iAM – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 28 Sep 2022 13:44:55 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘iAM’ แตกค่ายเพลง ‘Independent Records’ ดันไอดอลสู่ ‘ตลาดแมส’ เพิ่มโอกาสทำเงิน https://positioningmag.com/1402169 Wed, 28 Sep 2022 09:32:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402169 หากพูดถึงตลาด ไอดอล บ้านเรา แน่นอนว่าชื่อของ BNK48 ยังคงเป็นชื่อแรก ๆ ที่ใครหลายคนนึกถึง แต่แน่นอนว่าปัจจุบันกระแสอาจจะไม่อยู่ในจุดพีคเหมือนช่วง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ ฟีเวอร์ อีกทั้งยังเจอกับช่วง COVID-19 มาเบรกไป 2 ปี ทำให้ บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ iAM ต้นสังกัดศิลปินวง BNK48 และ CGM48 ต้องหาทาง เปิดตลาดใหม่ โดยการคลอด ค่ายเพลง เพื่อต่อยอดศักยภาพน้อง ๆ ไอดอล เพื่อหาโอกาสสร้างรายได้และเพิ่มฐานแฟนคลับกลุ่มใหม่ ๆ

เจ็บหนักจากโควิด

ย้อนไปช่วง 5-6 ปีก่อนที่เป็นช่วงพีคของ BNK48 สามารถทำรายได้สูงสุดถึงปีละ 600-700 ล้านบาท เลยทีเดียว แต่หลังจากที่เจอกับการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้งานอีเวนต์ต่าง ๆ ไม่สามารถจัดได้ ทำให้รายได้ในปีที่ผ่านมาของบริษัทลดเหลือแค่ 190 ล้านบาท เท่านั้น

แน่นอนว่าบริษัทก็มีการปรับตัว ทั้งการเน้น ออนไลน์ มากขึ้นเพื่อชดเชยรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ การจัดกิจกรรม Virtual greeting แทนที่การจับมือ รวมถึงการทำเหรียญโทเคน, NFT เพื่อสร้าง BNKVerse โดยตั้งเป้าที่จะดันให้รายได้ 50% มาเป็น ออนไลน์ จากเดิมที่มีสัดส่วนราว 30% และลดสัดส่วนรายได้จากเมอร์ชันไดซ์ และ อีเวนต์ จาก 35% ให้เหลือ 25%

เปิดค่ายเพลงหวังให้แมสขึ้น

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าวงไอดอลนั้นเป็นตลาดที่นีช ซึ่งจุดแข็งก็คือความเหนียวแน่นของ Core Fanclub หรือเหล่า โอตะ แต่การจะทำให้ BNK48 แมสมากขึ้น จ๊อบซัง ณัฐพล บวรวัฒนะ ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด จึงได้ฉีกไปทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ อย่างภาพยนตร์ ผ้าผีบอก ที่เพิ่งฉายไป และ ซีรีส์ ที่จะได้เห็นในปลายปีนี้

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาค่ายก็ได้ชิมลางลองทำเพลงจับฐานแฟนคลับต่างจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่อย่างเพลง โดดดิด่ง ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ไทบ้านxBNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ซึ่งมียอดวิวใน YouTube กว่า 189,218,183 views หรือเพลง หมกกบ ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ผ้าผีบอก

ล่าสุด บริษัทจึงได้แตกค่ายเพลงภายใต้สังกัด iAM เป็นการขยายธุรกิจกลุ่มมิวสิกในชื่อ Independent Records (อินดิเพนเด้นท์ เรคคอร์ด) โดยจะดึงศิลปินจาก BNK48 +CGM48 ทั้ง 77 คน เพื่อทำเพลงให้สามารถเข้าถึงทุกเพศทุกวัยได้มากขึ้น เบื้องต้น ได้มีศิลปินเดี่ยวและเกิร์ลกรุ๊ปภายใต้ค่ายเพลงใหม่ ได้แก่

  • แก้ว-ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ กับเพลง “อาการชัด”
  • เพลงประกอบภาพยนตร์ The Cheese Sisters Namneung x Noey โดยตาหวาน-อิสราภา ธวัชภักดี
  • eRa (อีล่า) เพลงอิสาน เน้นความสนุก
  • QRRA (คาร่า) สไตล์เพลงทีป็อป
  • INDY CAMP ซีซั่น 2 ต่อยอดจากความสำเร็จในซีซั่นที่ 1
  • Queenie (ควินนี่) ซึ่งแตกไลน์มาจากโปรเจกต์ชราไลน์

“จากนี้อะไรที่เป็นออริจินอลของเราเอง ที่ไม่ใช่ไอดอลสไตล์จะอยู่ภายใต้ค่ายเพลงนี้ เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราทำเพลงเองอย่าง โด่ดิด่ง เรายังโปรโมตผ่าน BNK48 พอมันเป็นภาพของ BNK48 คนภายนอกที่ไม่ใช่ Fanclub ก็อาจจะมี BIAS คิดว่าเป็นเพลง BNK48 ทำให้ไม่สามารถเสพต่อ แต่พอเราแยกค่ายออกมาการสื่อสารก็จะชัดเจนขึ้น”

ศิลปินเปิดกว้าง = โอกาสทำเงิน

ณัฐพล ย้ำว่า ธุรกิจไอดอลก็ไม่ต่างจากดนตรี แค่เปลี่ยนจากแนวเพลง ไอดอลสไตล์ มาเปิดกว้างมากกว่าขึ้น สามารถทำเพลงได้หลากหลายสไตล์ อาทิ เพลงป็อป, เพลงอีสาน ทำให้เปิดกว้างในการรับรู้ของแบรนด์ดิ้งและตัวน้อง ๆ สมาชิกมากขึ้น แต่สุดท้ายทั้ง 2 ส่วนก็จะมาสนับสนุนกันเองไม่ว่าจะทางไอดอลออกไปสู่ตลาดแมส หรือจากตลาดแมสมาสู่ไอดอล นอกจากจะเปิดกว้างด้านการแสดงศักยภาพแล้ว ในแง่การสร้างรายได้ก็ต้องยอมรับว่ามีมากขึ้น เพราะสามารถหา สปอนเซอร์ ได้หลากหลายสไตล์มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ค่าย Independent Records พื้นที่ให้น้อง ๆ ทั้ง 77 คนได้แสดงศักยภาพในสายงานอื่นนอกจากการเป็นไอดอล แต่จะเป็นในลักษณะ ออดิชั่น ซึ่งเบื้องต้น ค่ายจะเน้นให้โอกาสน้อง ๆ ก่อน ยังไม่มีแผนปั้นศิลปินภายนอกอื่น ๆ แต่เป็นไปได้ที่จะมีการฟีดเจอร์ริ่งกับศิลปินต่างค่าย เพราะต้องยอมรับว่าการเป็น BNK48 มันมีข้อจำกัดอยู่

“ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับการเปิดพื้นที่ให้น้อง ๆ แสดงศักยภาพมากกว่าที่จะไปดึงคนนั้นคนนี้มาเป็นศิลปิน แต่ถ้าจะมีฟีจเจอรริ่งกันอันนี้ไม่ติดเลยมีโอกาสแน่เลย”

ตั้งเป้าโกย 100 ล้าน ใน 3 ปี

สำหรับงบการตลาดของเครือวางไว้ที่ 100 ล้านบาท สำหรับใช้ตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปี 2567 โดยจะเน้นสร้างการรับรู้ผ่านสังคมออนไลน์ครบทุกแพลตฟอร์มชั้นนำ และออนกราวด์ เช่น กิจกรรมโรดโชว์ หรือคอนเสิร์ต รวมถึงใช้พันธมิตรสื่ออย่าง แพลนบีมีเดีย เพื่อกระจายการรับรู้ โดยภายในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 440 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนรายได้จากฝั่งของ Independent Records คาดว่าภายใน 3 ปี จะมีรายได้ 100 ล้านบาท

“ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในธุรกิจไอดอลและธุรกิจเพลงสูงอยู่แล้ว และยิ่งครึ่งปีหลังจากนี้การแข่งขันยิ่งสูงเพราะทุกอย่างมันอั้นมาจาก 2 ปีที่แล้ว แต่เราเชื่อว่าเราได้เปรียบตรงฐานแฟนคลับที่แข็งแรง ส่วนน้อง ๆ ก็ต้องแสดงความสามารถให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพราะตลาดมันกว้างกว่าแค่ไอดอลแล้ว”

ณัฐพลย้ำว่า แม้ว่าตลาดไอดอลจะไม่ฟีเวอร์เหมือนช่วงก่อนหน้านี้ แต่พลังของ โอตะ ยังพร้อมให้การสนับสนุน แม้ว่าเศรษฐกิจจะทำให้กำลังซื้อลดลงก็ตาม ขณะที่งานอีเวนต์ต่าง ๆ ก็ยังไม่กลับมา 100% เหมือนก่อน ยังฟื้นเพียงแค่ 60-70% เท่านั้น แต่เชื่อว่าปีหน้าจะยิ่งแข่งขันสูงแน่นอน เพราะตลาดต้องการสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะตลาดไอดอลหรือตลาดเพลง

]]>
1402169
รู้จัก ‘บุญจิรา’ ผู้รับไม้ต่อจาก ‘ต้อม จิรัฐ’ บริหาร BNK48 ในยุคไอดอลเริ่มซา https://positioningmag.com/1294480 Fri, 28 Aug 2020 11:06:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1294480 เป็นเวลากว่า 3 ปีที่ ‘BNK48’ ได้ก่อตั้งขึ้นในไทยโดยบริษัท ‘BNK48 Office’ ที่ปัจจุบันบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘Independent Artist Management’ จำกัด หรือ ‘iAM’ เพื่อขยายธุรกิจจากเดิมจากที่มีแค่วง BNK48 และในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มี ‘ดราม่า เธียเตอร์’ ดราม่าใหญ่ที่ส่งผลให้ ‘ต้อม จิรัฐ บวรวัฒนะ’ และ ‘ณัฐพล บวรวัฒนะ’ หรือ ‘จ๊อบซัง’ 2 ผู้ปลุกปั้น BNK48 ได้ออกมาประกาศถอนตัวออกจากการบริหารงาน 48 Group และจากนั้นไม่นาน ทั่วโลกรวมถึงไทยก็ได้เผชิญกับวิกฤติ ‘COVID-19’ ซึ่งทำให้ข่าวคราวของ BNK48 หายหน้าไป จนล่าสุด iAM ก็คว้า คุณบุญจิรา ธีระมโน ที่เคยผ่านงานจาก ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค ไทยแลนด์ และ BEC World มาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด พร้อมกับโจทย์ ต่อยอดความสำเร็จเดิมของ BNK48 และสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัท

ผุดกลยุทธ์ ‘3-Os’ รักษาโอตะเก่าและเพิ่มโอตะใหม่

ไม่ใช่แค่เผชิญกับวิกฤติ COVID-19 แต่ก่อนหน้านี้ ลาดไอดอล’ ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากทั้งทางตรงจากวงไอดอลต่าง ๆ รวมถึงทางอ้อมอย่างเหล่าอินฟูลเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดีย ขณะที่ BNK48 ก็ไม่ได้อยู่ในจุดพีคเหมือนช่วง ‘คุกกี้เสี่ยงทายฟีเวอร์’ แล้ว ซึ่งคุณบุญจิราได้ระบุว่า จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษา Core Fanclub หรือเหล่า ‘โอตะ’ รวมถึงทำให้ BNK48 แมสมากขึ้น ไม่ใช่นีชเหมือนที่เคย เพราะอย่างที่รู้ว่านี่คือ ธุรกิจ Fan Base ดังนั้น หัวใจสำคัญคือการ มัดใจและเพิ่มจำนวนโอตะให้ได้

โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์ ‘3-Os’ ได้แก่ 1.Online โดยมีการทำ Online Content สร้าง Exposure และ Awareness ผ่านทุกช่องทาง Social Media และ Digital Platform อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำ Exclusive Content ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน iAM48 รวมถึงการนำออฟไลน์อีเวนต์มาถ่ายทอดสดทางออนไลน์ และมีกิจกรรมอย่าง ‘Vitual greeting’ ที่ใช้แทนการจับมือในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา

2.ONGROUND โดยครึ่งปีหลังนี้ จะมี 2 BIG EVENT ใหญ่ ได้แก่ ‘BNK48 JANKEN TOURNAMENT 2020 – SENBATSU OF DESTINY’ หรือ งานเป่ายิ้งฉุบ ที่นับเป็นการจัดงาน JANKEN ครั้งแรกในไทย ส่วนงาน Signature อย่าง ‘Sport Day’ และ ‘งานจับมือ’ จะยังมีขึ้นแน่นอน นอกจากอีเวนต์ใหญ่แล้ว ยังมีกิจกรรมย่อยทุกสัปดาห์ อาทิ การแสดง Theatre ที่ต้องมีงานถี่ขนาดนี้ก็เพื่อ รักษาความสัมพันธ์ของแฟนคลับ นอกจากนี้ ยังมีโรดโชว์และสคูลทัวร์ในต่างจังหวัดเพื่อขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงในทุกช่วงอายุ

3.OUT-OF-HOME MEDIA บริษัทมี PLAN B เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งช่วยในการประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศผ่านทางจอ Screen LED ทั่วประเทศ รวมไปถึงจอประชาสัมพันธ์ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่มีจอครอบคลุมมากกว่า 1,000 สาขา

“เรามีการเปลี่ยนแปลงภายในในช่วงที่น้อง ๆ กำลังอยู่จุดพีค ดังนั้น ความท้าทายของเราคือ จะต่อยอดความสำเร็จของ BNK48 อย่างไร จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแฟนคลับและลูกค้าอย่างไร และมากไปกว่านั้น ต้องต่อยอดให้น้องไม่ใช่แค่เป็นศิลปินที่มีแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม แต่ต้องดันน้องไปสู่แมสมากขึ้นในปีหน้า”

เดินหน้าหาพันธมิตร สร้างเม็ดเงินใหม่เข้าบริษัท

ที่ผ่านมา BNK48 ได้จับมือพันธมิตรหลากหลายเพื่อเข้าสู่สายแมสมากขึ้น อาทิ มีซีรีส์หรือภาพยนตร์ แต่ไม่ใช่แค่ในประเทศ ทางบริษัทกำลังวางแผนที่จะเจาะตลาดต่างประเทศ โดยได้ร่วมกับ ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค กรุ๊ป (UMG) ในการปั้น ‘T-Pop’ เพื่อเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ชื่อ ‘LYRA’ (ไลร่า) ที่ประกอบด้วยสมาชิก 6 คนจาก BNK48 และในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะได้เห็นการร่วมมือกันมากขึ้นกับ Strategic Partnership รายใหม่ ๆ ในรูปแบบการ Collaborate โดยมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น

“ธุรกิจไอดอลตอนนี้มีคู่แข่งเยอะ ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่เราเชื่อว่าจะทำให้ตลาดโตขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจเกิดการทำ Collaboration ระหว่างค่ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะตอนนี้ไม่ได้มีข้อจัดกัดของค่ายแล้ว ไอดอลสามารถไปได้หลายมิติ ไม่จำกัดว่า BNK48 จะต้อง Collaboration กับ iAM แต่ข้ามค่ายได้”

มั่นใจรายได้เท่าปีที่ผ่านมาแม้เจอ COVID-19

แม้ว่าบริษัทจะไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขฐานแฟนคลับและรายได้ในปัจจุบันได้ แต่ยืนยันว่าทั้งรายได้และฐานแฟนคลับไม่ได้ลดลง ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากอัลบั้มและการขายสินค้า รองลงมาเป็นงาน Event สุดท้าย สปอนเซอร์ชิพและพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในส่วนงานจำหน่ายอัลบั้มและขายสินค้ายังคงทำได้ดี โดยเปลี่ยนรูปแบบจากงานจับมือมาเป็น Vitual Greeting

และในส่วนของพรีเซ็นเตอร์เดิมยังคงแข็งแรง อาทิ แกร็บ, เซเว่น อีเลฟเว่น และที่เปิดตัวล่าสุด คือ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ส่วนพรีเซ็นเตอร์ใหม่ ๆ กำลังอยู่ในช่วงเจรจา คาดว่าปีหน้าจะได้เห็น ซึ่งจะเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ ต่างจากที่เคยมี

“หลายคนบอกว่าไอดอลอยู่ในช่วงขาลง แต่เรายังเห็นศักยภาพและโอกาสของน้อง ๆ  BNK48 รวมถึงยูนิตอื่น ๆ และหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้เราดำเนินธุรกิจต่อได้คือ ฐานแฟนคลับที่ยังแอคทีฟในทุกช่องทาง โดยจากนี้เราจะใช้ทุกกลยุทธ์ ทุกพาร์ตเนอร์ และคิดคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อตามเทรนด์ใหม่ ๆ ให้อยู่ในกระแส รวมถึงการบุกชิงพื้นที่สื่อแบบ 360 องศา เพื่อยอดธุรกิจและทำรายได้ นี่คือเป้าที่จะทำให้ได้มากที่สุด

]]>
1294480
สรุปดราม่าโรงละคร BNK48 หลัง iAM ให้ The BROTHERs ยืมใช้ โอตะขู่ถึงขั้นเทโหวต! https://positioningmag.com/1264743 Mon, 17 Feb 2020 17:36:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1264743 แฟนคลับสุดปรี๊ด หลังไอดอลชายในเครือ The BROTHERs โผล่ใช้โรงละคร BNK48 เป็นแคมป์ซ้อม ทั้งที่จ่าย 20 ล้านช่วยสร้างเพื่อให้สาวๆ ใช้เท่านั้น 

โรงละคร 20 ล้าน จากการระดมทุนของแฟนคลับ!

กลายเป็นดราม่าร้อนฉ่าสำหรับบริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด (iAM) ต้นสังกัดของวงไอดอลสาว BNK48 หลังจากสัปดาห์ที่แล้วเจอปมปัญหาการสิ้นสุดสัญญาของสมาชิก 3 คน ล่าสุดก็เกิดเรื่องขึ้นอีก หลังจากแฟนเพจ The BROTHERs TH วงไอดอลชายที่ iAM ร่วมมือกับติ๊กเจษฎาภรณ์ ผลดีพระเอกระดับตำนาน ได้เปิดเผยคลิปสั้นโปรโมตรายการเมื่อ 16 ..

โดยพบว่ามีภาพการใช้โรงละคร หรือ เธียเตอร์ ของ BNK48 ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ เป็นสถานที่ฝึกซ้อม ขณะที่ในรายการ The Brothers School of Gentlemen ตอน The Prelude EP.1 ในแอปพลิเคชั่น LINE TV ก็พบว่า เธียเตอร์ ของ BNK48 ได้ถูกใช้เป็นแคมป์สำหรับการเวิร์คช็อปของรายการดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบภาพจ๊อบซังณฐพล บวรวัฒนะผู้จัดการวง BNK48 มาชมการเวิร์คช็อป และคณะครูจาก BNK48 มาฝึกซ้อมให้กับสมาชิกที่ผ่านการคัดเลือกด้วย

Photo : Shutterstock

ประเด็นนี้ทำให้แฟนคลับ BNK48 ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งจนเกิดแฮชแท็ก #IAM48 ติดเทรนด์ประเทศไทยตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 16 ก.พ. จนถึงวันที่ 17 .. ที่ผ่านมา

เนื่องจากโรงละครดังกล่าวถูกสร้างโดยใช้งบประมาณส่วนหนึ่งมาจากการขายบัตรสมาชิกผู้ก่อตั้งวง (Founder Member) ในราคา 20,000 บาท จำนวน 1,000 ใบ เป็นเงิน 20,000,000 บาท และบัตร BNK48 Campus Card ราคา 600 บาท จำนวน 20,000 ใบ เป็นเงิน 12,000,000 บาท

ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อให้สมาชิก BNK48 ทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ ซ้อม, แสดง และใช้ประกาศหรือแสดงเพื่อจบการศึกษา (ลาออกจากวง) นอกจากนี้ตามธรรมเนียมของวงในตระกูล 48 ของญี่ปุ่น โรงละครจะถูกยกให้เป็นสถานที่พิเศษสำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจนได้เป็นสมาชิกของวงเท่านั้น และยังไม่ปรากฏว่ามีวงอื่นๆ แม้กระทั่งวงในตระกูล 48 ด้วยกันได้ใช้โรงละครขอทำกิจกรรมส่วนตัวของวง มีเพียงอนุญาตให้สมาชิกวงอื่นได้แสดงร่วมกับวงเจ้าของโรงละครเท่านั้น

โดยแฟนคลับบางส่วนมองว่าโรงละครควรจะเป็นสถานที่เฉพาะของ BNK48 เท่านั้น และหลายๆ กลุ่มได้ประกาศงดการสนับสนุนกิจกรรมลงคะแนนเพื่อคัดเลือกสมาชิกในซิงเกิลที่ 9 (BNK48 9th Senbatsu general election) หรือเลือกตั้ง BNK48 ครั้งที่ 2 ที่เพิ่งประกาศผลด่วนไปเมื่อวันที่ 14 ..ที่ผ่านมา

ยืนยัน… ให้ยืมแค่วันเดียว

ล่าสุด “จ๊อบซัง ณฐพล” ได้ออกมาชี้แจงผ่านทางแฟนเพจ BNK48Shihainin ในฐานะ 1 ในผู้บริหาร iAM ระบุว่า คณะผู้บริหารรู้สึกเสียใจและขอโทษในการให้ The BROTHERs ใช้ถ่ายทำ ยอมรับว่ากังวลและเสียใจจริงๆ โดยในการใช้พื้นที่ของ The BROTHERs แค่วันเดียว เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อถ่ายทำรายการโดยให้ใช้ในพื้นที่ด้านล่างและในส่วนของออฟฟิศเท่านั้น ห้ามพื้นที่ใช้บนเวที , พื้นที่ส่วนตัว และห้องน้

ทั้งนี้ตนเสียใจที่ไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน แต่ยืนยันทั้ง 2 วงไม่ได้ใช้พื้นที่เดียวกัน ขณะที่ BNK48 ดิจิทัลสตูดิโอ หรือ ตู้ปลา ที่ศูนย์การค้า MBK Center ไม่ได้ให้ The BROTHERs มาใช้ ส่วนพื้นที่ออฟฟิศ iAM ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวก็จะไม่ให้มาทับซ้อน หรือใช้เวลาเดียวกัน โดยยืนยันว่า บนเวทีเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไป ส่วน The BROTHERs จะใช้สถานที่ใดคงจะแจ้งเร็วๆ นี้ แต่เป็นพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวกับ BNK48

โปรเจกต์ปั้นไอดอลชาย

ทั้งนี้ The BROTHERs เป็นโปรเจกต์สร้างไอดอลชายของ บริษัท ดรีมเมอร์ส โซไซตี้ เมเนจเมนท์ จำกัด (Dreamers Society Management) ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง iAM และติ๊ก เจษฎาภรณ์จัดทำรายการเชิงเรียลลิตี้ เพื่อเฟ้นหา 20 ไอดอลชายที่เป็นสุภาพบุรุษแห่งชาติ โดยมีติ๊ก เจษฎาภรณ์” , “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” , “มาริโอ้ เมาเร่อและนิชคุณ หรเวชกุลเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ หรือ BROACH ซึ่งล่าสุดได้ทำการคัดเลือกเหลือ 40 คน จากผู้สมัครทั้งหมด 3,500 คน เพื่มร่วมรายการดังกล่าวที่จะออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3

ขณะที่โรงละครของ BNK48 หรือ BNK48 เธียเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งของ BNK48 The Campus เปิดตัวเมื่อ 26 เม.. 2561 โดยต้อมจิรัฐ บวรวัฒนะประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้เอท ออฟฟิศ จำกัด ณ ขณะนั้นให้สัมภาษณ์ว่า จะใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อม ทำการแสดง และพบปะแฟนคลับ นำเสนอผลงานใหม่ๆ ของ BNK48 แคมปัสแห่งนี้เหมือนเป็นบ้าน และสถานศึกษา

Source

]]>
1264743
เปิดใจ “จิรัฐ บวรวัฒนะ” ในวันที่ใครๆ บอกว่า กระแส BNK48 ไม่ปังแล้ว https://positioningmag.com/1254894 Tue, 26 Nov 2019 14:39:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1254894 ผู้บริหาร BNK48 เปิดใจธุรกิจนี้ไม่ใช่ธุรกิจเพลง ไม่ได้อยู่ได้ด้วยกระแส แต่อยู่ได้ด้วยฐานแฟนๆ พร้อมแผนธุรกิจเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น iAM ลุยปั้นไอดอลชาย ส่วน BNK48 ยังคงเดินหน้าสร้างคอนเทนต์หลากหลาย สร้างพื้นที่ให้น้องๆ

การเดินทาง 2 ปีของ BNK48

เมื่อปีที่ผ่านมาคำว่า BNK48 ได้เข้าไปอยู่ในกระแสหลักอย่างเต็มตัว เกิดปรากฏการณ์ “คุกกี้ฟีเวอร์” ทั่วประเทศไทย ทำให้ธุรกิจไอดอลแฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่นอย่าง BNK48 ประสบความสำเร็จอย่างมาก สร้างรายได้ และชื่อเสียงเป็นกอบเป็นกำ รวมถึงกวาดงานพรีเซ็นเตอร์อีกหลาย 10 แบรนด์

BNK48 ได้เริ่มเดบิวท์ซิงเกิลแรกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2017 ในตอนนั้นธุรกิจนี้ถือว่าเป็นโมเดลธุรกิจที่คอ่นข้างใหม่มากในประเทศไทย เรียกง่ายๆ ว่า “ธุรกิจไอดอล” รายได้จะมาจากการสนับสนุนของแฟนๆ ในการซื้อซีดี ของที่ระลึกต่างๆ ไปจนถึงงานอีเวนต์ และต่อยอดในการทำคอนเทนต์อื่นๆ

ปัจจุบัน BNK48 มีผลงานเพลง 7 ซิงเกิล โดยที่ซิงเกิลแรกของ BNK48 ขายแผ่นซีดีได้จำนวนหมื่นกว่าแผ่น มาถึงซิงเกิลคุกกี้เสี่ยงทายขายได้ 30,000 กว่าแผ่น และซิงเกิล Jabaja ขายได้ถึง 170,000 แผ่น

นอกจากการขายซีดีแล้ว ในช่วง 2 ปีที่ผานมาได้มีการทำกิจกรรมโดยตลอด หลายคนจะคุ้นเคยกันอย่างดีกับ “งานจับมือ” ที่มีทุกซิงเกิล รวมไปถึงงานเลือกตั้ง, คอนเสิร์ต, แฟนมีต, ถ่ายรูปทูช็อต และโรดโชว์ที่ออกไปตามหัวเมืองต่างๆ

รวมไปถึงการทำคอนเทนต์อื่นๆ ที่นอกเหนือจากงานเพลง ที่จะช่วยเสริมฐานของ BNK48 ให้แข็งขึ้น เช่น ภาพยนตร์ และซีรีส์ ได้แก่ Girl Don’t Cry, กระสือสยาม, ไทบ้านเดอะซีรีส์, Real Me, Where We Belong โดยที่ในปีหน้ามีแผนที่เปิดตัวภาพยนตร์อีก 4 เรื่อง และมีรายการทีวี ออนไลน์ที่ทำร่วมกับบี้ เดอะสกา

ความสำเร็จของ BNK48 ในช่วงปีที่ผ่านมายังสามารถดึงดูดได้อีกด้วย โดยที่ PlanB ยักษ์ใหญ่ในตลาดสื่อนอกบ้านยังขอร่วมจอย ทำให้ตอนนี้มีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น กลุ่มของจิรัฐ บวรวัฒนะ 55% AKB (ญี่ปุ่น) 35% และ PlanB 10%

กระแสไม่สำคัญเท่าฐานแฟนๆ

BNK48 ได้เดินทางมาได้ 2 ปีกว่าๆ แล้ว หลายคนมองว่าช่วงนี้กระแสของ BNK48 ดรอปลงไป ไม่มีเพลงฮิตติดหูเหมือนตอนเพลงคุกกี้เสี่ยงทายเลย หรือชื่อของ BNK48 ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก ไม่ได้มีพรีเซนเตอร์แบรนด์ใหม่ๆ

ทาง Positioning ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “จิรัฐ บวรวัฒนะ” ระธานเจ้าหน้าที่บริษัท บริษัท Independent Artist Management จำกัด หรือ iAM ถึงประเด็นดังกล่าว โดยที่จิรัฐตอบอย่างมั่นใจว่า “ธุรกิจนี้ไม่ใช่ธุรกิจเพลง อยู่ได้ด้วยแฟนเบจ เพลงไม่ฮิตก็ต้องอยู่ให้ได้”

“ต้องยอมรับว่าถ้าเป็นธุรกิจเพลงกระแสย่อมมีขึ้นและลง แต่ BNK48 ไม่ได้วางจุดยืนอยู่ในอุตสาหกรรมเพลงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ Business Model ของเราเป็นแฟนเบจ เมเนจเมนต์ (หรือการบริหารแฟนๆ เหล่าโอตะนั่นเอง) ซึ่งสิ่งที่สำคัญกว่ากระแสคือ ความยั่งยืนในสังคม และแฟนๆ ที่สนับสนุนเรา”

จิรัฐยังเสริมอีกว่า ธุรกิจนี้อยู่ได้ด้วยแฟนๆ จริงๆ เป็นคนที่เลือกที่จะอยู่กับเรา เป็นคนที่เปย์น้องๆ ยกตัวอย่างที่ญี่ปุ่นทำธุรกิจอยู่มา 15 ปี มีเพลงฮิตหลายเพลง แต่ก็มีเพลงที่เงียบๆ แต่ก็มีรายได้อย่างต่อเนื่อง ที่ไทยก็ต้องทำให้ได้

สำหรับประเด็นที่ว่ากระแสที่ลดลง กระทบต่อการทำงาน หรือรายได้หรือไม่ จิรัฐบอกว่า กระตอนเพลงคุกกี้เสี่ยงทายเป็นปรากฏการณ์จริงๆ เป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้คนรู้จักเยอะขึ้น เพลงฮิตเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่มีเพลงฮิตก็ต้องอยู่ให้ได้ วิธีการคือต้องสร้างความยั่งยืนด้วยคอนเทนต์อื่นๆ พยายามทำให้ Ecosystem สมบูรณ์แบบ มีการลงทุนด้านคอนเทนต์อื่นๆ ต่อเนื่อง ทำให้ BNK48 ไม่หยุดนิ่ง

นอกจากนี้สิ่งที่จิรัฐได้เรียนรู้จากกระแสของ BNK48 เมื่อปีก่อนนั้น “ทำให้เห็นว่ากระแสนั้นคนสนใจแค่คุกกี้เสี่ยงทาย สนใจแต่น้องๆ แต่ไม่ได้สนับสนุนเงิน แต่สำคัญกว่าคือมีแฟนๆ ที่สนับสนุนธุรกิจในการซื้อของต่างๆ”

ยอมรับว่ากระแสตก แต่ธุรกิจนี้ไม่ใช่กระแส

ปัจจุบัน BNK48 ยังคงมีผลงานเพลงออกมาอย่างตอ่เนื่อง และยังคงเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ 7 แบรนด์ ได้แก่ โตโยต้า, Exit, 12+, มิรินด้า, โออิชิ, แกร็บ และธนาคารออมสิน จากแต่ก่อนมี 10 กว่าแบรนด์ ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะหลายๆ แบรนด์ย่อมเลือกที่จะใช้งบลงทุนตอนที่ BNK48 มีกระแสสูงที่สุด แต่จิรัฐบอกว่าแบรนด์ที่ยังให้เป็นพรีเซนเตอร์อยู่ก็ยังคงมีการใช้งบเพิ่มขึ้น มีทั้งกิจกรรมโรดโชว์ต่างๆ

ถ้าถามว่าการบริหาร BNK48 ตอนนี้ มีความท้าทายอะไรบ้าง จิรัฐบอกว่าตอนนี้มีความท้าทายรอบตัว เพราะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถวางแผนล่วงหน้าในระยะยาว ถ้ามีอะไรมากระทบก็ต้องบริหารภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้ ถ้าหยุดนิ่งถือว่าถอยหลัง

“แต่ความยากที่สุดของธุรกิจนี้คือ ‘ความคิด’ ของคนที่ไม่เชื่อในระบบนี้ และคนที่คิดว่าไม่มีกระแสแล้ว หลายคนอาจจะบอกว่า BNK48 ไม่มีกระแสแล้ว ก็ต้องยอมรับว่ากระแสตกจริงๆ แต่ธุรกิจเราไม่ใช่กระแสเท่านั้นเอง” 

พลิกโฉม BNK48 Office สู่ iAM

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ BNK48 ในปีนี้นั่นคือการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก BNK48 Office เป็นบริษัท Independent Artist Management จำกัด หรือ iAM เท่ากับว่าจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่คอนเทนต์ของ BNK48 อีกต่อไป

โดยที่ iAM จะเน้นการลงทุน และบริหารศิลปิน นักร้อง รวมไปถึง Influencer ที่หลากหลาย แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. ธุรกิจ Idol Management ภายใต้ AKB48 Model ยังคงสร้างผลงานให้กับ BNK48 และสร้างรุ่นใหม่ต่อๆไป รวมถึงการขยายฐานสู่ระดับภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ มีการปั้นวงน้องในจังหวัดต่างๆ ล่าสุดเปิดตัว CGM 48 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละภูมิภาคมากขึ้น
  2. ธุรกิจ Idol Management ศิลปินชาย ผ่านการร่วมลงทุนในบริษัท Dream Society Management จำกัด หรือ DMS ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง iAM 60% และ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” 40% โดย DMS จะใช้ Business Model จากความสำเร็จของ BNK48 มาปรับเพื่อสร้างความแตกต่าง เพื่อปฏิวัติวงการไอดอลชายไทย
  3. ธุรกิจ Talent Management บริหาร ศิลปิน นักร้องนักแสดง และ Influencer เพื่อเพิ่มความหลากหลายของคอนเทนต์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกอายุ เพศ และวัย โดยอยู่ระหว่างการเจรจาหาศิลปินที่มีความโดดเด่นน่าสนใจทั้งจากภายในและต่างประเทศ

แตกไลน์สู่ไอดอลชาย-Influencer

หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการปั้นไอดอลหญิงผ่าน BNK48 มาแล้ว iAM เตรียมปั้นไอดอลชายผ่าน Dream Society Management ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่งจิรัฐบอกว่ามีความคิดอยากทำธุรกิจไอดอลบอยอยู่แล้ว เลยได้พูดคุยกับติ๊ก เจษฎาภรณ์ มองว่าติ๊กมีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมานาน ได้รับการยอมรับ ไม่มีข่าวเสียหาย

รูปแบบของการปั้นไอดอลชายจึงออกมาเป็นรายการ “The Brothers” School of gentlemen เป็นรายการกึ่งเรียลลิตี้ทีให้คนในวงการอย่างติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี, มาริโอ้ เมาเร่อ, อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม และนิชคุณ หรเวชกุลมาเป็นเมนเทอร์ในการพัฒนา ซึ่งจะเปิดตัว The Brothers ในเดือนพฤศจิกายน

สร้างพื้นที่ให้น้องๆ ขยายคอนเทนต์หลากหลาย

ปัจจุบัน BNK48 มีสมาชิกทั้ง 2 รุ่นรวม 40-50 คน และมีวงน้องสาว CGM48 ที่เชียงใหม่อีก 25 คน สำหรับก้าวต่อไปของ BNK48 คงไม่ใช่แค่การหาเซ็มบัตสึ 16 คนเพื่อออกซิงเกิลเพียงอย่างเดียว แม้จะใช้ฟอร์แมตเป็นหลักก็ตาม แต่จะมีการสร้าง “ยูนิตย่อย” ทำให้ BNK48 เป็นแพลตฟอร์ม ตอนนี้เริ่มเดบิวท์ยูนิต minigumo มีสมาชิกได้แก่ จ๋า มิวสิค และไข่มุก

“ตอนนี้เราไม่จำกัดในการทำแค่ไอดอล แต่ต้องขยายไปคอนเทนต์อื่นๆ ต้องเอาน้องๆ ในทีมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้ได้ ให้น้องมีพื้นที่ยืนชัดเจน มีตัวตนที่ชัดเจน การทำคอนเทนต์จึงสำคัญต้องเพิ่มศักยภาพ ต้องเพิ่มยูนิตย่อยให้มากขึ้น น้องจะมีพื้นที่ของตัวเอง”

สำหรับในเรื่องของรายได้นั้น ในปี 2018 BNK48 Office มีรายได้ 680 ล้านบาท ในปีนี้มองว่ารายได้จะพอๆ กัน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัท และชื่อบริษัท ทำให้มีการโฟกัสธุรกิจอื่นๆ มากขึ้น มีการตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปีข้างหน้านี้ สัดส่วนรายได้ระหว่างธุรกิจ 48 (BNK48) จะอยู่ที่ 50% และธุรกิจ Non-48 (Influencer อื่นๆ) อีก 50%.

]]>
1254894