Covishield – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 17 May 2021 05:18:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กรณีศึกษา ‘เซเชลส์’ ประเทศที่ฉีดวัคซีนมากสุดในโลก แต่โควิดกลับระบาดอีกรอบ https://positioningmag.com/1332399 Mon, 17 May 2021 04:55:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1332399 ‘องค์การอนามัยโลก’ (WHO) กำลังศึกษาถึงกรณีประเทศ ‘เซเชลส์’ ซึ่งเป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนมากที่สุดในโลก แต่ตอนนี้กำลังเผชิญกับการระบาดของ COVID-19 ครั้งใหม่ แม้แต่ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนก็ติดเชื้อ

‘เซเชลส์’ ถือว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการฉีดวัคซีน โดยมีอัตราผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19 ถึง 60% มากที่สุดในโลก มากกว่าอิสราเอลและสหราชอาณาจักร โดย 57% ฉีดวัคซีน ‘Sinopharm’ ของจีน ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินโดย WHO ส่วนอีก 43% ฉีด ‘AstraZeneca shot’ หรือ ‘Covishield’ ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ผลิตในอินเดีย โดยรวมแล้วเซเชลส์ที่มีประชากรมากกว่า 97,000 คน มีสถิติผู้ป่วยต่ำกว่า 8,200 ราย เสียชีวิต 28 ราย

อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขของเซเชลส์รายงานจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ 120 รายในวันที่ 30 เมษายน และมีผู้ป่วยมากกว่า 300 ราย ในวันที่ 7-8 พฤษภาคมตามลำดับ และมีผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 500 รายภายในวันเดียว อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อ 63% ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือฉีดเพียงครั้งเดียว และ 37% ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว โดย 80% ของผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบยังไม่มีผู้ใดเสียชีวิต

(Photo by Valery SharifulinTASS via Getty Images)

มีการคาดการณ์ว่าการระบาดรอบใหม่มาจากนักท่องเที่ยวหรือไม่ เนื่องจากเซเชลส์เป็นหนึ่งในประเทศที่พึ่งพิงภาคการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ธนาคารโลก (Wolrd Bank) ระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเซเชลส์ลดลง 13.5% ในปี 2020 ที่ผ่านมา ดังนั้น หลังจากดำเนินมาตรการคุมเข้มเกี่ยวกับการเดินทางข้ามพรมแดนประเทศมานานเกือบ 1 ปี เซเชลส์ก็ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังจากมีการฉีดวัคซีนให้คนในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา

โดยนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังเซเชลส์ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนถึงจะเดินทางเข้าประเทศได้ แต่ต้องแสดงผลการตรวจหาการติดเชื้อ (PCR) ที่แสดงผลเป็นลบ ยืนยันว่าไม่พบการติดเชื้อไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และจากการระบาดดังกล่าวทำให้รัฐบาลออกมาจำกัดการพบปะสังสรรค์และการเว้นระยะห่างในพื้นที่สาธารณะเพื่อลดการติดเชื้อ ส่วนนักท่องเที่ยวยังคงเปิดรับตามเดิม

(Photo by Sergei FadeichevTASS via Getty Images)

เคท โอไบรอัน ผู้อำนวยการด้านการสร้างภูมิคุ้มกันวัคซีนและชีวภาพขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อนมาก จำเป็นต้องมีการประเมินอย่างละเอียด โดยเฉพาะ ‘สายพันธุ์ที่แพร่กระจาย’

“การประเมินเท่านั้นที่เราจะดูได้ว่ามันเป็นความล้มเหลวของวัคซีนหรือไม่หรือไม่”

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่ชาวเกาะเผชิญอยู่เป็นเครื่องเตือนใจว่า ไม่มีวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันการติดเชื้อ COVID -19 แต่มีประสิทธิผลอย่างมากในการป้องกันการติดเชื้ออย่างรุนแรง และลดการเสียชีวิต

ทั้งนี้ WHO เตือนซ้ำว่าการฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการระบาดของโรคได้ แต่ควรเป็นอาวุธอื่นในคลังแสงเพื่อต่อสู้กับไวรัส ส่วนการเว้นระยะห่างทางสังคมตลอดจนสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดียังคงถูกมองว่าเป็นพื้นฐานของการป้องกันการแพร่กระจาย

Source

]]>
1332399
‘อินเดีย’ ท็อปฟอร์ม กำลังก้าวสู่ประเทศผู้ผลิต ‘วัคซีนโควิด’ เบอร์ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ https://positioningmag.com/1319499 Tue, 16 Feb 2021 06:59:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1319499 อินเดียกำลังจะก้าวสู่การเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีน รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ โดยจะมีกำลังผลิตที่สูงมาก ครอบคลุมทั้งประชากรในประเทศ 1.3 พันล้านคน เเละยังส่งต่อไปยังประเทศกำลังพัฒนาด้วย

ความเห็นจากนักวิเคราะห์มองไปในทิศทางเดียวกันว่าอินเดียมีเเนวโน้มจะขึ้นตัวท็อปในการผลิตวัคซีน COVID-19 ของโลก ทั้งในด้านการคิดค้นวัคซีนและผลิตเอง หรือเป็นโรงงานรับจ้างผลิตให้กับต่างชาติ

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤต COVID-19 ‘วัคซีนกว่า 60% ที่ใช้กันทั่วโลกนั้นมีการผลิตจากอินเดีย เเละมีต้นทุนต่ค่อนข้างต่ำกว่าประเทศอื่น จนได้รับฉายาว่าเป็นโรงงานวัคซีนของโลก

ด้านนักวิเคราะห์จาก Deloitte ประเมินว่าในปีนี้ อินเดียจะสามารถผลิตวัคซีน COVID-19 ได้มากกว่า 3.5 พันล้านโดส เป็นรองเเค่สหรัฐอเมริกา ที่มีกำลังผลิตอยู่ที่ 4 พันล้านโดส 

อินเดีย อนุมัติใช้วัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้กับ วัคซีนโควิชีลด์ (Covishield) ของ AstraZeneca-Oxford จากสหราชอาณาจักร พร้อมกับอนุมัติใช้ วัคซีนโควาซิน (COVAXIN) ของ “ภารตะไบโอเทค” หนึ่งในผู้ประกอบการด้านชีวเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ของอินเดีย โดยประกาศเริ่มกระจายวัคซีนให้ประชากรกว่า 1,300 ล้านคน ตั้งเเต่ 16 .เป็นต้นไป

บรรดาบริษัทยาในอินเดีย กำลังเร่งกำลังการผลิตวัควีนออกมาให้ทันความต้องการ โดยบริษัทภารตะไบโอเทค ซึ่งร่วมมือสภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดีย (ICMR) ประกาศตั้งเป้าจะเร่งผลิตวัคซีนให้ได้ 700 ล้านโดส 

ขณะที่วัคซีน Covishield ของ AstraZeneca-Oxford ซึ่งสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII) รับหน้าที่ผลิตนั้น เริ่มผลิตได้เดือนละ 50 ล้านโดส และตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตให้ได้เดือนละ 100 ล้านโดส ตั้งแต่เดือน มี.. เป็นต้นไป 

(Photo by Yawar Nazir/Getty Images)

นอกจากนี้ เอกชนอินเดียอีกหลายเจ้า ได้ตกลงรับจ้างผลิตวัคซีนให้กับบริษัทต่างชาติ อย่างเช่น วัคซีน Sputnik จากกองทุน RDIF ของรัสเซีย และวัคซีนของ Johnson & Johnson ซึ่งยังต้องรอการอนุมัติในอินเดียเสียก่อน

นักวิเคราะห์มองว่า วัคซีนที่ผลิตในอินเดีย เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนาเพราะง่ายต่อการขนส่งและราคาต่ำกว่า เมื่อเทียบกับวัคซีนในตลาดอย่าง Pfizer-Biontech เเละ Moderna

ด้านรัฐบาลอินเดีย’ คว้าโอกาสในยามวิกฤต ด้วยการส่ง ‘วัคซีนไมตรี’ เป็นของขวัญเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้วัคซีน COVID-19 มาเป็นพระเอกของ ‘การทูตเเบบใหม่’ เพื่อยกระดับบทบาทในเวทีโลก ไปพร้อมๆ กับการ ‘ต่อต้านจีน’ ที่กำลังขยายอิทธิพลในเอเชียใต้

โดยได้ประกาศโครงการบริจาควัคซีน ที่มีชื่อ ‘VaccineMaitr’ (วัคซีนไมตรีหรือ ‘Vaccine friendship’ ให้กับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ท่ามกลางกระเเสความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีนของประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศยากจน

Sreeram Chaulia นักวิเคราะห์จาก Jindal School of International Affairs ให้ความเห็นว่า การที่อินเดียนำวัคซีน COVID-19 มาใช้ในเเนวทางการทูตเเบบใหม่นี้ เป็นไปเพื่อเสริมภาพลักษณ์และขยายอำนาจบนเวทีโลก เเละทำให้อินเดียเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาวัคซีน

PHOTO: AFP/EMBASSY OF INDIA, YANGON

Chaulia มองว่า การส่ง ‘วัคซีนไมตรี’ เเสดงให้เห็นว่าอินเดียอยู่เหนือจีนได้ ในเรื่องการผลิตวัคซีนและสาธารณสุข แม้ว่าจะเป็นรองในด้านการทหารและเศรษฐกิจ

ด้านจีน ก็กำลังขยายอิทธิพลด้วย ‘วัคซีน COVID-19’ เช่นกัน โดยเริ่มมีการบริจาควัคซีนให้กับอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และตุรกี เเละมีแผนจะบริจาคให้อีกหลายประเทศในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ เเต่ก็ยังมีข้อกังขาในประสิทธิภาพของวัคซีน เช่นในวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) 

อินเดียเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลกอยู่เเล้ว เเละจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านการจัดหาวัคซีนต้าน COVID-19 ซึ่งขณะนี้มีวัคซีนจากสองบริษัทที่ผ่านการรับรองจากรัฐบาลอินเดีย พร้อมที่จะนำไปใช้ในการปกป้องมวลมนุษยชาติแล้วนเรนธรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ระบุ

อ่านต่อ : มองเกมการทูตใหม่ของอินเดีย ส่ง ‘วัคซีนไมตรี’ เป็นของขวัญให้เพื่อนบ้าน ต้าน ‘อิทธิพลจีน’

 

 

ที่มา : CNBC , RT 

]]>
1319499