Shinkanzen Sushi – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 02 Jul 2025 13:32:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 6 นักธุรกิจรุ่นใหม่ ปั้นธุรกิจติดสปีด กวาดรายได้หลัก 100-1,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1528624 Wed, 02 Jul 2025 10:12:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1528624 ในโลกธุรกิจ เรามักจะคุ้นชินกับการเห็น “ผู้บริหาร” ที่ประสบความสำเร็จในวัยกลางคนเป็นต้นไป แต่ในปัจจุบันเริ่มมี ”นักธุรกิจรุ่นใหม่“ อายุน้อยกว่า 35 ปี ขับเคลื่อนองค์กรโดยทำรายได้ทะลุหลัก 100-1,000 ล้านบาท มากขึ้น

สั่งสมประสบการณ์แต่เด็ก กล้าที่จะแตกต่าง

หนึ่งในชื่อที่ถูกหยิบยกเรื่องการประสบความสำเร็จแต่เด็ก และทำแบรนด์ได้แมสทั่วไทย คือ “คุณเฟิร์น – นัทธมน พิศาลกิจวนิช“ เจ้าของร้านสุกี้ตี๋น้อย

ในวัยเด็ก คุณเฟิร์นคลุกคลีกับธุรกิจร้านอาหารของครอบครัว สิ่งนี้ช่วยบ่มเพาะประสบการณ์และซึมซับระบบร้านอาหาร และทำให้สนใจในธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก

ส่วน “สุกี้ตี๋น้อย” เกิดจากคุณเฟิร์นมองเห็นโอกาสในตลาดสุกี้บุฟเฟต์ ยังไม่มีร้านที่ทำราคาเข้าถึงง่าย และคุณภาพดี จึงปิ๊งไอเดียสร้างความแตกต่าง เหนือคู่แข่งด้วยจุดนี้

ขณะที่ทำเลร้านที่มักเลือกจุดที่มีที่จอดรถเยอะ และมีการเปิดร้านยันตีสาม ผนวกกับราคาเข้าถึงง่ายเพียง 219 บาท แต่คุณภาพอาหาร-เมนูหลากหลาย ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า เกิดการบอกต่อจนร้านติดกระแส จนรายได้เติบโตทุกปี

เฟิร์น สุกี้ตี๋น้อย
เฟิร์น – นัทธมน พิศาลกิจวนิช

ปี 2563

  • รายได้ 1,223 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 140 ล้านบาท

ปี 2564

  • รายได้ 1,572 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 147 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้ 3,976 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 591 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 5,262 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 907 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้ 7,075 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 1,168 ล้านบาท

จากนักศึกษา ขายซูชิชิ้นละ 10 บาท สู่นักธุรกิจพันล้าน

จากจุดเริ่มต้นอยากริเริ่มธุรกิจในวัยเรียน “คุณชาร์ป – ชนวีร์ หอมเตย” นักศึกษาปีที่ 3 ในขณะนั้น ได้ลงขันกับ “คุณมิ้ง – ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล” หลักแสนบาท เปิดร้านซูชิคุณภาพดี ชื่อ Shinkanzen Sushi ในราคาเริ่มต้นคำละ 10 บาท (ราคา ณ ช่วงเวลานั้น) หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

จากการสังเกตเห็นว่า สมัยนั้นไม่มีร้านซูชิคุณภาพดีทำเลมหาวิทยาลัย หากอยากกินต้องไปถึงห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ก่อนขยายไปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจาะกลุ่มลูกค้านักศึกษาเป็นหลัก แต่พบเพนต์พอยต์สำคัญ แม้จะขายดี แต่ช่วงปิดเทอมยอดขายตกฮวบ

จุดเปลี่ยน คือ การเปิดสาขายูเนี่ยนมอลล์ ได้กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน และกลุ่มครอบครัวเพิ่ม ทำให้การเปิดสาขาถัดไปไม่จำเป็นต้องยึดหัวหาดทำเลมหาวิทยาลัยต่อไป จึงเริ่มเปิดสาขากลางเมือง สยามสแควร์ จนมีมากกว่า 60 สาขาในปัจจุบัน ส่งผลให้ยอดขายร้านเติบโตต่อเนื่อง

ชาร์ป ชนวีร์ หอมเตย Shinkanzen Sushi

ปี 2565

  • รายได้ 797 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 63 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 1,414 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 116 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้ 2,137 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 226 ล้านบาท

 

จากพ่อค้ากางเกง เงินทุน 8,000 บาท สู่ “ยืดเปล่า” เสื้อยืดรายได้ 800 ล้านบาท

“คุณตอน – ทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว” เจ้าของแบรนด์เสื้อยืด “ยืดเปล่า” เป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจดาวรุ่งรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้มีต้นทุนตั้งแต่ต้น และต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน จนริเริ่มการค้าขายตั้งแต่อายุ 19 ปี

โดยเงินทุนก้อนแรก 8,000 บาท ใช้ลงทุนซื้อกางเกงบ็อกเซอร์และกางเกงขาสั้น จากโรงเกลือมาขายที่หน้า ม.รามคำแหง แรก ๆ ขายได้วันไม่กี่ร้อยบาท จนไต่มาเป็นวันละ 1,000 บาท

นำไปสู่การย้ายมาเช่าเปิดหน้าร้านที่ตลาดนัดจตุจักร เริ่มทำแบรนด์กางเกงบ็อกเซอร์ “Richesboxer” ก่อนรีแบรนด์เป็น “ทุกตอน” แต่เจอคนอ่านไม่ออกจึงเปลี่ยนเป็น “บ๊อกปะ” จากวลีที่ลูกค้าชอบถามกันว่า ‘เอาบ๊อกปะ’ แต่ท้ายสุดตลาดกางเกงบ็อกเซอร์ก็เข้าสู่จุดอิ่มตัว

ทำให้คุณตอน เริ่มเข้าสู่ธุรกิจเสื้อยืด โดยทำแบรนด์แรกชื่อ “Riccop” ต่อมาจึงสร้างแบรนด์ใหม่ชื่อ “ยืดเปล่า” (YUEDPAO) ในสโลแกน ‘ยืดเปล่า ยังง๊ายก็ไม่ย้วย’ เน้นขายเสื้อยืดผลิตจากผ้า Cotton ผสม Polyester ซึ่งมีคุณสมบัติยับยาก สวมใส่สบาย สะดวก ผ้าอยู่ทรงไม่ต้องรีด ในราคาเริ่มต้นเพียง 100 บาท ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนบวกกับราคาเข้าถึงง่าย ทำให้แบรนด์ขยายตัวต่อเนื่อง

ตอน – ทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว เจ้าของยืดเปล่า

ปี 2563

  • รายได้ 117 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 1.7 ล้านบาท

ปี 2564

  • รายได้ 218 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 1.8 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้ 506 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 18 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 802 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ 74 ล้านบาท

 

นักแสดงที่ชอบรับบทนักธุรกิจร้อยล้าน กับบทบาท ”เถ้าแก่น้อย“ ในชีวิตจริง

เราอาจคุ้นเคยกับ “คุณพีช – พชร จิราธิวัฒน์” ในฐานะทายาทตระกูลดังเจ้าของอาณาจักรเซ็นทรัล หรือกระทั่งในบทบาทนักแสดง ที่มักจะได้บทคนรวย/นักธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ‘ต๊อบ – วัยรุ่นพันล้าน‘ หรือเรื่องล่าสุด ‘เคน ซีอีโออีซี่เอ็กซ์เพลส – สงครามส่งด่วน‘

แต่ในชีวิตจริง คุณพีช ก็เป็นเถ้าแก่น้อย ผ่านการเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นหนึ่งใน คณะกรรมการบริษัท ร็อคส์ พีซี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือแฟรนไชส์ Potato Corner จากฟิลิปปินส์มาเปิดในประเทศไทย

Potato Corner โด่งดังได้จากการปรับรสชาติ (R&D) เข้ากับรสนิยมคนไทย ทำเลที่ตั้งในศูนย์การค้าใหญ่ ย่าน ทราฟฟิกและกำลังซื้อสูง แต่ใช้พื้นที่ไม่มาก และมีราคาเหมาะสมไม่แพงจนเกินไป บวกกับการตลาดที่ได้คุณพีช    เข้ามาช่วย ทำให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันรายได้โปเตโต้คอนเนอร์ ยังคงเติบโตเรื่อย ๆ

ปี 2563

  • รายได้รวม 414 ล้านบาท
  • กำไร 34 ล้านบาท

ปี 2564

  • รายได้รวม 414 ล้านบาท
  • กำไร 1.71 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้รวม 568 ล้านบาท
  • กำไร 25 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้รวม 652 ล้านบาท
  • กำไร 37 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้รวม 790 ล้านบาท
  • กำไร 62 ล้านบาท

นักธุรกิจ Gen Z จากเคยขาดทุนเพราะอีโก้ สู่แบรนด์บิวตี้ขวัญใจวัยรุ่น

เส้นทางชีวิตของ “คุณไอติม – เอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์“ เจ้าของแบรนด์ LA GLACE สร้างชื่อจากการเป็นเน็ตไอดอลทำคอนเทนต์ด้านความงาม รีวิว และชีวิตประจำวันทั่วไป ในชื่อ ‘ไอติมเบบี้’ (ITIM.BAEBIE)

กระทั่งในวัยมหาวิทยาลัย คุณไอติม อยากหารายได้พิเศษ จึงริเริ่มทำธุรกิจในสิ่งที่ตนเองถนัด คือ “ธุรกิจความงาม“ ผ่านการทำเบสโทนอัพ ขยายมาสู่สบู่ไข่ คลีนซิ่ง และโทนเนอร์

จุดเปลี่ยนและบทเรียนสำคัญ มาช่วงอายุ 23 ปี กำลังไฟแรง ช่วงนั้นสินค้าอะไรก็ขายดี เรียกได้ว่ามีอีโก้เต็มถัง จึงนำเงินทุกบาททุกสตางค์ขยายไลน์สินค้าสู่ ลิปสติก แต่ถูกโรงงานจีนยัดไส้สินค้า ทำให้ไม่สามารถขายได้เลย ส่งผลให้ขาดทุนครั้งใหญ่ 20 ล้านบาท ทำให้ต้องขายรถ และทำกระทั่งขายเสื้อผ้ามือสอง ขายกระเป๋าหลักร้อย และบวกกับโดนดราม่าในโซเชียลมีเดีย เรื่องขายสินค้าแพง และใช้งานยาก จนทำให้คุณไอติมเคยคิดอยากเลิกทำแบรนด์บิวตี้

ทว่าเธอไม่อยากให้สิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ต้องติดตัวไปตลอดชีวิต จึงค่อย ๆ แก้ไขความผิดพลาด และพิสูจน์ตัวเอง พร้อมเดินหน้าแบรนด์ LA GLACE ต่อ จนในที่สุดแบรนด์ก็ติดตลาด ด้วยสินค้าสร้างชื่ออย่าง บลัชดำ และ TONER PADS ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

“คุณไอติม – เอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์“ เจ้าของแบรนด์ LA GLACE

ปี 2565

  • รายได้ 39 ล้านบาท
  • กำไร 1.65 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้ 401 ล้านบาท
  • กำไร 108 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้ 420 ล้านบาท
  • กำไร 37 ล้านบาท

Love Potion แบรนด์ที่ปังด้วยโซเชียล

จุดเริ่มต้นของ “คุณก้าด – ณัฐชยานันท์ สุขวัฒนาพร” หรือ ซ้อก้าด เจ้าของแบรนด์ Love Potion ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ เริ่มต้นด้วยการติดลบจากครอบครัวประสบปัญหาธุรกิจจนล้มละลาย และคุณก้าดต้องหารายได้ตั้งแต่สมัยเรียน โดยเริ่มจากการขายเคสมือถือที่รับมาจากสนามเสือป่า

แต่ด้วยความชื่นชอบด้านความงามและการดูแลตัวเอง จึงได้ก่อตั้งแบรนด์ Love Potion ขึ้นในปี 2557 มีสินค้าตัวแรกเป็นสบู่ Grape Soap ก่อนจะขยายไลน์สินค้าสู่เซรั่ม ลิปออย น้ำหอม และชาเขียว

กลยุทธ์ที่ทำให้ Love Potion ติดตลาด ส่วนหนึ่งมาจาก ซ้อก้าดใช้ตัวเองเป็น Personal Branding อย่างเต็มตัว ขณะที่คอนเทนต์มีทั้งกิจวัตรประจำวัน การแต่งตัวแฟชั่น รวมไปถึงการพรีเซนต์สินค้าด้วยตนเอง ทั้งลิป ออย บลัช น้ำหอม

ประกอบกับ การตลาดที่ไม่เหมือนใคร สร้างกระแสและเป็นไวรัลบ่อยครั้ง เช่น การไลฟ์สดขายสินค้าราคาถูก 5 บาท 10 บาท หรือการเลือก ‘พี่กร ไม้กวาด’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์น้ำหอม ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์ทั่วไปที่มักใช้คนดัง ทำให้เกิดคำถามและกระแสพูดถึงอย่างมาก การเลือกพรีเซ็นเตอร์ด้วยความจริงใจนี้ทำให้สินค้าน้ำหอมขายหมดใน 11 วินาที ทำให้ Love Potion มีการเติบโตของรายได้และกำไรแบบก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ซ้อก้าด love potion
“คุณก้าด – ณัฐชยานันท์ สุขวัฒนาพร” เจ้าของแบรนด์ Love Potion

ปี 2563

  • รายได้รวม 7.5 ล้านบาท
  • กำไร 4,795 บาท

ปี 2564

  • รายได้รวม 12 ล้านบาท
  • กำไร 1.06 ล้านบาท

ปี 2565

  • รายได้รวม 55 ล้านบาท
  • กำไร 14 ล้านบาท

ปี 2566

  • รายได้รวม 154 ล้านบาท
  • กำไร 34 ล้านบาท

ปี 2567

  • รายได้รวม 454 ล้านบาท
  • กำไร 84 ล้านบาท
]]>
1528624
Shinkanzen Sushi ร้านซูชิ 10 บาท สู่รายได้พันล้าน เริ่มจากนักศึกษาปี 3 ลงทุน 2 แสน https://positioningmag.com/1424203 Tue, 21 Mar 2023 06:57:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1424203
  • Shinkanzen Sushi (ชินคันเซ็น ซูชิ) ร้านซูชิ 10 บาท ราคาย่อมเยา เกิดจากแพชชั่นของ 2 หนุ่มบัญชีผู้อยากร้านอาหารเป็นของตัวเองตั้งแต่เรียนชั้นปี 3 เปิดร้านแรกในปี 2557 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
  • แรกเริ่มมองกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนิสิต นักศึกษา เน้นขยายสาขาตามมหาวิทยาลัย ก่อนจะเข้าศูนย์การค้า และเพิ่งเข้ามาอยู่ในครอบครัวของ CRG (Central Restaurant Group)
  • สามารถปิดรายได้พันล้านบาท มองเป้าหมายต่อไปสู่รายได้ 2,000 ล้าน และอยากพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
  • ลงทุนแรก 2 แสนบาท เรียนคอร์สปั้นซูชิอีก 2,000 บาท

    ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าในทุกเซ็กเมนต์ทั้งซูชิ ราเมน ชาบู หรือระดับพรีเมียมอย่างโอมากาเสะก็เป็นเทรนด์ยอดนิยมในขณะนี้ด้วยเช่นกัน แต่หนึ่งในตลาดที่นิยมตลอดกาลคงหนีไม่พ้น “ซูชิ” ในประเทศไทยเองก็กวาดครบทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่ร้านตามตลาดนัด ร้านแมสระดับกลาง และระดับพรีเมียม

    สำหรับร้านระดับแมสมีหลากหลายแบรนด์ในตลาด หนึ่งในนั้นก็คือ Shinkanzen Sushi เปิดร้านแรกเมื่อปี 2557 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต วางจุดยืนเป็นร้านซูชิราคาย่อมเยา เข้าถึงง่าย สบายกระเป๋านักศึกษา ราคาเริ่มต้น 10 บาท (ตอนนี้ปรับเป็น 11 บาทแล้ว)

    Shinkanzen Sushi

    Shinkanzen Sushi เกิดจากผู้ก่อตั้ง 2 คน “ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล” และ “ชนวีร์ หอมเตย” หนุ่มคณะบัญชี ม.ธรรมศาสตร์ ในขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นปี 3 มีความคิดริเริ่มอยากทำร้านอาหาร และมองว่าบริเวณมหาวิทยาลัยหาอาหารญี่ปุ่นทานยาก ต้องเข้าไปในเมือง หรือต้องไปฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

    จึงอยากทำร้านอาหารญี่ปุ่นในราคาไม่แพง สะอาด เริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ด้านหน้ามหาวิทยาลัย พื้นที่ 30 ตารางเมตร มี 5 โต๊ะ เริ่มลงทุนก้อนแรกคนละ 100,000 บาท และไปเข้าคอร์สเรียนปั้นซูชิอีกคนละ 1,000 บาท ใช้เวลาในการคิดน้อยมาก ไม่มี Business Plan ในหัวมากมาย

    ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด เริ่มเล่าว่า

    “ตอนนั้นทีเริ่มตัดสินใจทำร้านอาหารใช้เวลาคิดกันแค่ 2 เดือนเท่านั้น เลือกราคา 10 บาท เพราะเข้าถึงได้ง่าย ราคาแพงกว่าตลาดนัดนิดหน่อย แต่มีคุณภาพดีกว่า ในช่วงแรกแทบไม่ค่อยเข้าเรียน ต้องซื้อของเข้าร้าน ปั้นซูชิเอง ส่วนที่ใช้ชื่อชินคันเซ็น ซูชิ เพราะอยากได้คำภาษาญี่ปุ่น และเป็นคำที่ทุกคนเข้าใจง่าย นึกถึงญี่ปุ่นได้ เลยเป็นคำนี้”

    Shinkanzen Sushi

    หลังจากเปิดสาขาแรกไม่นานก็ได้รับผลตอบรับดี ปีต่อมาจึงเปิดเป็น บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด ทำธุรกิจอย่างเต็มตัว และปี 2559 ขยายสาขาที่ 2 ที่ ม.กรุงเทพ และสาขาที่ 3 ที่ ม.เกษตรศาสตร์ เริ่มจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มนิสิต นักศึกษาเป็นหลักก่อน

    จุดเปลี่ยนที่สำคัญในปี 2560 เป็นการขยายสาขาเข้าศูนย์การค้าเป็นครั้งแรกที่ “ยูเนียนมอลล์” เป็นใบเบิกทางทำให้ร้านแมสขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น ในปี 2561 มีรายได้สู่ 100 ล้านบาทแรกเป็นที่เรียบร้อย

    ต่อมาในปี 2562 เริ่มแตกไลน์ Shinkanzen Omakase ซูชิระดับพรีเมียมราคาตั้งแต่หัวละ 999-3,000 บาท++ จนในปี 2565 ที่ผ่านมาเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง การร่วมทุนกับ CRG เข้าลงทุน 51% ในเดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป และมีรายได้สู่ 1,000 ล้านบาท

    Shinkanzen Sushi

    9 ปี ปั้นรายได้พันล้าน ภายใต้ชายคา CRG

    เมื่อเดือน พ.ค. 2565 CRG ได้ประกาศจับมือ Shinkanzen Sushi เข้าร่วมทุน 51% เข้าเป็นหนึ่งในครอบครัว CRG เป็นที่เรียบร้อย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา CRG ได้เดินเกมในการ M&A แบรนด์ร้านอาหารเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ และเติมพอร์ตให้ครบเครื่องยิ่งขึ้น

    ก่อนหน้านี้ได้ร่วมทุนกับสลัดแฟคทอรี่, บราวน์  และส้มตำนัว มาแล้ว จนล่าสุดกับ Shinkanzen Sushi เป็นการเติมพอร์ตกลุ่มร้านอาหารซูชิ ถึงแม้ CRG จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นในหลายเซ็กเมนต์ ทั้งอาหารเซต, ราเมน, ทงคัตซึ และข้าวหน้าต่างๆ แต่ยังขาดร้านซูชิแบบเพียวๆ อีกทั้งยังเป็นร้านในระดับแมสอีกด้วย

    ในปี 2565 ที่ผ่านมา Shinkanzen Sushi สามารถทำรายได้ถึง 1,200 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย มีการเติบโต 57% ได้ขยายสาขาเพ่ม 9 สาขา ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 1,500 ล้านบาท มีการเติบโต 25% และขยายอีก 8 สาขา

    หลังจากร่วมทุนกันครั้งนี้ มีการตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าภายใน 3 ปีจะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท และมีสาขารวม 60-70 สาขา จากที่ปัจจุบันมี 44 สาขา รวมไปถึงอยากบุกตลาดต่างประเทศ จากแผนของ CRG ในปีนี้ มองว่าตลาดเวียดนามมีความน่าสนใจ และมีโอกาสมากที่สุด

    แตกไลน์ “นักล่าหมูกระทะ”

    แม้จะเริ่มต้นธุรกิจด้วยร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาหารญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว ล่าสุดได้เปิดแบรนด์ใหม่ “นักล่าหมูกระทะ” จับเทรนด์คนไทยชอบกินหมูกระทะ วางจุดยืนเป็นร้านหมูกระทะติดแอร์ สะอาด มีที่ดูดควัน ไม่ต้องกลัวตัวเหม็น ราคาเริ่มต้น 279 บาท และบุฟเฟต์ผักได้ฟรี

    “ที่เราเปิดนักล่าหมูกระทะ เพราะมองเห็นว่าคนไทยชอบกินหมูกระทะกันมาก และ Pain Point อยู่ที่ร้านส่วนใหญ่จะอยู่นอกศูนย์การค้า เป็น Open Air อากาศร้อนหลายคนไม่อยากไปทานระหว่างวัน เพราะกลัวเสื้อเหม็น หัวเหม็น เลยทำให้หมูกระทะอยูในศูนย์การค้า ห้องแอร์ มีที่ดูดควัน และจากที่ลองไปต่างประเทศ ก็พบว่าหลายประเทศรู้จักหมูกระทะของไทย เป็นโอกาสที่ดีที่จะขยายแบรนด์ไปต่างประเทศได้”

    นักล่าหมูกระทะเปิดสาแรกที่ศูนย์การค้า MBK ในปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 4 สาขา เน้นที่หัวเมืองหลักในกรุงเทพฯ อย่างรังสิต, บางนา, บางแค และพระรามสอง

    ถ้าถามว่าเป้าหมายสำคัญของ Shinkanzen Sushi คืออะไร ศุภณัฐบอกว่า ถึงจุดหนึ่งอยากให้แบรนด์ Spin Off แล้วเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าตอนนั้นบริษัทจะต้องมีรายได้ 3,000 ล้านบาท พร้อมกับความฝันว่าอยากให้มี Shinkanzen Sushi ครบทุกจังหวัดให้ได้

    ]]>
    1424203