การตลาดและประชาสัมพันธ์

2_job2 3_job2 4_job2 5_job2

วิเคราะห์ 10 สายงานตลาดงานต้องการมากที่สุด

  1. 5 อันดับสายงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในระดับเจ้าหน้าที่ทั่วไปเจ้าหน้าที่  ระดับกลาง และระดับหัวหน้างาน จะไม่มีความแตกต่างหากเทียบกับปี 2558 ในขณะที่ตาแหน่งงานระดับผู้จัดการขึ้นไปมีความต่าง
  2. งานขาย งานบริการลูกค้า และพัฒนาธุรกิจ งานธุรการและงานทรัพยากรบุคคล งานวิศวกรรม และงานการบัญชี ติดอันดับอาชีพที่ตลาดงานต้องการในทุกระดับตาแหน่งงาน ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2559
  3. สายงานที่เกี่ยวข้องกับการดีไซน์เป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงในตลาดที่เป็นตำแหน่งงานระดับพนักงานทั่วไป (Entry Level)
  4. สายงานที่มีความต้องการสูงในตลาดที่เป็นตำแหน่งระดับเจ้าหน้าที่ระดับกลาง (Mid Level) และตาแหน่งงานระดับหัวหน้างาน (Senior Level) คือประเภทงานการบริการเฉพาะทาง
  5. งานบริหาร เป็นสายงานที่มีความต้องการสูงในตาแหน่งงานระดับผู้จัดการขึ้นไป(Top Management)
  6. งานไอทีในตาแหน่งงานระดับผู้จัดการขึ้นไป (Top Management) เติบโตขึ้นกว่า 853%
]]>
1093946
12 ตำแหน่งงาน เงินเดือนสูงสุดในไทย ปี 2016 https://positioningmag.com/1093934 Tue, 07 Jun 2016 07:57:51 +0000 http://positioningmag.com/?p=1093934 jobsDB ได้จัดทำผลสำรวจ “ตำแหน่งงานที่มีเงินเดือนสูงสุดในประเทศไทยในแต่ละระดับตำแหน่ง” จากข้อมูลฐานเงินเดือนเชิงลึกจากทุกอุตสาหกรรม และระดับตำแหน่งงาน จากผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 40,000 รายทั่วประเทศ พบว่า เจ้าหน้าที่ทั่วไป และระดับกลางในสายโทรคมนาคม มาเป็นอันดับแรก

ในขณะที่ระดับหัวหน้างาน บริการเฉพาะทาง งานประกันภัย และบัญชี เงินเดือนมาในอันดับต้นๆ แต่หากเป็นระดับผู้จัดการ งานด้าน อสังหาริมทรัพย์ เงินเดือนสูงสุดแซงหน้าอาชีพอื่น ๆ

g1

g2g3 g4

Open_7 Open_8 Open_9 Open_10

บทสรุป 10 สายงานเงินเดือนมากที่สุด ปี 2016

  1. ทุกสายงานที่ติด10 อันดับเงินเดือนสูงสุด คืออาชีพที่ต้องการทักษะตามสายงานนั้น ๆ (Specialization)
  2. สายงานที่ติด 5 สายงานที่เงินเดือนมากสุด ในทุกระดับตาแหน่ง ได้แก่ งานโทรคมนาคม งานบริการเฉพาะทาง งานการเงินและงานธนาคาร งานไอที (ยกเว้นในระดับตาแหน่งผู้จัดการขึ้นไป)
  3. สายงานที่เงินเดือนสูงสาหรับตาแหน่งงานระดับเจ้าหน้าที่ระดับกลาง คือ งานโทรคมนาคม งานธนาคาร / งานการเงิน และงานบริการ เฉพาะทาง
  4. สายงานที่เงินเดือนสูงสำหรับตำแหน่งงาน ระดับผู้จัดการขึ้นไป คือ งานอสังหาริมทรัพย์ งานวิทยาศาสตร์ งานLab งานวิจัยและพัฒนา งานขนส่ง
]]>
1093934
กรุงเทพฯ อันดับ 5 คนทำงานมากชั่วโมงที่สุดในโลก https://positioningmag.com/1093494 Thu, 02 Jun 2016 07:50:35 +0000 http://positioningmag.com/?p=1093494 ไชน่าเดลี รายงานโดยอ้างผลสำรวจของธนาคารยูบีเอส ระบุฮ่องกงเป็นเมืองที่คนมีชั่วโมงทำงานมากที่สุดในโลก เฉลี่ย 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

รายงานสำรวจฯ ครอบคลุม 15 ภาคส่วนแรงงาน ใน 71 เมือง พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ชาวเอเชียมีชั่วโมงทำงานยาวกว่าคนทำงานในทวีปยุโรป

ฮ่องกง มีชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์มากที่สุด 50.11 ชั่วโมง ไทเป 41 ชั่วโมง โตเกียว 39.5 ชั่วโมง และปักกิ่ง 37.42 ชั่วโมง

ส่วนไทยนั้นกรุงเทพฯ ติดอันดับ 5 มีชั่วโมงทำงานมากที่สุดในโลก มีชั่วโมงทำงาน 42.3 ชั่งโมง
ในจำนวนนี้ ปารีส เป็นเมืองที่มีชั่วโมงทำงานน้อยที่สุด สัปดาห์ละ 30.84 ชั่วโมง รองลงมาคือ เมืองลียง ฝรั่งเศสเช่นกัน มี 31.36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้่ชาวฝรั่งเศสต้องนำงานกลับไปทำที่บ้าน ฝรั่งเศสยังเตรียมพิจารณากฎหมายห้ามไม่ให้คนส่งอีเมล์งานในช่วงเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์

1_work_new
2_work

]]>
1093494
8 งานออนไลน์…สร้างรายได้ระหว่างเรียน https://positioningmag.com/62844 Thu, 24 Mar 2016 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=62844
อยากมีรายได้เสริม ไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานPart-time หรือ Full-time ในร้านอาหารหรือร้านกาแฟข้างนอกอีกต่อไป แค่มีคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวก็สามารถทำงานได้แล้ว !…วันนี้ life on campus จะขอแนะนำช่องทางทำเงินในโลกออนไลน์ที่เหมาะกับนิสิตนักศึกษา ซึ่งนอกจากจะได้ค่าขนม เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่ แล้วยังได้ลองหัดใช้ social ให้เป็นประโยชน์ 
 
1.ฟรีแลนซ์ งานไม่หนัก แถมพักได้
 

smecomplete.com
 
ในหมวดของฟรีแลนซ์จะแบ่งงานออกเป็น 2 ประเภท คือ นักเขียนบทความอิสระ และ นักออกแบบโลโก้
 
นักเขียนบทความอิสระ
 

www.jeffbullas.com
 
เหมาะมากสำหรับคนที่รักการเขียนเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะในหัวข้อที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เช่น สุขภาพ กีฬา ข่าว ไอที การเงิน รถยนต์ สมัยนี้จะมีหลายเว็บไซต์ที่เป็น community ขนาดใหญ่และเล็ก ให้นักเขียนฟรีแลนซ์ได้ลงข้อมูลโปรโมตตัวเอง ในขณะที่ลูกค้าที่มาจากบริษัทใหญ่หรือธุรกิจออนไลน์ ก็จะมาส่องดูโปรไฟล์น้องๆ ว่าคุณสมบัติตรงกับที่ต้องการหรือไม่ สามารถเขียนแนวไหนได้บ้าง จากนั้นก็อาจจะติดต่อกันโดยช่องทางใดช่องทางหนึ่งแล้วแต่สะดวก ตกลงเรื่องราคา ขอบเขตงาน กำหนดส่ง เป็นอันเสร็จ…ลงทุนน้อยแต่ได้มาก
 
ยกตัวอย่างเว็บไซต์ต่างประเทศที่น่าสนใจที่รวบรวมนักเขียนมืออาชีพและมือสมัครเล่นทั่วโลกอย่าง freelancewriting, onlinewritingjobs, upwork, freelancewritersden, essaywriters, asiawriters, freelancercareers ,fiverr และ textbroker ฯลฯ เว็บไซต์เหล่านี้จะเป็นแบบworldwide โดยจ่ายค่าจ้างผ่านทาง Panpal เป็นส่วนใหญ่
 
ส่วนในไทยที่เห็นตอนนี้ก็จะมี freelancer ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อระหว่างฟรีแลนซ์ไทยกับผู้ว่าจ้างทั้งในและนอกประเทศ freelancebay ,friendlyfreelance แต่ถ้าหากไม่อยากเขียนตามสั่งผู้ว่าจ้าง จะเขียนหนังสือออกมาขายในรูปแบบ e-book ก็ได้ ซึ่งบางเว็บไซต์ เช่น ookbee ก็เปิดโอกาสให้ลงผลงานแบบฟรีๆ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
 
นักออกแบบโลโก้
 

freedesignfile.com
 
เป็นอีกหนึ่งงานที่น่าสนใจสำหรับคนที่มีไอเดียบรรเจิดและรักศิลปะ เพราะการออกแบบโลโก้นั้นต้องใช้ความละเอียดอ่อน เนื่องจากเป็นสิ่งที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ วิธีการรับงานน้องๆ ก็อาจจะลงโฆษณาตัวเองผ่านทางเว็บไซต์สำหรับฟรีแลนซ์เพื่อให้คนเข้าถึงงาน เช่น 108freelance ,thaifreelanceonline ,peopleperhour เป็นต้น หรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ของประเภทนักเขียนอิสระที่แนะนำก่อนหน้านี้ก็จะมีหัวข้อ photo & Logo designing เหมือนกัน 
 
2.บล็อกเกอร์ (Blogger)
 

socialmedia.biz
 
เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่เขียน Blog และมี Blog เป็นของตัวเอง ถือเป็นเว็บไซต์ส่วนตัวที่จะสามารถลงอะไรก็ได้ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นแค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่จริงๆ แล้วไดอารี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของ Blog เท่านั้น ในตอนเริ่มทำอาจจะเริ่มจากการเป็น Blogger อิสระด้วยความชื่นชอบก่อน เช่น ทำรีวิวอาหาร รีวิวการท่องเที่ยว How to สอนแต่งหน้าและอื่นๆ ตามที่ตนสนใจ จนกระทั่งมีผู้มาติดตามมากขึ้น และแชร์ต่อในโลกโซเชียล กลายเป็น Influencer (คนที่มี “อิทธิพล” ในเรื่องบางเรื่อง) แบรนด์ต่างๆ ก็จะสนใจและอยากดึงมาเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการตลาด โดยอาจว่าจ้างเป็นเงินสด ส่งของหรือให้ทำกิจกรรมฟรี
 
สำหรับเว็บไซต์ที่คนนิยมเข้าไปใช้งานในไทยก็จะมี Bloggang, exteen ,BlogKa ,Dek-D ,GotoKnow และ Storylog เป็นต้น ส่วน ต่างประเทศ เช่น Blogger, WordPress, MySpace, Tumblr, Medium แนะนำให้ลองไปศึกษารายละเอียดและเลือกที่เขียนบล็อกให้เหมาะสมกับตัวเอง เพราะเว็บไซต์ที่ให้บริการบางที่มีความยากง่ายในการใช้งานต่างกัน และมีทั้งฟรีกับเสียค่าใช้จ่าย
 
3.Youtuber
 

www.telegraph.co.uk
 
Youtube เป็นเว็บไซต์ที่เป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของกูเกิ้ล เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถอัปโหลด , ดูคลิป , หรือแชร์คลิปได้ แค่เพียงสมัครสมาชิกทางเว็บไซต์ สร้าง Channel ขึ้นมาอัพโหลดวิดีโอของตัวเอง อาจจะเป็นสอนแต่งหน้า รีวิวของ วิดีโอแคสต์เกม ทำอาหาร ร้องเพลง รายการตลก ทอล์กโชว์ วิธีแก้ปัญหาของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ถนัด ถ้าหากมียอดคนดูที่มากขึ้น ก็ลองติดต่อเพื่อขอเป็น Partner YouTube ต่อไปคลิปวีดีโอทีลงก็จะมีโฆษณาขึ้นมา ซึ่งโฆษณาเหล่านี้แหละเป็นตัวทำเงินให้มหาศาล 
 
4.นักขายภาพออนไลน์ (Sell Stock Photography)
 

www.all-things-photography.com
 
อย่าปล่อยให้ภาพถ่ายที่สวยงามของตัวเองสูญเปล่า สำหรับช่างกล้องหรือคนที่เวลาว่างชอบถ่ายรูปต่างๆ ในชีวิตประจำวัน การขายภาพถ่ายเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้ เพราะมีบริษัทจำนวนมากหรือนักเขียนบทความต่างๆ ที่ต้องการรูปภาพมาประกอบงาน จะมีเว็บไซต์ที่ถือว่าเป็นคลังรูปที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาขายภาพ ซึ่งก็จะมีการหักหัวคิวตามระเบียบขึ้นอยู่กับรูป ตอนนี้ ถ้าเป็นที่รู้จักหน่อยก็จะมี 3 ที่ คือ Shutter Stock ,123RoyaltyFree และ iStockPhoto ส่วนเว็บไซต์ทั่วไปก็ เช่น Stockxpert ,BigStockPhoto ,Crestock ,PhotoStockPlus ,DreamsTime ,Fotolia ,ShutterPoint และ Veer เป็นต้น
 
5.นายหน้าขายของในเว็บไซต์ (Affiliate Marketer)
 

www.mavrck.co
 
งานนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมและแพร่หลายสักเท่าไหร่ในไทย แต่รู้ไหมว่าเป็นธุรกิจที่ใหญ่มากและให้ผลตอบแทนสูง พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นตัวแทนขายของหรือบริการที่อยู่ภายในเว็บไซต์ เมื่อขายได้ก็จะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าคอมมิสชั่นจากเจ้าของเว็บนั่นเอง ไม่จำเป็นต้องเขียนเว็บเป็น ไม่ต้องมีสินค้าหรือบริการเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ เพียงแค่โฆษณาหาลูกค้าให้เขาผ่านทางการเขียนบทความ การทำวิดีโอ การสร้างรูปภาพ หรือรูปแบบใดก็ได้ที่น่าสนใจ เว็บไซต์ที่ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นเว็บไซต์ดังอย่าง Amazon, ebay, shopping ,clickbank ,cj.com และ JVzoo เคยมีบางคนได้ค่าคอมมิสชั่นถึง 60 – 70 % เลยทีเดียว
 

ratracebuster.com
 
6.ขายงานผีมือผ่าน Etsy
 

cdni.wired.co.uk
 
Etsy เป็นเว็บขายสินค้าของอเมริกาที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปขายสินค้า Handmade และสินค้าวินเทจเท่านั้น ชนิดใดก็ได้ จัดว่าเป็น community รายใหญ่มากและได้รับความนิยมมากที่สุด โดยรวบรวมคนรักงานผีมือทั่วโลกไว้ในนี้ มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้เด็ก ของตกแต่งบ้าน หรือแม้แต่ของที่ใช้ในงานแต่งงาน 
 
นอกจาก Etsy แล้วก็จะมี DaWanda ที่เน้นตีตลาดแถบโซนยุโรป, ArtFire เว็บไซต์งานแฮนด์เมดจากอเมริกา เสียค่าเช่าที่เป็นรายเดือน, Zibbet เว็บไซต์สัญชาติออสเตรเลีย, gumroad, shopify, bigcartel, indiemade อีกมากมาย แต่สำหรับน้องๆ ที่อาจจะไม่ถนัดภาษาอังกฤษมากนัก ก็มีเว็บไซต์ในไทยที่น่าสนใจให้ลงขายงานเหมือนกัน เช่น themade.com, blisby, lnwshop ที่ทุกคนรู้จักกันดี หรือจะลงผ่าน Facebook และ Instagram ก็ได้
 
7.ออกแบบ T-shirt (Designing T-Shirts)
 

www.oznurfashion.com
 
นิสิตนักศึกษาคนไหนที่มีความสามารถด้านกราฟฟิคดีไซน์หรือมีไอเดียเจ๋งๆ ก็สร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาเลย เริ่มจาก T-shirt เสื้อยืดง่ายๆ นี่แหละ เพราะเพศไหนวัยไหนก็ใส่ได้หมด แถมยังใส่ได้เกือบทุกโอกาส จึงทำให้กลุ่มเป้าหมายมีความหลากหลาย ลองเอาผลงานของตัวเองไปลงขายที่เว็บไซต์ต่างประเทศ zazzle และ teespring ดู หรือของไทยเองก็ได้ เช่น indyroom และ zalora
 
8.ติวเตอร์ออนไลน์ (Online Tutoring Jobs)
 

wwwassets.rand.org
 
เดี๋ยวนี้การเรียนผ่านโลกออนไลน์เริ่มมีความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้เรียนหลายคนอาจจะไม่สะดวกเรื่องสถานที่หรือไม่ค่อยมีเวลา สำหรับน้องคนไหนที่เป็นเด็กหัวกะทิ เกรดสูง หรือถนัดวิชาสักวิชาเป็นพิเศษ อยากถ่ายทอดความรู้ที่มีอยู่และทำเงินไปพร้อมๆ กัน การเป็นติวเตอร์ออนไลน์ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง อยู่บ้านก็ทำได้ โดยการสอนผ่าน Skype ซึ่งสถาบันหลายแห่งก็รับสมัครผู้สอนอยู่เรื่อยๆ
 
แหล่งข้อมูล
th.wikipedia.org
 

]]>
62844