Muriel Bowser นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประกาศว่า ทางการจะมอบ AirPods หูฟังไร้สายสุดฮิต ให้กับประชาชนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ที่มาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ‘เข็มแรก’ หรือใครที่ไม่อยากได้ AirPods ก็สามารถรับเป็นบัตรของขวัญ VISA มูลค่า 51 ดอลลาร์ (ราว 1,700 บาท) เเทนได้ พ่อเเม่ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาฉีด ก็จะได้รับบัตรของขวัญด้วย

โดยมีเงื่อนไขว่า พวกเขาจะต้องไปฉีดวัคซีนโควิดตามจุดฉีดที่กำหนดไว้ 3 แห่ง ได้แก่ Brookland MS, Sousa MS เเละ Johnson MS ในช่วงระหว่างวันที่ 7 สิงหาคมถึง 30 กันยายน 2021 เท่านั้น

Starting today at 10 am, DC youth (12-17) who get vaccinated at:

Brookland MS
Sousa MS
Johnson MS

Will receive AirPods with their first shot and a chance to win a:

$25,000 scholarship
iPad and headphones#TakeTheShotDC pic.twitter.com/BIAH7Hgs7m

— Mayor Muriel Bowser (@MayorBowser) August 7, 2021

นอกจากโปรโมชันเเจกฟรี AirPods เเล้ว ทางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังมีรางวัลใหญ่เป็นเทุนการศึกษามูลค่ากว่า 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.3 หมื่นบาท) พร้อมการชิงโชครับ ‘iPad+หูฟัง’ โดยสุ่มหาผู้ชนะรางวัล iPad 8 คนต่อสัปดาห์ และผู้ได้ทุนการศึกษา 2 คนต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งเเต่ช่วงสิ้นเดือนนี้ 

ปัจจุบัน มีชาวเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้วอย่างน้อย 1 เข็มเเล้ว 64.6% ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มมีอยู่ราว 55.1% เเต่ด้วยสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอีกครั้ง ทำให้รัฐบาลต้องหาทางกระตุ้นให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด

โดยตัวเลขจาก CDC ชี้ให้เห็นว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา คิดเป็นสัดส่วนราว 93.4% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของสหรัฐฯ ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

เเม้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ จะอนุมัติให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป สามารถเข้ารับวัคซีนของ Pfizer ได้ตั้งเเต่ในเดือนพฤษภาคม เเต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว CNBC รายงานว่า มีเด็กอายุ 12-17 ปี ฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มไปเพียงเเค่ 30% เท่านั้น

ที่ผ่านมา สหรัฐฯ พยายามออกนโยบายจูงใจให้ประชาชนเเต่ละพื้นที่ออกมาฉีดวัคซีนด้วย ‘ของรางวัล’ ต่างๆ ทั้งการเเจกเบียร์, พิซซ่า, ตั๋วรถไฟ, เเจกปืน รวมถึงกลยุทธ์ ‘vaccine lottery’ ที่รัฐโอไฮโอ สุ่มเเจกเงินรางวัลคนละ 1 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 31 ล้านบาท พร้อมมอบทุนการศึกษาเรียนมหาวิทยาลัย 4 ปีเต็มให้เยาวชน เเละ ‘นิวยอร์ก’ ประกาศแจกเงินคนละ 100 เหรียญ (ราว 3,300 บาท)

ส่วนรัฐบาลอังกฤษ ก็มีการเสนอเเจกส่วนลดค่าอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่–ค่าเเท็กซี่ เพื่อจูงใจคนรุ่นใหม่วัย 18-29 ปี ให้ออกมา ‘ฉีดวัคซีน’ กันมากขึ้นเช่นกัน โดยมีการร่วมมือกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่อย่าง Uber, Bolt, Deliveroo และ Pizza Pilgrims ฯลฯ

• อังกฤษ ให้ส่วนลดค่าอาหาร–เเท็กซี่ จูงใจคนรุ่นใหม่ เร่งขยายจุดฉีดวัคซีนป๊อปอัพสโตร์ทั่วประเทศ 

ที่มา : businessinsider , 9to5mac

]]> 1345894 https://positioningmag.com/1317500 Tue, 02 Feb 2021 05:39:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317500 เป็นครั้งแรกที่แอปเปิล (Apple) จะเริ่มผลิตไอแพด (iPad) จำนวนมากนอกประเทศจีน ฐานใหม่ที่จะไปคือเวียดนาม และมาเลเซียที่จะเป็นแหล่งผลิตรุ่นเล็กอย่างแมคมินิ (Mac mini) ยังมีอินเดียที่จะได้รับการอัดฉีดให้เพิ่มการผลิตไอโฟน (iPhone) ดีเดย์สายการผลิตใหม่กลางปีนี้

รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า Apple จะสามารถเริ่มผลิต iPad ในเวียดนามได้ภายในกลางปีนี้ ความพิเศษคือกำลังการผลิตที่ถือว่าเป็นครั้งแรกของการผลิตแท็บเล็ตในระดับ “จำนวนมาก” ที่ผลิตนอกประเทศจีน ประเด็นนี้สำนักนิคเคอิรายงานว่า นอกจากการปรับเปลี่ยนสายการผลิต iPad แล้ว Apple ยังจะเพิ่มจำนวน iPhone ที่ผลิตในอินเดีย ซึ่งผลิต iPhone 11 จำนวนหนึ่งตั้งแต่ปีที่แล้ว

รายงานย้ำว่า อินเดียจะรับหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนให้ iPhone 12 และรุ่นอื่นในซีรีส์ตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสนี้ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าเจ้าพ่อ iPhone กำลังเร่งกระจายการผลิตออกจากประเทศจีน แม้ว่าโลกจะมองว่าความตึงเครียดของสงครามการค้าจีน-อเมริกันจะบรรเทาลงภายใต้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน

สิ่งที่นักวิเคราะห์มองคือรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ จะไม่ผ่อนปรนภาษีนำเข้าจากจีนในทันที ขณะเดียวกัน ก็มีปัจจัยลบอื่นๆ โดยเฉพาะต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นในจีน ทั้งหมดกระตุ้นให้ Apple และบริษัทอื่นมองหาศูนย์กลางการผลิตใหม่ขึ้นมาทดแทน

แหล่งข่าววงในระบุว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงอื่นของ Apple อาจใช้ฐานการผลิตในเวียดนามด้วย แปลว่านอกเหนือจาก iPhone และ iPad แล้ว Apple ก็กำลังเพิ่มจำนวนการผลิตอุปกรณ์อื่นนอกประเทศจีนเช่นกัน

ทั้งหมดนี้เป็นการต่อยอดจากรายงานเมื่อปีที่แล้ว ที่พบว่า Apple ย้ายการผลิต AirPods Pro บางส่วนไปยังเวียดนาม คาดว่ายักษ์ใหญ่ไอทีกำลังวางแผนที่จะขยายการผลิต HomePod mini ไปด้วย รวมทั้งย้ายการผลิต MacBook บางส่วน

สำนักข่าวรอยเตอร์เคยรายงานเกี่ยวกับแผนการเริ่มย้ายฐานการผลิตของ Apple ที่จะเปลี่ยนการผลิต MacBook และ iPad ไปยังเวียดนามเมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลนี้สอดคล้องกับรายงานใหม่ที่ชี้ว่า การผลิต Mac mini บางส่วนได้ถูกย้ายไปยังมาเลเซียด้วย คาดว่าการเปลี่ยนแปลงซัปพลายเชนของ Apple เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะย้ายการผลิตรวม 15-30%ของการผลิตออกจากประเทศจีน ซึ่งเป็นภาพใหญ่ที่โลกจะได้เห็นชัดเจนต่อจากนี้

Source

การพัฒนาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะพ้นวาระ สนับสนุนให้กิจการของสหรัฐฯ ย้ายการผลิตออกจากประเทศจีน และในระหว่างการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ สหรัฐฯ ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตในจีนสูงขึ้น และจำกัดการจัดส่งส่วนประกอบที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีสหรัฐฯ ให้แก่บริษัทจีน โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง

ผู้ผลิตไต้หวัน ที่ระมัดระวังไม่ให้ตกอยู่ในสงครามการค้าดังกล่าว ได้ย้ายหรือกำลังพิจารณาที่จะย้ายการผลิตบางส่วนจากจีนไปยังประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม เม็กซิโก และอินเดีย

ฟ็อกซ์คอนน์กำลังสร้างสายการประกอบสำหรับแท็บเล็ต ไอแพด และแล็ปท็อปแม็คบุ๊ก ที่โรงงานของบริษัทใน จ.บั๊กซยาง (Bac Giang) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนาม ที่จะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564

“ความเคลื่อนไหวนี้เป็นไปตามคำร้องของแอปเปิล”

ฟ็อกซ์คอนน์ระบุในคำแถลงว่า “ตามนโยบายของบริษัท และด้วยเหตุผลเรื่องความอ่อนไหวทางการค้า เราจะไม่แสดงความคิดเห็นในแง่มุมใดๆ เกี่ยวกับงานของเราสำหรับลูกค้าหรือผลิตภัณฑ์ของพวกเขา” ขณะเดียวกันบริษัทแอปเปิลก็ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความเห็นแต่อย่างใด

เมื่อวันอังคารที่ 24 พ.ย. ฟ็อกซ์คอนน์ได้ประกาศการลงทุนมูลค่า 270 ล้านดอลลาร์ เพื่อตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ชื่อ FuKang Technology Co Ltd ความเคลื่อนไหวที่บุคคลนิรนามกล่าวว่ามีเป้าหมายที่จะสนัสนุนการขยายกิจการในเวียดนาม

ผู้ผลิตจากไต้หวันรายนี้ยังมีแผนที่จะผลิตโทรทัศน์ที่โรงงานเวียดนามสำหรับลูกค้ารายต่างๆ ซึ่งรวมถึงบริษัทโซนี่ (Sony Corp) ของญี่ปุ่น ที่มีกำหนดเริ่มการผลิตในปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564 แต่โซนี่ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

โรงงานในเวียดนามจะยังใช้ผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อีก เช่น คีย์บอร์ด

การย้ายการผลิตไอแพดมาเวียดนามครั้งนี้จะทำให้ฟ็อกซ์คอนน์ประกอบอุปกรณ์ชิ้นนี้นอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก

Source

สำหรับผลประกอบการจำนวน 6.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนั้น ประกอบด้วย

‘iPhone’ : 2.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -21%

‘iPad’ : 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 46%

‘Mac’ : 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 28%

‘Wearables’ เช่น AirPods, Apple Watch : 7.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 21%

‘Service’ เช่น Apple Music, iCloud, App Store : 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 16.3%

จะเห็นว่า iPad, Mac และสินค้า Wearables ของ Apple เติบโตได้อย่างดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ Work และ Learn from Home ส่วน iPhone ที่เป็นรายได้หลักของ Apple นั้นมียอดลดลงถึง 21% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภครอซื้อ ‘iPhone 12’ ที่วางจำหน่ายในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ ‘จีน’ ซึ่งเป็นประเทศที่สำคัญของ Apple ก็กลายเป็นจุดอ่อน เนื่องจากยอดขายในไตรมาสนี้ลดลงถึง 28% เหลือเพียง 7.95 พันล้านเหรียญสหรัฐ

“รายได้ในประเทศจีนที่มากขึ้นนั้นมาจาก iPhone รุ่นใหม่ ๆ ดังนั้น ในไตรมาส 1 เรามั่นใจว่าตลาดจีนจะกลับมาเติบโตได้ในไตรมาสที่ 1” Tim Cook กล่าว

อย่างไรก็ตาม Apple ยังไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการกลับมาระบาดอีกครั้งของ COVID-19

Source

แทบจะเรียกได้ว่าคิดการไกลมาก เพราะจริง ๆ เเล้ว ‘Apple’ ได้จดสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ที่อนุญาตให้ ‘เซลฟี่กลุ่มสังเคราะห์’ หรือเซลฟี่กลุ่มขณะที่ยังที่อยู่ไกลกันกับสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2018 หรือก็คือ ก่อนที่โลกจะเจอ COVID-19 และยังไม่มีมาตรการ Social Distancing เลยด้วยซ้ำ แต่เพิ่งจะได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง

ซึ่งเจ้าซอฟต์แวร์ที่อนุญาตให้ ‘เซลฟี่กลุ่มสังเคราะห์’ หรือเซลฟี่กลุ่มแม้จะอยู่คนละที่นี้ จะอนุญาตให้ผู้ใช้เชิญผู้อื่นให้เข้าร่วมในเซลฟี่กลุ่ม โดยมันจะลบภาพพื้นหลังออกจากภาพเซลฟี่ของผู้ใช้คนอื่น และนำไปใส่ในภาพถ่ายของผู้ใช้ที่เป็นผู้อนุญาต ซึ่งไม่ใช่แค่ถ่ายรูป แต่จะเป็นวิดีโอหรือไลฟ์สดก็สามารถทำได้

จากนี้คงต้องลุ้นกันหน่อย ว่าเจ้าฟีเจอร์ดังกล่าวจะถูกปล่อยมาให้ชาว Apple ใช้กันอีกทีตอนไหน

Source

สื่ออเมริกันพร้อมใจวิเคราะห์ เจ้าพ่อแอปเปิล (Apple) จะเปิดตัว “iPad รุ่นประหยัด” รวมถึงคอมพิวเตอร์ “Macbook” รุ่นราคาต่ำกว่า 32,000 บาทในงานแถลงข่าวใหญ่วันที่ 27 มีนาคมนี้ เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนเพราะนับตั้งแต่ประกาศกำหนดการจัดงาน แอปเปิลยังคงอุบเงียบไม่เปิดเผยรายละเอียด ล่าสุดมีข่าวลืออีกว่าแอปเปิลกำลังพัฒนา “ไอโฟนพับได้” ซึ่งจะเปิดตัวได้ในปี 2020

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า งานแถลงข่าวที่แอปเปิลจะจัดขึ้นในวันที่ 27 มีนาคมนี้ เป็นงานที่ให้ความสำคัญกับภาคการศึกษา โดยจะเปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ iPad ที่ตั้งราคา 259 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,000 บาท เพื่อให้ทุกฝ่ายในวงการการศึกษาสามารถซื้อหาไปใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดตัวคอมพิวเตอร์พกพา MacBook ในราคาต่ำกว่าปัจจุบันด้วย ซึ่งมีโอกาสสูงว่าจะต่ำกว่า 1,000 เหรียญหรือต่ำกว่า 32,000 บาท

ดังนั้น งานแถลงข่าวที่แอปเปิลจะจัดขึ้นในวันที่ 27 มีนาคม จึงถูกคาดการณ์ว่าจะไม่มีการประกาศข่าวใหญ่ เช่นการเปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone ดีไซน์ใหม่ รวมถึง iPad รุ่นใหม่ จุดนี้สื่ออเมริกันมองว่า แอปเปิลจะเน้นประกาศสถิติสำคัญของบริษัทในธุรกิจภาคการศึกษา และมุ่งเน้นดึงดูดนักศึกษา ครู และผู้บริโภคด้วยราคาสินค้าที่สบายกระเป๋ามากขึ้น

*** ไอโฟนพับได้ มาแน่ปี 2020

นอกจากการวิเคราะห์ว่า แอปเปิลจะเปิดตัวอะไรในวันที่ 27 มีนาคมนี้ สื่อออนไลน์ยังเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับ iPhone ที่สามารถพับได้ เรียกความสนใจจากแฟนแอปเปิลที่อาจจะได้สัมผัสเครื่องจริงในอีก 2 ปีข้างหน้า

สำนักข่าวฟอร์จูน (Fortune) รายงานว่า นักวิเคราะห์ เมอร์ริล ลินช์ (Merrill Lynch) จากธนาคารแห่งสหรัฐอเมริกา (Bank of America) เผยแพร่เอกสารงานวิจัยเมื่อวันศุกร์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมาว่า แอปเปิลกำลังพัฒนา “iPhone แบบพับเก็บได้” ซึ่งสามารถเปิดตัวได้ในปี 2020 โดยระบุว่า ได้พูดคุยกับผู้ผลิตหรือซัปพลายเออร์ของแอปเปิลหลายรายในเอเชีย ทุกรายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แอปเปิลกำลังสำรวจและพัฒนา iPhone ด้วยหน้าจอที่สามารถพับตัวเอง 

รายงานระบุว่า เมื่อไม่ได้พับ หน้าจอของ iPhone จะแผ่ขยายออกไปเท่ากับขนาดแท็บเล็ต ข้อมูลเหล่านี้ตรงกับข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า แอปเปิลกำลังทำงานร่วมกับแอลจี (LG) เพื่อพัฒนา iPhone แบบพับเก็บได้

ถัดจากข่าวลือสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า แอปเปิลกำลังขยายการทดสอบรถขับเคลื่อนตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยรายงานของไฟแนนเชียลไทม์ส (Financial Times) ระบุว่า แอปเปิลได้รับใบอนุญาตทดสอบรถขับเคลื่อนตัวเองอัตโนมัติ จำนวน 45 คัน ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมากกว่าใบอนุญาตของเทสล่า (Tesla) ที่ครอบคลุมการทดสอบรถ 39 คัน และอูเบอร์ (Uber) ที่ครอบคลุมการทดสอบ 29 คัน

ดีกรีใบอนุญาตของแอปเปิลเป็นรองเพียงแผนกครุยส์ (Cruise) ของค่ายจีเอ็ม (General Motors) ที่มีใบอนุญาตทดสอบครอบคลุมรถ 110 คัน สถิติเหล่านี้สะท้อนความเป็นไปได้ว่า แอปเปิลกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง แต่ไม่ใช่เพื่อขายรถ เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกขายให้กับผู้ผลิตรถยนต์แทน.

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000029608

แอปเปิลประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2017 (เมษายน–มิถุนายน 2017) เมื่อวันอังคารที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา หนึ่งในจุดที่น่าสนใจคือ iPad ที่สามารถขายได้มากกว่า 11.4 ล้านเครื่องใน 3 เดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 9.95 ล้านเครื่องที่จำหน่ายได้ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

ภาวะขาขึ้นนี้ถือเป็นการดีดตัวหลังจากยอดขาย iPad ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ปี 2014 ช่วงเวลานั้นยอดจำหน่ายลดลงเหลือ 13.28 ล้านเครื่องจาก 14.62 ล้านเครื่องในปี 2013 ก่อนจะลดลงอีกถึงปี 2015 เหลือ 10.93 ล้านเครื่อง และลดลงอีกครั้งในปี 2016 เหลือ 9.95 ล้านเครื่อง กระทั่งปีนี้ค่อยกลับมาเพิ่มอีกครั้งเป็น 11.4 ล้านเครื่อง

ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิลระบุว่าไอแพดนั้นมีตลาดแข็งแกร่งในจีน นอกจากนี้ รุ่นใหญ่อย่าง iPad Pro ก็มีความต้องการสูงในตลาดธุรกิจ รวมถึงการใช้ iPad ในภาคการศึกษา ที่สำคัญ iPad รุ่นใหม่ยังเปิดตัวที่ราคาเริ่มต้น 329 เหรียญสหรัฐ โดนใจผู้ใช้หลายระดับหลายกลุ่มตอบโจทย์วงกว้าง

ผลประกอบการสวยงามของแอปเปิลส่งให้หุ้นแอปเปิลพุ่งกระฉูดอีก 6% ทำสถิติสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 159.10 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดจำหน่าย iPhone ที่ดีเกินคาด ทำให้ไอโฟนผ่านหลักไมล์จำหน่ายได้ 1.2 พันล้านเครื่องแล้ว ยังมีนาฬิกาแอปเปิลว็อตช์ (Apple Watch) ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 50%

โซนีเริ่มยิ้มได้

การประกาศผลประกอบการของแอปเปิลเกิดขึ้นตามหลังโซนี ซึ่งโชว์ตัวเลขยอดขายและรายได้รวมเพิ่มขึ้น 15.2% สะท้อนว่ากลยุทธ์กู้วิกฤติบริษัทที่ซีอีโอฮิราอิ (Kaz Hirai) วางไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เริ่มเห็นผลเพราะโซนีกำลังเติบโตได้ดีในตลาดถ่ายภาพและเกมตามเป้าหมาย

พระเอกที่ช่วยให้สถานการณ์ของโซนีดีขึ้นในวันนี้คือธุรกิจจำหน่ายเซ็นเซอร์ภาพ ซึ่งเป็นชิปที่ติดตั้งในสมาร์ทโฟนแทบทุกตัว จุดนี้รายงานจากบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ประเมินว่าเซ็นเซอร์ของโซนี่อาจถูกใช้ในสมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่งหนึ่งในท้องตลาด

รายได้รวมที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นบนตัวเลขกำไรที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวคิดเป็น 1.57 แสนล้านเยน แซงสถิติสูงสุดที่เคยทำได้ 30%

ที่มา : manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000078415

1. นี่คือ iPad Pro ที่ทรงพลังกว่าแล็ปท็อป PC 

iPad Pro ใหม่ยังคงมี 2 ขนาดหน้าจอให้เลือกใช้ ได้แก่ รุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้ว และ 10.5 นิ้ว โดย iPad Pro รุ่นหน้าจอ 10.5 นิ้วจะเข้ามาทำตลาดแทนที่ iPad Pro 9.7 นิ้วเดิม และที่น่าสนใจก็คือ ส่วนสเปกประมวลผลที่แอปเปิลเลือกใช้ซีพียูตัวใหม่ล่าสุด Apple A10X ที่มีจำนวนแกนประมวลผลมากถึง 6 แกน พร้อมแรม DDR4 ถึง 4GB ทำให้ iPad Pro ใหม่แรงกว่ารุ่นเดินถึง 30% และเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ PC ในกลุ่มอัลตร้าบุ๊ก iPad Pro ใหม่สามารถใช้งานตัดต่อวิดีโอ 4K 30 เฟรมต่อวินาทีรวมถึงใช้สร้างผลงานเพลง วาดภาพแบบมืออาชีพหรือตกแต่งภาพจาก RAW ได้ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ PC แต่อย่างใด

โดยเฉพาะเมื่อ iPad Pro ใหม่ทำงานร่วมกับ iOS 11 ที่แอปเปิลจะเปิดให้อัปเดตเร็ว ๆ นี้ จะทำให้ iPad Pro ใหม่สามารถใช้งานมัลติทาสก์ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะงานเอกสาร พิมพ์งานที่ทำได้ดีขึ้น 

2. หน้าจอใหม่ 120 Hz

iPad Pro หน้าจอ 12.9 นิ้ว และ 10.5 นิ้ว จะมาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion โดยแอปเปิลเลือกเพิ่มอัตราการดึงข้อมูลของจอภาพให้สูงถึง 120 Hz จากเดิมค่ามาตรฐานแท็บเล็ตทั่วไปจะอยู่ที่ 60 Hz ซึ่งประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับก็คือ ความลื่นไหลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนชอบวาดรูปบนแท็บเล็ตจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า การลากเส้นด้วย Apple Pencil ทำได้ต่อเนื่อง ไหลลื่นกว่า iPad Pro รุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก

นอกจากนั้น หน้าจอ iPad Pro ใหม่ยังรองรับการเล่นวิดีโอแบบ HDR (High Dynamic Range) พร้อมเป็นหน้าจอแสดง TrueTone สามารถแสดงขอบเขตสีแบบกว้าง P3 และด้านความสว่างหน้าจอยังถูกอัปเกรดให้สูงถึง 600 นิต สู้แสงแดด และลดการสะท้อนได้ดีกว่าเดิม

3. กล้องใหม่ คุณภาพ iPhone 7

กล้องหลัง iPad Pro ใหม่จะถูกอัปเกรดขึ้นมาให้เทียบเท่ากับ iPhone 7 ด้วยความละเอียดภาพ 12 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์รูรับแสงกว้าง f1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล มาพร้อมเลนส์รูรับแสงกว้าง f2.2 คุณภาพเดียวกับกล้องใน iPhone 7

4. รองรับระบบชาร์จไฟแบบเร็ว

ถือเป็นครั้งแรกในกลุ่ม iPad ที่แอปเปิลเปิดให้รองรับระบบชาร์จไฟแบบเร็วเหมือนคู่แข่ง เพียงแต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ USB-C แบบเดียวกับที่แถมมากับอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ MacBook Pro ใหม่ โดยผู้ใช้งาน iPad Pro ที่ต้องการเปิดใช้คุณสมบัติชาร์จไฟแบบเร็ว นอกจากต้องหาอะแดปเตอร์แบบ USB-C แล้ว ก็จำเป็นต้องมีสาย USB-C to Lightning ด้วยถึงจะใช้งานได้สมบูรณ์แบบ

5. สิ่งที่แอปเปิลไม่ได้บอก

นอกจาก 4 เรื่องเด่น iPad Pro ใหม่ที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว หลังจากทีมงานผู้จัดการไซเบอร์ได้ทดสอบ iPad Pro ใหม่ ยังมีอีก 2 เรื่องที่แอปเปิลได้อัปเกรดจาก iPad Pro เดิมเพิ่มเติม ได้แก่ เรื่องแรก ลำโพง 4 ตัวถูกอัปเกรดให้มีเสียงที่ดีขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะเสียงเบสที่หนักแน่นขึ้น และเสียงแหลมที่ใสกังวานมากขึ้น

เรื่องที่สอง เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID ที่ปุ่มโฮมถูกปรับไปใช้รุ่นที่ 2 ตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 6s ทำให้การอ่านลายนิ้วมือทำได้รวดเร็วมากขึ้น

เรื่องที่สาม อุปกรณ์เสริมอย่างเคสใส่ iPad Pro ใหม่ หลังจากรุ่นก่อนหน้าหลายคนบ่นเรื่องเคสไม่มีที่เก็บ Apple Pencil ในครั้งนี้ แอปเปิลได้เพิ่มซองใส่ iPad Pro ใหม่ทั้งรุ่นหน้าจอ 10.5 นิ้วและ 12.9 นิ้ว ที่มาพร้อมช่องเสียบ Apple Pencil ให้แล้ว แต่ก็มาพร้อมราคาที่สูงถึง 6,800 บาทเลยทีเดียว

สุดท้ายสำหรับราคา iPad Pro รุ่นหน้าจอ 10.5 นิ้ว 64GB เริ่มต้น 24,500 บาท รุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้ว 64GB เริ่มต้น 30,900 บาท ส่วนรุ่นสูงสุด 12.9 นิ้ว 512GB จะอยู่ที่ 46,100 บาท

ที่มา : https://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000069000