Lisa – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 13 Sep 2024 11:08:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ลิซ่าเอฟเฟกต์! ดันยอดขาย “เดนทิสเต้” โต 100% ฉีกภาพยาสีฟันคู่รัก สู่ Global Brand https://positioningmag.com/1489906 Thu, 12 Sep 2024 14:24:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1489906 หากพูดถึง ลิซ่า-แบล็กพิงก์ (Lisa-BLACKPINK) หรือ ลลิษา มโนบาล แร็ปเปอร์ นักร้อง และนักเต้นสาวชาวไทย หนึ่งในสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีอย่าง BLACKPINK (แบล็กพิงก์) ภายใต้สังกัด YG Entertrainment แล้วล่ะก็ เรียกว่าเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยม จากทั้งคนไทยชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก 

ซึ่งในประเทศไทยที่หลายกระแสนั่นได้รับอิทธิพลมาจากลิซ่า ไม่ว่าจะกระแสลูกชิ้นยืนกิน กระแสยาดมหงส์ไทย กระแสโรตีสายไหม กระแสใส่ผ้าซิ่นเที่ยวอยุธยา รวมถึงกระแสอาร์ตทอยอย่าง ลาบูบู้ ที่ได้รับความนิยมขึ้นเป็นเท่าตัว หลังลิซ่าถือถ่ายรูปลงอินสตาแกรมของเธอ รวมถึงการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์ระดับโลกทำให้สินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เรียกว่าไม่ว่าจะพูดหรือหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด 

ย้อนรอย Lisa X Dentiste’ 

ด้วยความดังเปรี้ยงปร้าง ทำให้ลิซ่าเนื้อหอมมากจนแบรนด์ต่างๆ พากันดีลทำสัญญา โดยเฉพาะแบรนด์ดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น BVLGARI ในฐานะของการเป็น Global Brand Ambassador ในแคมเปญโฆษณาเครื่องประดับคอลเลกชั่น Magnifica ของ BVLGARI แบรนด์เครื่องประดับชื่อดังระดับโลก ลิซ่ายังสามารถสร้างเอ็นเกจเมนต์ได้มากถึง 10% จากฐานของคนติดตามทั้งหมด ซึ่งหาได้ยากมากในหมู่ของคนดังที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก 

ตามมาด้วย CELINE แบรนด์แฟชั่น Luxury ระดับโลก ที่หลังจากลิซ่าได้เข้าร่วมชมแฟชั่นโชว์ในตำแหน่ง Front Row อยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงการไปร่วมถ่ายแบบแคมเปญแฟชั่นของแบรนด์อยู่บ่อยๆ ทำให้หลายๆ ไอเท็มจาก CELINE ที่ลิซ่าสวมใส่กลายเป็นกระแสที่หลายๆ คนตามหา จนเกิดปรากฏการณ์ Sold out ในทุกช็อปจากทั่วโลก สู่การที่ CELINE เป็น Global Brand Ambassador คนใหม่ให้กับแบรนด์อย่างเป็นทางการ ทำให้มูลค่าแบรนด์ของ CELINE มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 118% เป็น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2021 และกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีการเติบโตรวดเร็วมากที่สุดในเครือ LVMH รวมทั้งล่าสุดแบรนด์แฟชั่นสุดหรูเบอร์ต้นๆ ของโลกอย่าง Louis Vuitton ได้ประกาศแต่งตั้งลิซ่า ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนในประเทศไทยเอง ก็มีหลายแบรนด์รุมจีบลิซ่าไม่น้อยเช่นกัน เพราะถ้าย้อนไปเมื่อปี 2019 ลิซ่า ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ AIS โดยถือเป็นแบรนด์แรกในไทยที่คว้าตัวลิซ่ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้สำเร็จ จากนั้นในปี 2023 ลิซ่าก็ไม่ได้ต่อสัญญา เนื่องจากค่าย YG ปฏิเสธการต่อสัญญา และไปดีลกับบริษัทที่มี Conflict of interest 

ต่อมาในต้นปี 2023 TrueID (ทรู ไอดี) แพลตฟอร์มคอนเทนต์ในเครือทรูฯ ได้ประกาศคว้าลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับทรูมันนี่ (True Money) ที่ยังไม่เคยมีพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์อย่างจริงจัง ก็ได้เลือกจะทุ่มเงินดึงลิซ่ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น 

อีกหนึ่งแบรนด์ที่สร้างเสียงฮือฮาไม่น้อยก็คือ Dentiste’ (เดนทิสเต้) เพราะเป็นแบรนด์ FMCG ที่สามารถดึงลิซ่ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ เดนทิสเต้ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสัญชาติไทย ภายใต้บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นแบรนด์พี่น้องของ Smooth E ที่อยู่ในเครือเดียวกัน ซึ่งก่อตั้งโดย ดร.แสงสุข พิทยานุกุล เภสัชกรที่มีหลายบทบาท ทั้งอาจารย์ และนักธุรกิจ โดยที่ปัจจุบันมีทายาทรุ่น 2 เข้ามาช่วยดูแลบริหารงาน

ปัจจุบันเดนทิสเต้ทำตลาดมาได้ 18 ปี แรกเริ่มเดิมทีเดนทิสเต้ว่าจุดยืนเป็นยาสีฟันระดับพรีเมียม ที่ในยุคนั้นยังไม่มีผู้เล่นชัดเจนในเซ็กเมนต์นี้ แล้วชูจุดขายด้วยการเป็น “ยาสีฟันคู่รักยาสีฟันก่อนนอน เพราะพฤติกรรมคนไทยในตอนนั้นไม่ค่อยแปรงฟันก่อนนอน เพราะคิดว่าไม่ต้องพูดคุยกับใครแล้ว ซึ่งเป็นบ่อเกิดทำให้ฟันผุได้

(ซ้ายมือ) คุณศิวกร พิทยานุกุล (กลาง) คุณศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล และ (ขวามือ) ดร.แสงสุข พิทยานุกุล ทีมผู้บริหารบริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด

เดนทิสเต้จึงสื่อสารผ่าน Healthy Relationship เน้นความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นหลัก สื่อว่าใช้ยาสีฟันเดนทิสเต้แล้วตื่นเช้ามาไม่มีกลิ่นปาก แสดงความรักด้วยการจุ๊บกันในตอนเช้าได้ พร้อมใช้คู่รักเบอร์ต้นๆ ของไทยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ได้แก่ เคน-ธีรเดช กับ หน่อย-บุษกร, พอลล่า-เทเลอร์ กับ เอ็ดเวิร์ด-อดีตสามีนักธุรกิจ, ชมพู่-อารยา กับ น็อต-วิศรุต รวมถึง หมาก-ปริญ กับ คิมเบอร์ลี่ 

เดนทิสเต้จึงมีภาพชันเจนในเรื่องยาสีฟันคู่รักไปโดยปริยาย ทำให้กลุ่มเป้าหมายก็เป็นกลุ่มคู่รัก และกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อหน่อย เพราะมีราคาค่อนข้างสูง แต่แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโจทย์ใหญ่ของเดนทิสเต้ได้เปลี่ยนไป ต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหญ่ขึ้น และเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เด็กลง พร้อมการเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยให้หันมา “แปรงแห้ง” มากขึ้น จึงทำให้การสื่อสารเปลี่ยนสู่ Best Moment ทำให้สื่อสารได้กว้างขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้น สามารถสื่อสารได้หลายกลุ่ม คู่รัก เพื่อน หรือตัวเองก็ได้

ในปี 2564 เดนทิสเต้จึงเลือกลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ และชูโปรดักส์ตัวใหม่ DENTISTE’ Anticavity Max Fluoride เป็นยาสีฟันที่เป็นนวัตกรรมการแปรงฟันแห้ง ถือว่าเป็นการเคลือบฟลูออไรด์ที่ดีที่สุด รวมทั้งการได้ลิซ่ามา เป็นการปูทางสู่ Global Brand ในอนาคตด้วย

แบรนด์ดิ้งชัด ดันยอดขายโต 100% 

ผลจากลิซ่าเอฟเฟกต์ทำให้เดสทิสเต้ทลายโจทย์ใหญ่ของตัวเองหลายข้อ ทั้งเรื่องยอดขาย ขยายฐานลูกค้า สร้างการรับรู้ และการตีตลาดต่างประเทศ ปีนี้เดนทิสเต้จึงต่อสัญญาลิซ่าเป็นปีที่ 3 เพราะสัญญาเป็นการต่อปีต่อปี ซึ่งการวัดผลที่เห็นชัดที่สุดหลังจากที่ลิซ่าขึ้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำให้เดสทิสเต้มีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว และยอดขายเพิ่มขึ้น 50-100% และสิ่งที่ได้ทางอ้อมก็คือ “ทำดีก็มีคนก๊อป” ในตอนนั้นมีผู้เล่นเจ้าใหม่ในตลาดยาสีฟัน จากเดิมมีราวๆ 10 ราย ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 50-60 ราย

ถ้าถามว่าสิ่งที่ได้มากที่สุดจากการที่ได้ลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์คืออะไร ดร.แสงสุข บอกว่า “แบรนด์ดิ้ง” ภาพลักษณ์แบรนด์ชัดเจนขึ้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะช่วยเข้าถึงคนกลุ่มใหม่ๆ ได้ และเข้าถึงชาวต่างชาติ ตอนนี้เดนทิสเต้กลายเป็นสินค้าที่นักท่องเที่ยวซื้อกลับไปเยอะมาก ส่วนหนึ่งเรื่องเรื่องของสมุนไพรไทยที่เป็น Soft Power ไปทั่วโลก และลิซ่าก็ทำให้ภาพโกลบอลแบรนด์ชัดขึ้นด้วย

สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลช่องปาก หรือ ออรัลแคร์ ปี 2566 มีมูลค่า 20,000 ล้านบาท เติบโต 5% ตลาดนี้จะรวมทั้งยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก และไหมขัดฟัน ส่วนตลาดยาสีฟันมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 5% 

ปัจจุบัน บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด มีธุรกิจในเครือแบ่งเป็น 5 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ สมูท อี (Smooth-E) มีสัดส่วนรายได้ 40%, เดนทิสเต้ มีสัดส่วนรายได้ 40%, Smooth Life ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม, ร้านขายยา P&F Smooth Life และโรงงานยาสยามเมดิแคร์ 

ภาพรวมรายได้ของบริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด 

  • ปี 2561 รายได้ 2,377 ล้านบาท (กำไร 118 ล้านบาท) 
  • ปี 2562 รายได้ 2,679 ล้านบาท (กำไร 130 ล้านบาท) 
  • ปี 2563 รายได้ 2,037 ล้านบาท (กำไร 84 ล้านบาท) 
  • ปี 2564 รายได้ 2,398 ล้านบาท (กำไร 73 ล้านบาท)
  • ปี 2565 รายได้ 2,414 ล้านบาท (กำไร 74 ล้านบาท) 
  • ปี 2566 รายได้ 2,255 ล้านบาท (กำไร 65 ล้านบาท) 

สำหรับปี 2567 ดร.แสงสุขตั้งเป้าภาพรวมรายได้ของสยามเฮลท์ กรุ๊ปที่ 3,000-4,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้เดนทิสเต้ 3% และขยายตลาดการส่งออก

]]>
1489906
เปิดสถิติความปัง ‘Lisa x Rockstar’ ที่กวาด Engagement ฉ่ำทะลุ 40 ล้านครั้ง! https://positioningmag.com/1480752 Tue, 02 Jul 2024 09:39:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1480752 เชื่อว่าเพื่อนหลาย ๆ คนบนโซเชียลมีเดียจะต้องไปเหยียบ เยาวราช ทั้งไปเองจริง ๆ หรือไม่ก็ตัดต่อตัวเองลงไปใน MV เพลง Rockstar ของ ลิซ่า ที่เขย่าโลกโซเชียลไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดย Wisesight Kirin AI ได้ทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่ระยะเวลา 13  มิ.ย. – 1 ก.ค. 2024

เจาะลึกสถิติ บอกเลยว่าปังไม่ไหว!

มิวสิควิดีโอ Rockstar สร้างปรากฏการณ์สุดร้อนแรงบนโลกโซเชียล ยอดวิวทะลุล้านครั้งภายในเวลาแค่ 30 นาทีหลังปล่อยเพลง แถมยังทำลายสถิติศิลปินเดี่ยวประจำปี 2024 นับตั้งแต่เปิดตัวเพลงจนถึงวันที่ 1 มิ.ย. กวาดยอด Engagement ไปแบบถล่มทลายถึง 43,735,834 ครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละโพสต์จะมี Engagement อยู่ที่ 320 ครั้ง 

อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละโพสต์ บางโพสต์มียอด Engagement พุ่งสูงถึง 5,504,471 ครั้ง ช่องทางแพลตฟอร์มที่ได้รับ Engagement มากที่สุดคือ 

  • Instagram โดยกวาดยอด Engagement ไปได้มากที่สุดถึง 15,848,540 ครั้ง ด้วยจำนวนข้อความ 5,093 Messages (3.72%) 
  • X (Twitter) ที่ได้รับ Engagement 10,887,279 ครั้ง ด้วยจำนวนข้อความ 118,776 ข้อความ (86.85%) 
  • Facebook ที่ได้รับ Engagement ที่ 8,766,188 ครั้ง ด้วยจำนวนข้อความ 9,180 ข้อความ (6.7%)
  • Youtube ที่ได้รับ Engagement ที่ 6,131,215 ครั้ง ด้วยจำนวนข้อความ 3,498 ข้อความ (2.62%)

เจาะลึกแต่ละแพลตฟอร์ม

เมื่อวิเคราะห์ Engagement บนแพลตฟอร์มต่างๆ พบว่า Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่กวาดยอด Engagement ไปได้มากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละโพสต์บน Instagram มียอด Engagement อยู่ที่ 3,119 ครั้ง ซึ่งสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอด Engagement บน Instagram พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ แสดงให้เห็นถึงพลังของ Instagram ในการสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วน X กลับเป็นแพลตฟอร์มที่มีจำนวนข้อความเกี่ยวกับมิวสิควิดีโอมากที่สุดถึง 118,776 ข้อความ แสดงให้เห็นว่า X เป็นพื้นที่ที่แฟน ๆ นิยมใช้พูดคุยและแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับมิวสิควิดีโออย่างรวดเร็วและแพร่หลาย ตอกย้ำสถานะแพลตฟอร์มแห่งการพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูล

TikTok Engagement สูง แต่จำนวนโพสต์น้อย โดยเฉลี่ยต่อโพสต์สูงที่สุดถึง 8,577 ครั้ง แต่กลับมียอด Engagement รวมเป็นอันดับ 4 อยู่ที่ 7,882,388 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าแม้เนื้อหาเกี่ยวกับ “Rockstar” บน TikTok จะได้รับความสนใจจากผู้ใช้เป็นอย่างดี

วิเคราะห์ Hashtag

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ Hashtag และ Keyword ช่วยให้เข้าใจถึงประเด็นหลัก ๆ ที่แฟน ๆ พูดถึงเกี่ยวกับมิวสิควิดีโอ โดย Hashtag ยอดนิยมอย่าง “lisaxrockstar” กวาดยอด Engagement ไปได้ถึง 22,777,702 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นของแฟนๆ ที่มีต่อศิลปินคนโปรดและผลงานใหม่ของเธอ เช่นเดียวกับ Keyword “lisa+rockstar” ที่มียอด Engagement สูงถึง 38,943,473 ครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างชื่อศิลปินกับชื่อเพลงในการพูดคุยของแฟนๆ

ที่น่าสนใจคือ Hashtag และ Keyword ภาษาไทยก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดย Hashtag “ลิซ่า มียอด Engagement 5,904,681 ครั้ง และ Keyword “ลิซ่า+เยาวราช” มียอด Engagement 5,875,235 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นในประเทศไทย และตอกย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเนื้อหาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยอด Engagement ของ Keyword “lisa+mv” ที่พุ่งสูงถึง 13,385,949 ครั้ง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงสูง ในช่วงเวลาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าแฟน ๆ ให้ความสนใจและกระตือรือร้นในการค้นหามิวสิควิดีโอบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการเผยแพร่มิวสิควิดีโอผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยมอย่าง YouTube

Influencer คนสำคัญ และ Sentiment ของแฟนๆ

ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ใช้งาน “LISA” ซึ่งเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการของศิลปิน จะมียอด Engagement สูงที่สุดถึง 10,932,790 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีบัญชีอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น “LISANATIONS”, “gukoiiz”, “เรื่องเล่าเช้านี้” และ “ตุ๊ดย่อยข่าว” ซึ่งล้วนเป็น Influencer และ Potential Partner ที่น่าสนใจสำหรับแคมเปญในอนาคต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัญชี “Gukoiiz” ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง มียอด Engagement เฉลี่ยต่อโพสต์สูงถึง 1,120,871 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและความสามารถในการเข้าถึงแฟนคลับได้เป็นอย่างดี

เมื่อเราวิเคราะห์ Sentiment ของแฟน ๆ โดยดูจาก “จำนวนข้อความ” ในแต่ละ Sentiment พบว่า Sentiment ด้านบวกมีจำนวนมากที่สุดถึง 15,184 ข้อความ ในขณะที่ Sentiment ด้านลบ มีเพียง 1,717 ข้อความ แสดงให้เห็นว่าแฟนๆ ส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาเชิงบวกต่อมิวสิควิดีโอ “Rockstar” สอดคล้องกับ Sentiment เป็นกลาง ที่มีจำนวนมากที่สุดถึง 119,770 ข้อความ ซึ่งบ่งชี้ว่าแฟน ๆ ส่วนใหญ่เน้นการแชร์ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นแบบกลาง ๆ

เข้าใจ Fandom ให้มากขึ้น

การวิเคราะห์ Audience Size Label เผยให้เห็นว่าบัญชี “กลุ่มอีลิท” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผู้ติดตามจำนวนมากที่สุด มียอด Engagement สูงสุดอยู่ที่ 12,360,284 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของบัญชีที่มีชื่อเสียงในการสร้างการรับรู้และกระแสให้กับมิวสิควิดีโอ “Rockstar”

ขณะเดียวกัน การวิเคราะห์ Account Category พบว่าหมวดหมู่ “นักร้อง::ความบันเทิง” มียอด Engagement รวมสูงสุด (10,981,841 ครั้ง) และ Engagement เฉลี่ยสูงสุด (378,684 ครั้ง) ตอกย้ำว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของลิซ่ายังคงเป็นกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบดนตรีและความบันเทิง นอกจากนี้ ยอด Engagement ที่สูงในหมวดหมู่ “ความงามและแฟชั่น” (Engagement รวม 2,177,600 ครั้ง) ชี้ให้เห็นถึงความสนใจในเรื่องแฟชั่นของแฟนคลับลิซ่า

นอกจากนี้ ข้อมูล Image Label เผยให้เห็นว่าภาพประเภท “เสื้อผ้า”, “ผู้หญิง” และ “ใบหน้ามนุษย์” เป็น 3 อันดับแรกที่มียอด Engagement สูงสุด อยู่ที่ 35,864,708, 28,986,107 และ 25,821,199 ครั้ง ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าแฟน ๆ ชื่นชอบภาพสวย ๆ ที่โชว์สไตล์การแต่งตัวสุดปังของลิซ่า ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรคำนึงถึงในการสร้างสรรค์ Content ในอนาคต

นำเสนอวัฒนธรรมไทยอย่างมีชั้นเชิง

จุดเด่นที่ทำให้มิวสิควิดีโอ Rockstar กลายเป็นกระแส Talk of the town ภายในเสี้ยววินาที คือ ความสวยงามของภาพและการนำเสนอวัฒนธรรมไทยอย่างมีชั้นเชิง โดยทีมงานเลือกใช้โลเคชั่นถ่ายทำแบบจัดเต็มในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ถนนเยาวราช สุดคึกคักใจกลางกรุงเทพฯ หรือ โรงละครออสการ์ สุดคลาสสิกในจังหวัดเพชรบุรี แถมยังมีท่าเต้นสุดพลิ้วที่ออกแบบโดยนักเต้นมืออาชีพชาวไทย

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์อย่างแก๊งมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน และที่พิเศษสุด ๆ คือการปรากฏตัวของ ชินนี่ ชินรวดี นางแบบข้ามเพศเจ้าของมงกุฎ มิสทรานส์สตาร์อินเตอร์เนชั่นแนล 2023 สะท้อนภาพความหลากหลายและการยอมรับในสังคมไทยยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

ดังนั้น Rockstar ไม่ได้เป็นแค่เพลงฮิตติดหูเท่านั้น แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโลกเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทำลายสถิติศิลปินเดี่ยวประจำปี 2024 ตอกย้ำอิทธิพลระดับโลกของลิซ่าได้อย่างชัดเจน ความลับที่ซ่อนไว้เบื้องหลังการถ่ายทำมิวสิควิดีโอ เรื่องราวสุดประทับใจของทีมงานชาวไทย และความตั้งใจของลิซ่าในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ล้วนเป็นส่วนผสมที่ทำให้ “Rockstar” สร้างความเป็นกระแสได้อย่างรวดเร็วขึ้นไปอีก

สรุปแล้ว ข้อมูล Social Listening ชี้ชัดว่ามิวสิควิดีโอ “Rockstar” ของลิซ่าประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้:

  • กลยุทธ์การใช้แพลตฟอร์ม: การใช้จุดแข็งของแต่ละแพลตฟอร์มอย่างชาญฉลาด เช่น การสร้าง Engagement สูงบน Instagram และการใช้ Twitter กระจายข่าวสารอย่างรวดเร็ว
  • Content คุณภาพ: ภาพสวย เนื้อหาโดนใจ ดึงดูดให้แฟนๆ อยากดูและแชร์ต่อ
  • แฟนคลับเหนียวแน่น: แฟนคลับของลิซ่ามีส่วนร่วมกับ Content อย่างแข็งขัน สร้างกระแสและการพูดถึงอย่างกว้างขวาง
  • Content หลากหลาย: การสร้าง Content ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละท้องถิ่น เช่น การใช้ภาษาไทย
]]>
1480752
หุ้น ‘YG’ ร่วงเกือบ 9% หลังมีข่าว ‘ลิซ่า’ ยังปฏิเสธข้อเสนอสัญญาใหม่มูลค่า 1.35 พันล้านบาท! https://positioningmag.com/1444377 Fri, 15 Sep 2023 04:32:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444377 สาวกวง แบล็กพิงก์ (Blackpink) เองก็คงตั้งตารอว่าวงรักจะต่อสัญญากับค่าย YG Ent. ต่อไปหรือไม่ หลังจากที่คาดว่าสัญญาของวงหมดไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จนมาถึงกลางเดือนกันยายนก็ยังไม่มีความคืบหน้า โดยทางต้นสังกัดยังไม่ได้ออกมายืนยันการต่อสัญญาใด ๆ กับสมาชิกทั้ง 4 ได้เลย

ล่าสุด ตามรายงานจาก Star News สื่อเกาหลีใต้ ได้ระบุว่าา ลิซ่า สมาชิกชาวไทยของวงเกิร์ลกรุ๊ป Blackpink ได้ปฏิเสธข้อเสนอที่สองจากบริษัทต้นสังกัดศิลปินเคป็อป (K-pop) วายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ (YG Entertainment) ซึ่งคาดว่าสัญญาดังกล่าวมีมูลลค่าถึง 5 หมื่นล้านวอน หรือราว 1.35 พันล้านบาท หลังจากที่เคยปฏิเสธข้อเสนอแรกที่เสนอให้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม

โดยสื่อของ นิวเซน (Newsen) สื่อของเกาหลีใต้รายงานว่า YG Entertainment ได้เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อสัญญากับลิซ่า ขณะที่รายงานจาก หนังสือพิมพ์มุนฮวา อิลโบ ได้ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม จากข่าวลือที่ว่าลิซ่ายังไม่สามารถต่อสัญญากับค่ายได้ ส่งผลให้หุ้นของค่าย YG Entertainment ร่วงลงเกือบ 9% ซึ่งถือเป็นการร่วงลงในรอบ 1 วัน แรงที่สุดของค่าย YG นับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2022

สำหรับวง Blackpink ถือเป็นหนึ่งในกลุ่ม K-pop ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของค่าย YG โดย Blackpink มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ได้แก่ Jisoo (จีซู), Jennie (เจนนี), Rosé (โรเซ) และ Lisa (ลิซ่า) โดยวงได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2016 โดยคาดว่ามีการเซ็นสัญญากับค่าย YG Entertainment เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม 2023 แต่ปัจจุบัน ทางต้นสังกัดยังไม่ยืนยันการต่อสัญญาใด ๆ กับสมาชิกคนใดเลย

ปัจจุบัน Blackpink กำลังอยู่ในช่วงเดินสายปิดคอนเสิร์ตเวิร์ลทัวร์ “Born Pink” ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเวิร์ลทัวร์ที่ใหญ่ที่สุด โดย Blackpink สามารถดึงดูดผู้ชมได้ประมาณ 1.5 ล้านคนใน 41 เมือง นับตั้งแต่เริ่มในเดือนตุลาคม 2565 และสองวันสุดท้ายของการทัวร์ก็คือวันที่ 16 และ 17 กันยายนในกรุงโซล

Source

]]>
1444377
คุ้มแค่ไหนถามใจทรู! เปิดลิสต์เครือทรูที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ขึ้นแท่นเป็น ‘พรีเซ็นเตอร์’ https://positioningmag.com/1431989 Fri, 26 May 2023 11:31:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1431989 ด้วยชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และความสามารถ จึงไม่น่าแปลกใจนักหากแบรนด์ (ที่มีเงินถึง) จะอยากคว้าตัวสาว ลิซ่า BLACKPINK หรือ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ไอดอล K-pop ที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลกมาขึ้นเป็น พรีเซ็นเตอร์ ให้กับแบรนด์ของตัวเอง และหนึ่งในนั้นก็คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ดูเหมือนจะคุ้มสุด เพราะใช้ลิซ่าไปเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในหลายภาคส่วนเลยทีเดียว

3 ปีจากถิ่น AIS สู่ 3 พรีเซ็นเตอร์เครือทรูในปีเดียว

ย้อนไปเมื่อปี 2019 หากใครจำกันได้ ลิซ่า ได้กลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ปี เอไอเอส (AIS) เบอร์ 1 ของตลาดโทรคมนาคมไทยในขณะนั้น โดยเอไอเอสถือเป็น แบรนด์แรกในไทย ที่คว้าตัวลิซ่ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้สำเร็จ จากนั้น ลิซ่าก็เป็นครอบครัวของเอไอเอสมายาวนานถึงปี 2022 แต่ในปี 2023 ลิซ่าก็ไม่ได้ต่อสัญญากับทางค่ายต่อ

ซึ่งในตอนนั้น เอไอเอสได้เปิดเผยว่า บริษัทพยายามจะต่อสัญญากับลิซ่าแล้ว แต่ไม่สำเร็จเนื่องจาก ค่าย YG ปฏิเสธการต่อสัญญาและไปดีลกับบริษัทที่มี Conflict of interest ซึ่งหลายคนก็เดากันว่าต้องเป็น ทรู แน่นอน

อ่าน >>> ทำไม ‘เอไอเอส’ ต้องทุ่มจับ ‘New Gen’ และกลยุทธ์การใช้ ‘พรีเซ็นเตอร์’ จะเป็นอย่างไรเมื่อไร้ ‘ลิซ่า’

TrueID แพลตฟอร์มแรกที่ลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์

มาต้นปี 2023 ก็เป็นไปตามที่หลายคนคาดไว้ TrueID (ทรู ไอดี) แพลตฟอร์มคอนเทนต์ในเครือทรูฯ ก็ได้ประกาศว่า ลิซ่า เป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด พร้อมกับเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พร้อมให้เหตุผลว่า “ลิซ่า BLACKPINK จะมาช่วยตอกย้ำภาพความเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกของ TrueID ที่ปัจจุบันให้บริการครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังได้เอ็กซ์คูลซีฟคอนเทนต์ของ BLACKPINK และคอนเทนต์อื่น ๆ จากศิลปินในสังกัด YG Entertainment  อีกด้วย

TrueX แอปพลิเคชันใหม่หลังควบรวม

หลังจากที่ ทรู และ ดีแทค ควบรวมกันเป็น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในช่วงเดือนมีนาคม และ 1 เดือนผ่านไป บริษัทก็ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ TrueX ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มที่รวมบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของลูกค้าทรู และผู้บริโภคทั่วไปมารวมไว้ในแอปฯ เดียว อาทิ โซลูชันการดูแลบ้าน, สุขภาพ, ช้อปปิ้ง รวมถึงบันเทิง

และเพื่อสื่อสารความเป็น LifeOS แพลตฟอร์ม TrueX ก็เลือกใช้ ลิซ่า เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยมีการยิงโฆษณาทางช่องทางต่าง ๆ ทั้งทำโปรโมชันแพ็กเกจ เพื่อดันให้แพลตฟอร์มมียอดดาวน์โหลด 1 ล้านดาวน์โหลดในสิ้นปี

True Money ที่มีพรีเซ็นเตอร์ระดับโลกครั้งแรก

แม้จะทำตลาดไทยมานาน 8 ปี ให้บริการครอบคลุม 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านราย แต่แพลตฟอร์ม ทรูมันนี่ (True Money) ก็ยังไม่เคยมีพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์อย่างจริงจัง มีเพียงแค่บางแคมเปญเท่านั้น แต่มาปีนี้ ทรูมันนี่เลือกจะทุ่มเงินดึงลิซ่า มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงต้องการสื่อว่าแบรนด์ทรูมันนี่เป็นแบรนด์ใหญ่ระดับ Top เหมือนกับลิซ่า

เรียกได้ว่าผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งปี แต่เครือทรูก็ใช้ลิซ่ายืนเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้วถึง 3 แพลตฟอร์ม ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าสนใจมากว่า เครือทรูฯ เลือกจะใช้ลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์เฉพาะ แพลตฟอร์มดิจิทัล แต่ไม่ได้ใช้มาสื่อสารถึงบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ส่วนนั้นเลือกใช้ นาย ณภัทร และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าเครือทรูฯ จะใช้ลิซ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแพลตฟอร์มดิจิทัลไหนอีกบ้าง หรือจะข้ามฟากไปฝั่ง เครือซีพี ที่เคยมีข่าวลือ

]]>
1431989
ทำไม ‘เอไอเอส’ ต้องทุ่มจับ ‘New Gen’ และกลยุทธ์การใช้ ‘พรีเซ็นเตอร์’ จะเป็นอย่างไรเมื่อไร้ ‘ลิซ่า’ https://positioningmag.com/1387891 Mon, 06 Jun 2022 10:49:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1387891 เอไอเอส (AIS) ถือเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมเบอร์ 1 ไทยที่ครองตำแหน่งมานานหลายสิบปี โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานรวมกว่า 44.6 ล้านเลขหมาย เรียกว่าเกินครึ่งของประชากรไทยที่มีกว่า 66 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่ของเอไอเอสจากนี้ก็คือ การควบรวม ทรู-ดีแทค ที่แม้จะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าจะเกิดขึ้น แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง และเมื่อวันนั้นมาถึงเอไอเอสอาจไม่ใช่เบอร์ 1 อีกต่อไปก็ได้ ดังนั้น เอไอเอสจึงเริ่ม ‘ลงทุนกับอนาคต’ เพื่อรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ต่อไป

หากพูดถึงประชากรไทย ปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 เนื่องจากมีจำนวนผู้สูงอายุราว 20-30% ของประชากร และไทยจะกลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดเช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วน 28% ภายในปี 2574 กลับกันอัตราการเกิดของไทยก็ลดต่ำลงเรื่อย ๆ โดยในปี 2564 มีเด็กไทยเกิดเพียง 5.4 แสนคน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเสียอีก คำถามคือ ทำไม เอไอเอส ถึงได้พยายามจับกลุ่ม New Gen มาเป็นลูกค้า

ซื้อใจ New Gen = ซื้ออนาคต

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส อธิบายว่า ภาพรวมกลุ่มลูกค้า New Gen (12-24 ปี) มีจำนวนประมาณ 15 ล้านคน โดยเอไอเอสมีส่วนแบ่งราว 40% แม้ว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะมีไม่มาก และมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนต่อคน (ARPU) ไม่สูงเพราะยังไม่มีรายได้ แต่เอไอเอสมองว่านี่คือ การลงทุนในอนาคต เพราะกลุ่ม New Gen มีความสำคัญตรงที่ ถ้าได้มาสัมผัสสินค้าหรือบริการในครั้งแรกหรือช่วงต้นของอายุจะทำให้เขาติด ใช้แล้วไม่อยากเปลี่ยน

“จริง ๆ แล้วเราให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มลูกค้า ไม่ใช่ว่ากลุ่มนี้ใหญ่ให้ความสำคัญมากกว่า กลุ่มนี้เล็กเราไม่สนใจ แต่เราพยายามสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับทุกกลุ่ม เพียงแต่วิธีการต่างกันไป อย่างกลุ่มผู้ใช้อายุ 40 ปีขึ้นไปที่เป็นฐานใหญ่สุดเราก็มีเซเรเนด”

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส

ต่อสัญญาลิซ่าไม่สำเร็จไม่กระทบ

เอไอเอสถือเป็น เจ้าแห่งพรีเซ็นเตอร์ เพราะสามารถกวาดศิลปินเบอร์ใหญ่ของไทยเข้าสังกัดจำนวนมาก อาทิ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน, เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ, เบลล่า-ราณี แคมเปน, เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ, เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, ทอม Room39 และ วี วิโอเลต

และเพื่อจับกลุ่ม New Gen โดยเฉพาะ เอไอเอสได้ปั้นทีม #TEAMAIS5G พรีเซ็นเตอร์เลือดใหม่กว่า 20 คน นำโดย แบมแบม GOT7, วิน เมธวิน, แอลลี่, บิวกิ้น, พีพี, เจเจ, ต้าเหนิง, นนน,โอม, ทรินิตี้ และ 4EVE

“เมื่อก่อนพรีเซ็นเตอร์เราจะจับกลุ่มผู้ใหญ่หน่อย อย่างเป๊ก, เวียร์, เบลล่า ดังนั้น กลุ่ม TEAM AIS 5G จะเป็นมาจับกลุ่มเด็กวัยรุ่นจริง ๆ อย่างลิซ่าก็ไม่ได้เจาะแค่วัยรุ่นแต่เข้าถึงกลุ่มที่ค่อนข้างกว้าง เพราะถือว่าเป็นศิลปินที่รู้จักระดับโลก”

อย่างไรก็ตาม การเสีย ลิซ่า BlackPink หรือ ลลิษา มโนบาล ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์มา 3 ปี เนื่องจากค่าย YG ปฏิเสธการต่อสัญญาและไปดีลกับบริษัทที่มี Conflict of interest นั้น เอไอเอสเชื่อว่าจะ ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเอไอเอสพยายามเต็มที่แล้วแต่ไม่สำเร็จ

“แน่นอนว่าเรื่องดึงพรีเซ็นเตอร์ก็มีการเเข่งขันสูงอย่างที่เห็น และที่เราต่อสัญญากับลิซ่าไม่สำเร็จก็ถือเป็นเรื่องปวดใจ แต่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว”

พรีเซ็นเตอร์ไม่จำกัดแค่ดารา

เนื่องจากกลุ่ม New Gen จะเกิดมาในยุคดิจิทัลแบบ 100% ไลฟ์สไตล์ยิ่งมีความหลากหลาย, ซับซ้อนและยิบย่อยระดับนาโน ดังนั้น ทิศทางการใช้พรีเซ็นเตอร์กับกลุ่มนี้จะ ไม่จำกัดแค่ศิลปินดารา แต่ต้องเป็นคนที่สามารถ สร้างแรงบันดาลใจ หรือ สามารถพูดภาษาเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ การสื่อสารแบบเดิม ๆ ใช้ไม่ได้ผล อย่างกิจกรรม โรดโชว์ออกบูธ ตามสถานศึกษา เอไอเอสก็ได้เลิกใช้แล้วเพราะไม่ได้ผล ดังนั้น เอไอเอสจึงใช้กลยุทธ์ Co-Create กับพรีเซ็นเตอร์ในการสื่อสารเพื่อให้ตรงใจเป้าหมายที่สุด

“เด็กสมัยนี้เขาไม่สนใจโฆษณา แต่เลือกจากการศึกษา ฟังจากเพื่อน และค้นหาข้อมูล ดังนั้น พรีเซ็นเตอร์จะมีอิทธิพลกับเป้าหมายขึ้นอยู่กับว่าพูดในภาษาเดียวกับเป้าหมายแค่ไหน เราต้องทำให้เขารู้สึกเหมือนคุยกับเพื่อน นี่คือฟิลลิ่งที่โฆษณาทำไม่ได้เพราะมีข้อจำกัด เราจึง Co-Create ร่วมกับพรีเซ็นเตอร์เพื่อให้สื่อความได้แม่นยำกว่า”

ราคาและสิทธิพิเศษต้องมาคู่กัน

แน่นอนว่าการแข่งขันเพื่อดึงลูกค้ากลุ่ม New Gen รุนแรงตั้งแต่เรื่องราคา และลอยัลตี้ในกลุ่มวัยรุ่นนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการแต่ละคนว่า หาของถูก หรือ หาสิทธิประโยชน์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลูกค้าจะอยู่ยาวก็ต้องมี คุณภาพ ควบคู่ไปด้วย เพราะ 47% ของลูกค้าระบุว่า คุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทุกด้าน เอไอเอส ได้เพิ่ม AIS ZEED 5G สำหรับกลุ่มนักศึกษาโดยราคาเริ่มต้น 249 – 499 บาท ที่ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ทั้งด้านการเรียน ความบันเทิง และคอนเทนต์ รวมถึงแพ็กเกจแบบเติมเงินที่สามารถเลือกเองได้แบบ DIY แพ็กเกจ

ในส่วนของกิจกรรมพิเศษ เอไอเอส เตรียมจัดคอนเสิร์ต AIS 5G Faniverse จาก TEAM AIS 5G, การพบปะกับดารา ศิลปินใน AVATAR PARK, การถ่ายทอดสด ศึกแดงเดือดแบบ 360 องศา และสิทธิพิเศษจาก AIS Point รวมถึงการลุ้นรับรางวัลพิเศษทองคำมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

“เราเชื่อว่าถ้ามีของที่เขาชอบนำเสนอให้เขา เขาก็จะอยู่กับเรา เพราะตอนนี้ New Gen ไม่ได้มองแค่เรื่องราคาแล้ว”

ถ้าดูจากกลยุทธ์ในการมัดใจ New Gen ก็ต้องถือว่าเอไอเอสให้ความสำคัญกับ อนาคต มากทีเดียว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะ ทรู-ดีแทค จ่อควบรวมกัน อีกทั้ง 5 ปีจากนี้ เอไอเอสคาดว่า 5G จะกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐาน ดังนั้น เอไอเอสต้องเร่งเดินเกมมัดใจ New Gen เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้เป็นลูกค้าเอไอเอสต่อไปในระยะยาว

]]>
1387891
ส่องกระแส ‘LALISA’ ที่กวาดกว่า 53 ล้านเอ็นเกจเมนต์จากชาวโซเชียลภายใน 24 ชั่วโมง https://positioningmag.com/1352865 Tue, 21 Sep 2021 11:09:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352865 ลลิษา มโนบาล หรือที่รู้จักกันดีในนาม ลิซ่า แบล็กพิงก์ หนึ่งในสมาชิกของวงเกิร์ลกรุ๊ปจากประเทศเกาหลีใต้ได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองเป็นครั้งแรก ซึ่งเกิดกระแสตอบรับขึ้นมาในโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม หลังจากที่ปล่อยเอ็มวีมาในวันที่ 10 ก.ย. โดยถือเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกที่มียอดเข้าชมผ่านช่องทาง YouTube มากกว่า 10 ล้านครั้งภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง ทุบสถิติเดิมของเทย์เลอร์ สวิฟต์

บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วย ZOCIAL EYE ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ก.ย. – 20 ก.ย. 64 เพื่อวิเคราะห์ในประเด็นที่น่าสนใจต่าง ๆ หลังจากลิซ่าปล่อยเอ็มวีเพลงแรกออกมา โดยพบว่า ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ปล่อยเอ็มวี ได้สร้างเอ็นเกจเมนต์ขึ้นในโลกออนไลน์มากกว่า 53 ล้านเอ็นเกจเมนต์ โดย 3 แพลตฟอร์มที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงสุดคือ YouTube, Facebook และ Twitter ตามลำดับ นอกจากนี้ ไวซ์ไซท์ยังได้รวบรวมข้อมูล 5 ประเด็นฮอตจากโลกออนไลน์โดยเรียงลำดับตามเอ็นเกจเมนต์ดังนี้

‘LALISA’ MV รีแอคชั่น (40,217,715 เอ็นเกจเมนต์)

เกิดกระแสการทำคอนเทนต์ “รีแอคชั่น” จากคนดังบนโซเชียลอย่างคึกคัก โดยจะเห็นได้จากกลุ่มศิลปินดารานักแสดง, นักร้อง และอินฟลูเอนเซอร์ ที่ร่วมชื่นชม และยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้กันอย่างล้นหลาม

ชุด และเครื่องแต่งกาย (20,885,721 เอ็นเกจเมนต์)

สืบเนื่องมาจากฉากนึงในเอ็มวีที่ลิซ่าใส่ชฎาและชุดไทย ทำให้เกิดกระแสเกี่ยวกับเรื่องเครื่องแต่งกาย ทั้งเรื่องที่แฟนคลับตามหาซื้อชฎา, ชุดไทยจนสำเพ็งและพาหุรัดกลับมาคึกคัก แม่ค้าพ่อค้าต่างกลับมาขายดีมีรายได้ รวมถึงมีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องของการนำเสนอความเป็นไทยในเอ็มวีรวมอยู่ด้วย

ลูกชิ้นยืนกิน และการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ (8,900,119 เอ็นเกจเมนต์)

จากที่ลิซ่าได้พูดออกมาว่า “อยากทานลูกชิ้นยืนกินอีกครั้ง”  ทำให้เกิดกระแสบนโซเชียล นักท่องเที่ยวจำนวนมากได้วางแผนการเดินทางเพื่อไปลองชิมสักครั้ง ส่งผลให้ “เทศกาลลูกชิ้นยืนกิน” ของจังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงทางเจ้าของร้านที่ต้องพัฒนารูปแบบการขายให้สามารถสั่งซื้อได้จากทั่วประเทศผ่านระบบออนไลน์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังมีการทำทัวร์ตามรอยลิซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในจังหวัดอีกด้วย

กระแสคัฟเวอร์ (6,562,579 เอ็นเกจเมนต์)

เกิดกระแสการคัฟเวอร์ในวงการต่างๆกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นสายบิวตี้บล็อกเกอร์ที่แต่งหน้าทำผมตามลุคในเอ็มวี, สายเต้นต่างลงคลิปที่ได้เต้นคัฟเวอร์เพลง LALISA กันอย่างคึกคักนอกจากนี้ยังมีศิลปินอีกมากมายที่สร้างคอนเทนต์ผ่านการร้องเพลง และทำดนตรีใหม่

ความเชื่อในเรื่องโชคลาภ (609,643 เอ็นเกจเมนต์)

ความเชื่อและเรื่องดวงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน และจากที่ลิซ่าได้ให้สัมภาษณ์ว่าในตอนเด็กมีหมอดูทักให้เปลี่ยนชื่อแล้วจะเป็นสิริมงคล ทำให้เกิดกระแสการตามหาหมอดู เพื่อเปลี่ยนชื่อเสริมดวง เสริมโชคลาภกันอย่างคึกคัก รวมถึงกระแสเลขเด็ดจากวันเกิด, น้ำหนัก, ส่วนสูง, ยอดวิว ฯลฯ

]]>
1352865
จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อ YG Ent. จดลิขสิทธิ์ชื่อ-นามสกุล “ลิซ่า BlackPink” https://positioningmag.com/1263929 Tue, 11 Feb 2020 16:41:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1263929 ทำเอาฮือฮาทีเดียวเมื่อมีการยืนยันว่าค่าย YG Entertainment ต้นสังกัดของสาวๆ วง BlackPink ได้ทำการจดลิขสิทธิ์ชื่อจริงและนามสกุลของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” เป็นที่เรียบร้อย

ตามรายงานระบุว่า YG Entertainment ได้จดลิขสิทธิ์ชื่อ “Manobal Lalisa” และ “Manobal” ในหมวดของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายไว้เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งลิขสิทธิ์ชื่อที่เป็นเครื่องหมายการค้านี้ถูกบันทึกไว้ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2019 และเริ่มบังคับใช้จริงในเดือน ม.ค. 2020 นับเป็นการยืนยันว่าชื่อของ ลิซ่า จะครอบคลุมเกี่ยวกับสิ่งของที่เป็นเครื่องแต่งกายโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นชุดชั้นใน, ผ้าพันคอ หรือเสื้อผ้าสำเร็จรูปต่างๆ

งานนี้จึงอาจเป็นไปได้ว่า Lisa อาจกำลังมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตนเอง ภายใต้การดูแลของ YG Ent.

การจดลิขสิทธิ์ชื่อของศิลปินที่ YG Entertainment ทำ นับว่าไม่ใช่ครั้งแรก และถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดนับตั้งแต่สมัย G-Dragon (จี ดรากอน) และ Taeyang (แทยาง) จากวง BigBang เพราะถ้าทั้งคู่เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับทาง YG ในปีนี้ทั้งคู่ก็จะหมดสิทธิ์ในการใช้ชื่อดังกล่าวในวงการบันเทิงต่อไป

ส่วนการจดลิขสิทธิ์ชื่อของลิซ่า ก็ทำเอาชาว Blink ออกอาการเป็นห่วงว่าชื่อจริงและนามสกุลของ ลิซ่า อาจหมดสิทธิ์ใช้ตลอดไปหากเธอออกจากค่าย YG

อย่างไรก็ตาม สังเกตได้ว่าทางค่ายได้จดลิขสิทธิ์ “Manobal” ไม่ใช่ “Manoban” ที่ ลิซ่า ใช้อยู่ โดย ลิซ่า เองก็เคยชี้แจงเรื่องนี้กับแฟนๆ ไปแล้วว่าชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษของเธอ เขียนว่า “Lalisa Manoban” พร้อมระบุว่า ภาษาไทย ออกเสียง L หรือ ล.ลิง เป็น N หรือ น.หนู เพราะฉะนั้นถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบตรงตัวก็จะเป็น Manobal แต่ถ้าเขียนตามการออกเสียงภาษาไทยก็จะเป็น Manoban เพราะฉะนั้นชื่อและนามสกุลของเธอจึงเขียนตามการออกเสียงว่า “Lalisa Manoban” พร้อมกับยืนยันว่า เธอไม่ชอบ “Manobal” เพราะฟังดูแปลก ๆ

อย่างไรก็ตาม ทาง YG Ent. ก็ได้จดลิขสิทธิ์โดยใช้ “Manobal” และ “Lalisa Manobal” ไปแล้ว จึงคาดว่าไม่น่าจะมีผลต่อการใช้ชื่อจริงหากเธอออกจากค่ายแต่อย่างใด

Source

]]>
1263929