Atome (อะโทมี่) – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 08 Sep 2021 10:19:44 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ร้อยเดียวก็แบ่งจ่ายได้’ Atome เขย่าไทย บริการ “ผ่อน 0%” ตั้งแต่เสื้อผ้ายันเครื่องสำอาง https://positioningmag.com/1350829 Wed, 08 Sep 2021 09:20:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1350829 “ผ่อน 0%” จะไม่ได้มีเฉพาะการซื้อสินค้าราคาสูง เช่น ทีวี ตู้เย็น อีกต่อไป เมื่อแอปฯ Atome (อะโทมี่) จากสิงคโปร์บุกไทย แค่ผูกบัตรเดบิต/เครดิตสามารถแบ่งจ่ายไร้ดอกเบี้ยได้ 3 เดือน ยอดซื้อขั้นต่ำ 100 บาทก็ใช้ได้ โดยมุ่งเป้ากลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น บิวตี้ ไลฟ์สไตล์ และท่องเที่ยว มีแบรนด์เป็นพันธมิตรแล้ว 36 ราย เช่น GQ, ALDO, Charles & Keith, EVEANDBOY, Agoda

วิธีชำระเงินแบบ Buy Now Pay Later (BNPL) หรือซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ในไทยอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะส่วนใหญ่ผูกติดอยู่กับโปรโมชันบัตรเครดิต และมักจะเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ราคาสูงเท่านั้นที่มีโปรฯ ให้ใช้

แต่ตลาดอาจจะเปลี่ยนไปเมื่อ Atome (อะโทมี่) แพลตฟอร์มชำระเงินจากสิงคโปร์บุกไทย บริการของ Atome คือ ให้ลูกค้าผูกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตกับแอปพลิเคชัน จากนั้นนำแอปฯ ไปใช้ซื้อสินค้ากับร้านค้าพันธมิตรได้ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ลูกค้าสามารถแบ่งชำระเงินบิลนั้นเป็น 3 งวด 3 เดือน โดยคิดดอกเบี้ย 0% และไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ

โดยฝั่งที่จะเสียค่าบริการคือร้านค้า จะถูกคิดค่าธรรมเนียมจากการทำรายการชำระเงิน แต่ร้านค้าจะได้รับชำระเงินเต็มทันที

Atome เปรียบเทียบว่า บริการของตนนั้นเหนือกว่าบัตรเครดิตเพราะถ้าหากลูกค้า ‘เบี้ยวหนี้’ จะไม่มีการคิดดอกเบี้ย (เทียบกับบัตรเครดิตดอกเบี้ยผิดนัดชำระสูงถึง 16-18%) แต่ยังมีค่าปรับการผิดนัดชำระที่ 0.53% ของยอดหนี้ และลูกค้าแต่ละรายมีโอกาสผิดนัดชำระไม่เกิน 2 ครั้ง จากนั้นจะถูกระงับออกจากระบบ

 

เน้น ‘สายแฟ’ และ ‘บิวตี้’ ของราคา 2-3 พันบาท

“ภูมิพงษ์ ตันเจริญผล” ผู้จัดการทั่วไป Atome ประเทศไทย อธิบายที่มาของแอปฯ มีการเปิดตัวแห่งแรกในสิงคโปร์ อยู่ภายใต้เครือสตาร์ทอัพ Advance Intelligence Group ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพระดับ Series C ที่มีเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าและ e-KYC เป็นฐานประเมินความเสี่ยงเป็นหนี้เสียของลูกค้าให้กับ Atome

ปัจจุบันแอปฯ ขยายตัวไปแล้ว 9 ประเทศแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ฯลฯ จุดมุ่งเน้นหลักจะเป็นสินค้าหมวดแฟชั่น บิวตี้ ไลฟ์สไตล์ และอีคอมเมิร์ซ โดยรวมทุกประเทศที่ไปปักหมุด มีพันธมิตรแบรนด์ค้าปลีกแล้ว 5,000 แบรนด์ มีฐานบัญชี 20 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายผ่านแอปฯ สะสม 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับการเข้ามาบุกไทย ขณะนี้มีพันธมิตรแล้ว 36 รายใน 4 หมวดคือ แฟชั่น บิวตี้ ไลฟ์สไตล์ และท่องเที่ยว (ดูรายชื่อแบรนด์ได้ในภาพด้านล่าง) โดยอนาคตจะเร่งขยายพันธมิตรให้ครอบคลุมกว่านี้

ภูมิพงษ์กล่าวว่า Atome มีขั้นต่ำการใช้จ่ายที่แบ่งชำระได้แค่ 100 บาทเท่านั้น ทำให้ครอบคลุมสินค้าทุกชิ้นแน่นอน ส่วนวงเงินสูงสุด ถ้าลูกค้าผูกกับบัตรเดบิตจะได้วงเงิน 10,000 บาท ถ้าผูกบัตรเครดิตได้วงเงิน 20,000 บาท แต่หลังจากนี้ เมื่อบริษัทมีดาต้าลูกค้ามากพอ จะมีการให้ credit score ลูกค้าเพื่อเพิ่มวงเงินได้เป็นรายๆ ไป

เขายังเปิดเผยด้วยว่า เท่าที่เคยให้บริการมา ลูกค้ามักจะซื้อของเฉลี่ย 70 เหรียญสหรัฐต่อบิล หรือประมาณ 2,000-3,000 บาท เห็นได้ชัดว่าสินค้าที่ผ่อนชำระไม่จำเป็นต้องเป็นเงินก้อนใหญ่ ตรงกับเป้าหมายสินค้าแฟชั่นและบิวตี้

 

เจาะช่องว่างคนถือ “บัตรเดบิต”

ตลาดที่ Atome เล็งเห็นนั้นคือผู้ถือบัตรทั้งหลายซึ่งจะนำมาผูกกับแอปฯ นอกจากบัตรเครดิตแล้ว ตลาดที่สนใจอย่างมากคือผู้ถือ “บัตรเดบิต”

ภูมิพงษ์กล่าวว่า ในประเทศไทยมีการใช้บัตรเครดิต 24 ล้านใบ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว 1 คนจะมีบัตรเครดิต 3 ใบ ทำให้จริงๆ แล้วมีคนที่เข้าถึงบัตรเครดิตแค่ 7-8 ล้านคนเท่านั้น

Photo : Shutterstock

เทียบกันแล้ว ผู้ถือบัตรเดบิตมีมากกว่า 3 เท่า หรือเท่ากับมากกว่า 20 ล้านคนที่มีบัตรเดบิต เป็นเป้าหมายของแอปฯ นี้ เพราะเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยได้โปรโมชันดีๆ เหมือนบัตรเครดิต ทั้งที่หลายคนมีกำลังซื้อ โดยเฉพาะคนวัย 18-30 ปี ที่ยุคนี้หันมาเป็นฟรีแลนซ์ ยูทูปเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ มากขึ้น กลุ่มนี้จะเข้าไม่ถึงบัตรเครดิตและถือบัตรเดบิตกันมากกว่า

 

เพิ่มขนาดตะกร้าให้ร้านค้า 30%

ตัดภาพมาที่ฝั่งร้านค้า ในเมื่อแอปฯ จะเก็บค่าธรรมเนียมกับร้านแล้วทำไมร้านต้องเป็นพันธมิตร? ภูมิพงษ์อธิบายจากสถิติที่เก็บมา ร้านค้าจะได้ประโยชน์ 3 อย่างจาก Atome คือ

1.ลูกค้าเพิ่ม ‘basket size’ ในการช้อปประมาณ 30% เพราะผลจากการแบ่งจ่ายได้ทำให้ลูกค้าสบายใจขึ้นที่จะจับจ่าย เป็นผลดีกับร้านค้า

2.โอกาสเปลี่ยนยอดเข้าชมเป็นยอดขาย (conversion rate) สูงขึ้น เพราะการมีตัวเลือกแบ่งชำระ 3 เดือนทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่าย

3.แอปฯ มีการเก็บบิ๊กดาต้าของพฤติกรรมลูกค้าไว้ให้แบรนด์ สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ใช้งานทำการตลาดเพิ่มได้

 

อุปสรรค : คนไทยไม่รู้จัก BNPL

ข้อมูลจาก Worldpay from FIS ระบุว่า การชำระเงินแบบ Buy Now Pay Later จะเติบโต 43% ต่อปีไปจนถึงปี 2024 เป็นหนึ่งในวิธีชำระเงินที่โตเร็วที่สุด แต่สำหรับในไทย วิธีชำระเงิน BNPL ยังไม่ค่อยคุ้นหู

“ภูมิพงษ์ ตันเจริญผล” ผู้จัดการทั่วไป Atome ประเทศไทย

ภูมิพงษ์มองว่าสิ่งนี้จะเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่ง ทำให้บริษัทต้องสร้างการรับรู้ทั้งวิธีชำระเงินและแบรนด์ของตนเองในไทย โดยจะลงทุนด้านการตลาดสูง ทั้งนี้ จะเริ่มทุ่มการตลาดเมื่อสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายมากกว่านี้ และค้าปลีกไทยเริ่มฟื้นตัว

ส่วนคู่แข่งในไทย ระบุว่ายังไม่มีคู่แข่งโดยตรง Atome น่าจะเป็นรายแรกๆ ที่เปิดตัวเป็นช่องทางชำระ BNPL ผ่านแอปฯ แต่ในต่างประเทศล้วนมีคู่แข่งในตลาด ทำให้ต้องจับตามองเสมอว่าคู่แข่งจะเริ่มเข้ามาบุกไทยเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม การเข้ามาก่อนและมีพันธมิตรก่อนย่อมได้เปรียบ

Atome ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย คือภายในสิ้นปีนี้หวังมีผู้ใช้ถึง 200,000 คน และภายในสิ้นปี 2022 ต้องการมีผู้ใช้ทะลุ 2 ล้านคน!

]]>
1350829