crypto – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 10 Jul 2024 04:03:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไม่มีอะไรปลอดภัย! ครึ่งปีแรก ‘เงินดิจิทัล’ ถูกแฮกเกอร์โจรกรรมรวมกว่า 1.38 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 2 เท่า https://positioningmag.com/1481998 Tue, 09 Jul 2024 10:43:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481998 อย่างที่รู้ ๆ กันว่ามิจฉาชีพเดี๋ยวนี้เก่งมาก ๆ พร้อมจะใช้เทคโนโลยีและเล่ห์กลสารพัดเพื่อดูดเงินของเรา และแม้แต่ คริปโตเคอร์เรนซี หรือ เงินดิจิทัล ก็ไม่รอด เพราะแค่ช่วงครึ่งปีแรก ก็มีเงินดิจิทัลถูกขโมยเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า

รายงานจากบริษัทวิจัยด้านบล็อกเชน TRM Labs เปิดเผยว่า มีการขโมยคริปโตฯ มูลค่า 1.38 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 24 มิถุนายน ซึ่ง มากขึ้นกว่าสองเท่า ของจำนวน 657 ล้านดอลลาร์ที่ถูกขโมยไปในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทดังกล่าวสังเกตว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลโดยเฉลี่ยสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกขโมยสูงขึ้น

เช่นเดียวกับปีที่แล้ว การโจมตีครั้งใหญ่เพียงไม่กี่ครั้งส่งผลให้การขโมยคริปโตเพิ่มขึ้น โดย แฮกเกอร์ 5 อันดับแรก คิดเป็น 70% ของจำนวนเงินที่ถูกขโมยไปในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเวกเตอร์การโจมตีอันดับต้น ๆ ในปี 2024 ได้แก่ Private key และ Seed Phrase ซึ่งเป็นลำดับคำแบบสุ่มที่จัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นในการเข้าถึงหรือกู้คืน Crypto Wallet

โดยการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้คือการ ขโมย Bitcoin มูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ จากเว็บแลกเปลี่ยนคริปโต DMM Bitcoin ของญี่ปุ่น โดยแฮกเกอร์ใช้ Private key ที่ขโมยมาหรือ การปลอมแปลงที่อยู่กระเป๋าเงิน (address poisoning) โดยผู้โจมตีจะส่งสกุลเงินดิจิทัลจำนวนเล็กน้อยจากกระเป๋าเงินที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบที่อยู่ของคุณหรือผู้รับของคุณโดยมีจุดประสงค์เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ส่งเงินไปยังกระเป๋าเงินที่ไม่ถูกต้อง

TRM Labs กล่าวว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานใด ๆ ในระบบรักษาความปลอดภัยของระบบนิเวศคริปโตที่อาจส่งผลให้มูลค่าการขโมยเพิ่มขึ้น โดยระบุว่าจำนวนการโจมตีและเวกเตอร์การโจมตี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญในแต่ละปี

ทั้งนี้ บริษัท Crypto มักตกเป็นเป้าหมายของการแฮกและการโจมตีทางไซเบอร์ โดยตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล Mt.Gox ยื่นฟ้องล้มละลายในปี 2014 หลังจากถูกแฮกหลายครั้งจนขโมย Bitcoin ไปได้ถึง 950,000 Bitcoin ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อพิจารณาจากราคาปัจจุบัน

หรือในเดือนพฤศจิกายนมีการขโมยเงินไปประมาณ 115 ล้านเหรียญ จากการแลกเปลี่ยน HTX และ Heco Chain ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโต 2 แห่งที่เชื่อมโยงกับ Justin Sun ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง

Source

]]>
1481998
ประเมินขาขึ้น ‘คริปโต’ คาดปีนี้มูลค่าตลาดทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ โตขึ้น 2 เท่า! https://positioningmag.com/1469425 Mon, 08 Apr 2024 06:31:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469425 ถือเป็นปีที่ตลาด คริปโตเคอเรนซี่ หรือ สกุลเงินดิจิทัล กลับมาขาขึ้นอีกครั้ง เฉพาะแค่ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) หรือ BTC ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุด ได้ทำราคาสูงสุดทุบสถิติใหม่ขึ้นไปทะลุ 73,000 ดอลลาร์/BTC ไปเมื่อช่วงวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา จากมูลค่าของบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้น ทำให้มีการประเมินว่าปีนี้มูลค่าตลาดคริปโตฯ จะโตขึ้น 2 เท่า

Brad Garlinghouse CEO จาก Ripple ประเมินว่า มูลค่าของตลาดคริปโตฯ ปีนี้จะเพิ่มขึ้น สองเท่า หรือมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากมูลค่า ณ วันที่ 4 เมษายน ที่ตลาดคมีมูลค่าประมาณ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากการมาถึงของกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ (ETFs) แห่งแรกของสหรัฐฯ

Bitcoin ETF กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในบิตคอยน์ ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 มกราคมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา พวกเขาซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอนุญาตให้สถาบันและนักลงทุนรายย่อยได้รับความเสี่ยงจาก บิตคอยน์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง

ปัจจุบัน บิตคอยน์คิดเป็นประมาณ 49% ของตลาดคริปโตฯ ทั้งหมด โดยมีมูลค่าตลาด 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 1 เมษายน ซึ่งนับจากช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมากกว่า +140% โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 73,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ตามข้อมูลของ CoinGecko อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์ได้ตกลงไปต่ำกว่าระดับ 70,000 ดอลลาร์แล้ว

อีกปัจจัยที่ Garlinghouse มองว่าจะผลักดันตลาดคริปโตฯ ไปสู่จุดสูงสุดใหม่คือความเป็นไปได้ที่โมเมนตัมด้านกฎระเบียบเชิงบวกในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลต่างมองในแง่ดีว่า ฝ่ายบริหารครั้งต่อไปจะอำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

“ฉันคิดว่าเราจะได้รับความชัดเจนมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่อเมริกากลับไม่ค่อยเป็นมิตรกับตลาดคริปโตฯ อย่างไรก็ตาม ปีนี้น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวก”

นอกจากนี้ Marshall Beard ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gemini บริษัทแลกเปลี่ยน crypto ของสหรัฐฯ คาดว่า ราคาบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 ดอลลาร์ ในปลายปีนี้ เนื่องจากครบรอบ บิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง (Bitcoin Halving) หรือการที่รางวัลจากการขุดบิตคอยน์จะถูกปรับลดลงครึ่งหนึ่ง 

Source

]]>
1469425
ความสนใจลงทุน ‘คริปโต’ ของคน ‘มิลเลนเนียล’ ลดเหลือ 30% หลังราคาผันผวนหนัก https://positioningmag.com/1402857 Mon, 03 Oct 2022 05:36:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402857 ก็ดูไม่น่แปลกใจหากพิจารณาจากข่าวที่ร้าย ๆ ในวงการคริปโต รวมไปถึงมูลค่าที่ดิ่งฮวบ ๆ ลงจะทำให้ นักลงทุน เริ่มที่จะลดความสนใจในการลงทุนกับคริปโต ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมาของ Bankrate ที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน รู้สึกไม่สบายใจหากต้องลงทุนในคริปโต

จากผลสำรวจของ Bankrate ในเดือนกันยายนพบว่า ความนิยมของ คริปโตเคอร์เรนซี ของนักลงทุนชาวอเมริกันกำลังลดลง โดยในปี 2022 มีชาวอเมริกันเพียง 21% เท่านั้นที่รู้สึกสบายใจที่จะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล จากปีที่ผ่านมาที่มี 35% ขณะที่กลุ่มคนรุ่น มิลเลนเนียล (อายุ 26-41 ปี) ก็ลดลงจาก 50% เหลือ 30% เท่านั้น ที่สบายใจในการลงทุนในคริปโต ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในทุกเจน

การลดลงนั้นไม่น่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาว่ามูลค่าสูงสุดของตลาดคริปโตที่เคยมีมูลเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงพฤศจิกายนปี 2021 ปัจจุบันนี้เหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์

“มูลค่าของสกุลเงินดัง ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum ลดลงมากกว่า 70% จากระดับสูงสุดตลอดกาล จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความสนใจของเหรียญจะหายไป ยิ่งนักลงทุนหน้าใหม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง” James Royal ผู้อำนวยการที่ Bankrate กล่าว

ในขั้นต้น ความสนใจของนักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากในคริปโตนั้นเป็นเพราะพวกเขามีความรู้สึก อยากถูกลอตเตอรี่ หรือการที่จะสามารถทำเงินได้มากมายอย่างรวดเร็ว แม้ว่านักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากจะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังซื้อ แต่พวกเขาเห็นราคาที่ขึ้นและพวกเขาต้องการเข้าไป

วิธีเดียวที่คุณสามารถสร้างรายได้จากมันคือ การขายให้กับคนที่มองโลกในแง่ดีหรือโง่มากกว่าคุณ ด้วยเหตุผลนี้ คริปโตจึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นการลงทุนแบบดั้งเดิม

ทั้งนี้ คริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ซึ่งอยู่ภายใต้ความผันผวนของราคาที่คาดเดาไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักไม่แนะนำให้ลงทุนเงินในสกุลเงินดิจิทัล หากทำใจไม่ได้ที่จะขาดทุน เนื่องจากไม่มีการรับประกันว่าจะได้รับผลกำไร

อย่างไรก็ตาม หากว่ากำลังค้นหาการลงทุนที่ได้กำไรน้อยลง แต่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้บนพื้นฐานความเป็น กองทุนดัชนี S&P 500 ถือเป็นอีกตัวเลือก เพราะหากซื้อเป็นประจำ แล้วถือต่อไปอย่างเหนียวแน่น มีแนวโน้มที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่ง อย่างเช่นตัวอย่างของเศรษฐีชาวอเมริกันจำนวนมาก

“แน่นอนว่าบางคนถูกลอตเตอรี่ แต่ความมั่งคั่งถูกสร้างขึ้นได้เอง และสามารถไปถึงเป้าหมายได้สำหรับผู้ที่สามารถเป็นนักลงทุนที่มีวินัยได้”

Source

]]>
1402857
ยอมขาดทุน? ‘เทสลา’ เทขาย ‘Bitcoin’ 75% หวังเพิ่ม ‘เงินสด’ ในมือให้มากที่สุด https://positioningmag.com/1393355 Thu, 21 Jul 2022 03:11:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1393355 เมื่อต้นปีที่แล้ว เทสลา (Tesla) ได้ลงทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์ ใน Bitcoin ขณะที่ CEO อย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ก็มักจะทวิตสนับสนุน สกุลเงินดิจิทัล เสมอ ๆ พร้อมทั้งเคยจะเปิดให้สามารถซื้อรถเทสลาด้วย Bitcoin ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เทสลาก็เทขาย Bitcoin ถึง 75% ทิ้ง

เทสลา เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทได้ขาย Bitcoin ประมาณ 75% โดยยอดขายเหล่านั้นเพิ่มเงินสด 936 ล้านดอลลาร์ หรือราว 34,000 ล้านบาทในงบดุล ขณะที่มูลค่าของ Bitcoin ช่วงต้นไตรมาส 2 มีมูลค่าเกือบ 46,000 ดอลลาร์ แต่ช่วงสิ้นสุดไตรมาส 2 ก็ลดลงเหลือ 19,000 ดอลลาร์ ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 23,000 ดอลลาร์

หากย้อนไปช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 มูลค่าของ Bitcoin ที่เทสล่าถือครองอยู่ที่ 2.48 พันล้านดอลลาร์ และเหลือเพียง 2 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นสุดปี อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ระบุว่ามูลค่าที่หายไปนั้นเกิดจากการขายหรือมูลค่าที่ลดลง ขณะที่ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มูลค่า Bitcoin หายไปกว่าครึ่ง

นักวิเคราะห์ Brian Johnson ที่ Barclays ประมาณการเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า เทสลาจะเห็นมูลค่าของ Bitcoin ที่หายไปเป็นมูลค่า 460 ล้านดอลลาร์จากการเทขายนี้

“เหตุผลที่เราขาย Bitcoin ที่ถือครองอยู่นั้นเป็นเพราะเราไม่แน่ใจว่าการล็อกดาวน์ในประเทศจีนจะบรรเทาลงเมื่อใด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราที่จะเพิ่มสถานะเงินสดให้สูงสุด แต่ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นการตัดสินค่าของ Bitcoin และบริษัทจะเพิ่มการถือครองคริปโตในอนาคต” อีลอน มัสก์ กล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่าในช่วงไตรมาส 2 เทสลามี Bitcoin ที่ถือครองอยู่ประมาณ 42,000 ล้านดอลลาร์ ดังนั้น หากขายไป 75% แปลว่าเทสลาจะเหลือ Bitcoin อยู่ประมาณ 10,500 ดอลลาร์ ในช่วงท้ายไตรมาสนี้ และก่อนหน้านี้ เทสลาเคยเป็นบริษัทที่ถือ Bitcoin ที่มากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียง บริษัท MicroStrategy ของ ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ที่เคยทำกำไรจากการลงทุนใน Bitcoin ถึง แสนล้านบาท

Source

]]>
1393355
FTC พบ ยอดตุ๋นลงทุน ‘คริปโต’ ปี 64 เสียหายกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท วัย 25-40 ปี เสี่ยงโดนโกงสูง 3 เท่า https://positioningmag.com/1391841 Fri, 08 Jul 2022 06:27:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1391841 แค่ตลาดคริปโตติดดอยก็ปวดใจแล้ว ยังต้องมาเจอกับ ‘มิจฉาชีพ’ ที่มาหลอกเอาเงินจากคริปโตอีก โดยจากรายงานของ Federal Trade Commission (FTC) พบว่า ทุก ๆ จำนวนการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีจะมีเงินสูญหายประมาณ 4 ดอลลาร์ จากการฉ้อโกง ซึ่งมากกว่าวิธีการชำระเงินอื่น ๆ

คณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐ หรือ FTC เปิดเผยว่า ในปี 2021 มีผู้ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกหลวงในตลาดคริปโตถึง 4.5 หมื่นราย รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท โดย 70% ใช้ Bitcoin เพื่อจ่ายให้กับมิจฉาชีพ ตามด้วยเหรียญสกุล Tether และ Ether ขณะที่ เหยื่อมักจะมีอายุน้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 25-40 ปี มีแนวโน้มที่จะสูญเสียเงินเนื่องจากการฉ้อโกงถึง สามเท่า

ขณะที่ เกือบครึ่งหนึ่ง ของผู้ที่ออกมาแจ้งความว่าสูญเสียเงินจากการหลอกลวงคริปโตในปี2021 ระบุว่า พวกเขาถูกหลอกผ่านโพสต์ออนไลน์หรือข้อความโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์มากกว่าครึ่งถูกเห็นบน Facebook หรือ Instagram

ทั้งนี้ การต้มตุ๋นหลอกลวงในตลาดคริปโตกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยอัตราการก่ออาชญากรรมพุ่งสูงขึ้น 60 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2018 เนื่องจากนักต้มตุ๋นมีข้อได้เปรียบตรงที่ธนาคารจะไม่สามารถตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยได้เหมือนกับการเงินปกติ อีกทั้งระบบการโอนที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และนักลงทุนมือใหม่ที่ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับวิธีการทำงานของคริปโต

อย่างในเดือนกุมภาพันธ์ คณะลูกขุนใหญ่ของรัฐบาลกลางในซานดิเอโกได้ฟ้องร้องผู้ก่อตั้ง BitConnect เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า หลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับ โปรแกรมการให้กู้ยืมเงินของสกุลเงินดิจิทัล โดยอ้างว่าเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะนำผลตอบแทนที่สำคัญมาสู่นักลงทุนโดยการติดตามตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

หรืออย่างในเดือนพฤษภาคม CEO ของ Mining Capital Coin ถูกฟ้องในข้อหา “เตรียมแผนฉ้อโกงการลงทุนทั่วโลกมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์” ซึ่งให้คำมั่นว่าจะได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากการขุดคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ ๆ โดยในทั้งสองกรณี นักต้มตุ๋นสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนมหาศาลแก่นักลงทุน แต่กลับเอาเงินใส่กระเป๋าเงินดิจิทัลของพวกเขาเอง

ดังนั้น FTC เตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนกับใครก็ตามที่สัญญาว่าจะ รับประกันผลตอบแทน

“ไม่มีการรับประกันว่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลจะสร้างรายได้ การลงทุนที่ถูกกฎหมายจะไม่บังคับให้คุณต้องซื้อสกุลเงินดิจิทัล หรือหากมีการขอให้ส่งคริปโตให้แทนการบอกรักกับคนที่เจอผ่านแอปหาคู่ นั่นถือเป็นการหลอกลวง” FTC กล่าว

Source

]]>
1391841
Binance ระงับบริการบางส่วนกับ ‘ชาวรัสเซีย’ ที่ถือครองคริปโต มูลค่ามากกว่า 1 หมื่นยูโร https://positioningmag.com/1382327 Thu, 21 Apr 2022 12:52:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382327 ‘Binance’ เเพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศระงับการให้บริการบางส่วนกับชาวรัสเซียที่ถือครองคริปโตฯ มูลค่าเกิน 10,000 ยูโรขึ้นไป ตามมาตรการคว่ำบาตรล่าสุดของสหภาพยุโรป (EU)

Binance เเจ้งว่า ผู้ใช้ชาวรัสเซียเเละบริษัทที่จัดตั้งในรัสเซีย ที่ถือครองคริปโตเคอร์เรนซี มูลค่ารวมมากกว่า 10,000 ยูโร (ราว 3.6 เเสนบาท) จะถูกห้ามไม่ให้ทำการฝากเงินใหม่หรือทำการซื้อขายใดๆ ทั้งฟังก์ชั่น spot , futures , Earn , staking เเละกระเป๋าเงิน Custody wallets

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจะสามารถถอนเงินได้เเละจะมีเวลา 90 วันในการปิดสถานะ

โดยข้อจำกัดดังกล่าว จะไม่มีผลกระทบต่อบัญชีของพลเมืองรัสเซีย ที่อาศัยอยู่นอกประเทศที่ได้รับการยืนยันหลักฐานที่อยู่เเล้ว ตลอดจนถึงบัญชีของชาวรัสเซียรายย่อ หรือบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในรัสเซีย ที่มีการถือครองสินทรัพย์คริปโตฯ บนเเพลตฟอร์ม Binance ‘น้อยกว่า 10,000 ยูโร

ในเดือนนี้ EU ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นครั้งที่ 5 โดยพุ่งเป้าไปที่กระเป๋าเงินคริปโตฯ ธนาคาร สกุลเงินและทรัสต์ เพื่ออุดช่องโหว่ที่อาจเปิดโอกาสให้ชาวรัสเซียเคลื่อนย้ายทรัพย์สินออกนอกประเทศ

เมื่อเดือนที่ผ่านมา Binance ระบุว่า ผู้ที่ถือบัตรเครดิตของธนาคารรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร จะไม่สามารถใช้งานบัตรบนแพลตฟอร์มได้ และยืนยันว่าบริษัทได้ระงับการให้บริการกับผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในลิสต์คว่ำบาตรด้วย

“Binance จะต้องเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมที่ดำเนินการตามมาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้ต่อไป เราเชื่อว่า Crypto Exchange รายใหญ่แห่งอื่น ๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎเดียวกันในไม่ช้า

ที่มา : Reuters , Binance , Bloomberg 

]]>
1382327
IMF เปิดรายงานประเทศที่มีการคอร์รัปชันสูง มักนิยมเทรดคริปโตฯ มาก https://positioningmag.com/1381574 Wed, 13 Apr 2022 15:55:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381574 IMF เปิดเผยรายงานระบุถึงปริมาณความนิยมและความถี่ของการใช้ crypto เพิ่มสูงขึ้นในประเทศที่มีการทุจริตคอร์รัปชัน โดยในปีที่แล้วการเพิ่มขึ้นและการยอมรับของ cryptocurrencies ได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยบางแห่งได้นำ Bitcoin มาใช้เป็นเงินตามกฎหมายหรือเป็นวิธีการชำระเงิน ซึ่งมักจะใช้เป็นการอำพรางเส้นทางการฟอกเงิน

finbold เปิดเผยถึงการวิจัยที่ตีพิมพ์โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ในหัวข้อ “Crypto, Corruption และ Capital Controls : Cross-Country Correlations” โดยระบุว่าผู้คนในประเทศที่มีการทุจริตในระดับที่สูงกว่ามักจะใช้ cryptocurrencies มากกว่าในประเทศอื่นๆ

เราพบว่าการใช้สินทรัพย์ crypto นั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญและในทางบวกกับการรับรู้ที่สูงขึ้นของการทุจริตและการควบคุมเงินทุนที่เข้มข้นมากขึ้น รายงานของ IMF กล่าว

อย่างไรก็ดี รายงานระบุการสำรวจบุคคลหลายพันคนใน 55 ประเทศ เพื่อตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น เปิดเผยว่า ประเทศดังกล่าวยังมีข้อจำกัดด้านเงินทุนที่เข้มงวด ทำให้ยากต่อการเคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศ ดังนั้น จำนวนผู้ใช้ crypto จึงเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ตามรายงานกล่าวว่าแท้จริงแล้ว ในประเทศเหล่านั้นที่ถูกมองว่าทุจริตหรือมีข้อจำกัดด้านเงินทุนที่รุนแรง ส่งผลให้การยอมรับสกุลเงินดิจิทัลนั้นสูงกว่า ซึ่งสนับสนุนข้อโต้แย้งสำหรับกฎระเบียบของภาคส่วนเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้น

ผู้อยู่อาศัยในประเทศที่ภาคการเงินแบบดั้งเดิม ได้รับการพัฒนาอย่างดี อาจไม่ค่อยรู้สึกว่าต้องการ crypto” รายงานระบุ

ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (The International Monetary Fund (IMF)) ได้สอบถามบุคคลประมาณ 2,000 ถึง 12,000 ในแต่ละประเทศเกี่ยวกับการใช้สกุลเงินดิจิทัลของพวกเขารวมกว่า 110,000 คนในกว่า 55 ประเทศ โดยผู้เขียนบทความได้ระบุถึงปัจจัยหลายประการที่อธิบายว่าทำไม Bitcoin อาจเป็นที่นิยมในประเทศหนึ่งมากกว่าประเทศอื่น โดยเมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงแล้ว สกุลเงินดิจิทัลยอดนิยม เช่น Bitcoin อาจมีเสถียรภาพมากกว่าสกุลเงินท้องถิ่นในแง่ของมูลค่าในระยะยาว

Photo : Shutterstock

ข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นในการใช้คริปโตฯ

เนื่องจากประเทศที่ยากจนมักจะมีกระบวนการควบคุมเงินทุนที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งห้ามไม่ให้เงินทุนจากต่างประเทศโอนย้ายเข้าและออกจากเศรษฐกิจของประเทศ สกุลเงินดิจิทัลจึงอาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงภาษีและระเบียบข้อบังคับอื่นๆ ของรัฐบาล

นามแฝงของผู้ถือบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล (โดยการทำธุรกรรมต้องใช้เพียงข้อมูลประจำตัวดิจิทัล) ทำให้พวกเขาใช้เป็นช่องทางที่มีศักยภาพสำหรับการโอนย้ายเงินที่ผิดกฎหมาย รวมถึงกระแสของเงินที่ได้จากการทุจริต

อย่างไรก็ดี ผลสรุปจากการทำแบบสำรวจนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ IMF ที่เป็นผู้เขียนให้เหตุผลในรายงานว่า กฎระเบียบระหว่างประเทศที่เข้มงวดมากขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำหนดหลักเกณฑ์ข้อกำหนดของลูกค้าให้ระบุตัวต้นผู้ถือครองบัญชี (KYC) ซึ่งกำหนดให้ต้องระบุไคลเอ็นต์การแลกเปลี่ยนคริปโตฯ นั้น มีความจำเป็นมากกว่าเพราะมองว่าอาจไม่ยุติธรรมและละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว ซึ่งขัดกับลักษณะเฉพาะของตลาดคริปโตฯ ที่เน้นความมีอิสระ

นอกจากนี้ ในการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าเหตุใดประเทศต่างๆ จึงอาจพยายามบังคับตัวกลาง เช่น การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ให้ปฏิบัติตามกระบวนการ KYC และข้อกำหนดในการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน (ID CARD) ที่มุ่งต่อสู้กับการฉ้อโกง การฟอกเงิน และเงินทุนของผู้ก่อการร้าย บางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ได้ใช้ข้อจำกัดประเภทนี้แล้ว

ขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลและเจ้าหน้าที่ทางการเมืองได้แสดงความกังวลเมื่อเร็วๆ นี้ว่าผู้มีอำนาจของรัสเซียซึ่งสนับสนุนการรุกรานยูเครนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในยูเครนอาจหันไปใช้ cryptocurrencies เพื่อเป็นเงินทุนในการดำเนินงาน หรือหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร

Source

]]>
1381574