Evergrande – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 Jan 2024 08:28:09 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ศาลฮ่องกงสั่งให้ Evergrande บริษัทอสังหาฯ จีน ชำระบัญชีคืนเงินเจ้าหนี้ หลังพยายามปรับโครงสร้างแต่ไม่สำเร็จ https://positioningmag.com/1460607 Mon, 29 Jan 2024 08:23:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460607 ยักษ์ใหญ่อสังหาจีนอย่าง ‘เอเวอร์แกรนด์’ ล่าสุดศาลฮ่องกงได้สั่งให้บริษัทเข้าสู่กระบวนการชำระบัญชีคืนเงินเจ้าหนี้ หลังจากบริษัทพยายามปรับโครงสร้างหนี้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีแต่ไม่สำเร็จ ซึ่งมูลหนี้ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายนี้เกือบ 11.57 ล้านล้านบาท

ศาลในฮ่องกงสั่งให้บริษัทเอเวอร์แกรนด์ (Evergrande) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เข้าสู่กระบวนการขายทรัพย์สิน (Liquidation) เพื่อชำระหนี้สินที่มีอยู่มากถึง 325,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 11.57 ล้านล้านบาท หลังจากที่บริษัทได้ยื้อเวลาเพื่อที่จะขอปรับโครงสร้างหนี้มาเป็นระยะเวลา 2 ปี

ผู้พิพากษา ลินดา ชาน (Linda Chan) กล่าวว่า “ถึงเวลาที่ศาลจะต้องบอกว่าพอได้แล้ว” โดย Evergrande ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ถือหุ้นกู้ได้ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา และมีการขึ้นศาลในหลายครั้งเพื่อที่จะขอปรับโครงสร้างหนี้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ก่อนการพิจารณาคดี Evergrande ได้ขอมีการขอเลื่อนนัดพิจารณาคดีในวันนี้ โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ท้ายที่สุดศาลฮ่องกงสั่งไม่ให้มีการเลื่อนนัดออกไป และในช่วงบ่ายของวันนี้ (จันทร์ 29 มกราคม) จะมีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีชั่วคราวเพื่อดูแลผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายดังกล่าว ก่อนจะมีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีถาวร

Evergrande ถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศจีน ในช่วงเวลาหนึ่งบริษัทมีธุรกิจลูกไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านการเงิน หรือแม้แต่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า แต่หนี้สินอันพอกพูนจากการขยายกิจการ รวมถึงมาตรการสำคัญจากรัฐบาลจีนในการควบคุมธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น การก่อหนี้ของบริษัท หรือการขยายโครงการ ฯลฯ

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายรวมถึง Evergrande ประสบปัญหาในการเงิน เนื่องจากหนี้ที่พอกพูนมหาศาล ขณะเดียวกันตลาดบ้านในจีนมีราคาลดลง ยิ่งทำให้บริษัทอยู่ในสภาวะลำบาก จนทำให้บริษัทขาดกระแสเงินสดอย่างหนัก และต้องเบี้ยวการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้

วิกฤตดังกล่าวยังทำให้ สีว์ จยาอิ้น ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ต้องขายสินทรัพย์ส่วนตัวมาใช้หนี้สินที่เกิดขึ้น คิดเป็นเงินไทยราวๆ 35,000 ล้านบาทในช่วงเวลานั้น แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก เนื่องจากมูลหนี้ที่มหาศาล

ผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์ยังกระทบต่อความมั่งคั่งของชนชั้นกลางจีนเนื่องจากสินทรัพย์ของชาวจีนส่วนใหญ่ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 อยู่ในรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาดังกล่าวยังทำให้ชาวจีนขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจทันที

แต่ประเด็นสำคัญของการปล่อยให้ยักษ์ใหญ่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายนี้ล้มลงเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจะไม่อุ้มภาคอสังหาริมทรัพย์อีกต่อไป

Siu Shawn ซึ่งเป็น CEO ของ Evergrande ได้กล่าวว่าแม้บริษัทจะเข้าสู่กระบวนการขายทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ แต่บริษัทจะพยายามที่จะสร้างโครงการที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จ และคำสั่งของศาลจะไม่กระทบกับการดำเนินงานของบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่ หรือในต่างประเทศ

คาดว่าหลังจาก Evergrande ถูกสั่งให้ชำระบัญชีแล้วนั้นอาจต้องใช้เวลาหลายปีที่กระบวนการดังกล่าวเสร็จสิ้น และเงินที่ได้มานั้นจะชำระมูลหนี้ได้แค่ราวๆ 3.4% ของมูลหนี้ทั้งหมด

ที่มา – BBC, Reuters, CBC

]]>
1460607
ประธาน ‘Evergrande’ ขายทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท กู้วิกฤตหนี้บริษัท https://positioningmag.com/1362874 Thu, 18 Nov 2021 12:10:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1362874 ‘เอเวอร์แกรนด์’ (Evergrande) เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของจีน และกำลังเผชิญกับภาวะล้มละลายจากวิกฤตหนี้สินที่มี 10 ล้านล้านบาท เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการไล่ซื้อกิจการต่าง ๆ หลายปีที่ผ่านมา จนในที่สุด สีว์ จยาอิ้น ประธานเอเวอร์แกรนด์ จำต้องขายทรัพย์สินส่วนตัวใช้หนี้

สีว์ จยาอิ้น ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทเอเวอร์แกรนด์ จำต้องขายทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 7 พันล้านหยวน (3.5 หมื่นล้านบาท) เพราะประคับประคองบริษัท โดย สีว์ จยาอิ้น ขายบ้านหลายหลังในฮ่องกง, กว่างโจว และ เซินเจิ้น รวมถึงเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวบางลำ

สีว์พยายามอัดฉีดเงินเข้าบริษัทตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม เพื่อใช้รักษาการดำเนินงานพื้นฐานของอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ของเขา อาทิ เงินเดือนพนักงาน การจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตร และสานต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศให้เสร็จ โดยปัจจุบันหุ้นในบริษัทเพิ่มขึ้นมากถึง 4.3% ในช่วงเช้าวันพุธ และล่าสุดเพิ่มขึ้น 1.1% ดังนั้น ภาพรวมหุ้นบริษัททั้งปีในปีนี้จะลดลงที่ 80%

“เอเวอร์แกรนด์” ยักษ์ใหญ่อสังหาจีน เสี่ยงล้มพร้อมหนี้ 10 ล้านล้าน ลามวิกฤตซับไพรม์เอเชีย

ที่ผ่านมา บริษัทพยายามทำทุกวิธีเพื่อใช้หนี้มูลค่าราว 10 ล้านล้านบาท โดยในช่วงปลายเดือนกันยายน บริษัทประกาศว่าจะขายหุ้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ใน Shengjing Bank ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐ และกำลังดำเนินการขายหุ้นที่มีทั้งหมดใน HengTen Network Holdings บริษัทภาพยนตร์และสตรีมมิ่งโทรทัศน์ของจีน จำนวน 1.66 พันล้านหุ้น โดยมีมูลค่ารวม 2.13 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (273.5 ล้านดอลลาร์) โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดในวันที่ 22 พ.ย. นี้

โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับการชำระเงินในรอบแรกจำนวน 20% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดในวันจันทร์ที่ 22 พ.ย.นี้ ส่วนเงินในส่วนที่เหลือจะได้รับการชำระภายใน 2 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า Evergrande จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ไปชำระดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงสะสมเงินเพื่อใช้ชำระดอกเบี้ยมูลค่า 255 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้

Source

]]>
1362874
วิกฤตพลังงานพ่นพิษ! ฉุด GDP ‘จีน’ ไตรมาส 3 โตไม่ถึง 5% https://positioningmag.com/1357234 Tue, 19 Oct 2021 05:49:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1357234 จากในตอนแรกที่ ‘จีน’ ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก สามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการระบาดของโรค COVID-19 ในปีที่แล้ว โดยการเติบโตของ GDP พุ่งกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด แต่แม้จะรับมือกับการระบาดได้ดี แต่ตอนนี้ต้องเจอกับวิกฤต ‘พลังงาน’ เป็นตัวแปรใหม่เข้ามาอีก

นักวิเคราะห์ 12 คนสำรวจโดย AFP คาดการณ์ว่า การเติบโตของจีนจะอยู่ที่ 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งถือว่าชะลอตัวลงอย่างมากจาก 7.9% ในช่วงไตรมาสที่สอง โดยเหล่านักวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการการเติบโตทั้งปีเป็น 8.1% จากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตได้ 8.5%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเติบโตของจีนที่ชะลอตัวส่วนใหญ่เกิดจากมาตรการ ‘จัดการโควิดให้เป็นศูนย์’ หรือ ‘zero-tolerance COVID’ โดยรัฐบาลทั้งปิดพรมแดน มีการจำกัดการเดินทาง รวมถึงการเข้าประเทศของชาวต่างชาติ บวกกับนโยบายที่เข้มงวดในปีนี้

โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์และารขับเคลื่อนเพื่อลดการปล่อยมลพิษ รวมถึงมีเรื่องของวิกฤตพลังงานเข้ามาอีก โดยในภาคอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตที่ชะลอตัวด้วยกฎระเบียบและนโยบายสินเชื่อที่เข้มงวดสำหรับนักพัฒนา เนื่องจากกรณีของบริษัท Evergrande ที่สร้างปัญหาหนี้สินกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงด้านการชำระหนี้ไปด้วย

Christina Zhu จาก Moody’s Analytics กล่าวว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และราคาบ้านที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโต เนื่องจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มีส่วนสำคัญในการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ซึ่งเธอกล่าวว่ามีสัดส่วนมากกว่า 40% ของ GDP ทั้งหมด

“ความเสี่ยงหลักสองประการในช่วงที่เหลือของปีคือ ปัญหาหนี้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการขาดแคลนพลังงาน”

ด้านปัญหาวิกฤตพลังงานของจีนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมาพร้อมกับปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น บวกกับการที่รัฐบาลพยายามผลักดันนโยบายการลดปล่อยคาร์บอน ส่งผลให้กิจกรรมการขุดและการผลิตเหมืองถ่านหินลดลง โดยการหยุดชะงักดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างแรงกดดันต่อตลาดแรงงานในประเทศและการบริโภคเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าและราคาทั่วโลก

โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ UBS เชื่อว่ารัฐบาลจีนจะปรับนโยบายเพิ่มเติมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านพลังงานที่รุนแรง โดยได้แนะนำแนวทางในการเพิ่มการผลิตและนำเข้าถ่านหินแล้ว ในขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังพยายามปรับเทียบเศรษฐกิจให้เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค หลีกเลี่ยงการลงทุนและการส่งออก

ยีน หม่า หัวหน้าฝ่ายวิจัยของจีนที่สถาบันการเงินระหว่างประเทศ กล่าวว่า แม้อุปสงค์จากต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง แต่ปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศและการระบาดของไวรัส นอกเหนือไปจากปัญหาการขาดแคลนพลังงานและตลาดที่อยู่อาศัยล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน

“เพราะทั้งปัญหาน้ำท่วมเหมืองถ่านหิน สภาพอากาศที่ทำลายพืชผล และการล็อกดาวน์หลายครั้ง ทำให้การฟื้นตัวอย่างน่าทึ่งของจีนหลังเกิด COVID-19 จะหมดลงในฤดูร้อนปีนี้”

Source

]]>
1357234
“เอเวอร์แกรนด์” ยักษ์ใหญ่อสังหาจีน เสี่ยงล้มพร้อมหนี้ 10 ล้านล้าน ลามวิกฤตซับไพรม์เอเชีย https://positioningmag.com/1352027 Thu, 16 Sep 2021 07:25:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352027 เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ประชาชนจีนกว่าร้อยคน ได้บุกเข้าไปยังอาคารสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเหิงต้า หรือ ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ พร้อมเรียกร้องให้บริษัทคืนเงินลงทุน หุ้นกู้ และเงินดาวน์โครงการพัฒนาต่างๆ หลังมีข่าวแพร่สะพัดว่า บริษัทกำลังประสบปัญหาทางการเงิน มีหนี้สินสูงถึง 1.97 ล้านล้านหยวน (ราว 10 ล้านล้านบาท หรือราว 3.56 แสนล้านดอลลาร์) ถือเป็นธุรกิจเอกชนที่มีหนี้มากที่สุดในโลก

เอเวอร์แกรนด์ เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของจีนและเป็นหนี้สินมากที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับภาวะล้มละลายหลังจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการไล่ซื้อกิจการต่างๆ หลายปีที่ผ่านมา

ขณะที่วิกฤติสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของเอเวอร์แกรนด์ ทำให้เกิดความกลัวว่า จะผิดนัดชำระหนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงในวงกว้างต่อระบบการเงินของจีน

เอเวอร์แกรนด์นั้น ใหญ่แกรนด์แค่ไหน ว่ากันว่าก็คงขนาดที่ว่าหากล้มละลาย นับเป็นผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศ และอาจรวมถึงโลกด้วย

เป็นเหตุให้หลายฝ่ายจับตาว่ารัฐบาลจีนยื่นมือเข้าอุ้มหรือไม่ เพราะการล้มของเอเวอร์แกรนด์มีนัยสำคัญกับเศรษฐกิจจีนและเชื่อมโยงกับตลาดโลก

1. เอเวอร์แกรนด์ (Evergrande) คือใคร?

เอเวอร์แกรนด์ หรือไชน่าเอเวอร์แกรนด์ เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของบริษัท มีการดำเนินธุรกิจโครงการมากกว่า 1,300 โครงการ ในกว่า 280 เมือง เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศจีน และติดอันดับหนึ่งใน 150 บริษัทชั้นนำของโลก เมื่อพิจารณาจากรายได้ จากข้อมูลของ Fortune 500 บริษัทมีพนักงานมากกว่า 123,000 คน และมีรายได้รวม 7.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2020

การปฏิรูปของจีนได้เปิดเศรษฐกิจการพัฒนาที่ดิน บริษัทได้สร้างและสะสมความมั่งคั่งในช่วงหลายทศวรรษของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว

Xu Jiayin, boss of Evergrande (Photo credit should read Feature China/Barcroft Media via Getty Images)

บริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยนักธุรกิจมหาเศรษฐี สีว์จยาอิ้น ปัจจุบันเขาได้รับการจัดอันดับจากฟอร์บส์ ให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสามในประเทศจีนและเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 31 ของโลก อีกทั้งได้รับการจัดอันดับในรายงานความมั่งคั่งล่าสุดจากรายงานของหูรุ่น ยกให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 5 ของประเทศ

สีว์จยาอิ้น วัย 62 ปี มหาเศรษฐีที่สร้างฐานะตัวเอง เติบโตจากความยากจนในชนบท มาเป็นเจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ กำลังต่อสู้เพื่อกอบกู้กลุ่มบริษัทของเขาจากหนี้มหาศาล และอาจเป็นต้นเหตุแห่งการล่มสลายที่ใกล้เข้ามาแล้ว ของชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

การประกาศลาออกจากตำแหน่งประธาน เอเวอร์แกรนด์เรียลเอสเตทกรุ๊ป (Evergrande Real Estate Group) เมื่อวันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ก็ยิ่งย้ำให้เห็นภาพของต้นหนที่สละเรือซึ่งกำลังใกล้จะจม

2. เอเวอร์แกรนด์ ทำอะไร-ที่ไหน?

ในขณะที่กิจการส่วนใหญ่ของเอเวอร์แกรนด์เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้เริ่มดำเนินการกระจายความเสี่ยงทั้งหมดไปยังกิจการนอกกลุ่ม

โดยนอกเหนือจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตอนนี้เอเวอร์แกรนด์ยังซื้อสโมสรฟุตบอลกว่างโจว เอฟซี (เดิมคือกวางโจว เอเวอร์แกรนด์)

Photo : Shutterstock

เอเวอร์แกรนด์ ยังเข้าไปในอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่ม มีทั้งกิจการน้ำแร่และอาหารที่กำลังเฟื่องฟูด้วยแบรนด์ Evergrande Spring

นอกจากนี้ ยังสร้างสวนสนุกสำหรับเด็ก ซึ่ง “มโหฬาร” กว่าของค่ายดิสนีย์ คู่แข่ง

เอเวอร์แกรนด์ ยังได้ลงทุนในภาคการท่องเที่ยว ดิจิทัล อินเทอร์เน็ต ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ และกิจการประกันภัย รวมทั้งลงทุนกิจการรถยนต์ไฟฟ้า (Evergrande Auto) ในปี 2019 (ทั้งที่ไม่ได้เคยทำการตลาดยานพาหนะใดๆ เลย)

3. เอเวอร์แกรนด์ มีปัญหาอะไร?

ปัญหาในระยะสั้นของเอเวอร์แกรนด์ คือ หนี้สิน ซึ่งกลุ่มบริษัทกล่าวว่าในสัปดาห์นี้ หนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1.97 ล้านล้านหยวน (ราว 10 ล้านล้านบาท หรือราว 3.56 แสนล้านดอลลาร์) และเตือนถึง “ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น หากบริษัทผิดนัดไม่สามารถชำระหนี้”

หนึ่งปีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นเอเวอร์แกรนด์ ตกมากกว่า 70% ขณะที่ผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์หลายรายบ่นว่าไม่ได้รับเงินตรงเวลา มีข่าวเจ้าหนี้ต่าง ๆ ของยักษ์ใหญ่รายนี้ พากันฟ้องเรียกร้องหนี้ตลอดมา

ปีที่แล้ว มีจดหมายภายในรั่วไหลจาก สวี่ เจียหยิ่น ประธานฯ ว่าขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลในการปรับโครงสร้างใหม่ จนตลาดตื่นตระหนก แม้ว่าภายหลัง บริษัทฯ จะบอกว่าเป็นข่าวเท็จก็ตาม

4. การล่มสลายของเอเวอร์แกรนด์ จะก่อให้เกิดวิกฤตในเอเชียหรือไม่?

ปักกิ่ง ได้ตั้งฉายาเรียกกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีหนี้สิน และความเสี่ยงทางการเงินมหาศาล แต่ผู้รับผิดชอบมองไม่เห็นสัญญาณ หรือเห็นแต่คิดว่าไม่สำคัญ ว่าเป็น “แรดสีเทา” และ “ไชน่า เอเวอร์แกรนด์” เคยถูกพูดถึงหลายครั้งว่าเป็น “แรดสีเทาตัวยักษ์ของจีน”

ผู้เชี่ยวชาญ เคยเตือนกังวลเรื่องหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลกรายนี้เสมอ และถกเถียงคาดการณ์กันว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคหรือไม่หากบริษัทนี้ล่มสลาย นักวิเคราะห์เอเชีย บางคนชวนคิดถึงสถานการณ์เช่นเดียวกับความล้มคว่ำ เรื่องอื้อฉาวของฮันโบ (Hanbo Steel) ในเกาหลีใต้ เดือนมกราคม 1997 ชนวนหนึ่งของวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย

Photo : Shutterstock

 

วิกฤตหนี้สินทั่วโลกของ เอเวอร์แกรนด์ ที่มีมากกว่า 3.56 แสนล้านดอลลาร์ แม้จะเป็นผู้ออกพันธบัตรในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐรายใหญ่ที่สุด แต่ก็กลายเป็นพันธบัตรขยะที่นักลงทุนเพียงไม่กี่รายต้องการถือในตอนนี้

ฮิลลาร์ด แม็คเบธ ผู้เขียน When the Bubble Bursts ได้โพสต์ไว้ในบล็อกของ Richardson Wealth ว่า “พันธบัตรเอเวอร์แกรนด์ ที่จะครบกำหนดในปี 2568 ปัจจุบันราคาซื้อขายต่ำกว่า 40 เซนต์ ซึ่งหมายความว่าตลาดเชื่อว่ามีโอกาสน้อยที่เอเวอร์แกรนด์จะสามารถชำระหนี้นี้ได้”

เอเวอร์แกรนด์ถูกฟ้องร้องชำระหนี้มาต่อเนื่อง ล่าสุดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคาร ไชน่ากวงฝ่า (China Guangfa Bank Co) ชนะคดีอายัดเงินฝากของเอเวอร์แกรนด์ได้ราว 20 ล้านดอลลาร์ แต่นั่นเป็นเพียงหยดน้ำในมหาสมุทรหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์

ไม่กี่วันต่อมา ซัพพลายเออร์ของเอเวอร์แกรนด์ พากันเริ่มฟ้องร้องคดีเบี้ยวหนี้ ซึ่งรวมถึง Huaibei Mining Holdings Co ที่ฟ้องเรียกหนี้ค้างชำระจากเอเวอร์แกรนด์ 84 ล้านดอลลาร์ ฯลฯ

นอกจากนี้ สำนักงานที่ดิน เมืองหลานโจว ยังได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าเอเวอร์แกรนด์ก็ค้างหนี้เช่นกัน

ปัญหาหนี้ที่พอกพูนมหาศาลทำให้หน่วยงานจัดอันดับเครดิต ลดความน่าเชื่อถือเอเวอร์แกรนด์ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจาก B- เป็น CCC (สองระดับ) ในวันที่ 5 สิงหาคม ขณะเดียวกันก็ลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของธนบัตรดอลลาร์สหรัฐที่ออกโดยเอเวอร์แกรนด์ จาก CCC+ เป็น CC-

S&P กล่าวว่า สถานะสภาพคล่องของเอเวอร์แกรนด์ลดลงอย่างรวดเร็วและมากกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้

“ความเสี่ยงจากการไม่ชำระเงินของบริษัทกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ไม่เพียงแต่สำหรับพันธบัตรสาธารณะที่จะถึงครบกำหนดในปี 2565 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินเชื่อธนาคารและทรัสต์ และหนี้สินอื่นๆ ในอีก 12 เดือนข้างหน้าด้วย”

เช่นเดียวกับ หน่วยงานจัดอันดับเครดิตรายใหญ่อื่นๆ รวมถึง Moodys และ Fitch ได้ประกาศการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือที่คล้ายกัน

ก่อนหน้านี้ นักลงทุนได้เคยพูดเรื่องฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ของจีนมานานแล้ว และหากเอเวอร์แกรนด์ล่มสลายจริง … ตลาดโลกก็ย่อมตกต่ำเช่นกัน

Photo : Shutterstock

แม้ว่าปักกิ่งจะต้องการพยายามบรรเทาภัยพิบัติอย่างดีที่สุด แต่ฝ่ายบริหารก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไร นอกจากนี้ยังดูจะมีแนวทางนโยบายที่ระมัดระวังมากขึ้นในการจัดการปัญหาหนี้สินในหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนและคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีนได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ไม่ปกติ ในการกระตุ้นให้เอเวอร์แกรนด์ ดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงด้านหนี้สิน

ภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารของบริษัท ได้ออกแถลงการณ์สาธารณะว่า “เอเวอร์แกรนด์ ในฐานะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ต้องใช้การจัดการเชิงกลยุทธ์ที่จัดทำโดยรัฐบาลกลางอย่างจริงจัง เพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีเสถียรภาพ และมุ่งมั่นที่จะทำให้การดำเนินงานมีความมั่นคง”

Photo : Shutterstock

แถลงการณ์ดังกล่าวยังกระตุ้นให้เอเวอร์แกรนด์ “กระจายความเสี่ยงด้านหนี้สินอย่างแข็งขัน และรักษาเสถียรภาพของอสังหาริมทรัพย์และตลาดการเงิน”

ฝ่ายบริหารของเอเวอร์แกรนด์ ตอบว่าจะ “ดำเนินการอย่างเต็มที่” ตามข้อกำหนดของปักกิ่ง รวมถึงการลดความเสี่ยงด้านหนี้สินและรักษาเสถียรภาพของตลาด

มีความคืบหน้าบางอย่างในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ กำลังเจรจากับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเสี่ยวหมี่ เพื่อขายหุ้นในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ประสบผลสำเร็จกับการเจรจากับเจ้าหนี้รายใหญ่เพื่อขยายสินเชื่อ แต่ขนาดของหนี้สินมีมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องดำเนินการอีกมากเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่หลายคนกลัวว่าเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อตลาดโลก

5. เลห์แมน บราเธอร์ส ของจีน?

ตำนานวิปโยค เลห์แมน บราเธอร์ส (Lehman Brother) วาณิชธนกิจระดับโลก ที่ประกาศล้มละลายที่ใหญ่หลวงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ก่อวิกฤตซับไพรม์ 15 กันยายน ปี 2008 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก หลังขาดทุนมหาศาลจากการลงทุนในสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ กำลังจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับประเทศจีนหรือไม่

นักวิเคราะห์มองว่า มีสาเหตุที่คล้าย ๆ กันเกิดขึ้นกับ เอเวอร์แกรนด์ คือ การกู้มาลงทุน เติบโตด้วยหนี้ล้วน ๆ นี่คือต้นเหตุที่นำพาไปสู่หายนะอย่างแท้จริง ทุกอย่างเริ่มต้นในช่วงเวลาตลาดขาขึ้น ความโลภเริ่มเข้าครอบงำ

Xu Jiayin, chairman of Guangzhou’s Evergrande (Photo by Visual China Group via Getty Images/Visual China Group via Getty Images)

นอกจากนี้ ยังก่อหนี้ท่วม จนสภาพคล่องต่ำ โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น ซึ่งมักได้มาจากการกู้ยืมโดยใช้เครดิต ความน่าเชื่อถือ

การขาดความระมัดระวังต่อแผนการลงทุน ประมาทไปว่าช่วงแรกคือช่วงที่อะไรๆ ก็ดูดีไปหมด จนเมื่อขาดทุน ขาดสภาพคล่อง เงินสดยังแทบไม่มี

การขยายตัวอย่างรวดเร็ว การเติบโตอย่างบ้าคลั่งด้วยหนี้จำนวนมาก เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เอเวอร์แกรนด์อยู่ในสถานะอันตรายเช่นนี้ในปัจจุบัน

การล่มสลายของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหนี้มากที่สุดในโลกอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อตลาดการลงทุนทั่วโลก จะซ้ำรอย กลายเป็น เลห์แมน บราเธอร์ส ของจีน หรือไม่?

Photo : Shutterstock

เดวิด ลิลเวล-สมิธ ผู้เขียนร่วมของ The Great Crash of 2008 ที่กำลังจับตาดูบริษัทจีนรายนี้ กล่าวว่า

“เอเวอร์แกรนด์เคยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของจีน ตอนนี้เป็นอาคารที่โยกเยกอย่างไม่น่าเชื่อ และมีพันธมิตรธุรกิจน้อยลง”

ลิลเวล-สมิธ ยังเน้นย้ำถึงบางสิ่งที่คนวงในในอุตสาหกรรมหลายคนสงสัยมานาน กล่าวเป็นนัยว่า

“หนี้ 3 แสนล้านเหรียญนี้ อาจทำให้ เอเวอร์แกรนด์ เป็นวิปโยค เลห์แมน บราเธอร์สของจีน เป็นหนี้ขยะใต้ดินให้กับคู่สัญญาจีน (และทั่วโลก) (ซึ่งอาจรวมถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซี) หนี้มหาศาลเช่นนี้ มีแต่รัฐบาลจีนเท่านั้นที่สามารถอุ้มทนความเจ็บปวดนี้ได้”

Source

]]>
1352027