Metaverse – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 25 Apr 2024 05:09:48 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘Meta’ กำไรพุ่งเท่าตัวแต่มูลค่าดิ่ง 2 แสนล้านดอลลาร์ หลังนักลงทุนกังวลแผนการลงทุนเกี่ยวกับ AI และ Metaverse https://positioningmag.com/1471099 Thu, 25 Apr 2024 05:01:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471099 แม้ว่าผลประกอบการของ Meta ในช่วง Q1/2024 จะออกมาค่อนข้างดี แต่มูลค่าบริษัทกลับลดฮวบถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่นักลงทุนกังวลถึงแผนการลงทุนของบริษัทที่ยังคงมีเรื่องของ Metaverse ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนกที่ขาดทุนหนักที่สุด อีกทั้งยังมีแผนลงทุนใน AI ระยะยาว ซึ่งยังมองไม่เห็นโอกาสทำกำไร

Meta รายงานผลประกอบการ Q1/2024 โดยมีรายได้รวม 36,455 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น +27% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 12,369 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น +117% ที่น่าสนใจคือ รายได้จาก โฆษณา ที่เติบโตสูงถึง 27% ซึ่งรายได้จากโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 97.8% ตามด้วยธุรกิจด้าน AR VR และ Metaverse 1.2% และอื่น ๆ 1.0%

ทั้งนี้ การเติบโตของโฆษณานั้นส่วนหนึ่งมาจากที่ Threads เริ่มขายโฆษณาได้ รวมไปถึง Reels ฟีเจอร์วิดีโอสั้นที่สามารถตรึงให้ผู้ใช้อยู่บนแพลตฟอร์มได้

ในส่วนของจำนวนผู้ใช้งานประจำทุกวันรวมทุกแพลตฟอร์ม (Family Daily Active People – DAP) เพิ่มขึ้น +7% เป็น 3.24 พันล้านคน นอกจากนี้ จำนวนพนักงานทั่วโลกลดลงเหลือ 69,329 คน จากในปี 2022 ที่มีจำนวนพนักงานสูงสุดที่กว่า 87,000 คน

แม้ว่าบริษัทจะมีกำไรแต่หุ้นของ Meta ร่วงลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ Metaverse ที่ขาดทุนอย่างหนักอีกครั้งถึง 3.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่คาดไว้แล้วก็ตาม รวมแล้วตั้งแต่ปลายปี 2020 แผนกนี้ขาดทุนสะสมไปกว่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์

อีกเรื่องหนึ่งเรื่องก็คือ AI โดย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา ต้องการจะลงทุนระยะยาวกับ AI เพื่อสร้างรายได้ใหม่นอกจากรายได้จากโฆษณา ดังนั้น บริษัทต้องจัดสรรทรัพยากรใหม่เพื่อมุ่งเน้นไปที่การลงทุนด้าน AI ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านทุนของปีนี้จะอยู่ที่ 35,000 – 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม

ไม่ใช่แค่การลงทุนที่เพิ่มขึ้น แต่การผลิตภัณฑ์ AI จนสามารถสร้างผลกำไรด้วยตัวมันเองของ Meta อาจต้องใช้เวลานานหลายปี และเขาก็ไม่สามารถระบุกรอบระยะเวลาในการทำกำไรจาก AI อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่ามั่นใจในศักยภาพของบริษัทในด้านนี้

Source

]]>
1471099
Meta – Apple จากคู่แค้นสู่คู่แข่งอย่างเป็นทางการในตลาด Metaverse! https://positioningmag.com/1433146 Tue, 06 Jun 2023 06:57:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1433146 เรื่องของการแข่งขันข้ามอุตสาหกรรมนั้นมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ อย่างเช่นการที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแข่งขันกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ แต่จากคู่แค้นที่ไม่ได้เป็นคู่แข่งโดยตรงอย่าง Meta และ Apple ในที่สุดทั้ง 2 บริษัทก็ได้เป็นคู่แข่งโดยตรงกันสักทีในตลาดของ Metaverse

Vision Pro ก้าวแรกของ Apple ท้าทาย Meta

หลังจากที่ Apple ประกาศเปิดตัว แว่น VR/AR Vision Pro ซึ่งแปลว่า Apple กำลังจะกลายมาเป็นหนึ่งในคู่แข่งของ Meta ที่ได้กระโดดเข้าสู่ตลาดเมื่อ 9 ปีที่แล้ว จากการเข้าซื้อกิจการ Oculus สตาร์ทอัพที่พัฒนาแว่น VR/AR ในมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ จากนั้นในช่วงปลายปี 2021 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เป็น Meta เนื่องจาก Mark Zuckerberg มองว่า ยุคต่อไปของการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นยุคที่ผู้คนสวมแว่น VR เพื่อเข้าสู่โลกเสมือนจริงและโต้ตอบกับวัตถุดิจิทัลในรูปแบบ 3 มิติ

ด้วยวิสัยทัศน์นี้ทำให้ Mark Zuckerberg มุ่งมั่นที่จะทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อไตรมาสเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี VR และ AR เพื่อทำให้แนวคิดของเขาเป็นจริงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ Mark ที่มีแนวคิดนั้นแต่ Tim Cook ซีอีโอ Apple ก็มองถึงโอกาสของ Metaverse ด้วยช่วยกัน

จาก คู่แค้น สู่ คู่แข่ง

แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ Meta ไม่ได้เป็นคู่แข่งกับ Apple เลย เพราะ Meta เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ขณะที่ Apple นั้นขายสินค้าไอทีและให้บริการ iOS ดังนั้น คู่แข่งตรง ๆ ของ Apple ก็คือ Alphabet หรือ Google ที่เป็นผู้ให้บริการระบบปฏิบัติการ Android รวมถึงมีสมาร์ทโฟนของตัวเองด้วย

แต่เนื่องจาก Apple เป็นผู้ กำหนดกฎ สำหรับนักพัฒนาที่จะมาลงแอปพลิเคชันบนระบบปฏิบัติการ และด้วยการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Apple ในปี 2020 นั่นทำให้ Meta เสียหายหนัก เพราะผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้มีการติดตามข้อมูลการใช้งานของตัวเองหรือไม่ และถ้าหากเลือกไม่ให้มีการติดตามก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของ Meta ทันที เพราะจะไม่สามารถระบุการกำหนดโฆษณาไปยังผู้ใช้งานรายนั้นได้

จากการปรับดังกล่าวทำให้ Mark Zuckerberg ออกมาโทษว่า Apple ทำให้รายได้ของบริษัทหดตัวลง รวมถึงยัง ทำร้ายธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากที่ใช้รูปแบบโฆษณาของ Facebook เพื่อเข้าถึงลูกค้า ขณะที่ Tim Cook ก็สวนว่า Facebook หาเงินจากข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้มากกว่าขายสินค้าที่ผู้คนต้องการซื้อ และในปี 2021 เขายังเชื่อมโยงโมเดลธุรกิจของ Facebook กับผลที่ตามมาในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น ก่อให้เกิดความรุนแรง

Facebook CEO Mark Zuckerberg and Apple CEO Tim Cook. Getty Images

และก่อนที่ Apple จะเปิดตัว Vision Pro ทาง Mark Zuckerberg ได้เคยโจมตี Apple ว่า ระบบ VR ของ Meta ดีกว่าอุปกรณ์ที่ Apple กำลังพัฒนาอยู่แน่นอน เนื่องจากเป็นระบบ ecosystem แบบเปิด ซึ่งเหมาะกับเทคโนโลยี VR มากกว่าระบบปิดของ Apple

“ทั้ง Window กับ MacOS หรือ Android กับ iOS นั้นเป็นระบบแบบปิด เพื่อจำกัดการใช้งานของผู้ใช้และเพื่อทำกำไรเพิ่ม แต่ Meta สามารถใช้เทคโนโลยีที่ร่วมพัฒนากับบริษัทอื่น ๆ ได้ เหมือนที่ Meta พัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมบริษัท Microsoft, Autodesk และ Accenture”

ราคาต่างกันราวฟ้ากับเหว

ปัจจุบัน Meta เป็นผู้นำในตลาด แว่น VR/AR เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sony, HTC และ Magic Leap โดยแว่น Meta Quest 2 สามารถทำยอดขายทั่วโลกถึง 14.8 ล้านตัว นับตั้งแต่ออกวางจำหน่ายมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 และล่าสุด Meta ก็เพิ่งเปิดตัว Meta Quest 3 ไปหมาด ๆ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของบริษัท CCS Insight รายงานว่า ยอดจัดส่งแว่น VR/AR ทั่วโลก ในปี 2022 ลดลงถึง -12% อยู่ที่ 9.6 ล้านต้ว

ถึงตลาดแว่น VR/AR จะดูไม่สู้ดีนักแม้จะเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานก็ตาม แต่นักวิเคราะห์เทคโนโลยีหลายคนมองว่า การเข้าสู่ตลาด VR และ AR ของ Apple อาจทำให้ภาคส่วนจำเป็นต้องเริ่มทำให้ผู้บริโภคตื่นเต้นมากขึ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี

“หากบริษัทหนึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนโฉมตลาด VR ในชั่วข้ามคืน นั่นก็คือ Apple” Leo Gebbie นักวิเคราะห์ของ CCS Insight กล่าวเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2022

แม้นักวิเคราะห์จะเคยมองว่า Apple จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดได้ก็จริง แต่อาจจะไม่มีใครคาดคิดว่า Vision Pro ของ Apple จะราคาสูงถึง 3,499 ดอลลาร์ หรือราว 122,000 บาท ซึ่งดูจากราคาก็รู้เลยว่าไม่ Mass แน่นอน และด้วยราคาดังกล่าวทำให้ Meta Quest มีช่องในการทำตลาดมากกว่า โดยราคาของ Meta Quest 2 อยู่ที่ 300 ดอลลาร์ (ราว 10,500 บาท) และ Meta Quest 3 ที่ราคา 500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 17,500 บาท ดูราคาถูกไปเลย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Meta อาจได้เปรียบ Apple อยู่คงจะเป็นเรื่อง การพัฒนาโลก Metaverse ดังนั้น Meta มีโอกาสที่จะกำหนดเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ของตัวเอง แต่ก็ยังถือว่าเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ในอนาคตว่าโลก Metaverse จะกลายเป็นกระแสหลักได้ในอนาคต

ส่วนจุดแข็งของ Apple คงเป็นเรื่องความเชี่ยวชาญในการ ผลิตสินค้าสำหรับคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเพลงดิจิทัล สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือนาฬิกา และ Apple ก็มีระบบปฏิบัติการใหม่ของตัวเองสำหรับ Vision Pro ซึ่งเรียกว่า VisionOS นั่นหมายความว่า Meta และ Apple จะแข่งขันกันเพื่อนักพัฒนาเกมและแอปพลิเคชันของพวกเขาเพื่อให้เข้าถึงผู้ชมได้กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นอกจากนี้ อีกจุดที่น่าสนใจคือ Apple ได้บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์รายใหญ่ของโลกอย่าง Disney มาเป็นพันธมิตร โดยแพลตฟอร์ม Disney+ จะรองรับบนแว่น Apple Vision Pro ซึ่งจะทำให้ การดูคอนเทนต์สมจริงยิ่งขึ้น เสมือนว่าผู้ชมเข้าไปเป็นตัวละครในนั้นเลย

นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของคู่แค้นที่กลายมาเป็นคู่แข่งจริง ๆ คงต้องรอดูต่อไปว่าทั้ง 2 บริษัทจะช่วยขับเคลื่อนเทรนด์ Metaverse ให้เกิดขึ้นจริงได้แค่ไหน เพราะพูดตามตรงว่าในปัจจุบันโลก Metaverse กำลังอยู่ในช่วงย่ำแย่ ราคาที่ดินเสมือน, NFTs ก็ลดลง ขณะที่วัยรุ่นเองก็ยังไม่ได้อินกับเทคโนโลยีใหม่ขนาดนั้น

CNBC / CNBC / The Verge / cointelegraph

]]>
1433146
ขาดทุนยับ! ราคาที่ดินใน ‘Metaverse’ ดิ่งฮวบเกือบ 90% จับตาแว่น VR ใหม่จาก Meta จะช่วยดันได้ไหม? https://positioningmag.com/1432902 Fri, 02 Jun 2023 03:09:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432902 ดูเหมือนจะสวนทางกับราคาที่ดินของจริงเหลือเกิน สำหรับที่ดินใน ‘Metaverse’ ของผู้ให้บริการชั้นนำ อาทิ Otherdeeds, The Sandbox, Decentraland, Somnium และ Voxels ที่เฉลี่ยแล้วลดลงมากถึงประมาณ 90% เลยทีเดียว

จากการศึกษาโดย CoinGecko ที่เก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2022 ถึง 24 พฤษภาคม 2023 ได้แสดงให้เห็นว่า ที่ดินเสมือนใน Metaverse ของผู้ให้บริการชั้นนำส่วนใหญ่มีมูลค่า ลดลงประมาณ 90% โดยที่ดินที่แพงสุดในขณะนั้น ได้แก่ Otherdeeds by Otherside ซึ่งเคยขายทรัพย์สินในราคา 5 Ether ปัจจุบันขายอยู่ที่ 1.09 ETH ลดลง 78.2% ส่วนที่ดินใน Sandbox และ Decentraland ก็ ลดลง 89.76% และ 87.88% ตามลำดับ

CoinGecko สังเกตว่า ที่ดินที่ถูกที่สุดใน Metaverse สามารถพบได้ใน Voxels ซึ่งขายในราคา 0.16 ETH ณ วันที่ 24 พฤษภาคม โดยที่ดินเสมือนจริงของ Voxels เผชิญกับการ ขาดทุน 93.8% เช่นเดียวกับ Somnium

อย่างไรก็ตาม Voxels ก็ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการกลับมาของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและประเทศเศรษฐกิจหลักยังคงทดสอบศักยภาพสูงสุดของ Metaverse ผ่านการลงทุนและการริเริ่มต่าง ๆ อย่างล่าสุด Meta เปิดตัวแว่น VR รุ่นใหม่ Meta Quest 3 แว่น VR headset รุ่นใหม่ที่จะมีความละเอียดสูงกว่า, ประสิทธิภาพดีกว่า มาพร้อมเทคโนโลยี Meta Reality, รองรับ Backwards Compatible เล่นเกมจากรุ่นก่อนได้อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ยังใส่สบายกว่า Quest 2 ถึง 40%

โดย Josh Gilbert นักวิเคราะห์ตลาดของ eToro กล่าวกับ Cointelegraph ว่า ชุดหูฟังใหม่อาจทำให้ตลาดลุกเป็นไฟได้ เมื่อพิจารณาจากประวัติที่พิสูจน์แล้วของ Apple ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่เปลี่ยนแปลงตลาด

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ราคาที่ดินใน Metaverse ที่ดิ่งลงเหว เพราะย้อนไปในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ราคา NFTs หรือ Non-fungible token ก็มียอดขาย ลดลง 94% เหลือ 13.9 ล้านดอลลาร์ 

Source

]]>
1432902
ประเมินมูลค่าตลาด ‘Game Metaverse’ อาจสูงถึง 45 ล้านล้านบาทภายใน 10 ปีข้างหน้า https://positioningmag.com/1428459 Tue, 25 Apr 2023 07:30:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1428459 แม้ว่า Metaverse ที่หลาย ๆ คนพูดถึงจะยังดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวและยังไม่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายนักในปัจจุบัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็มีการประเมินว่าอุตสาหกรรมที่จะเติบโตได้มากที่สุดก็คือ เกม โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2033 ตลาดเกม Metaverse จะมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านเหรียญ เลยทีเดียว

จะเห็นว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกพยายามจะพาตัวเองไปเป็นผู้นำในโลก Metaverse รวมไปถึงบริษัทเกม อาทิ Krafton สตูดิโอของเกาหลีใต้เจ้าของเกมดังอย่าง PUBG ก็เตรียมเปิดตัวเกมแพลตฟอร์ม Metaverse ในปีนี้ โดยมีชื่อย่างไม่เป็นทางการในตอนนี้ว่า Migalnow, การลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญของ Meta และ Epic Games ได้เงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญในการพัฒนาเกมเมตาเวิร์ส

ซึ่งนักวิเคราะห์ของ Globenewswire ได้ประเมินว่า ตลาดเกม Metaverse จะมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านเหรียญ หรือราว 45 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 5.1 พันล้านเหรียญ โดยคาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 38.2% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2023-2033 และ 48% ของตลาดเกมโลกจะประกอบด้วยอุปกรณ์เล่นเกมแบบเมตาเวิร์ส

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่สร้างการเติบโตของตลาดมาจาก ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากการใช้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน เนื่องจากแพลตฟอร์ม Metaverse ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ดิจิทัลด้วยการสร้างโลกเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถเล่นเกมที่สมจริง ทำธุรกิจ พูดคุยกัน แบ่งปันสินค้าเสมือนจริง ดูเนื้อหาดิจิทัล และไปที่กิจกรรมเสมือนจริง ทำให้เกิดความเป็นไปได้ทางการตลาดอย่างมหาศาล ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายที่มากตาม อาทิ การใช้สกุลเงินดิจิทัล และ NFTs

“เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่ดี บริษัทหลายแห่งกำลังทำงานบนแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อแบบดิจิทัลซึ่งช่วยให้ผู้เล่นหลงทางในโลกเสมือนจริงขณะเล่นเกม การเพิ่มขึ้นของฐานผู้ใช้ของอุตสาหกรรมเกม ความนิยมของเกมที่เล่นแล้วได้เงินและการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AR, VR และ XR คือสิ่งสำคัญบางส่วนที่ช่วยให้ตลาดเติบโต”

หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือ คาสิโนเมตาเวิร์ส ที่บริหารโดย Decentraland ซึ่งสามารถทำเงินได้ถึง 7 ล้านเหรียญ ในช่วง 3 เดือนแรกที่เปิดตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ธุรกิจเกมเมตาเวิร์สยังไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควรเนื่องจาก ต้นทุนอุปกรณ์ที่สูง ขณะที่ตลาดและตัวเทคโนโลยียังอยู่ในระยะเริ่มต้น ส่งผลให้ผู้บริโภคยังมีมั่นใจที่จะจ่ายเงินกับคนเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่พร้อม นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วย

ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Ready Player One ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก บางทีตลาด Game Metaverse ในอีก 10 ปีข้างหน้าอาจไปถึงขั้นนั้นก็ได้ โลกเสมือนที่กลายเป็นโลกหลักในการใช้ชีวิต

Source

]]>
1428459
Meta ยังเพิ่มการลงทุนในเกมบน VR อย่างต่อเนื่อง แม้บริษัทจะปลดพนักงานจำนวนมากก็ตาม https://positioningmag.com/1427946 Thu, 20 Apr 2023 02:51:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1427946 สื่อธุรกิจอย่าง Business Insider รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Meta เจ้าของ Platform Social Network อย่าง Facebook และ Instagram ฯลฯ ยังมีการลงทุนในเกมบน VR อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าล่าสุดบริษัทจะมีการปลดพนักงานก็ตาม

แหล่งข่าวไม่ระบุตัวตนของ Business Insider รายงานว่าทีมงานที่จะไม่ถูกปลดในการปลดพนักงานก็คือทีมงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกมของบริษัท และแหล่งข่าวรายดังกล่าวยังคาดว่าจะมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นหลังจากการปลดพนักงานจบลง

Mark Zuckerberg หัวเรือใหญ่ของ Meta ได้กล่าวว่า ในปี 2023 นี้จะเป็นปีแห่งการสร้างประสิทธิภาพของบริษัท แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นเดียวกัน ซึ่งเป้าหมายของบริษัทในปีนี้คือการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยม ขณะเดียวกันก็ต้องมีประสิทธิภาพทางการเงินที่ดี เพื่อที่จะสามารถทำตามเป้าหมายได้ในระยะยาว และผ่านช่วงเวลายากลำบากได้

สื่อดังกล่าวยังรายงานว่า การมุ่งเน้นมาที่เกมซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งใน Reality Labs นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับ CEO ของบริษัทอย่าง Mark Zuckerberg แตกต่างกับในช่วงที่ผ่านมาซึ่งตัวเขาเองมีได้พยายามผลักดันโลกของ Metaverse มากกว่าด้วยซ้ำ

โดย CEO รายดังกล่าวพยายามผลักดันแพลตฟอร์ม Horizon Worlds ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย ไปจนถึงการขายของผ่านแพลตฟอร์ม Metaverse ดังกล่าว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากมีผู้ใช้งานน้อย และยังทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นส่งผลทำให้ในท้ายที่สุดบริษัทต้องปลดพนักงานก็ตาม

สำหรับเกมที่บริษัทสนใจที่จะพัฒนานั้นอยู่บนแว่น VR ของ Meta ที่มีชื่อว่า Quest ซึ่งมี App Store ซึ่งมีเกมให้เลือกเล่นมากมาย

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าบริษัทยังพยายามที่จะนำเกมชื่อดังอย่าง Call of Duty หรือแม้แต่ Grand Theft Auto เข้ามาสู่แพลตฟอร์ม App Store ของแว่น VR ให้ได้อีกด้วย

]]>
1427946
ก็ยังไม่อิน! ผลสำรวจเผย ‘วัยรุ่นเมกัน’ มีเพียง 4% ที่ใช้งาน ‘VR’ ทุกวัน https://positioningmag.com/1426911 Mon, 10 Apr 2023 04:12:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426911 จะเห็นว่าตั้งแต่โลกเจอกับการระบาดของ COVID-19 บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกหลายรายมองว่า Metaverse นี่แหละคือ เทรนด์แรงในอนาคต โดยเฉพาะกับ Facebook ที่ลงทุนเปลี่ยนชื่อเป็น Meta เพื่อให้เข้ากับวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัท อีกทั้งยังมีการออกขาย แว่น VR แต่ผลสำรวจกลุ่มวัยรุ่นอเมริกันพบว่า พวกเขาไม่ได้อยากได้แว่น VR ขนาดนั้น

แม้ว่าเทคโนโลยี VR ในปัจจุบันนี้จะดีขึ้นมาก ขณะที่บริษัทไอทีรายใหญ่ของโลกก็พยายามจะพัฒนาฮาร์ดแวร์ชิ้นนี้ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Meta ลงทุนหลายแสนล้านบาท เพื่อพัฒนา Metaverse และมีแผนจะเปิดตัวชุดหูฟัง VR รุ่นใหม่ในปีนี้ หรือแม้แต่ Apple ที่มีแผนจะเปิดตัวชุดอุปกรณ์ VR ในปีนี้เช่นกัน

เพราะจากการผลสำรวจของ Piper Sandler ที่ทำการสำรวจ วัยรุ่นชาวอเมริกันกว่า 5,600 คน กลับพบว่า วัยรุ่นไม่ได้อินกับอุปกรณ์ VR อย่างที่คิด โดย

  • มีวัยรุ่นเพียง 4% เท่านั้นที่ใช้ VR ทุกวัน
  • มี 14% ใช้ VR ทุกสัปดาห์

นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าวัยรุ่นจะไม่สนใจที่จะซื้อชุดหูฟัง VR ที่กำลังจะมาถึง โดยมีจำนวนวัยรุ่นถึง 52% ยังไม่แน่ใจ หรือไม่สนใจเทคโนโลยี VR และ มีเพียง 7% เท่านั้นที่วางแผนจะซื้อชุดหูฟัง VR

จากผลสำรวจจะเห็นว่าฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ Virtual Reality ยังไม่เป็นที่จับตามองของประชาชนทั่วไป แม้ว่าจะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายพันล้านดอลลาร์และชุดหูฟังเองก็เริ่มมีราคาถูกลงแล้วก็ตาม ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่มักถูกมองว่าเป็นผู้เริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ กลับยังไม่ให้ความสนใจเทคโนโลยีดังกล่าวเท่าที่ควร

“จากปริมาณการใช้งานที่ยังมีเพียงเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่า VR ยังคงเป็นช่วงเริ่มต้นวัน และอุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญน้อยกว่าสมาร์ทโฟน” นักวิเคราะห์ของ Piper Sandler กล่าว

อาจต้องรอดูว่า อุปกรณ์ VR ที่ของ Apple และ Meta ที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีจะดึงดูดได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหากย้อนไปช่วงปลายปี 2563 ที่ Meta ได้เปิดตัวแว่น VR รุ่น Quest 2 แม้จะเป็นผู้นำในด้านการขายในตลาด แต่การจัดส่งในปีที่ผ่านมาก็ลดลง

Source

]]>
1426911
“เทนเซ็นต์ คลาวด์” ส่ง Metaverse Solution Suite ยกระดับองค์กรไทยสู่อีกขั้นของการดำเนินธุรกิจยุคดิจิทัล https://positioningmag.com/1422737 Tue, 21 Mar 2023 10:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422737

ต้องบอกว่าเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ คงหนีไม่พ้น Metaverse (เมตาเวิร์ส) เรียกได้ว่าธุรกิจหลายแวดวงทยอยตบเท้าก้าวสู่โลก Metaverse กันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นแวดวง ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ โทรคมนาคม สถาบันทางการเงิน และอีกหลากหลายวงการ

ถ้าให้อธิบายอย่างเข้าใจง่ายที่สุด Metaverse เป็นเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือน และโลกความเป็นจริงเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ และจากการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัลในยุคปัจจุบัน ส่งผลให้การเชื่อมต่อนั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หลายองค์กรเริ่มมองหาโอกาสจากการสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อกับ Metaverse ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้

จากรายงานของ Deloitte ได้วิเคราะห์ว่าผลจาก Metaverse ที่มีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ทั่วเอเชีย จะอยู่ที่ 0.8 ถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปีภายใน พ.ศ. 2578 คิดเป็นประมาณ 1.3-2.4% ของ GDP

ด้าน เทนเซ็นต์ (Tencent) ยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีระดับโลก ก็ไม่พลาดเป็นผู้นำกระแสนี้ ล่าสุดประกาศกลยุทธ์ Immersive Convergence ที่จะหลอมรวมดิจิทัลเข้าสู่โลกความจริงโดยเชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือน และโลกความเป็นจริงผ่านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยต่างๆ ของ เทนเซ็นต์

นายกฤตธี มโนลีหกุล รองประธานเทนเซ็นต์ คลาวด์ อินเตอร์เนชันแนล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“Metaverse จะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะมาดิสรัปอุตสาหกรรมต่างๆ ปัจจุบันองค์กรต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการทั่วโลกต่างให้ความสนใจและจับตามอง ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ Immersive Convergence ของ    เทนเซ็นต์ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับแผนการดำเนินงานผ่านความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ด้วยโครงสร้างพื้นฐาน และการให้บริการดิจิทัล ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับโลกจริงและ Metaverse ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด โดยองค์กรต่างๆ จะได้รับประโยชน์มากมายจากบริการที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse ของเทนเซ็นต์ คลาวด์”

“ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลกที่พร้อมเป็น Digital Enabler ให้กับทุกองค์กร เทนเซ็นต์ คลาวด์ จึงได้นำเสนอ Metaverse Solution Suite เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการอัปเกรดองค์กรเข้าสู่โลก Metaverse โดยมาพร้อมบริการแบบครบวงจร ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้เครื่องมือ และบริการในการสร้างโลก Metaverse ให้สมจริงด้วยโซลูชันต่างๆ มากมาย ยกตัวอย่าง เช่น

  • โซลูชันสำหรับการสร้าง Virtual Scene ที่ช่วยในการสร้างการจำลองเสมือนจริง การสร้างสำเนาดิจิทัลให้สมจริงและใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด อาทิ Tencent Cloud Real-time Cloud Rendering และ Digital Twins ที่ช่วยในการจำลองและสร้างภาพกราฟิกเสมือนจริงแบบเรียลไทม์
  • โซลูชันสำหรับการสร้าง Digital Human & Avatar อาทิ Digital Human,Text Driven Digital Human และ Avatar Based on Real-Time Capturing โซลูชันที่ผสานการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน และคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการสร้างมนุษย์ดิจิทัลที่สามารถแสดงออกและโต้ตอบได้ มอบประสบการณ์ที่หลากหลายให้แก่ผู้ใช้งานใน Metaverse
  • โซลูชันสำหรับสร้างการสื่อสารแบบโต้ตอบ (Interactive Media & Communication) คือ โซลูชันที่ช่วยเชื่อมต่อผู้ใช้งานผ่านการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ และความรู้สึกที่เสมือนจริงผ่านการใช้งาน AR/VR ซึ่งประกอบด้วย (1) Game Multimedia Engine (GME) โซลูชันการสนทนาเสียงในการเล่มเกมแบบครบวงจร ด้วยฟีเจอร์การปรับปรุงรูปแบบและประเภทเกมให้มีประสิทธิภาพเชิงลึกสูงสุด โดยสามารถรองรับการสนทนาด้วยเสียงระหว่างผู้เล่นหลายคน ระบบการระบุหาต้นตอเสียงแบบสามมิติ ข้อความเสียง และการแปลงคำพูดเป็นข้อความ เพื่อให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลินไปกับการเล่นเกมใน Metaverse (2) Tencent Real-Time Communication (TRTC) เป็นโซลูชันการโทรด้วยเสียง/วิดีโอแบบกลุ่มและการไลฟ์สตรีมมิงแบบโต้ตอบคุณภาพสูง และให้ความคุ้มค่า มีเวลาหน่วงต่ำตอบสนองได้อย่างฉับไวภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว (3) Cloud Streaming Services (CSS) บริการเพื่อการถ่ายทอดสัญญาณสดการแปลงรหัสการแพร่สัญญาณและการรับชมย้อนหลังที่รับประกันเวลาที่หน่วงต่ำเป็นพิเศษ อีกทั้งยังให้คุณภาพของวิดีโอในระดับUltra-high สามารถรองรับผู้ใช้งานจํานวนมากในเวลาเดียวกันได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด
  • โซลูชันสำหรับรองรับการประมวลผล (Computing Power) คือโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยรองรับการประมวลผลที่เสถียร และมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย (1) GPU Cloud Computing (GCC) เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลกราฟิกด้วยความเร็วสูง (2) Edge Computing Machine (ECM) ที่ช่วยให้ระบบประมวลผลสามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากการขยาย node การประมวลผลให้อยู่บน node ที่ใกล้กับผู้ใช้งานใน Metaverse มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดของเครือข่าย และให้บริการที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้หลายคนได้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่างธุรกิจที่ใช้โซลูชัน Metaverse ของ                   เทนเซ็นต์ คลาวด์ในการสร้างสรรค์บริการและผลิตภัณฑ์ดิจิทัล อย่าง Metalife เครื่องมือสื่อสารใหม่จากญี่ปุ่นที่สามารถใช้เป็นทั้งสำนักงาน สถานที่จัดงานกิจกรรม ห้องเรียน พื้นที่ทำงานนอกสถานที่ และห้องประชุมใน Metaverse โดยเทนเซ็นต์ คลาวด์ได้ให้การสนับสนุนโซลูชัน Tencent Real-Time Communication (TRTC) แก่ Metalife เพื่อให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อถึงกันในสภาพแวดล้อมที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนเสมือนจริง นอกจากนี้ยังช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสรรค์บริการ Live Streaming แบบ Interactive ที่มีเกิดการ Lag น้อยที่สุด และมีค่าความหน่วง (Latency) จากต้นทางถึงปลายทางทั่วโลกในระดับต่ำกว่า 300 มิลลิวินาที เพื่อเป็นหลักประกันถึงประสบการณ์เสียงและภาพที่ยังคงราบรื่นแม้ในสภาวะที่มีอัตราการเกิด Packetloss ถึง 80% นอกจากนี้เทคโนโลยีนี้ยังมีความเข้ากันได้สูงมากในทุกแพลตฟอร์มและภูมิภาค จึงเป็นตัวเลือกที่ทรงพลังในการสร้างแพลตฟอร์ม Metaverse

นี่คือตัวอย่างขององค์กรธุรกิจที่นำ Metaverse มาสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ แต่การก้าวเข้าสู่โลก Metaverse นั้น ต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายๆ องค์กรทั้งในต่างประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีคลาวด์และ AI บนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความซับซ้อน

ด้วยเหตุนี้ การมีพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ จึงเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้การสร้างสรรค์โลก Metaverse เป็นไปได้อย่างราบรื่น

“เทนเซ็นต์ คลาวด์ในฐานะ Digital Enabler พร้อมที่จะสนับสนุนองค์กรไทยในการขยายธุรกิจไปทั่วโลกผ่านการให้บริการด้านโซลูชันที่สอดรับกับแนวทางขององค์กรนั้นๆ เพื่อผลักดันธุรกิจให้ไปสู่เป้าหมายด้วยจุดแข็งรอบด้านที่จะช่วยให้ทุกองค์กรเข้าถึงโซลูชันที่ช่วยสร้างโลก Metaverse ได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเสียงและวิดีโอที่สั่งสมมากว่า 20 ปี ผสานความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 70 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลก และการมี Data Center ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง ตลอดจนมีทีมงานคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำ และการสนับสนุนแก่องค์กรต่างๆ ในไทยได้อย่างครบวงจร” นายกฤตธี กล่าวสรุป

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้ ที่นี่

]]>
1422737
MQDC ลุยจักรวาลโลกเสมือนจริง เปิดตัว MQDC Idyllias มาในคอนเซ็ปต์ “เมตตาเวิร์ส” (Metta-verse) https://positioningmag.com/1420013 Fri, 24 Feb 2023 10:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1420013

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์ล่ามาแรงที่สุดอย่างหนึ่งคงจะหนีไม่พ้น Metaverse หรือโลกเสมือนจริง เรียกได้ว่าเกือบทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสนใจ เปิดยูนิตใหม่เพื่อรองรับเทรนด์นี้กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นไอที บันเทิง เกม รวมถึงวงการอสังหาริมทรัพย์  ก็มีโลกเสมือนจริงกับเขาด้วย

ท่ามกลางเทรนด์ใหญ่ระดับโลกนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางรายในต่างประเทศก็มีขายบ้านที่ดินเสมือนในเมตาเวิร์สบ้าง แต่สำหรับ MQDC ที่ชัดเจนกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่มาตลอดมองเทรนด์เมตาเวิร์สเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้ MQDC พัฒนาโลกใหม่ที่ไม่ติดข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในโลกจริงเมื่อไม่นานมานี้ จึงได้เปิดตัวโครงการใหม่ MQDC Idyllias (ไอดิลเลียส์)โครงการเมตาเวิร์สแห่งแรกที่มาช่วยสร้างสรรค์โลกใบใหม่ เป็นโลกแห่งอนาคต และเป็นสถานที่โลกแห่งความจริง และโลกเสมือนเชื่อมผสานกันเป็นหนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อถือเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่เป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาเมตาเวิร์สอย่างแท้จริง

MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด)ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ได้ริเริ่มพัฒนาโครงการเกี่ยวกับเมตาเวิร์สมาแล้วตั้งแต่ปี 2021 ในปีที่ผ่านมาได้มีการประกาศความร่วมมือกับเอคเซนเชอร์ (Accenture) บริษัทผู้ให้บริการด้านพัฒนาธุรกิจชั้นนำระดับโลก เพื่อพัฒนาโครงการเมตาเวิร์สให้กับ MQDC ซึ่งความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ที่ทำให้ MQDC เดินหน้าขยายองค์กรไปสู่ธุรกิจใหม่

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) กล่าวว่า

“แบรนด์เมตาเวิร์ส MQDC Idylliasเป็นโครงการเมตาเวิร์สที่พัฒนา โดยบริษัทลูกเอ็มคิวดีซี เมตาเวิร์ส คอร์ปอเรชั่น โครงการนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “เมตตาเวิร์ส” (Metta-verse หรือ ‘เมตตา’-เวิร์ส)ซึ่งคำว่า Mettaพ้องกับคำภาษาไทย “เมตตา” ซึ่งมีความหมายว่าความเอื้ออารี ความกรุณาและความปรารถนาที่จะเห็นผู้อื่นเป็นสุข ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ในการสร้างโลก Idyllias แห่งนี้”

“เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสความรู้สึกอันน่าจดจำที่ Idyllias ณ สถานที่แห่งนี้ เราพัฒนาขึ้นเพื่อสะท้อนความหมายของคำว่า “Idyllic” หรือสถานที่สุขสงบและแสนสวยงามเกิดขึ้นจริงที่นี่โลกเสมือนที่จะเชื่อมเข้ากับโลกแห่งความจริง ที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นที่ก่อเกิดความสุข ความปรารถนาดีต่อกัน และสร้างนวัตกรรมยั่งยืน เพื่อให้โลก “เมตตาเวิร์ส” ของเรา เป็นส่วนหนึ่งที่ ช่วยขจัดปัญหาที่โลกแห่งความจริงกำลังเผชิญอยู่”


รู้จัก MQDC Idyllias

MQDC Idyllias คือ โครงการเมตาเวิร์สพัฒนาขึ้นโดย บริษัท เอ็มคิวดีซี เมตาเวิร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นบริษัทผู้พัฒนาเมตาเวิร์สภายใต้กลุ่มบริษัท MQDC โดยเฉพาะ ซึ่ง MQDC Idyllias เป็นโครงการพัฒนาประสบการณ์เสมือนจริง เป็นการต่อยอดเชิงนวัตกรรมของ MQDC เพื่อนำองค์กรเดินหน้าไปสู่ความเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน เพื่อนำโลกและสังคมไปในทิศทางตามปรัชญา “For All Well-Being”

โลก Idyllias จะเป็นสถานที่ที่โดยผู้ใช้งานสามารถพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านกิจกรรม และพื้นที่ต่างๆ ที่จะพัฒนาขึ้น โดย Idyllias จะมีการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า “Internet of Place” จะเป็นศูนย์รวมการบริการที่มอบประสบการณ์ท่องโลกเสมือนได้แบบครบวงจร รวมถึงยังมีการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์รูปแบบใหม่ขึ้นภายในโลกเมตาเวิร์ส (direct-to-avatar) เพื่อรองรับการจับจ่ายที่เชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน Idyllias จึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจความบันเทิง อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงธุรกิจด้านสุขภาพ

นอกจากนี้ ลูกค้าโครงการ MQDC ยังได้สัมผัสประสบการณ์การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC ได้ในทั้งโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์มากมายอีกด้วย

MQDC Idyllias อยู่ระหว่างการพัฒนาและจะพร้อมเปิดตัวและให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2024 โดย MQDC Idyllias จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลทรานส์ลูเซีย เมตาเวิร์ส (Translucia Metaverse) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับและเชื่อมโยงเมตาเวิร์สต่างๆที่พัฒนาขึ้นมาอยู่ร่วมกันบนจักรวาลทรานส์ลูเซีย

ทรานส์ลูเซีย ก่อตั้งและดำเนินการโดยบริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงและแอนิเมชั่นระดับโลก


ไม่ใช่แค่ขายโครงการ แต่เป็นโลกแห่งความสุข

คอนเซ็ปต์ของ MQDC Idyllias จะสะท้อนคำว่า Metta-verse for All Life Visible มีการดีไซน์กิจกรรม และประสบการณ์ให้ทุกชีวิตสามารถดำรงอยู่ ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เรียกได้ว่า MQDC ไม่ได้เป็นเพียงนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นผู้นำความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อยกมาตรฐานความเป็นอยู่ของทุกชีวิตและสังคมให้ดีขึ้นในทุกมิติได้

ทางด้าน นายภารุต เพ็ญพายัพ ผู้อำนวยการโครงการเมตาเวิร์ส MQDC Idyllias กล่าวว่า

“แบรนด์ Idyllias จะสะท้อนความเป็นโลกเสมือนที่ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อขายโครงการ virtual real estate แต่เป็นโลกเสมือนที่ผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์แห่งความสุขจากความเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC จะเป็นโครงการแรกๆที่ได้รับการเชื่อมต่อกับโลกเสมือน MQDC Idyllias

ทั้งนี้ นายรามากริชนัน ซี. เอ็น. หัวหน้าด้านการบูรณาการและ Metaverse ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ง Accenture Song กล่าวว่า

“Idyllias จะช่วยทลายขีดจำกัดในการเชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน ผ่านเทคโนโลยีที่สร้างประสบการณ์ที่ให้อารมณ์ ความรู้สึกอันดื่มด่ำ เหนือจินตนาการ ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะที่ MQDC Idyllias เราเชื่อว่าโอกาสในการสร้างประสบการณ์ในโลก metaverse ยังมีอีกมากมายสำหรับภาคธุรกิจและภาคส่วนอื่นๆ และมั่นใจว่าแอคเซนเชอร์จะสามารถเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้ MQDC ไปสู่เป้าหมายในการสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ ที่เข้าถึงได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต การเรียนรู้ และสันทนาการ ให้ผู้คนได้ใช้ในโลกเสมือนและโลกจริงอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น”

ธุรกิจด้านเมตาเวิร์สนี้จะทำให้ MQDC ไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ แต่ยังเป็นผู้สร้างประสบการณ์ใหม่ไร้ขีดจำกัดให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ ตลอดจนพันธมิตร และผู้ที่สนใจเข้าร่วมในโลกแห่งนวัตกรรมใหม่ที่เชื่อมต่อโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย

นอกจาก MQDC จะเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี อย่างยั่งยืนของทุกชีวิตแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นในการคิดค้นเฟ้นหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาต่อยอดการพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่ ทำให้ MQDC ก้าวขึ้นเป็นผู้นำนวัตกรรมในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง ทั้งในการนำการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนมาสู่ผู้คนและสังคมในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงโลกหรือ Digital Transformation

]]>
1420013
Meta เตรียมเปิดตัว Horizon Worlds ให้กลุ่มอายุ 13-17 สามารถเข้าเล่นได้ เพิ่มฐานลูกค้า https://positioningmag.com/1418441 Thu, 09 Feb 2023 04:42:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1418441 Wall Street Journal ได้รายงานโดยอ้างอิงเอกสารภายในบริษัทว่า Meta เจ้าของเครือข่ายสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือแม้แต่ Instagram ได้เตรียมเปิดตัว Horizon Worlds ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Metaverse ของบริษัทให้กับกลุ่มลูกค้าวัย 13-17 ปี เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น

เอกสารที่สื่อรายดังกล่าวนี้เห็นมีชื่อว่า Horizon 2023 Goals and Strategy ซึ่งแผนการดังกล่าวในช่วงครึ่งปีแรกนั้นประกอบไปด้วย การรักษาผู้ใช้งานไม่ให้มีจำนวนลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่วัยรุ่นและเยาวชน ผู้ใหญ่ ซึ่งคนเหล่านี้คือเจเนอเรชันที่จะเป็นพลเมืองดิจิทัลที่แท้จริง และเติบโตขึ้นมากับโลกของ Metaverse ซึ่งสามารถเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกัน

นอกจากนี้กลยุทธ์ใหม่ของ Meta รวมถึงการเปิดตัว Horizon Worlds ให้กับวัยรุ่นอายุ 13 ถึง 17 ปี ในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งปัจจุบันนั้นแพลตฟอร์มดังกล่าวให้บริการกับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

ไม่เพียงเท่านี้ตัวอุปกรณ์ VR ของ Meta ยังเหมาะสมกับผู้ที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป และลูกค้ากลุ่มนี้ใช้อุปกรณ์ VR ของบริษัทอยู่แล้ว เป็นเหตุผลทำให้บริษัทต้องการมอบประสบการณ์โลกเสมือนจริงบนแพลตฟอร์ม Horizon Worlds

ก่อนหน้านี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เคยออกมากล่าวว่า หากบริษัทจะกลายเป็นผู้เล่นหลักของ Metaverse ในอนาคตนั้น Meta จะต้องยอมสูญเงินกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ไม่เพียงเท่านี้ เขายังชี้ว่าถึงโอกาสในการเข้าถึงผู้คนกว่าพันล้านคนในอนาคตด้วย

ธุรกิจ Reality Labs ของ Meta ปัจจุบันมีผลขาดทุนระดับหลักหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แม้ว่าหัวเรือใหญ่ของ Meta เองจะกล่าวว่าเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ใน Social Media ต่างๆ ของบริษัทมากกว่าธุรกิจ Metaverse ก็ตาม

ตัวเลขล่าสุดในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งาน Horizon Worlds แพลตฟอร์มโลก Metaverse ของบริษัทนั้นไม่เป็นไปตามความคาดหวัง เพราะมีผู้ใช้งานเพียง 200,000 รายต่อเดือน ซึ่งยังห่างจากเป้าหมายขั้นต่ำที่ 500,000 รายต่อเดือน ภายในสิ้นปี 2022

]]>
1418441
‘Reality Labs’ ของ ‘Meta’ Q4 ขาดทุน 1.4 แสนล้านบาท รวมทั้งปีขาดทุนยับ 4.52 แสนล้านบาท https://positioningmag.com/1417638 Thu, 02 Feb 2023 03:53:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1417638 ถือเป็นฝันราคาแพงของ Mark Zuckerberg เจ้าของ Meta ที่พยายามจะสร้าง Metaverse เพราะในไตรมาส 4/2022 แผนก Reality Labs ที่ใช้พัฒนาเทคโนโลยี AR และ VR ได้ขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 4.28 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท) ทำให้ยอดขาดทุนรวม เป็น 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.52 แสนล้านบาท)

นับตั้งแต่ปลายปี 2021 ที่ Facebook ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Meta เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่จะไปสู่ Metaverse ของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอ ที่มองว่าจะเป็นอนาคตของบริษัท แต่ปัจจุบันบริษัทยังคงมี รายได้จากการโฆษณาเป็นรายได้หลัก ส่วนการทำเกี่ยวกับ Metaverse ยังหนักไปทางเผาเงิน

โดยในส่วนของ Reality Labs ช่วง Q4/2022 สามารถสร้างรายได้ 727 ล้านดอลลาร์ ลดลง 17% โดยขาดทุนถึง 4.3 พันล้านดอลลาร์ และภาพรวมทั้งปีทำรายได้ 2.16 พันล้านดอลลาร์ โดยลดลงจาก 2.27 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2021 โดยในปี 2022 ทั้งปี ส่วนของ Reality Labs ขาดทุนรวม 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือพูดง่าย ๆ ว่าบริษัท ขาดทุน 6 เท่า เมื่อเทียบกับรายได้ และปัจจุบันรายได้ในส่วนนี้มีสัดส่วน ไม่ถึง 2% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท

แม้จะดูขาดทุนหนักแต่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เคยออกมาบอกว่า หาก Meta จะกลายเป็นผู้เล่นหลักของ Metaverse ในอนาคต บริษัทอาจต้อง ยอมสูญเงินกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ติดต่อกันเป็นเวลาอีกหลายปี แต่โอกาสของ Metaverse นั้นคือการเข้าถึงผู้คนกว่าพันล้านคน และมีค่าใช้จ่ายกว่า 100 ดอลลาร์/คน ภายใน 10 ปีข้างหน้า

สำหรับรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทใน Q4/2022 อยู่ที่ 3.21 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 4,652 ล้านดอลลาร์ แม้ว่ารายได้รวมจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะอยู่ประมาณ 3.15 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่กำไรกลับต่ำกว่าที่คาดและถือว่า ลดลงถึง 55% เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทก็เด้งขึ้นมา 20% เนื่องจากบริษัทประกาศจะซื้อคืนหุ้นมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังออกมาพูดถึงทิศทางในปี 2023 ว่า “รูปแบบการจัดการของเราในปี 2023 คือ ปีแห่งประสิทธิภาพ และเรามุ่งเน้นไปที่การเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งและว่องไวมากขึ้น”

ทั้งนี้ บริษัทจะปรับลดค่าใช้จ่ายในปี 2023 ที่ 89,000-95,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากเดิมที่อยู่ที่ 94,000-100,000 ล้านดอลลาร์

Source

]]>
1417638