Omni-Channel – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 09 Feb 2022 23:46:34 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดเเผนลงทุนเเสนล้านของ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ จับธุรกิจ Wellness ซุ่มนำเเบรนด์เข้า Metaverse https://positioningmag.com/1373206 Wed, 09 Feb 2022 12:10:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373206 ปูทางสู่ค้าปลีกเบอร์หนึ่งเเห่งเอเชีย ‘เซ็นทรัล รีเทล’ กางเเผนทุ่มงบ 1 เเสนล้านบาทใน 5 ปี ขยายการเติบโตทั้งกลุ่มอาหาร แฟชั่น ฮาร์ดไลน์และอสังหาฯ เตรียมสร้างธุรกิจใหม่อย่าง Wellness พร้อมมุ่งพัฒนาเทคโนโลยี เเย้มกำลังทดลองนำเเบรนด์เข้า Metaverse

การเเพร่ระบาดในช่วงโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีกไม่น้อย เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทั้งสาขาในไทย เวียดนาม และอิตาลี

เเต่ในอีกมุมหนึ่ง เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ก็ทำให้ในส่วน ‘ค้าปลีกออนไลน์’ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

‘ญนน์ โภคทรัพย์’ ซีอีโอของ CRC เล่าว่า หลังจากที่บริษัทได้พัฒนาระบบ Omni – Channel มาได้ราว 2 ปี
มีการเติบโตมากกว่า 500% ลูกค้าเข้ามาประมาณ 3 ล้านคนจากฐานลูกค้า 18 ล้านคน “เป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้า เซ็นทรัล รีเทลต้องการเปลี่ยนลูกค้าจาก Single Channel เป็น Omnichannel ให้ได้ 50%”

ที่ผ่านมาพบว่า การซื้อสินค้าผ่าน Omni – Channel มีมากกว่า 2 เท่า เเละใช้จ่ายมากกว่าช่องทางเดียว 5 เท่า ทำให้สัดส่วนรายได้ที่มาจากช่องทางดังกล่าว ณ สิ้นปี 2564 คิดเป็น 20% ของเซ็นทรัล รีเทล เพิ่มจากปี 2563 ที่ 10%

สำหรับแผนงาน 5 ปี (2565-2569) จะเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ ‘CRC Retailligence’ สร้างนวัตกรรมการค้าแห่งยุคอนาคต ผ่านการลงทุนกว่า 100,000 ล้านบาท ขยายการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจทั้งอาหาร แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ ควบรวมและเเตกไลน์ธุรกิจใหม่

งบการลงทุน 1 เเสนล้านนั้น จะเเบ่งเป็น 75% สำหรับการขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม ส่วนอีก 25% จะใช้สำหรับลงทุนเทคโนโลยี

โดยตั้งเป้าผลประกอบการในปี 2569 จะเติบโตในทุกมิติ รายได้เติบโต 2.5 เท่า EBITDA เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า

ทั้งนี้ในไตรมาส 3 ปี 2564 มีรายได้ทั้งสิ้น 136,889 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศไทย 70% เเละต่างประเทศคือ เวียดนาม 20% และอิตาลี 10%

เดินหน้า 4 กลยุทธ์สร้างการเติบโต 

เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น CRC ได้วางยุทธศาสตร์สำคัญไว้ ได้เเก่

  • Reinvent Next-Gen Omni Retail

ยกระดับแพลตฟอร์มออมนิแชนเนล ผ่านการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริง ใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลใหม่ ๆ ทั้งฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี

  • Accelerate Core Leadership

เร่งการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจหลักของเซ็นทรัล รีเทล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

  • Build New Growth Pillars

สร้างธุรกิจใหม่ โดยเริ่มจากกลุ่ม wellness รวมถึงเซ็กเมนต์อื่น ๆ ที่เป็นไปตามเทรนด์ของโลก และความต้องการของผู้บริโภค

  • Drive Partnership, Acquisition and Spin Off

ขยายธุรกิจภายใต้แนวคิด Inclusive Growth สร้างความสำเร็จร่วมกันกับพาร์ตเนอร์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

สรุป 5 เทรนด์ธุรกิจค้าปลีก

สำหรับเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค เเละสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โลกปัจจุบัน คือ

A New Consumer Paradigm: พฤติกรรมของผู้บริโภคจะพลิกไปสู่รูปแบบใหม่ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนจริง ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิมอย่างสิ้นเชิงและรวดเร็ว

Scaling in the Era of Digital Acceleration : โลกจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีและดิจิทัลเป็นตัวเร่ง

The Future of Wellness : ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตให้ถูกสุขลักษณะ โดยจะมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวเชื่อม ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตได้ครบวงจร

Partnership for Inclusive Growth : การร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจจะมุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จและการเติบโตไปด้วยกัน
 
Sustainability Agenda for All : การมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสังคมและดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญของทุกคนและทุกภาคส่วน

‘ตรึงราคาสินค้า’ รับปัญหาของเเพง 

ผู้บริหาร CRC ระบุว่า บริษัทเริ่มมองเห็นสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าปีนี้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

“กำลังซื้อของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มกลางถึงบน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ CRC เเต่กำลังซื้อของผู้บริโภคระดับล่างยังค่อนข้างฝืด เพราะได้รับผลกระทบหนักที่สุด”

โดยมองว่า ภาครัฐควรเร่งผลักดันมาตรการทางเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้มากขึ้น ที่สำคัญต้องสร้าง ‘ความเชื่อใจ’ ให้แก่ผู้บริโภค

สำหรับปัญหาด้านเงินเฟ้อ ค่าครองชีพเเละต้นทุนวัตถุดิบที่เเพงขึ้นในขณะนี้นั้น CRC ในฐานะผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ ได้ร่วมมือกับสมาคมค้าปลีก “พยายามตรึงสินค้าให้ได้มากที่สุด” หาสินค้าบางอย่างมาทดแทน พร้อมหารือกับคู่ค้าและซัพพลายเออร์ถึงวิธีการต้นทุนและราคาขายสินค้าต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถตรึงราคาสินค้าจนถึงสิ้นไตรมาส 1 ดูว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เเล้วจะนำมาพิจารณาเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาสต่อไป 

ทดลองนำเเบรนด์เข้า Metaverse

เมื่อถามถึงโอกาสที่ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ จะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลหรือ คริปโตเคอร์เรนซี เเละจะมีการนำ Stablecoin มาใช้ในอนาคตหรือไม่นั้น

ญนน์ตอบว่า สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเทรนด์ที่หนีไม่พ้น ซึ่งจะต้องมีการบาลานซ์ในด้านการเทคโนโลยีและการใช้ชีวิต ส่วนในเรื่องการนำ Stablecoin มาใช้นั้น หากไม่ขัดกับนโยบายของธนาคารเเห่งประเทศไทย ก็พร้อมจะสนับสนุน แต่หากขัดต่อข้อกฎหมาย บริษัทก็จะไม่ดำเนินงานต่อ ซึ่งปัจจุบันก็มีการพัฒนา C-Coin ใช้ในองค์กรอยู่แล้ว

ด้านกระเเส Metaverse ที่กำลังตื่นตัวในหลายธุรกิจ ผู้บริหาร CRC มองว่า เป็นเทรนด์เเห่งโลกอนาคต ซึ่งทางบริษัทกำลังจะทดลองนำเเบรนด์หนึ่งในเครือเข้าไปอยู่ใน Metaverse เช่นกัน เเต่ขณะนี้ยังเป็นความลับ ซึ่งจะมีเปิดเผยในทราบกันในเร็วๆ นี้

 

]]>
1373206
สยามพิวรรธน์เดินหน้าเคียงข้างคู่ค้า และคนไทย เร่งผลักดันนวัตกรรม พร้อมก้าวไปข้างหน้าในโลกหลังโควิด-19 https://positioningmag.com/1343017 Mon, 19 Jul 2021 12:00:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1343017

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ “ไอคอนสยาม” และ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เดินหน้าเคียงข้างคู่ค้าและคนไทย เร่งผลักดันนวัตกรรม พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 โดยมุ่งเตรียมความพร้อมให้คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และคนไทย

สยามพิวรรธน์ได้ดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ อาทิ การจัดสัมมนาให้ความรู้ในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤต COVID-19 เตรียมพร้อมธุรกิจยุค New Normal” โดยได้รับเกียรติจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย มาให้ความรู้ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อเข้าสู่โลกวิถีใหม่ พร้อมจับมือกับธนาคารกรุงไทย ให้ความช่วยเหลือคู่ค้าของสยามพิวรรธน์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู และสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนสำหรับคู่ค้า การนำแบรนด์ไทยและผู้ประกอบการ SMEs ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรค้าปลีกในหลากหลายประเทศ ตลอดจนเดินหน้านำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกที่จะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจ

ช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและฟื้นฟูเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี พร้อมยังคงให้ความช่วยเหลือคนไทยในทุกมิติภายใต้โครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 16 เดือนที่ผ่านมา

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เผยว่า

“นับตั้งแต่เริ่มมีเหตุการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ รวมทั้งพันธมิตรและคู่ค้าของบริษัทฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างใหญ่หลวงจากการแพร่ระบาดในวงกว้าง และระยะเวลาการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อ จนส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) ทั้งในภาคการผลิตและการให้บริการ เพราะการระบาดนั้นยากที่จะคาดเดา เกิดขึ้นหลายระลอก ทำให้ทุกภาคส่วนต้องเร่งปรับตัวให้ตอบรับกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงให้ได้อย่างรวดเร็ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้พยายามอย่างเต็มกำลังที่จะให้ความช่วยเหลือผู้เช่าร้านค้าและพันธมิตรทางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในทุกวิถีทาง และยังได้ผนึกความร่วมมือตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน รวมไปถึงผู้คนอีกจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานไปถึงด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม”

สยามพิวรรธน์ ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบผ่านโครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” ได้แก่ ‘ไทยช่วยไทย’ ส่งเสริมให้คนไทยช่วยเหลือและสนับสนุนคนไทยด้วยกัน ‘ไทย SAVE ไทย’ สนับสนุนวาระแห่งชาติด้านสาธารณสุข และ ‘ไทยช้อปไทย’ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยและการจับจ่ายใช้สอย

โดย ล่าสุดสยามพิวรรธน์ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือคู่ค้าและพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับเกียรติจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย ร่วมจัดสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤต COVID-19 เตรียมพร้อมธุรกิจยุค New Normal” สำหรับภาคธุรกิจเพื่อเข้าสู่โลกวิถีใหม่

นางกนกลดา ฤกษ์เกษม กรรมการผู้จัดการใหญ่สายพัฒนาธุรกิจและบริหารการเงิน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

“ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สยามพิวรรธน์ได้มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนธุรกิจของคู่ค้าให้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้ร้านค้าผ่านบริการ Call & Shop, Luxury Chat & Shop, Click & Shop และ Ultimate Chat & Shop รวมถึงความร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Robinhood และ True Food เพื่อสนับสนุนธุรกิจอาหารผ่านการขยายช่องทางการจำหน่ายแบบออมนิแชนแนล (Omni-Channel) ที่ผ่านมาเราได้มีการเตรียมมาตรการล่วงหน้าสำหรับคู่ค้าเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ มาโดยตลอด เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่ได้รับเกียรติจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย ร่วมจัดสัมมนาเพื่อให้ข้อมูล และความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการด้านการเงินของคู่ค้าและพันธมิตร อาทิ มาตรการพิเศษเรื่องสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง และทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม เพื่อให้ทุกคนสามารถวางแผนและเตรียมตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ พร้อมจับมือ “ธนาคารกรุงไทย” ให้ความช่วยเหลือคู่ค้าของสยามพิวรรธน์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู และสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ประคับประคองธุรกิจให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้”

แม้ในสถานการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้การค้าขายกับลูกค้าต่างชาติเป็นไปได้ยาก สยามพิวรรธน์ยังคงยึดมั่นในความตั้งใจที่จะผลักดันแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักและสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ จึงได้จับมือพันธมิตรธุรกิจค้าปลีกในหลากหลายประเทศเพื่อนำสินค้าไทยไปเปิดตลาดให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ

นางอุสรา ยงปิยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าปลีก บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

“ในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาได้ทำให้การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลงจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติ สยามพิวรรธน์ ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่มีต่อธุรกิจของคู่ค้า เราจึงได้จับมือกับพันธมิตรธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศเพื่อนำสินค้า SMEs ของไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชมไปขายในแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีศักยภาพ

โดยล่าสุดเราได้มีการคัดเลือกสินค้าหลากหลายประเภทที่โดดเด่นจากร้านในเครือ อาทิร้าน ร้านไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและแหล่งรวมผลงานของช่างฝีมือไทยทั่วประเทศที่ใหญ่ที่สุด พร้อมเชิดชูและสร้างความภาคภูมิใจกับความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดและนำเสนองานหัตถศิลป์ในมุมมองใหม่ที่ใหญ่ที่สุดกว่า 800 แบรนด์ลงบนงานหัตถศิลป์และนวัตศิลป์ของไทย ร้านแอ็บโซลูทสยาม (Absolute Siam Store) ที่นำเสนอสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และของที่ระลึก ในสไตล์ครีเอทีฟป๊อป คัลเจอร์ จากดีไซเนอร์และนักออกแบบไทยชั้นนำ กว่า 150 แบรนด์ ร้านอีโค่โทเปีย (Ecotopia) ที่นำเสนอสินค้ารักษ์โลกคิดค้นโดยคนไทย ที่ตรงกระแสใส่ใจสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนที่จะนำไปวางจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ที่ประเทศจีน มาเลเซีย เวียดนาม และอีกหลายประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีกำลังซื้อสูง”

นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ยังได้เตรียมการที่จะนำเสนอสินค้าและประสบการณ์ที่แปลกใหม่เป็นครั้งแรก        จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ที่จะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นางแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขายและธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า

“สยามพิวรรธน์ยังคงเชื่อมั่นว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ผู้คนจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ มากกว่าการท่องอยู่บนโลกออนไลน์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสยามพารากอนยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย แบรนด์ลักชัวรี่หลายแบรนด์ได้เผยโฉมคอนเซ็ปต์ใหม่และเปิดป๊อปอัพสโตร์ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ชั้นนำที่มาเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่สยามพารากอน ได่แก่ Tonchin Ramen (ทงชินราเมง) ร้านราเมนชื่อดังจากมหานครนิวยอร์กการันตีความอร่อยด้วยรางวัล Michelin Bib Gourmands 2019, Bang & Olufsen แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำของโลก และ Maison Kitsune x Café Kitsune แบรนด์เสื้อผ้า และคาเฟ่ที่ผสานปารีสและโตเกียวไว้เป็นหนึ่ง นอกจากนี้ KIKO Milano แบรนด์เครื่องสำอางค์ชั้นนำจากอิตาลี ที่มีชื่อเสียงจากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางล้ำสมัย และผลิตภัณฑ์บำรุงหน้าและผิวกาย ได้เปิดตัวเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ณ สยามเซ็นเตอร์ การเปิดตัว Mega Harbourland สนามเด็กเล่นในร่ม รวมทั้ง Great Wall Motors บริษัทผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริดจากประเทศจีนที่จะมาเปิด Experience Center บนพื้นที่กว่า 1,600 ตารางเมตร ณ ไอคอนสยาม”

นางชฎาทิพ กล่าวปิดท้าย “สยามพิวรรธน์ ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงการ และยังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์บนโลกออนไลน์กับโลกออฟไลน์ให้กับลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ ภายใต้ ดีเอ็นเอ การดำเนินธุรกิจในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง แต่ตรงใจ จนทำให้ได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้เช่า และพันธมิตรทางธุรกิจ สยามพิวรรธน์พร้อมเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลโดยการนำ Data-Powered Marketing เพื่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ลึกขึ้น มาช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น พร้อมที่จะมาสร้างเป็นแพลตฟอร์มใหม่ ตอบโจทย์ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้คนจากทั่วโลก ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดในโลกที่ได้สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอันมีความหมายและน่าจดจำ”

]]>
1343017